Rechercher dans ce blog

Friday, December 31, 2021

แพทย์เผย! 'โนโรไวรัส' สาเหตุท้องเสียที่จันทบุรี ชี้แพร่ทางอากาศ-ทนแอลกอฮอล์ - ข่าวสด

แพทย์เผย ผลตรวจอุจจาระพบโนโรไวรัส สาเหตุท้องเสียเป็นกลุ่มที่จันทบุรี ชี้แพร่ทางอากาศ ทนความร้อน-แอลกอฮอล์

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

วันที่ 31 ธ.ค. 2564 ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก Opass Putcharoen ระบุถึงผลการตรวจอุจจาระของผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียระบาดใหญ่ที่จันทบุรี

“ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก ตรวจอุจจาระของคนที่มีอาการท้องเสียระบาดใหญ่ที่จันทบุรี ผลเป็น Norovirus Genogroup II จำนวน 6 ราย จาก 8 ราย อาการ คลื่นไส้อาเจียนจะเด่น ท้องเสียจะเกิดขึ้นเร็ว รุนแรงในบางราย หายเองภายในประมาณสองวัน ผู้สูงอายุอาจจะมีอาการมากและรุนแรง”

“โรคนี้ติดติดง่าย จำนวนเชื้อน้อยๆก็ทำให้เกิดอาการท้องเสียที่รุนแรงได้ ติดทางการกิน สัมผัส เชื้ออาจจะอยู่ตามสิ่งแวดล้อม แนะนำล้างมือด้วยสบู่ เชื้อฟุ้งกระจายในอากาศได้ แอลกอฮอล์ไม่สามารถทำลายเชื้อได้นะครับ ใครกลับบ้านช่วงปีใหม่แถวนั้น ก็ระวังเรื่องอาหารการกิน ล้างมือด้วยน้ำสบู่ (ดีกับทั้งโรคท้องเสียกับโควิด) “

ทางทีมข่าวสดจะไขข้อสงสัยอาการพร้อมแนะนำวิธีการรักษาเบื้องต้นของโนโรไวรัส เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกท่านมีสุขภาพและห่างไกลจากการติดเชื้อโนไรไวรัส ตามบทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนเรื่อง ท้องเสียจากโนโรไวรัส ของอาจารย์ ดร.ภก.สุเมธ จงรุจิโรจน์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

โนโรไวรัส (Norovirus) จัดอยู่ใน Family Caliciviridae เป็นไวรัสที่มีสายพันธุกรรมแบบ RNA สายเดี่ยว โดยเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคท้องเสียในทางเดินอาหาร ซึ่งพบการระบาดได้ทั่วไป รวมถึงสามารถแพร่ระบาดได้ง่าย รวดเร็ว ทนทานต่อน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ และทนทานต่อสภาวะแวดล้อม โดยทนความร้อนได้ถึง 60 องศาเซลเซียส คาดว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยประมาณ 250 ล้านคน และเสียชีวิตประมาณ 2 แสนคนต่อปี โดยการเสียชีวิตมักจะพบในเด็กเล็ก คนสูงอายุ หรือคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

โนโรไวรัสพบครั้งแรกในการระบาดของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบที่เมืองนอร์วอล์ก รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1972 เดิมรู้จักกันในชื่อ Norwalk like viruses ต่อมาผลการวิจัยในสหราชอาณาจักรพบการระบาดโดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว เรียกว่า Winter Vomiting Bug หรือ Winter vomiting disease

โนโรไวรัสสามารถติดต่อได้หลายทาง เช่น การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น หอย ผักผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด รวมถึงการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง การสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้ออยู่แล้ว ซึ่งผู้ป่วยสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้เป็นพันล้านตัวผ่านทางอุจจาระและการอาเจียน

อาการและการรักษา โนโรไวรัสก่อให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, ปวดท้อง, อาจมีไข้ต่ำ ๆ , ปวดหัว, ปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมด้วย สามารถพบผู้ป่วยได้ทุกเพศทุกวัย มักจะมีอาการภายใน 12 – 48 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อ

ลักษณะอาการเด่น คือ ท้องเสียและอาเจียน โดยปกติผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2 – 3 วัน แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงโดยเฉพาะในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุอาจก่อให้เกิดการขาดน้ำได้ ดังนั้น ควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่ หรืออาจให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะเจาะจงในการกำจัดเชื้อไวรัสนี้ อีกทั้งยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส

วิธีการป้องกัน

  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ โดยล้างให้นานพอ (ไม่น้อยกว่า 20 วินาที) ก่อนรับประทานอาหาร
  • หลีกเลี่ยงน้ำและอาหารที่ไม่สะอาด
  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุก
  • ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด
  • ทำความสะอาดส่วนที่คนสัมผัสบ่อย ๆ
  • ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการทำอาหารให้ผู้อื่นรับประทาน หรือใช้หลักการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ

ขอบคุณที่มาจาก ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล CDC

Adblock test (Why?)


แพทย์เผย! 'โนโรไวรัส' สาเหตุท้องเสียที่จันทบุรี ชี้แพร่ทางอากาศ-ทนแอลกอฮอล์ - ข่าวสด
Read More

โรสแมรี่ โพสต์เศร้าจำใจแยกทางกับลูกชาย หลังแบกรับภาระไม่ไหว - ไทยรัฐ

หลังจากอดีตนักร้องสาว โรสแมรี่ คาฮันดิง เคยโพสต์เฟซบุ๊กขอรับบริจาคของกินประทังชีวิต เพราะไม่มีเงินซื้ออาหารให้ลูก จนกลายเป็นข่าวดังมาก่อนหน้านี้ แต่ล่าสุดโรสแมรี่โพสต์เศร้าอีกครั้ง บอกว่าแบกภาระต่างๆ ไม่ไหวแล้ว จำใจต้องแยกทางกับ น้องพีเจ ลูกชายวัย 9 ขวบ ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วง

Adblock test (Why?)


โรสแมรี่ โพสต์เศร้าจำใจแยกทางกับลูกชาย หลังแบกรับภาระไม่ไหว - ไทยรัฐ
Read More

Thursday, December 30, 2021

“ตลาดหุ้น” ทางเลือกติดเทรนด์ปี 2564 ดึงดูดธุรกิจออก IPO มูลค่ารวมกว่า 4.54 แสนล้านบาท - กรุงเทพธุรกิจ

ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะ “อัตราดอกเบี้ยต่ำ” การลงทุนใน “ตลาดหุ้น” จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกของการแสวงหาผลตอบแทนที่ได้รับความสนใจ 

ในขณะเดียวกัน ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำได้ทำให้สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น ดึงดูดให้ธุรกิจเข้ามาระดมเงินทุนผ่านตลาดหุ้นมากขึ้นตามไปด้วย เพราะต้นทุนที่ต่ำ และมีโอกาสเข้าถึงเงินทุนจำนวนมาก จากแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นที่มากขึ้นในช่วงนี้ 

แนวโน้มข้างต้นสอดคล้องกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ให้ข้อมูลว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยอดการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น 188% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ มีธุรกิจและกองหลักทรัพย์ออกหุ้น IPO เพิ่มขึ้นจากทั้งปี 2562 หรือ 2563 ที่ 13 หลักทรัพย์ ซึ่งเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 46.43% 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนและทุกธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากการเข้ามาในตลาดหุ้น ฉะนั้น การศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจกับตลาดจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอยู่ แม้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายแล้วก็ตาม

  เทรนด์การลงทุนในตลาดหุ้นปี 2564  

จากข้อมูลทางสถิติของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ภายในครึ่งแรก (ม.ค.- มิ.ย.) ของปี 2564 มียอดการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ถึง 1,156,290 บัญชี เพิ่มขึ้นกว่า 188% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 64 การซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยคิดเป็นสัดส่วน 47.18% 

ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่เพิ่มแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเลือกระดมทุนผ่านตลาดหุ้น เพราะนอกจากจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารแล้ว ยังมีสภาพคล่องที่สูง พร้อมทั้งสามารถเป็นแหล่งเงินทุนในระยะยาวได้ จึงทำให้ธุรกิจมีโอกาสสูงขึ้นในการเข้าถึงเงินทุนในปริมาณมากด้วยต้นทุนที่ต่ำลง

  ธุรกิจตอบรับกระแส ออก IPO ระดมทุน มูลค่ารวมกว่า 4.54 แสนล้าน  

ในปี 2564 นี้ มีธุรกิจและกองสินทรัพย์ยื่นคำขอจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) 41 แห่ง โดยแบ่งเป็น SET 23 แห่ง และ mai 18 แห่ง มูลค่าตลาดรวมแล้วกว่า 4.54 แสนล้านบาท

การยื่นคำขอจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ จะเปลี่ยนธุรกิจกลายเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งการเป็นบริษัทมหาชนจะเกิดขึ้นได้ด้วยการปันส่วนความเป็นเจ้าของให้กับบุคคลทั่วไปหรือนักลงทุนรายย่อย ผ่านการขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยการเสนอขายหุ้นเป็นครั้งแรก หุ้นดังกล่าวจะมีชื่อเรียกว่า IPO 

สำหรับราคาขาย IPO จะเท่ากับราคาเปิดตัว ซึ่งเป็นราคาที่ได้รับการประเมินมาแล้ว ซึ่งหลังจากการเสนอขายครั้งแรกแล้ว ราคาถึงจะสามารถปรับขึ้นลงได้ตามกลไกตลาด หากราคาปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวก็จะทำให้ผู้ลงทุนที่ซื้อในครั้งแรกได้รับความมั่งคั่งมากขึ้น หรือหากขายก็จะได้รับกำไร ในด้านของธุรกิจก็จะมีมูลค่าตลาดที่สูงขึ้นจากทุนจดทะเบียน

อย่างไรก็ตาม จากจำนวน IPO ทั้งหมดที่ออกขาย อาจมีเพียงไม่กี่ตัวที่มูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้น วันนี้จึงอยากพาทุกคนไปสำรวจการเติบโตของมูลค่าหุ้น IPO ตัวเด่นในตลาดหลักอย่าง SET หลังจากที่ได้ทำการเสนอขายต่อผู้ลงทุนไปแล้วในปี 2564 นี้ 

  5 อันดับ หุ้น IPO ปี 2564 ราคาเติบโตสูงที่สุด  

“ตลาดหุ้น” ทางเลือกติดเทรนด์ปี 2564 ดึงดูดธุรกิจออก IPO มูลค่ารวมกว่า 4.54 แสนล้านบาท หมายเหตุ : 

1. เฉพาะหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

2. ข้อมูลราคาปัจจุบัน ณ 30 ธ.ค. 64

  “ตลาดหุ้น” ทางเลือกที่ดีเมื่อมีความพร้อม  

แม้ตลาดหุ้นจะเปิดพื้นที่ให้ธุรกิจได้เข้าถึงเงินทุนที่มากขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจจะประสบความสำเร็จกับการระดมทุนในตลาดหุ้น ในทางเดียวกัน การเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นก็อาจไม่ได้ทำให้ผู้ลงทุนมีความมั่งคั่งมากขึ้น มิหนำซ้ำอาจขาดทุนหากลงทุนด้วยความเข้าใจที่ไม่มากพอ 

ความเสี่ยงในตลาดหุ้นที่มากกว่า ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอาจจะได้ทั้งผลกำไรและผลขาดทุนที่มากตามไปด้วย ฉะนั้น การลงสู่สนามการลงทุนนี้จำเป็นต้องทำการศึกษาข้อมูลให้เพียงพอ ไม่เช่นนั้นการเลือกลงทุนในตลาดหุ้นอาจไม่ใช่ตัวเลือกในการสะสมความมั่งคั่งอย่างที่ตั้งใจไว้ 

นอกจากนั้น ทางเลือกสำหรับการสะสมความมั่งคั่งไม่ได้มีเพียงแค่ตลาดหุ้น ยังมีทั้งกองทุนรวม พันธบัตรรัฐบัตร หุ้นกู้ หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ แม้แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ก็ต้องอาศัยความพร้อมในการยอมรับความเสี่ยงที่สูง ประกอบกับการมีความรู้และความเข้าใจกับการทำงานของตลาดที่ดีร่วมด้วย ดังนั้น การจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใด สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือ การพิจารณาความพร้อมของผู้ลงทุนนั่นเอง

อ้างอิง

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง

settrade

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์

Adblock test (Why?)


