ไม่เกินสัปดาห์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีเค้าทะลุแสนคนต่อวัน นั่นก็เลยต้องหูตาตื่น ต้องงัดมาตรการเข้มขั้นสุดท้าย สัญญาณจากทีม “หมอหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ขู่กรายๆภายใน 2 เดือน ถ้ายังอุดไม่อยู่ อาจต้องปิดเมืองแบบ “อู่ฮั่น” ซีลเชื้อโรคมรณะแบบเข้มเหมือนจีนแผ่นดินใหญ่ที่ระบาดระลอกแรก
ข่าวแนะนำ
บล็อกคนอยู่แต่ในบ้านห้ามเพ่นพ่าน รัฐบาลส่งข้าวส่งน้ำ แต่ก่อนอื่นเลยคำสั่งด่วน ยิงตรงจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม แม่ทัพใหญ่ ศบค. งัดแผนล็อกดาวน์เข้ม 13 จังหวัด ลดหลั่นตามพื้นที่เหมือนเดือนเมษายน 2563
หลงในเขาวงกตมา 1 ปีกว่า ที่สุดก็วนกลับมาตั้งต้นใหม่ ตามเงื่อนเวลาบังเอิญตรงกันพอดีกับสถานการณ์ครบรอบปี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กดปุ่มปรับ ครม.ใหญ่ ทำการยกเครื่องทีมบริหารใหม่หลังโควิดระบาดระลอกแรกซา
ฝ่ากระแสเสียงยี้การเมืองเน่าแทรกไวรัสอันตราย และนั่นก็พิสูจน์กันชัดๆผ่านมา 1 ปีเต็ม เทียบกับผลงานรับมือมหาวิกฤติโควิดที่ประชาชนสัมผัสได้ถึงความยากลำบาก คนติดเชื้อรวม 3-4 แสนราย คนตายไต่ทะลุ 3 พันศพ เศรษฐกิจปากท้องมีแต่เลวร้ายลง ธุรกิจเจ๊งระเนระนาด ผู้ประกอบกิจการยื้อสุดสายป่าย เลิกกิจการ คนตกงาน ไม่มีกิน
ตอกย้ำการตัดสินใจพลาด กึ๋น ฝีมือบริหารผิดทิศผิดทาง ไม่ใช่ความผิดของประชาชน แต่ผลจากโควิดระลอก 2 ด่านแตกแรงงานเถื่อนทะลัก ระลอก 3 ลามจากผับย่านทองหล่อ ตำรวจแกล้งตาบอดมองไม่เห็น ผลประโยชน์ฝ่ายถืออำนาจรัฐไม่กี่คน ทำกองทัพโควิดตีแตกกระเจิง นั่นไม่ต้องพูดถึงเศรษฐกิจที่พังพาบ รากฐานแน่นๆที่ปูไว้ในยุครัฐบาล คสช.โดนรัฐบาลผสมการเมืองเน่า เอาแต่กอบโกยผลประโยชน์ คอร์รัปชันหัวคิว ไล่ตีเมืองขึ้น รื้อทำลายเมกะโปรเจกต์กระจาย
ยากที่เศรษฐกิจจะฟื้นใน 3-4 ปี ไทยสูญเสียศักยภาพไล่ตามการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่ตั้งธงไว้ 4.0 เหลือไม่ถึง 0.4 เทียบกับดาวรุ่งอาเซียนอย่างประเทศเวียดนาม แซงไทยในทุกมิติ
ตามปรากฏการณ์เฉพาะหน้า วัดจากค่าเงินบาทไทยที่รูดมหาราช ต่ำสุดในรอบหลายปีในมุมที่กระทรวงพาณิชย์โชว์ตีปี๊บผลงานส่งออกทำยอดเกินเป้าจากอานิสงส์โควิดในต่างประเทศฟื้น
แต่กลับกันมันคือมหันตภัย นักลงทุนหอบเงินถอนสมอหนีไทย ในเมื่อไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ วัคซีนยังฟัดกันมั่ว ตัวเลขค่อยๆหลุดมาประจานกับ “โมเดอร์นา” ซื้อกันหน้าโรงงานผลิตแค่ 584 บาท แต่มาถึงเมืองไทยขายกันโดสละเกือบ 1,700 บาท ส่วนต่างเนื้อๆหายเข้าพุงใคร มีแต่ดราม่า“แพะรับบาป” ไม่มีคำตอบหัวคิว แถมไร้ความชัวร์กับวัคซีนที่ไทยมีอยู่ในมือ
