Rechercher dans ce blog

Monday, January 31, 2022

ต้องอ่าน! จอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกหน้าบ้านคนอื่น ผิดกฎหมายหรือไม่ - TNN24

กระทรวงยุติธรรม เปิดข้อมูลน่ารู้ จอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกหน้าบ้านผู้อื่น หรือไม่ขวางหน้าบ้านแต่ทำให้ผู้อื่นสัญจรไม่สะดวก ผิดกฎหมายหรือไม่

วันนี้ (1ก.พ.65) กระทรวงยุติธรรม เสนอกฎหมายน่ารู้ ตอน : จอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกหน้าบ้าน หรือไม่ขวางหน้าบ้านแต่ทำให้ผู้อื่นสัญจรไม่สะดวก ผิดกฎหมาย

ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่มีสิทธิที่จะจอดรถขวางทางเข้า-ออกบ้านผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เอกชน หรือ ทางสาธารณะ เพราะถือเป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 55 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่หยุดรถ

(1)ในช่องเดินรถ เว้นแต่หยุดชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถในกรณีที่ไม่มีช่องเดินรถประจำทาง

(2) บนทางเท้า

(3) บนสะพานหรือในอุโมงค์

(4) ในทางร่วมทางแยก

(5) ในเขตที่มีเครื่องหมายจราจรห้ามหยุดรถ

(6) ตรงปากทางเข้าออกของอาคารหรือทางเดินรถ

(7) ในเขตปลอดภัย

(8) ในลักษณะกีดขวางการจราจร

นอกจากนี้ การกระทำให้ได้รับความเดือดร้อนรำคาญยังเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 397 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท และถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 397 วรรคสอง โดยผู้ที่ได้รับความเสียหายจากกรณีนี้ สามารถร้องทุกข์ดำเนินคดีได้

รวมทั้งสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายละเมิดในทางแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และถ้าเป็นที่สาธารณะยังมีโทษตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่สามารถออกใบสั่งและยกรถได้ ทั้งนี้ หากมีความเสียหายหรือทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ประชาชนมีสิทธิแจ้งความร้องทุกข์ด้วย

ส่วนกรณีที่มีเหตุจําเป็นเพื่อจะป้องกันสิทธิของตนหรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดยฉุกเฉิน ไม่สามารถขอความขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐได้ สามารถเคลื่อนย้ายรถด้วยกําลังได้ ถึงแม้จะเป็นการทำให้ทรัพย์นั้นบุบสลาย หรือทำลายทรัพย์นั้น โดยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย หากว่าความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุ เพราะเป็นข้อยกเว้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 450

ข้อมูลจาก : พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 55 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และมาตรา 450

ภาพจาก กระทรวงยุติธรรม / AFP

Adblock test (Why?)


ต้องอ่าน! จอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกหน้าบ้านคนอื่น ผิดกฎหมายหรือไม่ - TNN24
Read More

ศูนย์ฯบางซื่อ แจ้งทางเลือกรับวัคซีนเข็มกระตุ้น 3 รูปแบบ เริ่มวันนี้ - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

ศูนย์ฯบางซื่อ แจ้งทางเลือกรับวัคซีนเข็มกระตุ้น 3 รูปแบบ เริ่มวันนี้  ประชาชาติธุรกิจ
ศูนย์ฯบางซื่อ แจ้งทางเลือกรับวัคซีนเข็มกระตุ้น 3 รูปแบบ เริ่มวันนี้ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ดร.อนันต์ แย้งข้อความทางไลน์ ยัน mRNA ฉีดแล้วจบ โปรตีนเสื่อมสลายได้ งงการสะสมเป็นทศวรรษ - มติชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (31 มกราคม) ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. แสดงทรรศนะต่อข้อความที่ได้รับทางไลน์เรื่องการฉีดวัคซีน mRNA เข้าสู่ร่างกายเพิ่มเติมว่า เมื่อเช้านี้ข้อความนี้ส่งมาให้ทาง line อ่านแล้วน่าสนใจจึงอยากออกความเห็นส่วนตัว ข้อเท็จจริงข้อแรกคือวัคซีน mRNA ที่ฉีดเข้าสู่ร่างกายใช้ปริมาณเป็นระดับไมโครกรัม ซึ่งน้อยมาก ในแล็บเราใช้ RNA ระดับเดียวกันนำส่งเข้าเซลล์ยังไม่สามารถเข้าได้ทุกเซลล์เลย ยิ่งวัคซีนเด็กจะลดปริมาณลงไปอีก ร่างกายเรามีเซลล์ทั่วรางกายจำนวนมหาศาล การที่ mRNA ที่ฉีดไปจำนวนน้อยขนาดนั้นจะไปสะสมในทุกส่วนของร่างกายควรเกิดขึ้นหรือไม่? ถ้าคิดว่าได้ไปคำถามต่อไป

ดร.อนันต์ระบุว่า การฉีดวัคซีนคือฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพื่อให้เซลล์จำเพาะบางชนิดรับวัคซีนไปสร้างภูมิคุ้มกันที่ต่อมน้ำเหลืองใกล้บริเวณที่ฉีด วัคซีนจะใช้กลไกใดส่งไปสะสมทั่วร่างกาย? ในเมื่อเราไม่ได้ฉีดเข้ากระแสเลือด ถ้ายังคิดว่าได้อีก ลองอีกข้อ

“mRNA ฉีดแล้วจบ เราไม่ได้ฉีดทุกวันเหมือนกินยา ตัววัคซีนอยู่ในร่างกายไม่นานด้วยคุณสมบัติของ RNA เองส่งผลให้โปรตีนที่สร้างขึ้นก็จะหยุดการสร้างไปด้วย โปรตีนมีอายุ มีการเสื่อมสลาย แม้กระทั่งเซลล์ที่แสดงออกโปรตีนนั้นก็มีอายุเสื่อมสลายเช่นกัน การสะสมเป็น 10-20 ปี เกิดขึ้นได้อย่างไร? ถ้ายังคิดว่าได้อีก เราควร agree to disagree แล้ว”

Adblock test (Why?)


ดร.อนันต์ แย้งข้อความทางไลน์ ยัน mRNA ฉีดแล้วจบ โปรตีนเสื่อมสลายได้ งงการสะสมเป็นทศวรรษ - มติชน
Read More

Sunday, January 30, 2022

อาคเนย์ประกันภัย ไทยประกันภัย เสนอทางเลือกคืนเบี้ยประกันโควิด 1-7 ก.พ. 65 - ไทยรัฐ

อาคเนย์ประกันภัย ไทยประกันภัย เสนอทางเลือกให้กับลูกค้าประกันโควิดที่ยังไม่เคยเคลม โดยจะคืนเบี้ยประกันเต็มจำนวน ยื่นผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 1-7 ก.พ. 65 นี้

เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ออกประกาศ โดยระบุว่า ทั้งสองบริษัทได้นำเสนอแนวทาง เพื่อดูแลผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เอาประกันภัยทุกกลุ่ม ในขณะที่บริษัทยังคงมีความมั่นคงเพียงพอ

โดยที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้รับคำขอคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัทแล้ว เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หากคณะกรรมการ คปภ. อนุญาตให้บริษัทเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยแล้ว จะส่งผลให้บริษัทปิดการดำเนินงานทันที

ดังนั้น บริษัทจึงขอเสนอแนวทางให้แก่ลูกค้าประกันภัยโควิด-19 ที่ยังไม่เคยแจ้งเคลม โดยลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อขอรับเบี้ยประกันภัยคืนเต็มจำนวน ผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทได้ ตั้งแต่วันอังคารที่ 1 ก.พ. 65 เวลา 09.00 น. จนถึงวันจันทร์ที่ 7 ก.พ. 65 เวลา 23.59 น.