“ตลาดหุ้น” ทางเลือกติดเทรนด์ปี 2564 ดึงดูดธุรกิจออก IPO มูลค่ารวมกว่า 4.54 แสนล้านบาท - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

กรมการขนส่งทางราง เปิดตัวเลขเดินทาง "เทศกาลปีใหม่ 2565" วันแรกทะลุ 7 แสนคน - กรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.64 กรมการขนส่งทางราง (ขร.) กระทรวงคมนาคม สรุปปริมาณการเดินทางด้วยระบบรางของประชาชนช่วง "เทศกาลปีใหม่ 2565" พบว่า วันที่ 29 ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นวันแรกของเทศกาลปีใหม่ 2565 มีประชาชนมาใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 708,014  คน แบ่งเป็น

  • รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 43,790 คน 
  • รถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟชานเมือง(สายสีแดง) จำนวน 664,224 คน 

โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. รถไฟของ รฟท. จำนวน43,790 คน  แบ่งเป็น

  • ผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 17,061 คน
  • เชิงสังคม 26,729คน

โดยมีผู้โดยสารขาออกจำนวน 24,434 คน และผู้โดยสารขาเข้า 19,356 คน และพบว่า สายตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 12,670 คน (ผู้โดยสารขาออก 7,716 คน ผู้โดยสารขาเข้า 4,954 คน) รองลงมาคือสายใต้ จำนวน 11,936 คน (ผู้โดยสารขาออก  6,409 คน ผู้โดยสารขาเข้า 5,527 คน) 

2. ระบบรถไฟฟ้า จำนวน 664,224 คนประกอบด้วย

  • รถไฟฟ้า Airport Rail Link จำนวน  29,513 คน 
  • รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง)  จำนวน8,109 คน
  • รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) จำนวน 186,772 คน
  • รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) จำนวน 26,769 
  • รถไฟฟ้าบีทีเอส (สีเขียวและสีทอง) จำนวน 413,061 คน

โดย รฟท. ได้เพิ่มตู้โดยสารพ่วงไปกับขบวนรถปกติ  และส่วนระบบรถไฟฟ้าในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็นได้เพิ่มรถเสริม รวม 18 เที่ยว ได้แก่ Airport Rail Link  เพิ่มรถเสริมจำนวน 4 เที่ยว BTS สายสุขุมวิท เพิ่มรถเสริมจำนวน 8 เที่ยว และสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) เพิ่มรถเสริมจำนวน 6 เที่ยว

สำหรับด้านความปลอดภัย มีอุบัติเหตุรถไฟของ รฟท. จำนวน 1 ครั้ง และมีรถไฟฟ้าขัดข้องจำนวน  1 ครั้ง ดังนี้

1. เมื่อเวลา 04.22 น. เกิดอุบัติเหตุขบวนด่วนพิเศษที่ 14 (เชียงใหม่-กรุงเทพ) เฉี่ยวชนคนเดินเท้าระหว่างสถานีท่าเรือ-สถานีหนองวิวัฒน์ จ.พระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ เป็นชาย 1 ราย ทราบต่อมาชื่อนายสมศักดิ์ จันทร์ตรี อายุ 59 ปี 

2. เมื่อเวลา 08.26 น. รถไฟฟ้า BTS ขบวนหมายเลข 35 ขัดข้องที่สถานีคูคต ฝั่งมุ่งหน้าสถานีปลายทางเคหะฯ  ดำเนินการเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสาร จากนั้นนำขบวนรถออกจากการให้บริการทต่อมาเวลา 08.45น. สายสุขุมวิทเดินรถได้ตามปกติ
 

นอกจากนี้มีเหตุด้านความมั่นคง 1 ครั้งเมื่อเวลา 06.25 น.รับแจ้งศูนย์ตันหยงมัสว่ามีคนร้ายขว้างปาระเบิดใส่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) รือเสาะ  ก่อนถึงประแจเบอร์ 1 ด้านทิศเหนือของสถานีรือเสาะในเขตรถไฟ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบพื้นที่ ไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด ทรัพย์สินของ รฟท. ไม่ได้รับความเสียหาย

สำหรับในวันนี้ (30 ธ.ค.64) คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดมากที่สุด โดยกรมการขนส่งทางรางประสาน รฟท. เพิ่มตู้โดยสารเพิ่มเติมไปกับขบวนรถทางไกล และจัดขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร ขบวนที่ 5 เส้นทางกรุงเทพ - เชียงใหม่ 1 ขบวน และเตรียมริ้วขบวนรองรับเพิ่มเติมควบคู่กับการประเมินผู้โดยสารช่วงเย็น รวมทั้งประสานผู้ให้บริการรถไฟฟ้าเพิ่มความถี่ในการให้บริการในช่วงเย็นของวันนี้

Adblock test (Why?)


กรมการขนส่งทางราง เปิดตัวเลขเดินทาง "เทศกาลปีใหม่ 2565" วันแรกทะลุ 7 แสนคน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Wednesday, December 29, 2021

การรถไฟฯ เซ็นจ้างก่อสร้างทางคู่สายใหม่ 1.2 แสนล้าน เส้นทางเหนือ-อีสาน - กรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 เวลา 14.30 น ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ร่วมลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางรถไฟ 2 เส้นทาง ประกอบด้วย สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม กับผู้รับจ้าง รวมทั้งสิ้น 5 สัญญา วงเงินกว่า 128,236 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพและพัฒนาระบบการขนส่งทางรางของประเทศ พร้อมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย โดยดำเนินการด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ระเบียบข้อบังคับในการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนมีการลงนามข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) อย่างครบถ้วน 

การรถไฟฯ เซ็นจ้างก่อสร้างทางคู่สายใหม่ 1.2 แสนล้าน เส้นทางเหนือ-อีสาน

สำหรับโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ การรถไฟฯ ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 ซึ่งได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กิโลเมตร วงเงินรวมทั้งสิ้น 72,921 ล้านบาท และได้มีการใช้วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-bidding ตามระเบียบข้อบังคับของการรถไฟฯ และระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ของกรมกระทรวงการคลัง ตลอดจนมีการลงนามข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ระหว่างการรถไฟฯ ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ ผู้ประกอบการ และผู้สังเกตการณ์ ในสัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว โดยมีรายละเอียดการลงนามสัญญาจ้างก่อสร้าง 3 สัญญา ประกอบด้วย  

สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว กิจการร่วมค้า ไอทีดี-เนาวรัตน์ ประกอบด้วย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว วงเงินค่าจ้างทั้งสิ้น 26,560,000,000.00 บาท (สองหมื่นหกพันห้าร้อยหกสิบล้านบาทถ้วน) ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 แล้ว โดยงานประกอบด้วยงานก่อสร้างทางรถไฟระดับพื้นดินและทางรถไฟยกระดับ รวมระยะทางประมาณ 103 กม. มีสถานี 5 สถานี  ป้ายหยุดรถ 2 แห่ง อุโมงค์รถไฟ 2 แห่ง  และงานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี2 ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท บุรีรัมย์พนาสิทธิ์ จำกัด เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 2 ช่วงงาว - เชียงราย วงเงินค่าจ้างทั้งสิ้น 26,890,000,000.00 บาท (สองหมื่นหกพันแปดร้อยเก้าสิบล้านบาทถ้วน) ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 แล้ว โดยงานประกอบด้วยงานก่อสร้างทางรถไฟระดับพื้นดินและทางรถไฟยกระดับ รวมระยะทางประมาณ 132 กม. มีสถานี 4 สถานี ป้ายหยุดรถ 8 แห่ง  อุโมงค์รถไฟ 1 แห่ง  และงานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  

สัญญาที่ 3 เชียงราย-เชียงของ กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี3 ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท เชียงใหม่คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ วงเงินค่าจ้างทั้งสิ้น 19,385,000,000.00 บาท (หนึ่งหมื่นเก้าพันสามร้อยแปดสิบห้าล้านบาทถ้วน) ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 แล้ว โดยงานประกอบด้วยงานก่อสร้างทางรถไฟระดับพื้นดินและทางรถไฟยกระดับ รวมระยะทางประมาณ 87 กม. มีสถานี 3 สถานี ป้ายหยุดรถ 3 แห่ง  อุโมงค์รถไฟ 1 แห่ง  และงานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

การรถไฟฯ เซ็นจ้างก่อสร้างทางคู่สายใหม่ 1.2 แสนล้าน เส้นทางเหนือ-อีสาน  

ส่วนโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อ 28 พฤษภาคม 2562 เป็นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ ผ่านพื้นที่ทั้งหมด 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, มุกดาหาร และนครพนม ระยะทางรวม 355 กิโลเมตร วงเงิน 66,848.33 ล้านบาท ซึ่งการรถไฟฯ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบข้อบังคับของการรถไฟฯ และระเบียบข้อบังคับของกรมบัญชีกลางในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างครบถ้วนเช่นกัน  โดยมีรายละเอียดการลงนามสัญญาจ้างก่อสร้าง 2 สัญญา ประกอบด้วย  

 สัญญาที่ 1 บ้านไผ่-หนองพอก กิจการร่วมค้า เอเอส-ช.ทวี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ประกอบด้วย บริษัท เอ.เอส. แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด บริษัท กิจการร่วมค้า ทีบีทีซี จำกัด บริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด และบริษัท เค.เอส.ร่วมค้า จำกัด เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก วงเงินค่าจ้างทั้งสิ้น 27,095,000,000.00 บาท (สองหมื่นเจ็ดพันเก้าสิบห้าล้านบาทถ้วน) ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 แล้ว โดยงานประกอบด้วยงานก่อสร้างทางรถไฟระดับพื้นดินและทางรถไฟยกระดับ รวมระยะทางประมาณ 180 กม. มีสถานี 10 สถานี และงานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

สัญญาที่ 2 หนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 กิจการร่วมค้า ยูนิค ประกอบด้วย บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท พี.ซีอีที จำกัด บริษัท ไทยพีค่อนและอุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท วัชรขจร จำกัด เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญาที่ 2 ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 วงเงินค่าจ้างทั้งสิ้น 28,306,000,000.00 บาท (สองหมื่นแปดพันสามร้อยหกล้านบาทถ้วน)  ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 แล้ว โดยงานประกอบด้วยงานก่อสร้างทางรถไฟระดับพื้นดินและทางรถไฟยกระดับ รวมระยะทางประมาณ 175 กม. มีสถานี 9 สถานี และงานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างรถไฟสายใหม่ 2 เส้นทาง ทั้งสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม  ถือเป็นเส้นทางสำคัญที่ช่วยพัฒนาศักยภาพระบบการขนส่งทางรางของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้สามารถรองรับการขยายตัวของการค้าชายแดนและผ่านแดน  ตลอดจนเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่กำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 โดยถือว่าเป็นข่าวดี เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนคนไทยที่จะมีรถไฟสายใหม่ไว้ให้บริการได้เพิ่มขึ้น

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ระบุว่า หลังลงนามสัญญาคาดว่าจะส่งมอบพื้นที่เพื่อให้ผู้รับเหมาทยอยเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ประมาณกลางปี 2565 

Adblock test (Why?)


การรถไฟฯ เซ็นจ้างก่อสร้างทางคู่สายใหม่ 1.2 แสนล้าน เส้นทางเหนือ-อีสาน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Tuesday, December 28, 2021

กรมทางหลวง แนะ 3 จุดเช็คอินทางสายโรแมนติก พร้อมรับนักท่องเที่ยวปีใหม่ - กรุงเทพธุรกิจ

กรมทางหลวง แนะนำ 3 จุดเช็คอินทางสายโรแมนติก ทางหลวงหมายเลข 1081 จังหวัดน่าน “โค้งเลข 3  โค้งตัว U  และโค้งเลข 0” พร้อมอำนวยความสะดวกและปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวและวันหยุดยาว

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงขานรับนโยบาย “คมนาคมสีสัน สร้างสรรค์ประเทศไทย” ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  แนะนำจุดเช็คอินเส้นทางสายโรแมนติก จังหวัดน่าน บนทางหลวงหมายเลข 1081 สาย ปัว - สันติสุข - บ่อเกลือ ตอน ดอนมูล - หลักลาย ตั้งอยู่ระหว่าง กม. 13+000 - กม. 47+150 ซึ่งเป็นทางหลวงเชื่อมต่อไปยัง อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ได้แก่ โค้งตัว U ช่วง กม. 32+400 - กม. 32+700 ,โค้งเลข 3 ช่วง กม. 38+000 - กม. 38+700 และโค้งเลข 0 ช่วง กม. 46+000 - กม.46+400 

กรมทางหลวง แนะ 3 จุดเช็คอินทางสายโรแมนติก พร้อมรับนักท่องเที่ยวปีใหม่

เส้นทางของถนนสายนี้เป็นแนวธรรมชาติสวยงามตลอด 2 ข้างทางปกคลุมด้วยต้นไม้และภูเขา เมื่อขับรถมาถึงบริเวณจุดดังกล่าว   จะมีจุดจอดรถเพื่อสำหรับถ่ายภาพแล้วประชาชนสามารถขับรถไปท่องเที่ยวต่อได้ที่ อ.บ่อเกลือ เช่น อุทยานแห่งชาติดอยภูคา  บ่อเกลือโบราณ น้ำตกสปัน  เป็นต้น

กรมทางหลวง แนะ 3 จุดเช็คอินทางสายโรแมนติก พร้อมรับนักท่องเที่ยวปีใหม่

เนื่องจากปัจจุบันปริมาณนักท่องเที่ยวเดินทางเพิ่มมากขึ้น  ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง  กรมทางหลวงเล็งเห็นความสำคัญนี้ อธิบดีกรมทางหลวงได้มอบหมายให้แขวงทางหลวงน่านที่ 1 ดำเนินการเปิดศูนย์บริการประชาชนของหมวดทางหลวงสันติสุข อำนวยความสะดวกให้บริการเป็นจุดแวะพักและห้องน้ำระหว่างเดินทาง  อีกทั้งยังดำเนินการปรับปรุงจุดจอดรถ สร้างพื้นที่จอดรถปูผิวทางแอสฟัลติกคอนกรีต เครื่องหมายจราจรบนผิวทาง กำหนดช่องจอดรถ  พร้อมติดตั้งป้ายเตือน ป้ายลดความเร็ว และจะติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบ เพื่อความปลอดภัยและเป็นระเบียบให้กับนักท่องท่องเที่ยวและผู้ใช้ทางโดยเฉพาะช่วงเทศกาลและวันหยุดต่อเนื่อง

กรมทางหลวงขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวให้ช่วยกันรักษาความสะอาดไม่ทิ้งขยะลงบนพื้น หรือที่จอดรถและช่วยกันรักษาธรรมชาติไว้  โปรดขับรถด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง และปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุข “สวมหน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)

กรมทางหลวง แนะ 3 จุดเช็คอินทางสายโรแมนติก พร้อมรับนักท่องเที่ยวปีใหม่

Adblock test (Why?)


กรมทางหลวง แนะ 3 จุดเช็คอินทางสายโรแมนติก พร้อมรับนักท่องเที่ยวปีใหม่ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

อว. เพิ่ม 5 ช่องทางขอตำแหน่งวิชาการ นอกเหนืองานวิจัย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

อว. เพิ่ม 5 ช่องทางขอตำแหน่งวิชาการ นอกเหนืองานวิจัย  ประชาชาติธุรกิจ
อว. เพิ่ม 5 ช่องทางขอตำแหน่งวิชาการ นอกเหนืองานวิจัย - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

"ศักดิ์สยาม" เปิดโครงการรณรงค์ปีใหม่ปลอดโควิด-อุบัติเหตุทางถนน ลดสูญเสียชีวิตทรัพย์สิน - ผู้จัดการออนไลน์



รมว.คมนาคม เปิดโครงการรณรงค์ ลดอุบัติเหตุทางถนน “ปีใหม่ปลอดโควิด 19 - ปลอดอุบัติเหตุทางถนน” ลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (28ธ.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิด โครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน “ปีใหม่ปลอดโควิด 19 - ปลอดอุบัติเหตุทางถนน” จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมทั้งปล่อยแถวตำรวจรถไฟเพื่อปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัยประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตรวจวัดแอลกอฮอล์พนักงานขับรถไฟก่อนปฏิบัติหน้าที่นำขบวนรถไฟ ออกจากสถานีหัวลำโพง โดยมี นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ รายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยและความสะดวกการเดินทางของประชาชนโดยกำหนดเป้าหมายเพื่อลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทางถนน อันเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีที่ประชาชนมีการเดินทางกันเป็นจำนวนมาก และการเดินทางด้วยระบบราง ทางรถไฟ ซึ่งจะต้องบูรณาการเฝ้าระวังตามจุดตัดต่างๆ ที่มีรถไฟผ่าน ซึ่งจากสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ครั้งที่ผ่านมาพบว่าคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจำนวน 392 คน และบาดเจ็บ จำนวน 3,326 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะมีอายุระหว่าง 15 - 25 ปี ซึ่งนับได้ว่าเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ในช่วงปีใหม่นี้ กระทรวงคมนาคม ได้กำหนดนโยบายอำนวยความสะดวกในการบริการขนส่งสาธารณะ และโครงข่ายคมนาคมอย่างบูรณาการทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ โดยยึดหลัก “เดินทางสะดวก ปลอดภัย ห่างไกล COVID-19” ซึ่งประมาณการไว้ว่าจะมีปริมาณการเดินทางเข้า - ออกกรุงเทพมหานคร ด้วยรถยนต์ 8 ล้านคัน และระบบขนส่งสาธารณะ 1.7 ล้านเที่ยว เพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายโดยสะดวกและปลอดภัย ได้มอบนโยบายและสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อม กำกับดูแลการให้บริการ มาตรฐานความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารที่สำคัญในการเดินทางให้แก่ประชาชนล่วงหน้า

นอกจากนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงถนนให้มีความสะดวกและปลอดภัย โดยการปิดจุดกลับรถจุดเสี่ยง ป้องกันอุบัติเหตุจากรถข้ามเกาะกลาง จัดทำป้ายเตือน พื้นที่ก่อสร้าง ทางโค้ง ทางแยกอันตราย ให้ชัดเจน เฝ้าระวังจุดตัดรถไฟกับถนน และคืนพื้นผิวจราจรบริเวณพื้นที่ก่อสร้างให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวกปลอดภัย พร้อมเน้นย้ำและให้ความสำคัญกับการรณรงค์สร้างการใส่ใจในประชาชน ใส่ใจตนเอง และใส่ใจต่อผู้ร่วมทาง โดยการรักษากฎจราจร ขับขี่มีอย่างมีน้ำใจ ใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น เข็มขัดนิรภัยหรือหมวกนิรภัยตลอดการเดินทาง และที่สำคัญคือ เมาไม่ขับ และง่วงต้องพัก พร้อมทั้งปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด เช่น การสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ เป็นต้น

สำหรับการเตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 - 4 มกราคม 2565 กำชับหน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกันอำนวยความสะดวกประชาชน มุ่งให้หน่วยงานและประชาชนเตรียมความพร้อมการเดินทางโดยวางแผนการเดินทางทั้งขาไปและขากลับ เข้มงวดกวดขัน การดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยถือปฏิบัติตามข้อกำหนด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และคำสั่ง ศบค. อย่างเคร่งครัด และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 พร้อมเสนอแนวทางอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยดำเนินการเข้มข้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 - 4 มกราคม 2565 ระยะเวลารวม 7 วัน ตั้งเป้าหมายการดำเนินการช่วงวันหยุดยาว ดังนี้

(1) บริการระบบขนส่งสาธารณะให้เข้าถึงง่าย เพียงพอไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และทันกับเหตุการณ์ (2) ให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในคุณภาพของการให้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นและจริงจัง (3) กำกับและควบคุม ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 (4) บริหารจัดการจราจรทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ให้มีความคล่องตัวและไม่ติดขัด (5) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง

และข้อสั่งการเพิ่มเติมด้วยการเข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทกำกับดูแลการจราจรบริเวณคอขวดและจุดตัดไม่ให้เกิดการติดขัด การตรวจสอบกำกับดูแลความพร้อมการให้บริการรถโดยสารสาธารณะให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย พร้อมทั้งจัดเตรียมมาตรการสำหรับบริหารจัดการจราจรบนเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่นติดขัด อาทิ เปิดช่องจราจรพิเศษ ปิดจุดกลับรถ จัดระเบียบแถวจราจรบนถนนที่คาดว่าจะมีปัญหาการจราจร และต้องตรวจสอบกำกับดูแลให้ปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนถนน โดยเฉพาะจุดเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และพื้นที่ก่อสร้าง
.
ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจึงได้สนับสนุนมูลนิธิเมาไม่ขับจัดงานโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลปีใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งหวังอยากเห็นประชาชนผู้มาใช้บริการและประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงอันตรายจากเมาสุราแล้วขับรถ จึงมีมาตรการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์พนักงานเดินรถ พนักงานให้อาณัติสัญญาณ รวมทั้งพนักงานบริการบนขบวนรถไฟและจัดเจ้าหน้าที่ดูแลทำความสะอาดรถทุกขบวน ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ช่วยลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างต่อเนื่อง


Adblock test (Why?)


"ศักดิ์สยาม" เปิดโครงการรณรงค์ปีใหม่ปลอดโควิด-อุบัติเหตุทางถนน ลดสูญเสียชีวิตทรัพย์สิน - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

'ปคบ.'ทลายโกดัง 'นครชัยศรี' แอบผลิตวัตถุอันตรายทางการเกษตร - เดลีนีวส์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


'ปคบ.'ทลายโกดัง 'นครชัยศรี' แอบผลิตวัตถุอันตรายทางการเกษตร - เดลีนีวส์
Read More

ครม.ไฟเขียว พ.ร.ก.สารต้องห้ามทางกีฬา แก้ปม วาดา แบนไทย - ข่าวสด - ข่าวสด

ครม.ไฟเขียวแล้ว เดินเครื่องแก้ไข พระราชกำหนด ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา (พ.ร.ก.) แก้ปม วาดา สั่งแบนไทย เชื่อทันซีเกมส์ในเดือนพ.ค. 65

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 ธ.ค. มีมติเห็นชอบร่าง พระราชกำหนด ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา (พ.ร.ก.) โดยหลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการทูลเกล้าฯ และเสนอให้สภาฯให้ความเห็นชอบต่อไป สาเหตุที่ต้องออกเป็นพ.ร.ก.เพราะไปตกลงกัน องค์การต่อต้านสารกระตุ้นโลก (วาดา) ว่า จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นในเดือน ม.ค. อีกทั้งความล่าช้าที่เป็นอยู่ทำให้เสียหายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมประมาณ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ถือว่าเสียประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เป็นเหตุผลที่ออกพ.ร.ก.ได้ ที่สำคัญที่นำเรื่องนี้เข้าสภาฯเพื่อออกเป็น พ.ร.บ.จะเกิดความล่าช้า ถ้าการพิจารณาไม่แล้วเสร็จมีการปิดสมัยประชุมกฎหมายจะล่าช้าไปอีก

เมื่อถามว่าเมื่อพ.ร.ก.มีผลบังคับใช้แล้วหน่วยงานใดจะเป็นผู้เจรจากับวาดา เพื่อลดหย่อนโทษให้ประเทศไทย นายวิษณุ กล่าวว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย จะเป็นผู้ดำเนินการ คิดว่าจะไม่มีความยุ่งยาก เพราะระหว่างการร่างได้ประสานกับวาดามาโดยตลอด

เมื่อถามอีกว่าการขอลดหย่อนโทษจะแล้วเสร็จก่อนกีฬาซีเกมส์ในเดือนพ.ค. 65 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทันแน่นอน เราคิดไปถึง เอเชียนมาร์เชียลอาร์ตสเกมส์ ที่จะมีขึ้นในเดือน มี.ค.-เม.ย.มากกว่า

Adblock test (Why?)


ครม.ไฟเขียว พ.ร.ก.สารต้องห้ามทางกีฬา แก้ปม วาดา แบนไทย - ข่าวสด - ข่าวสด
Read More

อว.เพิ่ม 5 ช่องทาง ขอตำแหน่งทางวิชาการ 'เอนก' ฟุ้งให้เป็นของขวัญปีใหม่อาจารย์ทั่วประเทศ - มติชน

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) รองศาสตราจารย์ (รศ.) และศาสตราจารย์ (ศ.) พ.ศ.2564 แล้ว ซึ่งจะเป็นการขอตำแหน่งวิชาการที่ไม่จำเป็นต้องใช้แต่ตำราและงานวิจัยในรูปแบบเดิม อันจะทำให้การขอตำแหน่งทางวิชาการของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมีช่องทางเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มรูปแบบการขอตำแหน่งทางวิชาการเฉพาะด้านอีก 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านรับใช้ท้องถิ่นและสังคม 2.ด้านสร้างสรรค์สุนทรียะ ศิลปะ 3.ด้านการสอน 4.ด้านนวัตกรรม และ 5.ด้านศาสนา

นายเอนก กล่าวต่อว่า หลักเกณฑ์และช่องทางขอตำแหน่งทางวิชาการในรูปแบบใหม่นี้ขอมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับอาจารย์มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ และถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เป็นนวัตกรรมอุดมศึกษาแท้จริง ผู้ขอสามารถใช้ผลงานการเรียนการสอน ผลงานรับใช้ท้องถิ่นและสังคม ผลงานสร้างสรรค์ด้านศิลปะ ผลงานนวัตกรรม และผลงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนา มาขอตำแหน่งทางวิชาการได้ โดยในการขอตำแหน่งวิชาการแบบใหม่ทั้ง 5 แบบนี้ จะมีส่วนช่วยให้การทำงานวิชาการของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ มากขึ้น เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน นอกเหนือไปจากการทำตำราวิชาการและงานวิจัย

Adblock test (Why?)


อว.เพิ่ม 5 ช่องทาง ขอตำแหน่งทางวิชาการ 'เอนก' ฟุ้งให้เป็นของขวัญปีใหม่อาจารย์ทั่วประเทศ - มติชน
Read More

Monday, December 27, 2021

ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจาก “การให้ของขวัญปีใหม่” - โพสต์ทูเดย์

นักเศรษฐศาสตร์จุลภาค (Microeconomist) ที่มองว่า “การให้ของขวัญปีใหม่นั้นอาจทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล”

คอลัมน์ทันเศรษฐกิจ โดย...ศาสตราจารย์ ดร.พิริยะ ผลพิรุฬห์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)www.econ.nida.ac.th; https://ift.tt/3HgniL7; piriya@nida.ac.th

เป็นประจำในทุกๆ ปีในช่วงเทศกาลส่งความสุขที่เราจะจัดหาของขวัญปีใหม่ให้สำหรับญาติสนิทมิตรสหายต่างๆ และผมเชื่อว่าในตอนนี้ หลายๆ ท่านคงกำลังปวดหัวอยู่ว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญสำหรับเทศกาลปีใหม่ดีถึงจะเป็นที่ถูกใจแก่ผู้รับ

นักเศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomist) มักพ้องต้องกันว่า การจับจ่ายใช้สอยในการหาซื้อของขวัญปีใหม่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมผ่านการบริโภคของครัวเรือน (Household Consumption) และจะส่งผลทางบวกต่อปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่นการจ้างงาน หรือ ตลาดหุ้น (แต่อาจส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว) ก็ตาม แต่ความคิดเห็นดังกล่าวกลับแตกต่างจากแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์จุลภาค (Microeconomist) ที่มองว่า “การให้ของขวัญปีใหม่นั้นอาจทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล”

ความคิดนี้เกิดจากสาเหตุที่การให้ของขวัญปีใหม่มักจะ “เป็นการตัดสินใจของผู้ให้” แต่เพียงอย่างเดียวโดย “อาจไม่คำนึงถึงความต้องการของผู้รับ” ซึ่งส่งผลทำให้ “มูลค่าที่ผู้รับได้รับ (Value) นั้นอาจจะต่ำกว่าราคาที่แท้จริง (Actual Price) ของของขวัญ” ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครคนหนึ่งให้ของขวัญแก่คุณที่มีราคา 500 บาท ในขณะที่คุณเห็นว่าของชิ้นนั้นควรจะมีมูลค่าแค่ไม่เกิน 300 บาท แสดงว่าการให้ของขวัญชิ้นนี้เป็นการให้ที่ไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ (Inefficiency) และกลับก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ (Deadweight Loss) มากถึง 300 บาท

Waldfogel (1993) ได้ทำการประมาณการความสูญเสียดังกล่าวพบว่า การให้ของขวัญคริสต์มาส (Christmas Gift) สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่คนสหรัฐถึงประมาณ 4-13 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยยิ่งถ้าผู้ให้และผู้รับมีความแตกต่างทางสถานะทางสังคมมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เกิดความสูญเสียมากขึ้นเท่านั้น (เช่นของขวัญจากปู่ย่าให้แก่หลาน ซึ่งมีวัยต่างกันมาก จะสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ “มากกว่า” ของขวัญที่ได้รับจากเพื่อนสนิทที่อาจมีวัยใกล้เคียงกัน)

อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคน (รวมถึงตัวผมเอง) ไม่เห็นด้วยกับการงานศึกษาชิ้นนี้เท่าไรนัก สาเหตุมาจากการเลือกของขวัญมักแสดงถึงความใส่ใจของผู้ให้ที่มีต่อผู้รับ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางสังคม (มากกว่าที่จะสนใจว่าผู้รับจะพอใจที่ได้รับหรือไม่) บทความชิ้นหนึ่งในวารสาร The Economist ที่มีชื่อว่า “Is Santa a Deadweight Loss: Are all those Charismas Gifts just Waste of Resource?” ระบุว่า การให้ของขวัญอาจไม่สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจถ้า

1. ผู้รับของขวัญอาจไม่ทราบถึงความต้องการของตนที่แน่นอน การให้ของขวัญจึงเปรียบเสมือนกับความใส่ใจของผู้ให้ที่มีต่อผู้รับ การให้ของขวัญจึงไม่ใช่เป็นแค่การเปรียบเทียบระหว่างราคากับราคา แต่เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (ทางสังคม) ทางด้านความรักและความปรารถนาดีระหว่างกัน

2. ในบางกรณี ผู้ให้อาจมีช่องทางพิเศษในการหาของขวัญที่ได้ราคาถูกกว่าที่ผู้รับจะหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป หรือในบางกรณีที่ ผู้ให้อาจสามารถหาของขวัญที่ผู้รับไม่สามารถหาซื้อได้เลย การได้ของขวัญในลักษณะนี้จะสร้างความพึงพอใจแก่ผู้รับเป็นอย่างมาก

3. ของขวัญบางอย่างเป็นสิ่งที่ “ประเมินค่าไม่ได้” เนื่องจากเป็น “คุณค่าทางจิตใจ” มากกว่ามูลค่าทางตลาด เช่น แหวนแต่งงานอาจมีคุณค่าแก่ผู้เป็นเจ้าสาวมากกว่าราคาที่ขายในร้านเพชร หรือรูปวาด/งานฝีมือที่ลูกๆ พยายามทำให้พ่อแม่ อาจจะมีเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ (สำหรับพ่อแม่)

ในส่วนตัว ผมคิดว่า เราสามารถช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการให้ของขวัญนี้ได้ในหลายกรณี (เริ่มจากที่ไม่เห็นด้วย ไปจนถึงเห็นด้วย) ดังนี้

1. การให้ของขวัญที่ตัวเองได้รับจากคนหนึ่ง (ที่ตัวเองไม่ต้องการ) ไปให้อีกคนหนึ่ง (Re-gift) ซึ่งผู้ให้จะไม่ต้องเสียต้นทุนใดๆ ในการหาของขวัญ (โดยส่วนตัว ถึงแม้ว่าการ re-gift จะช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจก็ตาม แต่ตัวผมเองไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ เพราะเป็นการแสดงถึงความมักง่ายของผู้ให้)

2. การให้ของขวัญที่เป็น “เช็คของขวัญ” หรือ “เงินสด” ที่ผู้รับจะสามารถนำไปแลกซื้อสินค้าที่แต่ละคนต้องการ (โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้เช่นเดียวกัน เพราะแสดงถึงความละเอียดอ่อนของผู้ให้)

3. การให้ของขวัญที่แตกต่างกันไปในแต่ละปี เพื่อเป็นการสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้รับและจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของของขวัญชิ้นนั้นๆ ได้อีกทางหนึ่ง (ผมสังเกตเห็นหลายคนชอบให้ของขวัญซ้ำๆ กันทุกปี) (โดยส่วนตัว ผมคิดว่า การให้ของขวัญซ้ำๆ กันทุกปีอาจเป็นผลดีต่อผู้รับก็ได้ถ้าของขวัญชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์แก่ผู้รับ ในขณะที่ผู้ให้อาจมีช่องทางในการหาของขวัญชิ้นนั้นได้ในราคาถูก เช่น ตัวผมเองจะมีญาติที่เป็นหมอฟันที่มักจะให้แปรงสีฟันเป็นของขวัญปีใหม่ทุกๆ ปี ซึ่งเป็นของขวัญถูกใจครอบครัวของเราเป็นอย่างมาก)

4. การเลือกของขวัญที่ราคาไม่แพงนัก (เช่นการให้การ์ด ของขวัญที่ทำเอง หรือคำอวยพรแต่แสดงถึงความปรารถนาดีของผู้ให้ที่มีต่อผู้รับ) แทนที่ของขวัญที่มีราคาแพง ซึ่งจะช่วยทำให้ความแตกต่างของราคาและมูลค่าระหว่างผู้รับและผู้ให้ (และความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการให้) ลดลง (ซึ่งโดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้)

อย่างไรก็ดี การให้ของขวัญที่ “สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจน้อยที่สุด” จริงๆ แล้วก็คือ “การให้ของขวัญแก่ตัวเอง” เพราะเป็นการให้ที่ไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างราคาของผู้ให้และมูลค่าของผู้รับ (เพราะผู้ให้และผู้รับคือคนคนเดียวกัน) ดังนั้น ในเทศกาลปีใหม่นี้ นอกจากจะให้ของขวัญคนอื่นแล้ว “ท่านให้ของขวัญแก่ตัวเองหรือยังครับ” เพื่อเป็นการขอบคุณตัวเองที่ขยันและตั้งใจทำงาน (เรียน) อย่างหนักมาตลอดทั้งปี สวัสดีปีใหม่ครับ

ที่มา: Waldfogel, Joel (1993) “The Deadweight Loss of Christmas”, American Economic Review, 83(5): 1328-1336

Adblock test (Why?)


ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจาก “การให้ของขวัญปีใหม่” - โพสต์ทูเดย์
Read More

ถึงทางแยกอีกครั้ง! สธ.เปิดภาพ "โอมิครอน"ระบาดสูงสุดในไทย - กรุงเทพธุรกิจ

ถึงทางแยกอีกครั้ง! สธ.คาดหลังปีใหม่ โอมิครอนระบาด เปิดฉากทัศน์ คุมได้เร็วสุดใน 1-2 เดือน ติดเชื้อวันละ 1 หมื่นราย ตาย 60-70 คน หนักสุดติดสูงสุด 3 หมื่นรายต่อวัน ใช้เวลา 3-4 เดือน ขอคนไทยร่วมมือตามมาตรการป้องกันเข้มข้น หลังปีใหม่ work from home ตรวจคัดกรองก่อนกลับทำงาน   

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มอบให้กรมควบคุมโรค (คร.) เสนอฉากทัศน์ของการระบาด ซึ่งโอมิครอนระบาดเร็วกว่า ง่ายกว่า แต่ความรุนแรงโรคน้อยกว่าเดลตา และหลายประเทศก็ระบุว่า โอมิครอนไม่ได้รุนแรงมากกว่าเดลตา เพราะฉะนั้น ต้องพยายามป้องกันการติดเชื้อให้ได้มาก ไม่ให้มีการแพร่ระบาดรวดเร็วเกินไป เพราะหากแพร่ระบาดและมีคนป่วยมากๆ จะกระทบต่อระบบการดูแลของสาธารณสุข และมีเสียชีวิตมากขึ้น แม้ว่าความสามารถการติดเชื้อโอมิครอนมากขึ้น แต่การฉีดวัคซีนของประเทศไทยมีความครอบคลุมมากขึ้นเช่นกัน ขณะที่ตอนสู้กับเดลตา ที่ความรุนแรงสุดและการแพร่ระบาดมาก ประเทศไทยมีความครอบคลุมการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 20-30%

สถานการณ์โควิด-19ในประเทศไทย ปัจจุบันอยู่จุดต่ำสุด ขณะนี้ถึงทางแยกอีกครั้ง เพราะมีการระบาดของโอมิครอนเข้ามา  โดยคาดการณ์ฉากทัศน์สถานการณ์มี 3 แบบ คือ แบบที่ 1 รุนแรงที่สุด (Least favourable) เป็นฉากทัศน์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น กรณีอัตราการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้นจากการระบาดโอมิครอนในประเทศ มีการฉีดวัคซีนได้ใกล้เคียงกับช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.  แต่ประชาชนให้ความร่วมมือน้อย หรือไม่ให้ความร่วมมือ ไม่มีการป้องกัน ไม่มีมาตรการอะไรมากจะเกิดการระบาดและควบคุมยาก ใช้เวลา 3-4 เดือนควบคุมโรคได้ มีผู้ติดเชื้อ 30,000 รายต่อวัน เสียชีวิต 170-180 คนต่อวัน

แบบที่ 2 ปานกลาง (Possible)  มีอัตราการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้นจากการระบาดของโอมิครอนในประเทศ มีการฉีดวัคซีนได้ใกล้เคียงกับช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ประชาชนให้ความร่วมมือ Universal Prevention (UP) สถานประกอบการ จัดกิจกรรมปฏิบัติตาม VUCA ดี จะมีผู้ติดเชื้อ 15,000-16,000 รายต่อวัน เสียชีวิตราว 100 รายต่อวัน 

และแบบที่ 3 ดีที่สุด (Most favourable) ซึ่งสธ.อยากให้เป็นไปตามฉากทัศน์นี้หรือดีกว่านี้ โดยมีอัตราการแพร่เชื้อของโอมิครอนไม่สูงมาก เนื่องจากยังควบคุมการระบาดในประเทศได้ช่วงเดือน ม.ค. 2565 เร่งฉีดวัคซีนในทุกกลุ่มได้สูงทั้งเข็ม 1,2 และเข็มบูสเตอร์ มากกว่า 4 ล้านโดสต่อสัปดาห์ และประชาชนให้ความร่วมมือ UP เต็มที่ ลดกิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมาก สถานประกอบการจัดกิจกรรมปฏิบัติตาม VUCA อย่างเคร่งครัด และผับบาร์เปิดและควบคุมได้ดีมาก มีผู้ติดเชื้อ 10,000 นิดๆต่อวัน และเสียชีวิต 60-70 คนต่อวัน ใช้เวลาควบคุมได้ใน 1-2 เดือน 

“โรคนี้ป่วยได้ แต่ต้องรักษาได้ ไม่ให้เสียชีวิต หรือลดอัตราตายให้มากที่สุด สรุปภาพรวมขณะนี้ สถานการณ์โควิดทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐ และประเทศแถบยุโรป เกิดจากโอมิครอน ประเทศไทยยังควบคุมผู้ติดเชื้อได้ค่อนข้างดี ซึ่งขณะนี้โอมิครอนเริ่มแพร่กระจายมากขึ้นในไทย เป็นผู้เดินทางมาจากประเทศแถบยุโรป สหรัฐ แอฟริกา และตะวันออกกลาง ทั้งนี้ ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะช่วงหลังปีใหม่อาจพบติดเชื้อ และเสียชีวิต แต่อาการส่วนใหญ่ยังไม่รุนแรง ไม่ป่วยหนัก แต่ก็ต้องระมัดระวังตัวป้องกันโรค และขอให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 หรือเข็ม 3 เพราะลดการป่วยหนัก และเสียชีวิตได้ รวมทั้งขอให้มีการตรวจ ATK อย่างสม่ำเสมอ" นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า หลังปีใหม่อาจมีการระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะโอมิครอนที่ติดเชื้อง่าย ดังนั้น ขอให้ท่านปฏิบัติมาตรการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) อย่างต่อเนื่อง และตรวจคัดกรองก่อนกลับเข้ามาทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการคาดการณ์ฉากทัศน์ในไทยที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 3 หมื่นรายต่อวัน ต่ำกว่าที่อังกฤษถึง 3 เท่า มีบริบทอะไรที่ต่างกัน นพ.โอภาส กล่าวว่า การประเมินฉากทัศน์นั้น เราจะมีข้อมูลใส่ไปในระบบและประเมินออกมาเป็นเส้นๆ ซึ่งดูหลายๆข้อมูล โดยสิ่งที่ประเทศไทยและอังกฤษเหมือนกันคือมีประชากรประมาณ 60-70 ล้านคน และหากดูเปอร์เซ็นต์ฉีดวัคซีนเข็ม 1 และ 2 ก็คล้ายกัน แต่สิ่งที่เราดีกว่าคือความร่วมมือของประชาชน โดยเริ่มมาฉีดวัคซีนมาก โดยเฉพาะเข็มที่ 3 เพราะอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวัคซีนยี่ห้อไหน เมื่อผ่านไป 3 เดือนภูมิต้านทานเริ่มตก ดังนั้น สิ่งที่เราต่างกันคือ การเร่งฉีดเข็ม 3

นอกจากนี้ การป้องกันของประชาชน หรือ Universal Prevention จะเห็นว่าเมื่อไปสถานที่สาธารณะ หาคนไทยไม่ใส่หน้ากากอนามัยค่อนข้างยากมาก แต่อังกฤษเมื่อไปดูบอลที่สนามบอลแทบไม่สวมหน้ากากอนามัยเลย แต่ในเรื่อง Covid free setting ค่อนข้างเข้มข้นทั้งคู่ ขณะที่การตรวจชุดตรวจด้วย ATK ไทยตรวจค่อนข้างมาก พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือในการป้องกันควบคุมโรคเข้มข้นกว่าหลาย ๆ ประเทศที่ผ่านมา
 

Adblock test (Why?)


ถึงทางแยกอีกครั้ง! สธ.เปิดภาพ "โอมิครอน"ระบาดสูงสุดในไทย - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Sunday, December 26, 2021

กรุงศรี ประกาศตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี 2573 - ฐานเศรษฐกิจ

กรุงศรีมุ่งมั่นเดินหน้าตามพันธกิจสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยกำหนดเป้าหมายดังต่อไปนี้

1.       ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคารภายในปี 2573

2.       ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการให้บริการทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2593

3.       ลดการสนับสนุนทางการเงินแก่โรงไฟฟ้าพลังถ่านหินให้เหลือศูนย์ภายในทศวรรษนี้ และดำเนินนโยบายการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินอย่างโปร่งใส โดยเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเป้าหมายการปรับลดก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อและการลงทุนของธนาคาร

4.       เพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน เป็น 50,000-100,000 ล้านบาทภายปี 2573

5.       ส่งเสริมการพัฒนาตลาดการเงินยั่งยืนและการเงินสีเขียวในประเทศไทยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

Adblock test (Why?)


กรุงศรี ประกาศตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี 2573 - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

ความฉลาดทางอารมณ์ที่ว่าสำคัญ มีลักษณะเป็นอย่างไร - Sanook

คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่ไอคิวที่สูงแต่เพียงอย่างเดียวหากแต่พวกเขามีอีคิว หรือความฉลาดทางอารมณ์เป็นส่วนเสริมสำคัญ ที่ทำให้พวกเขานั้นสามารถใช้สติปัญญาควบคู่ไปกับการใช้อารมณ์เพื่อให้เกิดผลสำเร็จที่สูงสุด แล้วคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะมีลักษณะแบบไหนบ้างนั้นมาลองเช็คลิสต์กันดู

1. คุณมีความสนใจใคร่รู้เรื่องราวของคนอื่น
คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก็บตัว หรือเป็นคนชอบสังคม แต่คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะมีลักษณะที่สนใจเรื่องราวของผู้คนที่อยู่รอบข้าง ซึ่งแสดงออกถึงความเอาใจใส่ผู้อื่น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบุคลิกภาพที่สำคัญของผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์

2. คุณไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง
ทุกครั้งที่เกิดความเปลี่ยนแปลง คนที่มีความไม่มั่นคงทางอารมณ์จะรู้สึกกลัวและกังวล แต่สำหรับคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์แล้วไม่กลัวเรื่องความเปลี่ยนแปลง แต่กลับกล้าที่จะเผชิญหน้า เพราะวิธีคิดของพวกเขาต่อความเปลี่ยนแปลงนั้น คือ ความเปลี่ยนแปลงจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหา หรือการพาไปยังความสำเร็จ หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงก็สามารถสร้างความสุขได้เช่นกัน

3. คุณรู้จักจุดอ่อนและจุดแข็งของตนเอง
ผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์ไม่ได้มีแค่เพียงความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของตนเองเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ที่รู้ด้วยว่า อะไรที่พวกเขาทำได้ดี และอะไรที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ดี แต่ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในส่วนที่เป็นจุดอ่อนหรือจุดแข็งของตนเอง คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะสามารถเรียกตัวช่วยจากคนรอบข้างในการนำพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จได้

4. คุณรู้จักที่จะวิเคราะห์ผู้คน
คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์นั้น จะมีความระมัดระวังต่อการเข้าสังคม พวกเขาจะสามารถอ่านใจคนที่อยู่รอบข้างได้ไม่ยากนัก และด้วยทักษะในการวิเคราะห์ผู้คน ทำให้คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์รู้ว่าจะต้องเลือกใครมาทำงานด้วย และใครที่พวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงในการทำงานร่วมด้วย

5. ยากที่ใครจะสามารถทำร้ายคุณด้วยคำพูด
คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์นั้น จะสามารถยับยั้งหรือมองการทำร้ายด้วยคำพูดได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าคนที่พูดนั้นแท้จริงแล้วมีปมอะไรอยู่ในใจ ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์เป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเอง และเปิดใจที่จะรับฟังผู้อื่น

6. คุณรู้วิธีที่จะปฏิเสธผู้อื่น
คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์รู้ดีว่าพวกเขาจะปฏิเสธคำขอที่ไม่เกิดประโยชน์จากผู้อื่นอย่างไร เพราะในความเป็นจริงแล้วการปฏิเสธผู้อื่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เพียงเพราะคำว่า “เกรงใจ” ขณะที่คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์รู้ดีว่า การให้ความช่วยเหลือที่อาจกลับมาทำร้ายตัวเองได้นั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องปฏิเสธ และพวกเขาก็ทำได้ดี ด้วยการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลแต่แน่วแน่

7. คุณไม่เอาความผิดพลาดในอดีตมาทำร้ายตนเอง
คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์นั้น เมื่อทำอะไรผิดพลาดไปเขาจะเรียนรู้และแก้ไข แต่เหนืออื่นใด พวกเขาจะไม่กลับไปนั่งนึกว่าทำไมฉันถึงผิดพลาดได้ แต่พวกเขาจะมองไปข้างหน้า เพราะไม่มีประโยชน์อะไรจะหันกลับไปมองอดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว

8. คุณให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
เวลาที่คุณได้รับความช่วยเหลือหรือสิ่งของจากใครแล้วเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะให้คุณมาตอบแทนอะไร คุณจะรู้สึกประทับใจมาก ขอให้เรียนรู้ไว้ว่านั่นคือบุคลิกหนึ่งของผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์ที่ไม่ได้หวังจะได้ผลตอบแทนใด ๆ เมื่อช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว

9. คุณไม่ได้มองหาความสมบูรณ์แบบ
คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะไม่ได้วางเป้าหมายของตนเองให้เป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขารู้ดีกว่าความสมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์นั้นไม่มีบนโลกใบนี้ และพวกเขาจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดและไม่ว่าผลของมันจะออกมาเป็นเช่นไร พวกเขาก็พร้อมที่จะยอมรับ

Adblock test (Why?)


ความฉลาดทางอารมณ์ที่ว่าสำคัญ มีลักษณะเป็นอย่างไร - Sanook
Read More

"คริปโท"อสังหาฯฟีเวอร์!!ทางเลือกระดมลงทุนเข้าถึงคนรุ่นใหม่ - กรุงเทพธุรกิจ

  ต้องยอมรับว่า "ตัวเร่ง" ที่ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ตัดสินใจโดดลงมาเล่น เป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนวิธีคิดแบบเดิมๆเพราะพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน  มาตรการป้องกันโรคระบาด เช่น การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้การขายในรูปแบบเดิมหยุดชะงักไป จึงเป็นเวลาของแพลตฟอร์มออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น " บิทคับ"  จึงกลายเป็นคำตอบสุดท้ายในการเข้ามาทดลองตลาดคริปโทเคอร์เรนซี
                      ไม่ว่าจะเป็นอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศความร่วมมือกับบิทคับ รับชำระเงินซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมของอนันดาฯ ทุกโครงการผ่านคริปโทเคอเรนซี 3 สกุลเงินดิจิทัลได้แก่ Bitcoin: BTC, Ethereum: ETH และ Tether USD: USDT หลังจากนั้นบรรดาผู้ประกอบการอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นออริจิ้น ,ชาญอิสระ, แอสเซสไวส์ และล่าสุดเมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ที่เข้ามาใช้บริการของ" บิทคับ" ในการ รับชำระเงินซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมด้วยคริปโท ตามสกุลที่บริษัทเลือก 

“กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดิจิทัลแอสเสท เข้ามาเป็นตัวเสริม ทำให้ลูกค้าเกิดความสะดวกสบายขึ้น ในอนาคตดิจิทัลแอสเสทจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ที่สำคัญจะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและสร้างรายได้ เนื่องจากลูกค้าหลักของแอสเซทไวส์เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้คริปโท 
    ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ 30-40% นักลงทุน 20-30% ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแอสเซทไวท์ในการทำดิจิทัลแอสเสท คู่ขนานกันเพื่อรองรับกับกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และขยายโอกาสทางธุรกิจ ที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยการโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่ในมือก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีควาสนใจและศักยภาพในการซื้ออสังหาฯ เพื่อการลงทุน ในรูปแบบของ “assetToken” ซึ่งต่างจาก “หุ้น” ตรงที่สามารถซื้อขาย (Trade) ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง 7 วัน โดยไม่ต้องรอเวลาตลาดเปิด-ปิดแบบหุ้น
    กรมเชษฐ์ มองว่า การเข้ามาของ ดิจิทัลแอสเสท ถูกจังหวะเวลา! ในการเพิ่มโอกาสในการขายอสังหาฯ เพราะ ในอนาคตการทำธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญไปสู่โลก “ดิจิทัล” หากไม่ปรับตัว หรือปรับเปลี่ยนที่เร็วพอ จะถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดหรือล้มหายตายจากไปในที่สุด

  สอดคล้องกับ เศรษฐา ทวีสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  ระบุว่า จากจุดแข็งของแสนสิริที่มีการพัฒนาโครงการมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท และจำนวนฐานลูกค้าในมือกว่า 100,000 ราย ทำให้มองเห็นถึง “โอกาส”จากการเปิดรับสกุลเงินดิจิทัล สามารถใช้คริปโทซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียมของแสนสิริได้ทุกโครงการ  รวมถึงยังใช้จ่ายค่าส่วนกลางได้ ซึ่งจะเป็นอีกก้าวของการเติบโตในการสร้างรายได้เพิ่ม  โดยเปิดรับคริปโท 4 สกุล ได้แก่ Bitcoin, Ethereum (ETH), USDC และ USDT ผ่านทาง Bitazza 

    ด้วยการลงทุนใน “XSpring”หรือบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)  กลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่เชื่อมโลกการเงินปัจจุบันกับโลกการเงินดิจิทัล โดยแสนสิริเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ในสัดส่วน 15% ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท

  นอกจากนี้สิงห์ เอสเตท จับมือกับ Genesis Block ในฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระบบนอกตลาด (OTC)เพื่อเปิดทางให้ชาวต่างชาติที่ถือสกุลเงินดิจิทัล สามารถซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ขณะที่ค่ายMQDC ,เจ้าพระยามหาคร ,เอสซี แอทเสท ,แกรนด์ แอสเเสท ใช้แพลตฟอร์มของZipmexในการรับคริปโทเคอร์เรนซี 

    อัญชลี เลิศสุวรรณรัชต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไลฟ์สไตล์ในการดำรงชีวิตของทุกเจเนอรชัน เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน รวมถึงการลงทุนทาง ดิจิทัลแอสเสท ด้วยคริปโทเคอร์เรนซี  ที่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะซื้อเก็บเหรียญเก็งกำไร เริ่มเป็นสื่อกลางการทำธุรกรรมทางการเงินแห่งอนาคต ดังนั้นทางโครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” ได้เห็นแนวโน้มในการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยการใช้  ดิจิทัลแอสเสท

    ล่าสุด จึงได้ร่วมมือกับซิปเม็กซ์  ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับการซื้อห้องชุดโดยชำระผ่านคริปโท เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทโดยรองรับเหรียญสกุลหลักถึง 6 สกุลเงินทั้งสายเทรด และสายฟาร์มได้แก่ บิตคอยน์ , อีเธอเรียม, เทเทอร์, ริปเปิล , ไลท์คอยน์  และ ZMT (Zipmex Token) ซึ่งเป็นเหรียญของทาง Zipmex เอง ลูกค้าสามารถชำระผ่านWalletจากซิปเม็กซ์โดยสามารถซื้อขายผ่านคริปโทเคอร์เรนซีได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

    “โลกในทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก มีการลงทุนแบบใหม่ การหาผลตอบแทนแบบใหม่ จึงเกิดเป็นความร่วมมือในครั้งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่ รวดเร็ว สะดวกสบาย ให้กับลูกค้าถือว่าเป็นการก้าวเข้าสู่โลกแห่งการลงทุนยุคใหม่” นางสาวอัญชลี กล่าว

     ขณะที่ "พีระพงศ์ จรูญเอก " ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า จากวิกฤติโควิดทำให้ธุรกิจอสังหาฯปรับตัวเข้าพฤติกรรม ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นของบ้านและคอนโดให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิต และขยายธุรกิจที่รองรับกับความต้องการของลูกค้าในอนาคต รวมถึงการเปิดโอกาสนักลงทุนรุ่นใหม่ทั้งสายเทรดและสายฟาร์มเลือกซื้อบ้านและคอนโดผ่านบิทคับรองรับเหรียญคริปโต 3 สกุลได้แก่อีเธอเรียม  เทเทอร์  และบิทคอยน์    

     ทั้งนี้ เนื่องจาก Digital Tokensเป็นเมกะเทรนด์โลก!!  หากใครไม่ปรับตัวจะตกขบวน

    " อสังหาฯ เป็นสินค้าที่มูลค่าสูงต้องใช้เงินจำนวนมากการชำระด้วยคริปโต มีความสะดวกรวดเร็วสามารถกดโอนเงินได้ทันทีไม่ถึง20 นาทีได้รับเงินแล้วขณะที่ถ้าเป็นกระบวนการเดิมใช้ระยะเวลา7-14วันกรณีทีมีเงินสดทำให้ไม่เสียโอกาส  ยิ่งถ้าเป็นการซื้อขายกับต่างประเทศ ทำให้ง่ายขึ้น ฉะนั้นการจ่ายเงินซื้อบ้านใยยุคนี้ต้องเป็นคริปโต ซึ่งหลังจากล้อนช์แคมเปญออกไปมีทั้งคนไทบและต่างประเทศให้การตอบรับที่ดี"

ดังนั้นในปี2565 บริษัทมีแผนออกเหรียญ“P Coin”ม.ค.ปี65เพื่อนำมาใช้ในแพลตฟอร์มของออริจิ้นได้เสมือนเป็นคูปองดิจิทัลสามารถใช้บริการตามที่ต้องการได้

" วันนี้ออริจิ้นไม่ได้ขายบ้าน แต่ขายประสบการณ์การใช้ชีวิตให้กับลูกค้าทุกมิติเป็นการต่อยอดจากธุรกิจอสังหาฯ โดยผ่านดิจิทัลวอลเล็ตในเครือ และในอนาคตเหรียญP Coinจะสามารถไปลิงค์กับ JFin Coin ของเจ มาร์ท ได้ด้วยเป็นการเชื่อมโยงอีโคซิสเท็มออริจิ้นกรุ๊ปกับเจ มาร์ทกรุ๊ป "

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาวิธีการ"ระดมทุน"ในรูปแบบของ เรียลเอสเตท แบล็คโทเทคคล้ายกับสิริฮับโทเคน ที่ออกมา เนื่องจากออริจิ้นทำคอนโดที่มีการลงทุนขายไปแล้วลงทุนกลับมาให้กับลูกค้า

โดยการเปลี่ยนจากการขายเป็นยูนิตมาขายเป็นตารางฟุต ซึ่งมีลักษณะคล้ายรีท ที่มีผลตอบแทนจากการลงทุนแบบ Decentralizedทำให้คนตัวเล็กเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วยการลงทุนผ่านโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน ผู้ถือจะได้รับสิทธิการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ คล้ายคลึงกับการถือหน่วยลงทุน เช่น สิทธิจากส่วนแบ่งรายได้ หรือผลกำไรจากการลงทุน ตามสัดส่วนโทเคนที่เข้าไปลงทุน ซึ่งเป็นแนวทางการทำดิจิทัลแอทเสทของออริจิ้น เริ่มจากต้นปีและกลางปี2565 ตามลำดับ

"ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่าปัจจุบันmarket capของคริปโทมีมูลค่ามากกว่า2ล้านล้านเหรียญสหรัฐเติบโตจากปี2562ถึง 10 เท่า

ขณะที่จำนวนผู้ใช้คริปโทต้นปี 2564 มีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคน เพิ่มจากเดิม 35 ล้านคนในเวลา 2 ปีและมีการคาดการณ์จากกลุ่ม SFA (Singapore FinTech Association)ระบุว่าจะเติบโตจาก 100 ล้าน เป็น 300 ล้านคนในปี 2564   การที่ผู้ใช้มีความคุ้นชิน ได้รับความสะดวก และมีความเชื่อมั่นที่มากขึ้นในสินทรัพย์ดิจิตอล โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่จะทำให้คริปโทได้รับความนิยมมากขึ้นอีกในอนาคต 

    ทั้งนี้จากจำนวนผู้ใช้คริปโทเคอร์เรนซี ที่มากขึ้น และดีมานด์ของอสังหาฯ ที่สูงขึ้นจากการเปิดประเทศ จะเป็นลมส่งสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2565  บริษัทจึงร่วมกับ Zipmex แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลเปิดรับ 5สกุลเงินดิจิทัลซื้อบ้านและคอนโดทุกแห่ง รองรับการขยายฐานกลุ่มลูกค้าอนาคตทั้งในไทยและต่างประเทศเริ่มวันที่  1 ธ.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากบริษัทมีโรดแมพสำคัญทำผ่านคริปโท เริ่มจากการออก "SC Morning Coin "ในปี2565 ซึ่งเป็น utility token เพื่อประโยชน์ของพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุนที่หลากหลายรวมกว่า 400,000 คน ภายใน ecosystem ของ SC เป็นการต่อยอดจาก SC token ที่ปัจจุบันใช้กันภายในองค์กรอยู่แล้ว  

 ถัดมาเป็นการทำ ICO (Initial Coin Offering) ซึ่งเป็น security token เพื่อการระดมทุนภายใน 3 ปีนี้ ปัจจุบัน SC มีสินทรัพย์ที่สร้าง recurring income มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท และ การมองหาโอกาสการทำ  NFT (Non-Fungible Tokens)ในปีหน้า 

Adblock test (Why?)


"คริปโท"อสังหาฯฟีเวอร์!!ทางเลือกระดมลงทุนเข้าถึงคนรุ่นใหม่ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Saturday, December 25, 2021

เปิดโพลคะแนนนิยมทางการเมือง เช็กเลย!!ใครเหมาะสมเป็นนายกฯ - โพสต์ทูเดย์

นิด้าโพล เผย ผลสำรวจ คะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/2564 พบ อันดับ 1 ยังไม่มีใครเหมาะสมเป็นนายกฯ และยังไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใด

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 64 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/2564” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-21 ธันวาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,504 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.54 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 16.93 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนมีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ บริหารงานดี นโยบายช่วยเหลือประชาชนได้จริง อันดับ 3 ร้อยละ 10.74 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง

มีแนวคิดและอุดมการณ์ในการพัฒนาประเทศ อันดับ 4 ร้อยละ 10.55 ระบุว่าเป็น น.ส. แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ อันดับ 5 ร้อยละ 5.51 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ เป็นคนเก่ง พูดจริง ทำจริง มีประสบการณ์ด้านการบริหาร อันดับ 6 ร้อยละ 4.83 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนเก่ง กล้าพูด กล้าทำ ตรงไปตรงมา มีอุดมการณ์ในการทำงาน อันดับ 7 ร้อยละ 4.35 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ อันดับ 8 ร้อยละ 2.36 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) เพราะ เป็นคนมีวิสัยทัศน์ในการทำงาน มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ อันดับ 9 ร้อยละ 2.24 ระบุว่าเป็น นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนที่มีความสามารถหลากหลาย มีภาวะผู้นำ ชื่นชอบในนโยบาย ของพรรคเพื่อไทย อันดับ 10 ร้อยละ 1.84 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ เป็นคนซื่อสัตย์ บริหารงาน อย่างตรงไปตรงมา และร้อยละ 4.11 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) น.ส. กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคเศรษฐกิจใหม่) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายชวน หลีกภัย และ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์

และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 3/64 เดือนกันยายน 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) และนายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 37.14 ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมือง ใดเลย อันดับ 2 ร้อยละ 23.52 ระบุว่า พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 13.18 ระบุว่า พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 8.99 ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 5 ร้อยละ 7.15 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 2.43 ระบุว่า พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 7 ร้อยละ 1.60 ระบุว่า พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 8 ร้อยละ 1.56 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ อันดับ 9 ร้อยละ 1.32 ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย อันดับ 10 ร้อยละ 1.08 ระบุว่า พรรคกล้า และร้อยละ 2.03 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยภักดี พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ และพรรคเพื่อชาติและเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 3/64 เดือนกันยายน 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทย และพรรคกล้า มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

Adblock test (Why?)


เปิดโพลคะแนนนิยมทางการเมือง เช็กเลย!!ใครเหมาะสมเป็นนายกฯ - โพสต์ทูเดย์
Read More

ผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง สุขภาพดี อิสระเสรี ชีวีมีสุข - ข่าวสด

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2564 ที่ห้องไทยจิตรลดา โรงแรม Bangkok Marriot Marquis Queen’s park กรุงเทพฯ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานการประกวด “ผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง สุขภาพดี อิสระเสรี ชีวีมีสุข แห่งชาติ พ.ศ. 2564” หรือ “Thailand Top Peritoneal Dialysis Idol 2021”

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

งานดังกล่าวนี้จัดโดย สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ภาคีองค์กร อันประกอบด้วย มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย, สมาคมพยาบาลโรคไตแห่งประเทศไทย, สมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย, ชมรมรอยโรคช่องปากแห่งประเทศไทย, กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

การประกวดนี้ เพื่อค้นหาผู้ป่วยฟอกไตที่มีความเป็นเลิศด้านต่าง ๆ รวม 5 ด้าน คือ “สุขภาพกายโดดเด่น” “สุขภาพจิตยอดเยี่ยม” “อุทิศตนเป็นเลิศ” “ทูตสันถวไมตรี” และ “เลิศด้านการล้างไตทางช่องท้อง” และรางวัลพิเศษ “ขวัญใจประชาชน” จากศูนย์ล้างไตทั่วประเทศ

นพ.จเด็ด ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ทำการฟอกไตในประเทศไทยมีประมาณ 150,000 ราย และ ในจำนวนนี้ มีประมาณ 30,000 รายเศษ ซึ่งเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ในสถานพยาบาลที่กำหนด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

และเมื่อเข้าสู่ระยะต้องฟอกไต ผู้ป่วยจะได้รับสิทธิการบำบัดทดแทน ได้แก่ การล้างไตทางช่องท้อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ซึ่งข้อดีของการล้างไตทางช่องท้อง มีดังนี้

1) ผู้ป่วยสามารถทำการรักษาด้วยตัวเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปที่ศูนย์ฟอก ซึ่งเป็นการลดภาระและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ป่วยและผู้ดูแล และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโควิด 19

2) กำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน เนื่องจากสามารถทำการฟอกไตได้ทุกวัน
3) ไม่ทำให้การทำงานของไตเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
4) สามารถออกแบบชีวิตตนเองได้อย่างมีอิสระ มีเวลาสำหรับไปทำสิ่งที่รักได้มากขึ้น

5) ผู้ป่วยสามารถเลือกรับประทานอาหารได้หลากหลาย

ปีที่ผ่านมา สปสช.ยกระดับ “ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง” สิทธิบัตรทอง หนุน “เครื่องล้างไตอัตโนมัติ” ให้ใช้ที่บ้าน ส่งน้ำยาผ่านไปรษณีย์ฟรีทุกเดือน หวังเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วย-ผู้ดูแล พร้อมตั้งเป้านำร่อง 500 ราย สำหรับการล้างไตด้วยเครื่องอัตโนมัติ (APD) เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ที่ขยายเพิ่มขึ้นแก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย

ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการล้างไตโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน โดยผู้ป่วยสามารถตั้งเวลาการทำงานของเครื่องไว้ได้ล่วงหน้า ไม่ต้องตื่นมากลางดึกเพื่อเติมน้ำยาล้าง ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแลนั้นดีขึ้น

รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานโครงการจัดการประกวด “ผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง สุขภาพดี อิสระเสรี ชีวีมีสุข แห่งชาติ พ.ศ. 2564 (Thailand Top Peritoneal Dialysis Idol 2021)” แบบ hybrid เฟ้นหาตัวแทนผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องกว่า 30,000 ราย ทั่วประเทศ จาก 13 เขตสุขภาพ ที่มีสุขภาพกายสุขภาพจิตดีเยี่ยม จิตสาธารณะ และโดดเด่นด้านการล้างไตทางช่องท้อง เหมาะสมกับการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ป่วยที่กำลังตัดสินใจฟอกไตหรือได้ทำการฟอกไตไปแล้ว

รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย

โดยให้มาถ่ายทอดความรู้สึกและแลกเปลี่ยนประสบการณ์โรคไตเรื้อรัง การรักษา และแง่มุมต่างๆ ให้กับสาธารณชนและผู้ป่วยท่านอื่นได้รับทราบ ผ่านสื่อสาธารณะ รวมถึงวิธีการดูแลตนเองให้สุขกาย สุขใจ มีสังคมที่เป็นสุข เป็นตัวอย่างที่ดีในการดูแลตนเองแก่ผู้ป่วยคนอื่น ๆ ชี้ให้เห็นว่าการล้างไตทางช่องท้องนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข

ผลิตภัณฑ์จากถุงล้างไต

นอกจากนี้ในงานนี้ยังได้มีการมอบรางวัลพิเศษ “ขวัญใจประชาชน” ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบแด่ผู้ป่วยที่ชนะใจผู้ชมทางบ้าน จากยอดการเข้ามารับชม clip วีดีทัศน์ผู้ป่วยทั้งหมด 50 clips นับถึงปัจจุบันพบว่ามีผู้เข้าชมแล้วมากกว่า 25,000 ราย

พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึง “สถานการณ์โรคไตในคนไทยปัจจุบัน” โรคไตเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก ในประเทศไทยเรามีผู้ป่วยโรคไต 8 ล้านคน มีผู้ป่วยไตวายต้องฟอกกว่าแสนราย “โรคไตเป็นเรื่องที่ป้องกันได้” หากทุกท่านปรับพฤติกรรมการบริโภค ด้วยการลดเค็มครึ่งหนึ่ง งดเหล้า-บุหรี่ งดการกินยาแก้ปวด แก้อักเสบโดยไม่จำเป็น จะช่วยชะลอความเสื่อมของไตได้

พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการเองก็ควรมีฉลากระบุปริมาณแคลอรีและโซเดียมให้ชัดเจน ผู้ผลิตเองก็ควรปรับลดปริมาณเกลือในสูตรอาหาร และเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางเลือกโซเดียมต่ำออกสู่ตลาดมากขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์ทั้งทางผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งเมื่อการเจ็บป่วยลดลง ก็จะช่วยชาติประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาในอีกทางหนึ่ง

ปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยไตวายระยะต้องฟอก กว่าครึ่งปฏิเสธการล้างไต รอจนกว่าเกิดภาวะน้ำท่วมปอดและอาการมากแล้วจึงตัดสินใจฟอก ซึ่งในระยะนี้จะทำให้ผลลัพธ์การฟอกไตออกมาได้ไม่ดี ดังนั้นตัวแทนผู้ป่วยทั้ง 13 ท่านจากการประกวดในครั้งนี้ จะมาช่วยบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตว่าสามารถฟอกไตแล้วมีสุขภาพดี ชีวีมีสุขได้ หากทำถูกวิธีและต่อสู้ ไม่ท้อถอย จะทำให้ท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดีและครอบครัวเป็นสุขได้

ผู้สนใจ รับชมการประกวด “ผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง สุขภาพดี อิสระเสรี ชีวีมีสุข แห่งชาติ พ.ศ. 2564 (Thailand Top Peritoneal Dialysis Idol 2021)” ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก :
สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย – The Nephrology Society of Thailand

Adblock test (Why?)


ผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง สุขภาพดี อิสระเสรี ชีวีมีสุข - ข่าวสด
Read More

ช็อก Valencia ประกาศแยกทาง 3 ผู้เล่นหลัก Piper-Isilindilz-AlmondP - ข่าวสด

Valencia CF Esports ประกาศแยกทางกับ 3 ผู้เล่นคัวหลักของทีม นั่นก็คือ Piper, Isilindilz และAlmondP

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

สำหรับ Valencia CF Esports ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขัน RoV Pro League 2021 Winter ที่ผ่านมาหลังคว้าตำแหน่งรองแชมป์มาครอง รวมถึงผ่านเข้าไปในรอบก่อนรองชนะเลิศของศึก Arena of Valor International Championship 2021 หรือ AIC 2021

อย่างไรก็ตามล่าสุดเพจเฟสบุ๊ก Valencia CF Esports ได้ประกาศข่าวสุดช็อกว่าได้แยกทางกับ 3 ผู้เล่นหลักของทีมอย่าง Piper ผู้เล่นตำแหน่ง Dark Slayer Lane, Isilindilz ผู้เล่นตำแหน่ง Support และAlmondP ผู้เล่นตำแหน่ง Jungle เป็นที่เรียบร้อย โดยระบุว่า

วันนี้ทีมเราจำต้องกล่าวคำอำลา และขอบคุณแก่สมาชิกในทีม
เราขอขอบคุณความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และความเอาใจใส่ของ Piper(ไปป์) Isilindilz(ปอง) และ AlmondP(ม่อน) ที่ให้กับทีม VCF
สุดท้ายพวกเราขออวยพรให้ทุกคน สมหวังกับการเดินทางต่อไปข้างหน้า ในฐานะนักกีฬาที่ดีและเป็นที่จดจำของพวกเรา🧡

ส่งผลให้ขณะนี้ Valencia CF Esports เหลือผู้เล่นในทีมประกอบด้วย Hannagus, Myra และNornun เท่านั้น

ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ก : Valencia CF Esports – Thailand

Adblock test (Why?)


ช็อก Valencia ประกาศแยกทาง 3 ผู้เล่นหลัก Piper-Isilindilz-AlmondP - ข่าวสด
Read More

เคาะแล้ว 2 ทางคู่ “เด่นชัย/บ้านไผ่” 1.28 แสนล้านลงนามสร้าง ม.ค.65 - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

เคาะแล้ว 2 ทางคู่ “เด่นชัย/บ้านไผ่” 1.28 แสนล้านลงนามสร้าง ม.ค.65  ประชาชาติธุรกิจ
เคาะแล้ว 2 ทางคู่ “เด่นชัย/บ้านไผ่” 1.28 แสนล้านลงนามสร้าง ม.ค.65 - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

Friday, December 24, 2021

สร้างคนแบบ "ซิตี้แบงก์" เน้นความเท่าเทียม-แตกต่างทางเพศ - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

สร้างคนแบบ "ซิตี้แบงก์" เน้นความเท่าเทียม-แตกต่างทางเพศ  ประชาชาติธุรกิจ
สร้างคนแบบ "ซิตี้แบงก์" เน้นความเท่าเทียม-แตกต่างทางเพศ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

เตือนภัย "ไรเดอร์โรคจิต" แกล้งถามทางผู้หญิง ก่อนสไลด์หนอนโชว์ - คมชัดลึก

"ไรเดอร์โรคจิต" งานนี้ขอเตือนภัยเหล่าสาว ๆ เป็นการด่วน หลังเพจเฟซบุ๊กชื่อดังได้โพสต์ภาพพร้อมบอกเล่าเรื่องราวของหนุ่มไรเดอร์คนหนึ่ง ที่ตีเนียนเข้ามาแกล้งหลอกถามทาง ก่อนจะอาศัยจังหวะทำเป็นเกาตรงจุดของสงวนและควักออกมาสไลด์หนอนโชว์ งานนี้ทำเอาสาวรายดังกล่าวถึงกับร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

เตือนภัย "ไรเดอร์โรคจิต" เมื่อหนุ่มไรเดอร์รายหนึ่งกล้าที่จะสไลด์หนอนโชว์ต่อหน้าสาว สืบเนื่องจากเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2 ได้โพสต์ภาพของหนุ่มไรเดอร์ที่กำลังยืนอยู่ริมถนน พร้อมกับมีรถจักรยานยนต์ส่งอาหารอยู่ข้างหลัง ก่อนที่จะระบุเรื่องราวทั้งหมดไว้ว่า...เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 16.30 บริเวณแถวสุวินทวงศ์

โดยมีหญิงสาวรายหนึ่งได้ทำการนั่งรอรถตู้อยู่ตรงศาลาริมทางพร้อมกับเพื่อนเป็นปกติ แต่ระหว่างนั้นก็มี "ไรเดอร์โรคจิต" มาจอดรถข้างหน้าศาลาก่อนตีเนียนมาหลอกถามทาง และอยู่ดี ๆ ก็ทำท่าเกาตรงจุดของสงวนซะงั้น งานนี้พอสาวรายดังกล่าวเห็นท่าไม่ดีเธอก็เลยแอบหยิบโทรศัพท์มาถ่ายไว้ และหนุ่มไรเดอร์รายนี้ก็ควักออกมาสไลด์หนอนโชว์ทันที ทำสาวรายดังกล่าวร้องไห้ขวัญเสียเป็นอย่างมาก งานนี้ใครที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นคงต้องระมัดระวังตัวเองให้ดีมากขึ้นเลยทีเดียว

ไรเดอร์โรคจิต, หนุ่มไรเดอร์, เตือนภัย, สไลด์หนอน

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2 

Adblock test (Why?)


เตือนภัย "ไรเดอร์โรคจิต" แกล้งถามทางผู้หญิง ก่อนสไลด์หนอนโชว์ - คมชัดลึก
Read More

บอร์ดกองสลากฯเคาะ 3 ทางแก้ปัญหาหวยแพง - กรุงเทพธุรกิจ

บอร์ดกองสลากฯเห็นชอบ 3 แนวทางแก้หวยแพง ดันเปิดจุดขายหวย 80 บาท 1 พันแห่งเพิ่มเติม พร้อมรื้อใหญ่คนขายหวย 2 แสนราย ให้มาลงทะเบียนใหม่ และเปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ดัดหลังกลุ่มดอทคอม เริ่มพ.ค. 65

อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ลวรณ แสงสนิท ระบุ ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ เห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาขายสลากเกินราคา 80 บาท 3 แนวทาง ดังนี้ 1.โครงการสลาก 80 บาท จะเปิดรับสมัครผู้ที่มีโควตาสลากอยู่แล้วเข้าร่วมจุดขาย 80 บาทเพิ่มเติม โดยเปิดรับสมัคร 24 ธ.ค.64 - 24 ม.ค.65 โดยผู้เข้าร่วมได้ลอตเตอรี่ไปขาย 25 เล่ม และบังคับขายผ่านแอพเป๋าตังจำนวน 1,000 จุดจำหน่าย เริ่มขายตั้งแต่งวดวันที่ 2 พ.ค.นี้

ที่ประชุมยังให้รื้อโควตา ผู้ซื้อจองสลากครั้งใหญ่รอบ 7 ปี โดยจะยกเลิกผู้ได้สิทธิเดิม และเปิดรับสมัครผู้ซื้อ-จองใหม่ 200,000 ราย พร้อมนิรโทษกรรมผู้เคยถูกตัดสิทธิเดิม ให้เข้ามาสมัครได้ด้วย โดยจะเปิดรับสมัครผ่าน www.glo.or.th ตั้งแต่วันที่ 1 -31 ม.ค.65 โดยจะได้รับสลากฯไปจำหน่ายรายละ 5 เล่ม ราคาต้นทุนใบละ 70.40 บาท เพื่อไปขาย 80 บาท แต่จะต้องซื้อจองผ่านกรุงไทยเหมือนเดิม เริ่มขายงวดแรกเดือนพ.ค. 64 และ 3.จะเปิดแพลตฟอร์ตออนไลน์เอง เพื่อให้ผู้ที่มีสิทธิ์ล็อตเตอรี่ 5 เล่ม สามารถนำมาฝากขายได้ ถือเป็นแพลตฟอร์มกลาง ที่จะขายสลาก 80 บาท โดยสลากตัวจริง จะอยู่ที่สำนักงานสลากฯ ส่วนผู้ซื้อจะได้เฉพาะตัวเลข

“ทั้ง 3 แนวทาง จะทำให้ สลาก 80 บาท มีอยู่จริง จากผู้ขายตัวจริง หากรายใด ทำผิดเงื่อนไขจะถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ที่สำคัญจะมีการทบทวนสิทธิ์ทุกๆ 2 ปี เพื่อให้ได้ผู้ขายล็อตเตอรี่ตัวจริง พร้อมกับจะมีการยืนยันตัวตน ป้องกันไม่ให้มีการขนคนมาลงทะเบียน และมีเงื่อนไขห้ามอาชีพประจำมารับสมัคร เช่น ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือประกันสังคม มาตรา 33”

ด้านกรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ธนวรรธน์ พลวิชัย ระบุ  การแก้ปัญหาสลากเกินราคาต้องใช้หลายมาตรการประกอบกัน เนื่องจากปัญหาเกิดจากหลายสาเหตุ จากการกำหนดโรดแมป ทั้ง 3 แนวทางครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ขายสลากนอกระบบ และผู้จำหน่ายในส่วนของตลาดดอทคอมต่างๆ และจะทำให้ตลาดนี้ต้องขายในราคา 80 บาท 

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่แบ่งเป็นแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว นั้น รูปแบบสลากใบยังคงมีจำหน่ายเหมือนเดิม แต่จะดูแลให้อยู่ในราคาใบละ 80 บาท ส่วนรูปแบบขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หรือผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งสำนักงานสลากฯจะเปิดแพลตฟอร์มออนไลน์เอง จะมีการพิจารณาสัดส่วนการจำหน่ายแบบใบและแบบผ่านแพลตฟอร์มให้มีความเหมาะสม

Adblock test (Why?)


บอร์ดกองสลากฯเคาะ 3 ทางแก้ปัญหาหวยแพง - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

"ปลดทุกข์" ข้างทาง ใครเป็นสายนี้ระวังให้ดี เพราะบางทีอาจเป็นครั้งสุดท้าย - คมชัดลึก

"ปลดทุกข์" ข้างทาง เวลาเราขับรถผ่านไปผ่านมา หลายคนอาจเคยเห็นเหล่าคุณผู้ชายมักจะแวะปัสสาวะอยู่ริมถนนอยู่บ่อยครั้ง แต่งานนี้ใครที่ชอบทำจงระวังให้ดี เพราะทางด้านเพจเฟซบุ๊กชื่อดังได้ออกมาโพสต์คลิปเป็นอุทาหรณ์ หลังมีหนุ่มคนหนึ่งแวะปัสสาวะริมทางแต่หวิดปะทะกับรถกระบะที่ขับมาด้วยความเร็วสูง จนเกือบกลายเป็นการปัสสาวะครั้งสุดท้ายในชีวิตเสียจนได้ 

ใครที่ชอบ "ปลดทุกข์" ปัสสาวะอยู่ริมถนนเป็นต้องระวังให้ดีทุกครั้งแล้ว เพราะอุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่จริง ๆ และบางครั้งก็อาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนหนุ่มรายนี้ก็เป็นได้ สืบเนื่องจากเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง ควายเอ้ย v1 ได้โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถคันหนึ่ง โดยจะเห็นว่ามีหนุ่มคนนี้เพิ่งทำธุระปัสสาวะอยู่ริมถนนเสร็จ ก่อนจะมาจัดการเสื้อผ้าอยู่ที่หน้ารถของตนเอง และเมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะเดินกลับไปประจำที่คนขับเช่นเคย

ปลดทุกข์, ปัสสาวะ, ริมถนน, อุบัติเหตุ, อุทาหรณ์

แต่ระหว่างนั้นอยู่ดี ๆ หนุ่มรายนี้ก็วิ่งหนีผ่านหน้ารถมาหลบอยู่ในริมถนนเช่นเดิม เนื่องจากมีรถกระบะคันหนึ่งขับเบียดมาทางเลนซ้ายเพื่อจะแซงรถบรรทุกอย่างรวดเร็วจนเกือบจะชนหนุ่มรายนี้เสียแล้วนั่นเอง แน่นอนว่าหลังจากคลิปนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างคับคั่ง เรียกได้ว่า เป็นอุทาหรณ์ให้กับหนุ่ม ๆ หลายคนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ปลดทุกข์, ปัสสาวะ, ริมถนน, อุบัติเหตุ, อุทาหรณ์

ปลดทุกข์, ปัสสาวะ, ริมถนน, อุบัติเหตุ, อุทาหรณ์

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ควายเอ้ย v1

Adblock test (Why?)


"ปลดทุกข์" ข้างทาง ใครเป็นสายนี้ระวังให้ดี เพราะบางทีอาจเป็นครั้งสุดท้าย - คมชัดลึก
Read More

Thursday, December 23, 2021

"มาเลเซีย-สิงคโปร์" ระงับช่องทาง VTL สกัดโอมิครอน - กรุงเทพธุรกิจ

ไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในแถลงการณ์ภายหลังจากที่สิงคโปร์ประกาศมาตรการเดียวกัน โดยระบุว่าการระงับเดินทางดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 2564 - 20 ม.ค. 2565 พร้อมชี้ว่ากลุ่มก้อนระบาดในสิงคโปร์เชื่อมโยงกับผู้ป่วย 3 ราย ซึ่งล้วนไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ช่องทางรับนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนเริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ซึ่งอนุญาตให้เดินทางผ่านสะพานที่เชื่อมระหว่างมาเลเซียกับสิงคโปร์ รวมถึงการเดินทางทางอากาศ โดยสะพานเชื่อมดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในจุดข้ามแดนที่พลุกพล่านที่สุดในโลกในช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ ด้วยจำนวนนักเดินทางหลายแสนคนต่อวันในทั้งสองทิศทาง

อย่างไรก็ตาม โครงการ VTL เคยมีการผ่อนปรนข้อจำกัดควบคุมโรคโควิด-19 บางประการ เช่นการยกเว้นข้อกำหนดด้านการกักตัวสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว

Adblock test (Why?)


"มาเลเซีย-สิงคโปร์" ระงับช่องทาง VTL สกัดโอมิครอน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

"ทุ่งกังหันลม" ดราม่าป้ายทางลัด โดนกันอื้อ นักท่องเที่ยวขอโวย ไม่ไปแล้ว - คมชัดลึก

ปีใหม่เที่ยวไหนดี "ทุ่งกังหันลม" อีกจุดเช็คอินเที่ยวของใครหลายคนที่แพลนไว้ว่าต้องไปสักครั้ง ตั้งอยู่ที่ ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ งานนี้เกิดเรื่องดราม่าขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวหลงเชื่อป้ายบอกทางลัด "ทางลัด ขึ้นกังหันลม 6 Km. รถต่ำควรหลีกเลี่ยงเส้นทาง"

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เกี่ยวกับ "ทุ่งกังหันลม" ในกลุ่มสาธารณะ ที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน เขาค้อ ทับเบิก เพชรบูรณ์ โดยบอกว่า ป้ายบอกทางลัดขึ้นกังหันลม แต่พอไปถึง รปภ. บอกเข้าไม่ได้ ให้กลับออกไปทางเดิม อยากรู้หน่วยงานไหนเอาป้ายมาติด ห่วยแตกมาก ๆ โคตรเสียความรู้สึก ผู้เกี่ยวข้องอธิบายหน่อย ทางลูกรังยังพอทน แต่ไปถึงแล้วจะให้กลับออกไปทางเดิมเพื่อขึ้นอีกทาง สรุปเสียความรู้สึกกลับไปที่อื่นดีกว่าไม่ไปแล้วกังหันลม

"หรือทางที่ดีในป้ายระบุด้วยว่าเส้นทางเที่ยวด้านหลังกังหังลม ส่วนตัวผมผมมองว่ามันเป็นการหลอกลวงนักท่องเที่ยวให้ขึ้นไปเที่ยวไร่ทางด้านนี้ ผมถาม รปภ. รปภ. แจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวขึ้นมาแล้วกลับไปตลอดทั้งวันเพราะเข้าไม่ได้ ผมเลยอยากทราบว่า ไม่คิดจะแก้ไขอะไรกันเลยหรอ หรือป้ายตั้งใจจะหลอกให้ขึ้นไปเที่ยวฝั่งนี้"

ทุ่งกังหันลม, ทางลัด, เพชรบูรณ์, ดราม่า, ปีใหม่เที่ยวไหนดี

ทุ่งกังหันลม, ทางลัด, เพชรบูรณ์, ดราม่า, ปีใหม่เที่ยวไหนดี

ทุ่งกังหันลม, ทางลัด, เพชรบูรณ์, ดราม่า, ปีใหม่เที่ยวไหนดี

ทุ่งกังหันลม, ทางลัด, เพชรบูรณ์, ดราม่า, ปีใหม่เที่ยวไหนดี

ทุ่งกังหันลม, ทางลัด, เพชรบูรณ์, ดราม่า, ปีใหม่เที่ยวไหนดี

ด้านชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ กรณี "ทุ่งกังหันลม" อาทิ

  • แล้วติดเพื่อ...
  • ไปเจอแบบนี้เหมือนกันค่ะ
  • เจอเหมือนกันค่ะ เสียเวลา เสียความรู้สึก เสียดายน้ำมัน ไม่คิดจะไปอีกเลยค่ะ
  • เหมือนผมเลยครับ คราวก่อนขึ้นทางดี คราวนี้มาอีกทางเลยหลงขึ้นไป ต้องกลับลงมาขึ้นทางเดิม
  • ของเราไปจนสุดทางเลยค่ะ ซึ่งหลายโลมากถนนเป็นหลุมกว่าจะถึงรถโยกจนตับจะพัง พอไปถึง รปภ. บอกเข้าไม่ได้ สรุปวนกลับมาทางเดิม เสียเวลาเป็นชั่วโมง โมโหมากค่ะ ไม่รู้มันจะติดป้ายทำไม
  • เส้นนี้โดนป้าขายของหลอกไป จำได้ไหม
  • ผู้ประกอบการแถวนั้นทำครับผมว่า
  • อบต.ทุ่งสมอ หรือ ตำรวจท่องเที่ยว ไม่คิดจะทำอะไรบ้างหรือครับ

ข้อมูล : เฟซบุ๊ก

Adblock test (Why?)


"ทุ่งกังหันลม" ดราม่าป้ายทางลัด โดนกันอื้อ นักท่องเที่ยวขอโวย ไม่ไปแล้ว - คมชัดลึก
Read More

Wednesday, December 22, 2021

BEM ขอบคุณผู้ใช้ทาง แจกหน้ากากอนามัยฟรี - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

BEM ขอบคุณผู้ใช้ทาง แจกหน้ากากอนามัยฟรี  ประชาชาติธุรกิจ
BEM ขอบคุณผู้ใช้ทาง แจกหน้ากากอนามัยฟรี - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

สาวสุดเซ็ง เช่าเก๋งขับเที่ยวเชียงราย เจอไฟแนนซ์ตามยึดรถ ปล่อยเคว้งคว้างกลางทาง - Sanook

สาวเช่ารถขับเที่ยวเชียงราย เจอไฟแนนซ์ตามยึดรถ ปล่อยเคว้งคว้างกลางทาง บริษัทรถเช่าเผยอยู่ระหว่างรอศาลไกล่เกลี่ย

เกิดเรื่องราวดราม่าขึ้นหลังมีนักท่องเที่ยวสาวจากกรุงเทพมหานครที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย เช่ารถเก๋งจากบริษัทให้เช่า ขับเที่ยวในเชียงใหม่และไปต่อที่จังหวัดเชียงราย แต่ปรากฏว่าเมื่อไปจอดไหว้พระที่วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย กลับถูกกลุ่มคนจากบริษัทไฟแนนซ์ตามมายึดรถถึงวัด พยายามอธิบายไปว่าเป็นนักท่องเที่ยวเช่ารถมาและขอให้ตามไปยึดหลังคืนรถที่เชียงใหม่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ต้องทิ้งรถนั่งแท็กซี่กลับเชียงใหม่ เสียเงินค่าแท็กซี่ไป 1,700 บาท แถมหมดสนุกกับการเที่ยว  

นักท่องเที่ยวสาวรายนี้ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนเองและเพื่อนผู้หญิงอีก 1 คน ได้เดินทางด้วยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ถึงสนามบินเชียงใหม่ เพื่อท่องเที่ยว โดยก่อนเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้ติดต่อเช่ารถยนต์จากบริษัทรถเช่าแห่งหนึ่งผ่านทางเฟซบุ๊ก และ ได้โอนเงินค่าเช่ารถและมัดจำให้   

เมื่อเดินทางถึงสนามบินเชียงใหม่ ผู้ให้เช่าได้นำรถยนต์เก๋งโตโยต้าสีขาว มาจอดไว้ให้ที่ลานจอดรถของสนามบิน โดยแจ้งตำแหน่งที่จอดรถและจุดที่ซ่อนกุญแจรถไว้ให้ โดยที่ไม่ได้พบกับผู้ที่นำรถมาส่งและไม่ต้องเซ็นเอกสารเช่ารถอะไร  

ต่อมาวันที่ 20 ธ.ค.64 ตนเองและเพื่อนได้ขับรถยนต์เชียงใหม่ไปเที่ยวจังหวัดเชียงราย โดยช่วงสายได้เข้าไปไหว้พระที่วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย จากนั้น ระหว่างเดินกลับไปขึ้นรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านขายอาหารฝั่งตรงข้ามกับวัด ปรากฏว่าได้มีชาย 3 คน มารุมล้อมไม่ยอมให้ขึ้นรถ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์จะมายึดรถยนต์คันที่ตัวเองเช่า เนื่องจากเจ้าของรถค้างค่าผ่อนชำระเกินกำหนด โดยไม่มีการแสดงเอกสารหลักฐานใดๆเลย จึงได้เกิดการโต้เถียงกัน เพราะตัวเองเห็นว่าไม่ถูกต้องและได้พยายามติดต่อกับทางผู้ใช้เช่ารถ พร้อมกับไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ประจำอยู่ที่ป้อมใกล้กับวัดร่องขุ่น ระหว่างนั้นได้มีผู้หญิงอีก 2 คน ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทไฟแนนซ์ตามมาสมทบ ซึ่งทั้งหมดได้พูดข่มขู่ไปต่างๆ นานา แต่ตกลงกันไม่ได้ ซึ่งตำรวจจึงได้ให้ไปตกลงกันที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย 

เมื่อถึงโรงพักตนเองได้แจ้งกับตำรวจว่าต้องการใช้รถที่เช่ามาเพื่อขับท่องเที่ยวต่อ ส่วนเรื่องเจ้าของรถค้างค่าเช่าและทางไฟแนนซ์จะยึดรถนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เพราะเป็นเรื่องระหว่างเจ้าของรถเช่ากับไฟแนนซ์ หรือหากต้องการจะยึดรถก็ให้ไปยึดคืนหลังจากคืนรถ ปรากฏว่าไฟแนนซ์ไม่ยอม และ ทางตำรวจก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จนสุดท้ายเวลาประมาณ 16.00 น.ตัวเองและเพื่อน ไม่ต้องการจะมีปัญหาใดๆแล้ว จึงตัดสินใจจอดรถยนต์ที่เช่ามาทิ้งไว้ที่โรงพักและเก็บกุญแจรถไว้ไปคืนเจ้าของรถเช่าและแจ้งให้เจ้าของรถทราบ พร้อมขอลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนจะนั่งรถแท็กซี่จากเชียงรายให้ส่งกลับที่พักที่เชียงใหม่ในราคา 1,700 บาท ส่วนทางฝ่ายคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ ได้ขอลงบันทึกประจำวันไว้เช่นกัน แต่ไม่ทราบรายละเอียด พร้อมกับนำรถยกมานำรถยนต์เก๋งที่ตัวเองเช่ามาออกไปด้วย      

เมื่อเดินทางกลับถึงเชียงใหม่ในช่วงค่ำวันที่ 20 ธ.ค.64 ทางเจ้าของรถเช่าได้นำรถยนต์เก๋งคันใหม่ป้ายแดงมาให้ใช้แทน เพราะได้จ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้าไปทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ได้รับผิดชอบค่าว่าจ้างรถแท็กซี่จากเชียงรายให้แต่อย่างใด จากนั้นในวันรุ่งขึ้น (21 ธ.ค.64) ตัวเองและเพื่อนได้ท่องเที่ยวไหว้พระตามวัดต่างๆ ในเชียงใหม่ และขึ้นเครื่องเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยนำรถยนต์ที่เช่าไปส่งคืนด้วยการจอดทิ้งไว้ที่สนามบินเชียงใหม่และซ่อนกุญแจไว้เหมือนตอนที่รับรถครั้งแรก  

นักท่องเที่ยวรายนี้ บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกช็อกเพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาพบเจอกับเรื่องแบบนี้ โดยเห็นว่าเรื่องแบบนี้ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวและในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และ ขอให้เรื่องนี้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์  

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าของบริษัทรถเช่าดังกล่าว แต่เจ้าของไม่สะดวกให้สัมภาษณ์กับสื่อ แต่ให้ข้อมูล ยอมรับว่ารถเก๋งคันดังกล่าวค้างจ่ายค่างวดหรือติดไฟแนนซ์มาแล้ว 10 งวด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงนักท่องเที่ยว โดยรถคันนี้ทางบริษัทไฟแนนซ์ได้ฟ้องคดีต่อศาลและศาลได้นัดเจรจาในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 65 ซึ่งตนเองตั้งใจเจรจาไกล่เกลี่ย แต่หากศาลสั่งให้คืนก็พร้อมจะคืนให้ แต่ระหว่างที่รอวันศาลนัด ประกอบกับเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว จึงนำรถคันนี้ออกมาให้เช่าเพื่อหารายได้ก่อน โดยไม่คิดว่าจะถูกตามไปยึดถึงเชียงราย  

เจ้าของรถเช่า บอกว่า บริษัทมีรถเช่าอยู่ 9 คัน ก่อนหน้านี้รถคันที่เกิดเรื่องได้เข้าโครงการพักชำระหนี้ตามนโยบายของรัฐบาลเป็นเวลา 3 เดือน ในช่วงที่การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการปิดประเทศและจำกัดการเดินทาง แต่หลังจากหมดพักชำระหนี้รอบแรก ทางบริษัทไฟแนนซ์ก็ไม่ยอมให้พักชำระนี้รอบที่สองหรือสามต่อเหมือนกับไฟแนนซ์บริษัทอื่น ขณะที่ทางบริษัทไม่มีรายได้เข้ามาเลย ทำให้เริ่มค้างค่างวด เมื่อเข้าไปเจรจาขอพักชำระกับไฟแนนซ์ก็ไม่ยอม จึงไม่รู้จะทำอย่างไร จนกระทั่งไฟแนนซ์ฟ้องศาลและศาลนัดวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 65 ก็ตั้งใจคืนรถ แต่ก็อยากใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่นำรถมาหารายได้ แต่ก็มาถูกตามยึดเสียก่อน  

นอกจากคันนี้แล้ว เจ้าของรถเช่าบอกว่ารถทุกคันที่เหลืออยู่ก็กำลังจะทยอยโดนยึด เพราะค้างค่างวดด้วยเช่นกันซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 และ ไม่ใช่ตนเองบริษัทเดียว แต่ยังมีรถเช่าอีกหลายบริษัทที่ต้องเจอกับปัญหาเดียวกัน ตอนนี้ที่การท่อบเที่ยวเริ่มฟื้นตัว จะขอเจรจานำรถมาปล่อยเช่าหารายได้เพื่อนำเงินไปจ่ายค่างวด บริษัทไฟแนนซ์ก็ไม่ยินยอม   

ที่ผ่านมากลุ่มรถเช่าพยายามเรียกร้องให้รัฐบาล ออกมาตรการมาเยียวยาผลกระทบ แต่ก็พบว่าเป็นนโยบายที่ไม่มีผลในเชิงบังคับ ทำให้ไฟแนนซ์หลายแห่งไม่พักชำระหนี้หรือพักให้แค่ 3 เดือน จนเกิดผลกระทบกันถ้วนหน้า จึงถือโอกาสนี้เรียกร้องให้รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วย  

Adblock test (Why?)


สาวสุดเซ็ง เช่าเก๋งขับเที่ยวเชียงราย เจอไฟแนนซ์ตามยึดรถ ปล่อยเคว้งคว้างกลางทาง - Sanook
Read More

นักวิชาการ มธ. เสนอกลไกทางเลือกแก้ PM 2.5 - ไทยโพสต์

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ แนะ ควรให้ ‘อำนาจสั่งการ’ คกก.อากาศสะอาด ดำเนินมาตรการข้ามหน่วยงาน พร้อม ‘บูรณาการงบประมาณ’ ตามภารกิจ...