ปมคดีพ่อค้าพริกแค้นยิงสนั่นคู่กรณีพร้อมทนายคาโรงพัก กลายเป็นหนามยอกอกตำรวจไทย ที่สังคมถกเถียงกัน ถึงการป้องกันเหตุร้ายบนโรงพัก เช่นกรณีนี้ที่เกิดต่อหน้าพนักงานสืบสวน แม้ตามจับคนร้ายได้แล้ว แต่ทางญาติผู้เสียชีวิตเตรียมร้องเรียนการทำงานของตำรวจ ที่ไม่สามารถระงับเหตุความรุนแรงบนโรงพักได้
เหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่กลายเป็นบทเรียนครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.65 บนสถานีตำรวจนครบาลหลักสอง จ.กรุงเทพฯ บริเวณห้องพนักงานสอบสวนพบผู้เสียชีวิตเป็นชายวัย 33 ปี เสียชีวิตจมกองเลือด ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 5 นัด ข้างกันเป็นทนายผู้ตายถูกยิงบาดเจ็บสาหัส จำนวน 3 นัด
ต้นเหตุความรุนแรงครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ 4 เดือนก่อน ผู้ก่อเหตุขับรถกระบะตู้ทึบไปบนถนนเลนขวา แต่รถเก๋งของผู้ตายพยายามแทรกรถผู้ก่อเหตุ ทั้งคู่ไม่ยอมกันจนเกิดปากเสียง แล้วผู้ตายได้ลงมาจากรถ จนมีการชกต่อยกับผู้ก่อเหตุกลางถนน
4 เดือนหลังจากนั้นตำรวจได้นัดทั้งคู่มาไกล่เกลี่ย โดยผู้ก่อเหตุเรียกค่าเสียหาย 9 ล้านบาท แต่ตกลงกันไม่ได้ จนพนักงานสอบสวนเตรียมส่งเรื่องฟ้องศาล แต่ผู้ก่อเหตุได้ขอลงไปที่รถ เมื่อขึ้นมาได้ชักปืนยิงผู้เสียชีวิตและทนาย ก่อนหลบหนีออกจากโรงพักพร้อมภรรยา จากนั้นตำรวจได้ตามจับผู้ก่อเหตุที่บ้านได้ทันควัน
“วิสุทธิ์ วานิชบุตร” หรือผู้การวิสุทธิ์ อดีตนายตำรวจมือปราบชื่อดัง ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมาตามสถานีตำรวจ ไม่ค่อยมีการตรวจค้นอาวุธก่อนขึ้นไปด้านบน ส่วนหนึ่งเกิดจากกำลังพลที่มีน้อย และไม่มีเงินเพียงพอในการซื้อเครื่องตรวจจับอาวุธ ขณะเดียวกันตำรวจเองไม่คาดคิดว่าการไกล่เกลี่ยคดีครั้งนี้จะกลายเป็นความรุนแรง
“ที่ผ่านมามีการค้นอาวุธ กรณีที่มีคดีใหญ่ๆ หรือมีบุคคลสำคัญมาที่โรงพัก แต่กรณีนี้ มีการยิงกันต่อหน้าตำรวจ พนักงานสอบสวนรายนั้นอาจถูกรายงานต่อผู้บังคับบัญชา ในการปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง โดยไม่ทำให้การสอบสวนของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเกิดความปลอดภัย”
บางกรณีที่เสี่ยงจะเกิดความรุนแรง มีการกำหนดให้พนักงานสอบสวนแยกสอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่าย แต่ยังไม่มีหลักเกณฑ์ที่กำหนดหลักปฏิบัติ เพื่อป้องกันการก่อความรุนแรงของคู่กรณีบนโรงพัก โดยความรุนแรงลักษณะนี้ตำรวจที่ทำคดีจะมีสัญชาตญาณ สังเกตเห็นความผิดปกติของคู่กรณี และต้องพยายามระงับเหตุ
ความรุนแรงแบบนี้ เมื่อเกิดขึ้นในโรงพัก ผู้บังคับบัญชาไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ โดยผู้ที่ต้องถูกลงโทษไล่ตั้งแต่สิบเวร ร้อยเวร ผู้กำกับ ตัวอย่างเช่น รถยนต์ ที่ยึดมาจอดไว้ในโรงพัก ถ้ารถถูกงัดเอาชิ้นส่วนรถไป ผู้บังคับบัญชาสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าอยู่ในพื้นที่ความดูแล
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรประกาศมาตรการความเข้มงวดในการตรวจค้นอาวุธของผู้มาติดต่อราชการบนโรงพักอย่างเข้มงวดทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการกระทำความผิดลักษณะนี้ และต้องมีแนวทางลงโทษผู้บังคับบัญชา ที่ปล่อยให้เกิดความรุนแรงลักษณะนี้ เพราะโรงพักถือเป็นสถานที่ราชการ ไม่ควรเกิดเหตุความรุนแรงแบบนี้ขึ้นอีก.
พ่อค้าพริกยิงรัวสนั่นโรงพัก หนามยอกอกตำรวจไทย ไร้ทางระงับเหตุร้าย - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment