พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หรือ บิ๊กตู่ โพสต์เฟสบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2565 ถึงพี่น้องประชาชนที่รักของท่านทุกคน
เนื้อหาใจความก็เป็นข้อมูลการแก้ปัญหาการระบาดของโควิดและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปี 2564 ที่ผ่านมา รวมถึงสิ่งที่รัฐบาลบิ๊กตู่จะทำในปี 2565 ซึ่งหากพิเคราะห์เนื้อหาใจความพบว่า เป็นการสื่อสารข้อมูลการแก้ปัญหาโควิดและเศรษฐกิจในด้านมุมที่ดีจนอาจมีความคลาดเคลื่อน ทำให้ประชาชนที่ได้รับการสื่อสารนำไปตัดสินใจดำเนินการตัดสินใจผิดพลาด
หากลองแยกเป็นหัวข้อสำคัญที่ บิ๊กตู่ พยายามสื่อสารข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ประกอบด้วย
1. ในปี 2564 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาโควิด รวมทั้งปัญหาอื่นๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการจำเป็นต้องปิดประเทศ
ข้อมูลดังกล่าวไม่น่าจะมีใครคัดค้านว่าบิ๊กตู่พูดได้ถูกต้อง
2. บิ๊กตู่ บอกว่า ได้สั่งการและติดตามการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานาน โดยเฉพาะการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดในยามวิกฤต และสามารถคลี่คลายหลายปัญหาให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เช่นในเรื่องดังต่อไปนี้
2.1 การจัดการปัญหาโควิด รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้ตามเป้าหมาย และฉีดวัคซีนฟรีให้ประชาชนได้มากกว่า 100 ล้านโดส ทำให้ไทยคุมการแพร่ระบาด ลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลงได้ จนสามารถเปิดประเทศ เปิดกิจการและกิจกรรมต่างๆ ให้พี่น้องประชาชนได้กลับไปทำงาน เปิดร้านค้าและธุรกิจต่างๆ ได้บนมาตรการความปลอดภัย
ประเด็นนี้ มีหลายเรื่องต้องดูไส้ใน การฉีดวัคซีนได้ 100 ล้านโดสนั้น เป็นการฉีกแค่เข็มแรก 51 ล้านคน เข้มสอง 46 ล้านคน และเข็มสาม 7 ล้านคน ซึ่งการระบาดของโควิดโอมิครอน มีการพูดกันถึงต้องฉีดเข็ม 3 และ 4 ถึงจะเอาอยู่
ประเด็นต่อมา ลดยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต ซึ่งจริง คือ ลดยอดการติดเชื่อหลักวันละหมื่นคนเหลือพันคน และเสียชีวิตจากวันละร้อยคน เป็นหลักสิบคน ซึ่งต่ำมากพอจนน่าพอใจแล้วใช่ไช่หรือไม่
ประเด็นสุดท้าย ทำผู้ประกอบการเปิดกิจการ และพี่น้องกลับไปทำงานได้ แต่วันนี้หลังจากกลับฉลองปีใหม่รัฐบาลนั่งทำงานที่บ้าน พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้ประชาชนทำงานที่บ้าน 14 วัน เพื่อเป็นการหยุดการแพร่เชื้อโควิดโอมิครอนที่กระจายอย่างรวดเร็ว
2.2 ผลจากการเปิดประเทศ ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นกว่าเดิม เศรษฐกิจไทยจะพร้อมกลับมาทะยานอีกครั้งในปี 2565 ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
หัวข้อนี้ ต้องบอกว่า รัฐบาลบิ๊กตู่ให้ความหวังไปไกล รัฐบาลเปิดประเทศได้เมื่อน 1 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา และก็สั่งปิดเมื่อ 16 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดประเทศได้แค่เดือนนิดไม่น่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจปี 2564 สูงขึ้นกว่าเดิม เป็นเรื่องจริง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจปี 2564 จะขยายตัวได้ 0.9% เทียบกับปี 2563 ที่ขยายตัวติดลบ 6.1%
ขณะที่บิ๊กตู่บอกว่า เศรษฐกิจไทยจะพร้อมกลับมาทะยานอีกครั้งในปี 2565 ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อันนี้จะเชื่อมั่นได้อย่างไร ท่ามกลางโอมิครอนระบาดหนักจนต้องขอให้อยู่บ้านเพื่อชาติกันรอบใหม่ และยังไม่รู้ว่ารัฐบาลบิ๊กตู่จะคุมการระบาดได้ไหม ดังนั้นเศรษฐกิจปี 2565 จะกลับมาทยานแบบแข็งแกร่งจึงเป็นเรื่องที่หวังได้ยาก
2.3 โครงการคนละครึ่ง ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษากำลังซื้อในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์จริง ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรายย่อย เฉพาะเฟส 3 มียอดการใช้จ่ายสะสมกว่า 2 แสนล้านบาท และพร้อมขยายผลเฟส 4 ในช่วงเดือน มี.ค.- เม.ย. 65
สำหรับโครงการคนละครึ่ง ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลบิ๊กตู่ คนชอบโครงการนี้กันทั้งประเทศ แต่โครงการนี้ก็ต้องแนกกับเงินกู้ไปนับแสนล้านบาทที่รัฐบาลบิ๊กตู่ไม่ได้บอก และในเฟส 4 ก็ต้องใช้เงินกู้อีกหลายหมื่นล้านบาทเช่นกัน
2.4 รัฐบาลได้ออกโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ช่วย SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ถึง 2.4 แสนล้านบาท นอกจากจะรักษาระดับการจ้างงานแล้ว ยังสร้างการจ้างงานใหม่ได้มากกว่า 2.65 ล้านตำแหน่ง
การนับว่าช่วยให้ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ถึง 2.4 แสนล้านบาท เป็นเรื่องการนับแบบเหมาเข่งกันได้ แต่ตัวเลขการจ้างงานใหม่ 2.65 ล้านตำแหน่ง ดูเป็นตัวเลขที่ย้อนแย้งกับหลายหน่วยงานที่ประเมินว่ายังมีผู้ตกงานจำนวนมากจากการระบาดของโควิด 2 ปีที่ผ่านมา และจะตกมากขึ้นไปอีกจากการระบาดของโอมิครอนรอบใหม่
2.5 รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สามารถช่วยเหลือชาวนาไทยได้ 4.7 ล้านครัวเรือน เป็นเงินมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท
ข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แต่ที่บิ๊กตู่ไม่ได้บอกคือเงินที่นำมาแจกเกษตรกร เป็นเงินที่ต้องไปขอกู้จากแบงก์รัฐมาจ่ายไปพลางก่อนจนเต็มวงเงินที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 30% ของงบประมาณ คือ ไปยืมเงินรัฐมาใช้จนเต็มเพดาน 9.3 แสนล้านบาท จนต้องแก้กฎหมายขยายเพดานเพิ่มขึ้นเป็น 35% ของงบประมาณ เพื่อให้ช่องไปกู้เงินแบงก์รัฐมาจ่ายประกันชาวนาต่อได้
3. บิ๊กตู่บอกว่า ปัญหาใหญ่ที่ผมยอมรับว่าทำให้ผมกังวลใจ และเป็นห่วงพี่น้องที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก นั่นคือ "ปัญหาหนี้สินครัวเรือน" โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพข้าราชการครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการโดยด่วนตามแนวทางที่ได้วางไว้ ทั้งการยุบยอดหนี้ การปรับลดค่าธรรมเนียม ปรับปรุงระบบการตัดเงินเดือน การพักชำระหนี้ การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น โดยควรที่จะมีเงินหลือใช้ไม่ต่ำกว่า 30% ของเงินเดือน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บิ๊กตู่จะกังวลอย่างมากกลับหนี้ครัวเรือน เพราะสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ยังเป็นห่วงหนี้ครัวเรือนพ่นพิษเศรษฐกิจไทย โดยไตรมาสสอง ปี 2564 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 14.27 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.0% จากร้อย 4.7%ในไตรมาสก่อน หรือคิดเป็นสัดส่วน 89.3% ต่อ GDP ที่หนี้เป็นห่วงคือหนี้ครัวเรือนเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นอีกด้วย
4. บิ๊กตู่ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลให้ประเทศไทยมีแต่ความสงบสุข ร่มเย็น พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ประสบพบเจอกับสิ่งที่ดีตลอดทั้งปี ปลอดโรค ปลอดภัย เปี่ยมพร้อมไปด้วยแรงกายแรงใจ ในการช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าตามเป้าหมาย ในปีใหม่ 2565
ข้อนี้น่าจะทำให้ประชาชนมีกำลังใจมากที่สุดจากข้อความทั้งหมดที่บิ๊กตู่พยายามสื่อสารออกมาครั้งนี้ เพราะการพึ่งรัฐบาลบิ๊กตู่พาให้รอดพ้นจากวิกฤตครั้งดูเลือนลางและเสี่ยงหลงทางแย่กว่าเดิม ทำให้ตอนนี้การพึ่งสิ่งศักดิ์ ทำให้ประชาชนมีขวัญและกำลังใจมากขึ้น
บิ๊กตู่ส่งสัญญาณศก.คลาดเคลื่อน สวนทางโอมิครอนระบาดหนัก - โพสต์ทูเดย์
Read More
No comments:
Post a Comment