ส.ส.ปชป. หนุน กม.ลูก สูตร MMP คำนวณ ส.ส.หาร 500 เหมือนเลือกตั้งปี 62 ผ่านบัตร 2 ใบ ชี้ คะแนนไม่ตกน้ำ เปิดทางคนใหม่สู่ถนนการเมือง ป้องกันเผด็จการรัฐสภา ส่งสัญญาณหลายพรรครัฐบาลกลับมาสนใจ
วันนี้ (6 มี.ค.) นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความส่วนตัว ผ่านเพจ Panich Vikitsreth - พนิต วิกิตเศรษฐ์ ระบุว่า การเลือกตั้ง คือ การชี้ชะตาประเทศชาติไปอีก 4 ปีข้างหน้า และนี่คือ ส่วนหนึ่งของกฎหมายลูก ที่กําลังถูกพิจารณาเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป และขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกันพิจารณา เพราะนี่คืออนาคตของพวกเรา
ทางเลือกที่ 1 : ถ้าเราหารเฉลี่ยด้วยตัวเลข 500 จากบัตรเลือกตั้ง 37 ล้านใบ โดยใช้สูตรคำนวณแบบ จัดสรรปันส่วนผสม หรือ MMP เพื่อหาจำนวน ส.ส.พึ่งมี ของแต่ละพรรค ขณะเดียวกัน จำนวน ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะมีความเหมาะสม ซึ่งเป็นการคำนวณแบบเดียวกับการเลือกตั้งปี 62
ผลคือ คะแนนไม่ตกนํ้า ป้องกันเผด็จการรัฐสภา และที่สำคัญสุด เปิดโอกาสให้พรรคเล็กและพรรคใหม่มีพี้นที่ทางการเมือง เพราะค่าเฉลี่ยประมาณ 7.1 หมื่นคะแนน ต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน
ทางเลือกที่ 2 : ถ้าเราหารด้วยตัวเลข 100 นั่นคือ 3.7 แสนคะแนนเลือกตั้ง เท่ากับ 1 ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผลคือ พื้นที่ทางการเมืองจะถูกครอบงำโดยพรรคใหญ่และเก่าแก่ ซึ่งแทบไม่ต่างอะไรจากการเมืองแบบเดิมๆ
“มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าการเมืองประชาธิปไตยของไทยเราอ่อนแอเพราะอะไร? ไม่ใช่เพียงเพราะการรัฐประหารซ้ำซาก ไม่ใช่เพียงเพราะอำนาจมืดแทรกแซง แต่คือการไร้ความสมดุลทางอำนาจ ระบบที่ซักฟอกคนเดิมๆ เวียนขึ้นมาครองอำนาจ สุดท้ายแล้วประเทศไทยก็เหมือนเดิม นั่นคือ การเมืองเก่าครองอำนาจ”
นายพนิต กล่าวต่อว่า ถึงจุดนี้ เราต้องยอมรับได้แล้วว่า ประชาธิปไตยบ้านเราเปรียบเสมือนเด็กพึ่งหัดเดิน แต่ 90 ปีผ่านไป ก็ยังเดินไม่ได้ เพราะโดนขัดขาและผลักล้มตลอด แต่ในเมื่อยังเป็นเด็กหัดเดิน สิ่งที่ดีที่สุด คือ เราต้องเปิดโอกาสให้เรียนรู้มากที่สุด
การเลือกตั้งปี 62 มีหลายปัญหา แต่สูตรหารเฉลี่ย 500 ก็ได้เปิดโอกาสให้ให้พรรคใหม่ๆ และนักการเมืองใหม่ๆ เป็นทางเลือกของประชาชน และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมือง
แต่ต้องยอมรับว่า หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของพรรคใหม่บางพรรค แต่ปัจจัยสำคัญของประชาธิปไตย คือ การสร้างโอกาสและทางเลือกให้ประชาชน และเพิ่มความสมดุลทางอำนาจระหว่างการเมืองเก่าและการเมืองใหม่ และนี่คือ ความสมดุลที่ต้องเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ลดลง หากเราต้องการพัฒนาประชาธิปไตยอันเยาว์วัยให้โตเป็นผู้ใหญ่ และเดินได้อย่างมีเสถียรภาพและความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ในฐานะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตนยอมรับว่า การแก้สูตรเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบนั้น เป็นการเอื้อต่อพรรค และสำคัญยิ่งกว่านั้น สิ่งนี้ได้ให้คุณค่ากับ ส.ส.เขตที่ทํางานในพื้นที่ ซึ่งตนเองก็สนับสนุน
“แต่ในฐานะนักการเมืองที่ยึดมั่นในการพัฒนาประชาธิปไตย อยากให้ระบบการเลือกตั้งควรเอื้อและให้โอกาสให้กับพรรคเล็กและพรรคใหม่ เพื่อเข้ามาช่วยพัฒนาบ้านเมือง และสร้างความสมดุลทางอำนาจ โดยผมขอสนับสนุนการแก้กฎหมายลูก คือ ให้ใช้สูตรบัตร 2 ใบ แต่คำนวณเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเหมือนเลือกตั้งปี 62 หารเฉลี่ยด้วย 500 ซึ่งสิ่งที่ผมเสนอนั้น สอดคล้องกับในขณะนี้ ที่ได้ยินว่า มีส.ส.ฝั่งรัฐบาลหลายพรรคการเมืองพูดถึง รวมถึงวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองข้างหน้า และให้ความสนใจสูตรคำนวณ ส.ส.แบบ MMP กันแล้วครับ” นายพนิต กล่าว
“พนิต” หนุนสูตร MMP กม.ลูก คะแนนไม่ตกน้ำ เปิดทางคนใหม่สู่การเมือง ป้องกันเผด็จการรัฐสภา - ผู้จัดการออนไลน์
Read More
No comments:
Post a Comment