“ม้าเต็ง” แอสตราฯ “ม้ารอง” ซิโนแวค ต้องสลับสูตร DIY เอาชีวิตคนเป็นเดิมพัน ที่วาดฝันเปิดเมืองท่องเที่ยวโกยเงินปะถังแตก “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ด่านแตกตั้งแต่วันโชว์อีเวนต์ สวนทางกับสหภาพยุโรปถอดไทยออกจากประเทศเดินทางปลอดภัยจากโควิด-19 ตามสภาพความจริงมันย้อนแย้งสิ่งที่วาดฝัน
ตราบใดที่ “วัคซีนทิพย์” การท่องเที่ยวยังกู่ไม่กลับ และที่ฉุดไม่อยู่ แล้วก็คือนักลงทุนแห่ย้ายฐานไปเวียดนาม ตามค่าเงินบาทไหลทะรูดทะราด และนั่นก็คาดการณ์ข้ามช็อตไปถึงปลายปี 2564 ที่รัฐบาลไทยเตรียมรับไม้จากนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก 2565 ตามโจทย์ยาก ไทยต้องเตรียมเสนอประเด็นสำคัญให้สมาชิกเอเปกร่วมขับเคลื่อน
เทียบผลงานจัดการโควิดของรัฐบาลที่ผิดพลาดส่งผลต่อแผนการฟื้นเศรษฐกิจในอนาคต ผู้นำไทยจะเขียนสคริปต์อย่างไรต่อหน้าผู้นำโลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต่อให้สภาพภายนอก “กลวง” ยังไง ก็ยังหักมุมกับเสียงแน่นๆในสภา ตามอาการนักการเมืองอาชีพ ผลประโยชน์มาก่อนประเทศชาติและประชาชน ตามสภาพภูมิใจไทยเลือดกบปาก ประชาธิปัตย์โดน พปชร.ตบหน้าจนแทบไม่เหลือศักดิ์ศรี ปากดี แอบจิก แอบตี ผู้นำ แต่ยุให้ถอนตัว เอาสิบล้อมาลากก็ไม่ออก
เช่นเดียวกัน เอารถถังมาลากก็เข้าไม่ได้ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เบิ้ลเครื่องไล่ขี่คอผู้นำทหารเฒ่า ประกาศจะกลับเมืองไทยอย่างเท่ๆที่ประตูหน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่งมุกกับลูกไม้ใต้ต้น “เสี่ยโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ลอยๆแต่แรง “เดรัจฉานฉลาดกว่าคน ไม่เลือกสัตว์เฮงซวยมาเป็นจ่าฝูง”
ตามแรงจูงใจ พ่อ-ลูก ลุ้นโอกาสน็อกอำนาจ 3 ป. ใกล้เคียงสุด แต่นั่นก็ไม่วายถูกมองว่าเป็นจังหวะกระตุกพวกเบื่อ “ลุงตู่” แต่กลัวผี “ทักษิณ” ชั่งใจหนักต้องเลือกเสือหรือจระเข้ ทีมไอโอตึกไทยฯได้เหลี่ยมตีปี๊บเรียกแต้มเห็นใจลุง ปั่นกระแสคดีพลิกกลับมาเข้าเหลี่ยมทีม 3 ป.
“งอมพระราม” แต่พึ่ง “บุญเก่า” โอกาสของ “บิ๊กตู่” ยังพอลุ้นลากเกมอำนาจ ตรงข้ามกับโอกาสคนไทยที่แทบจะไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจ.
ทีมข่าวการเมือง
โอกาสที่สวนทางกัน - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment