ทำไมการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.แค่ 3 คน ในสามจังหวัด จึงกลายเป็นข่าวรายวัน ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและประชาชนทั่วประเทศ ไม่แพ้การเลือกตั้งใหญ่ ที่เป็นการเลือก ส.ส.ทั้งสภา 500 คน คำตอบก็คือ การเลือกตั้งซ่อม เป็นศึกของศักดิ์ศรี เป็นการวัดคะแนนนิยมของพรรค การเมือง ที่อาจกระทบการเลือกตั้งใหญ่
ส.ส.พรรคก้าวไกลคนหนึ่ง ซึ่งไปช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงที่จังหวัดสงขลา เขต 6 เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเดินทางไปตรวจราชการที่นั่น มีการเกณฑ์คนไปต้อนรับ โดยอ้างว่าไปตรวจความคืบหน้าการแก้ปัญหาไฟใต้
แต่น่าสงสัยว่าทำไมโครงการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีแค่ในเขตเลือกตั้ง ไม่รู้ว่ามาเพื่องานราชการจริง หรืองานของพรรคกันแน่ ขณะเดียวกัน โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็แสดงความกังวลเรื่องอำนาจรัฐ ก้าวก่ายการเลือกตั้งที่สงขลา และขอให้นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งให้บรรดาข้าราชการถอยห่างออกไป
แม้แต่การเลือกตั้งซ่อมที่เขต 9 กทม. ก็มีผู้สมัครบางคนเป็นห่วงเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง และการรวมกันลงคะแนน ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งซ่อม พรรคต่างๆมักจะถือคติ “แพ้ไม่ได้” แพ้ไม่เป็น ต้องชนะอย่างเดียว ซึ่งเป็นมิจฉาทิฐิหรือความหลงผิด ทางการเมือง เพราะการเลือกตั้งย่อมมีทั้งแพ้และชนะ
โดยเฉพาะการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต มี ส.ส.เขตละคน จะมีผู้ชนะเพียงคนเดียว ผู้สมัครที่เหลือต้องเป็นผู้แพ้ การถือว่าการเลือกตั้งซ่อมแพ้ไม่ได้ ทำให้ต้องทุ่มสรรพกำลัง และกระทำโดยทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะให้ได้ พรรคที่ตกเป็นเป้าหมายได้แก่ พรรคแกนนำรัฐบาล ผู้คุมอำนาจรัฐ คุมงบประมาณและเจ้าหน้าที่รัฐ
กฎหมายเลือกตั้งห้ามเด็ดขาด มิให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการใดๆ เพื่อให้เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรค การเมือง ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี มีคำถามว่า นายกรัฐมนตรี รองนายก รัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องไม่ให้รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่เอื้อการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคใดพรรคหนึ่งโดยเด็ดขาด เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม มิฉะนั้น กกต.อาจถูกร้องเรียนกล่าวหา จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ.
มิจฉาทิฐิทางการเมือง - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment