ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวในการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสว่า ชาติตะวันตกสามารถจะช่วยยุติสงครามในยูเครนได้ โดยหยุดการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ และกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ให้ลดความดื้อรั้นแข็งกร้าวลง
การสนทนาระหว่างผู้นำทั้งสองมีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบนานกว่า 1 เดือน โดยนายมาครงขอให้ผู้นำรัสเซียสงบศึก และดำเนินการเจรจาสันติภาพต่อเพื่อยุติสงครามอย่างถาวร ทั้งยังขอให้กองกำลังรัสเซียหยุดยิงในเมืองมาริอูโปล เพื่อเปิดระเบียงมนุษยธรรมให้พลเรือนที่ติดอยู่ในวงล้อมการสู้รบได้อพยพออกมา
แถลงการณ์ของทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า นายมาครงเรียกร้องให้ผู้นำรัสเซียยุติ "สงครามรุกราน" โดยเขาพร้อมจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการแก้ไขความขัดแย้ง โดยเคารพต่ออธิปไตยของยูเครน
นายปูตินได้ตอบกลับผู้นำฝรั่งเศสโดยระบุว่า ความช่วยเหลือทางทหารที่บรรดาชาติตะวันตกส่งมอบให้ยูเครนนั้น ทำให้สงครามยืดเยื้อยาวนานยิ่งขึ้น โดยเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) สหราชอาณาจักรได้ประกาศมอบยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมให้แก่ยูเครนอีกเป็นมูลค่า 376 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงระบบเรดาร์, อุปกรณ์รบกวนสัญญาณจีพีเอส, อุปกรณ์ช่วยการมองเห็นในเวลากลางคืน และอุปกรณ์ควบคุมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งใช้ในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic warfare)
ผู้นำรัสเซียยังกล่าวหาว่ากองกำลังยูเครนเป็นฝ่ายก่อ "อาชญากรรมสงคราม" ด้วยการถล่มโจมตีเขตที่อยู่อาศัยของพลเรือน ในหลายเมืองของภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งรวมถึงเขตอิทธิพลของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลังอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม นายปูตินกล่าวย้ำว่า รัสเซียยังคงเปิดกว้างต่อการเจรจาสันติภาพกับยูเครนอยู่เสมอ
ก่อนหน้านี้นายมาครงเคยทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างพันธมิตรชาติตะวันตกกับผู้นำรัสเซียมาหลายครั้ง โดยเมื่อเดือนที่แล้วหลังจากชนะการเลือกตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่สอง นายมาครงได้กล่าวว่าเขาสามารถทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศที่มีความพร้อม เพื่อยุติการปิดกั้นทางออกทะเลดำของกองกำลังรัสเซีย ซึ่งจะทำให้ยูเครนส่งออกสินค้าจำพวกอาหารจากเมืองท่าทางใต้ได้อีกครั้ง
ในส่วนของพลเรือนยูเครนราว 100 คน ที่อพยพออกจากโรงงานเหล็กกล้าอาซอฟสตัลของเมืองมาริอูโปล เมื่อช่วงสุดสัปดาห์และวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้เดินทางถึงเมืองซาปอริซเซียที่อยู่ห่างออกไป 200 กิโลเมตรโดยสวัสดิภาพแล้ว หลังจากต้องหลบภัยอยู่ในบังเกอร์ใต้ดินของโรงงานมานานถึงสองเดือน ในสภาพขาดแคลนเสบียงอาหารและหวาดกลัวต่อการโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงแทบจะตลอดเวลา
เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งของสหประชาชาติซึ่งอยู่ในปฏิบัติการอพยพผู้คนออกจากโรงงานบอกว่า การเคลื่อนย้ายพลเรือนหลายร้อยคนออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยกับระเบิดของกองกำลังทั้งสองฝ่าย และหลายครั้งมีการยิงปืนครกโจมตีอย่างกะทันหันทั้งที่เป็นช่วงเวลาหยุดยิง ทำให้ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเป็นไปอย่างล่าช้า
สื่อของรัสเซียและเจ้าหน้าที่ของทางการยูเครนประมาณการว่า ยังคงมีพลเรือนอีกราว 500 คน ติดค้างอยู่ในโรงงานดังกล่าว ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงเด็กหลายสิบคนด้วย ส่วนพลเรือนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเมืองมาริอูโปลมีอีกหลายพันคน โดยแทบจะไม่มีความช่วยเหลือใด ๆ เข้าไปถึงพวกเขาได้
รัสเซีย ยูเครน : ปูตินเรียกร้องชาติตะวันตกหยุดช่วยเหลือทางทหาร กล่าวหายูเครนก่ออาชญากรรมสงคราม - บีบีซีไทย
Read More
No comments:
Post a Comment