ทั้งนี้ ในกรณีที่ลูกค้าไม่ประสงค์จะรับคืนเบี้ยประกันภัยโควิด-19 กรมธรรม์ของท่านจะยังคงมีผลบังคับ ตราบเท่าที่บริษัทยังคงประกอบธุรกิจประกันภัยอยู่

ลูกค้าอาคเนย์ประกันภัย สามารถสแกน QR Code ได้ที่ช่องทางออนไลน์หลักของบริษัท คือ

LINE: @Southeast.th

ลูกค้าไทยประกันภัย สามารถสแกน QR Code ได้ที่ช่องทางออนไลน์หลักของบริษัท คือ

LINE: @pchang

ทั้งนี้ บริษัทจะเร่งคืนเบี้ยประกันภัยโควิด-19 เต็มจำนวนให้ลูกค้าโดยเร็วที่สุด โดยความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ของท่านจะสิ้นสุดลงในวันที่ท่านได้แจ้งความประสงค์ขอรับเบี้ยประกันภัยคืนกับทางบริษัท

สำหรับลูกค้ากรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่นๆ ของอาคเนย์ประกันภัยและไทยประกันภัย ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมการ และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแจ้งให้ผู้เอาประกันภัยทราบต่อไป

อย่างไรก็ตาม อาคเนย์ประกันภัยและไทยประกันภัย ขอยืนยันในความตั้งใจที่จะดูแลลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มให้ได้รับประโยชน์สูงสุด.

Adblock test (Why?)


อาคเนย์ประกันภัย ไทยประกันภัย เสนอทางเลือกคืนเบี้ยประกันโควิด 1-7 ก.พ. 65 - ไทยรัฐ
Read More

สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (31/01/65) - efinanceThai

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ KBANK 185 คาดกำไรปี 65 เติบโตต่อเนื่องสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการทยอยเปิดประเทศ โดย NIM และการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมดีขึ้น และ Credit cost ลดลง คาด ROE 8.4% และปัจจุบัน Valuation เทรดเพียง PBV 0.63x น่าทยอยสะสม SC 4.1 Presale ปี 2564 เติบโต 31%YoY มากสุดของกลุ่มฯ จากยอดขายอสังหาฯแนวราบขายได้ดีมาก และคาดแนวโน้มปี 2565 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเปิดโครงการใหม่สูงเกือบ 4 หมื่นล้านบาท (โต 3 เท่าจากปีที่แล้ว) ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขาย PE 6.5 เท่า และคาดปันผลสูง 6% ต่อปี บล.กรุงศรี หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ CENTEL 42 เก็งกำไร 1 ก.พ. เปิดลงทะเบียนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ (Test and Go) และเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนและผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวโดยตรง TU 25.5 คาดมีกำไรสุทธิ 4Q21 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 9%qoq และ 45%yoy ค่าเงินบาทอ่อนค่าหนุนราคาขายและปริมาณขายเพิ่มขึ้น แนวโน้มปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง และล่าสุดจับมือ RBF และ SCPL ลุยธุรกิจผสมอาหารในประเทศอินเดีย บล.ฟินันเซีย ไซรัส หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ NER 9 คาดกำไรสุทธิ 4Q21 ทำจุดสูงสุดใหม่ +24% Q-Q, +29% Y-Y แม้รายได้จะลดลง เพราะมีปัญหาการขนส่ง จึงมี Order บางส่วนเลื่อนไปส่งมอบในเดือน ม.ค. 22 แต่ราคาขายปรับสูงขึ้น จึงคาด Gross Margin ปรับขึ้นและคาดพลิกมี FX Gain บล.เคทีบีเอสที หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ ORI 12.5 Outlook รายได้ปี 22 สวยหนุนด้วยการการเปิดโครงการใหม่ตลอดทั้งปีและ Backlog รอโอนที่แข็งแกร่งมากกว่า 3 หมื่นลบ. จับตา Feed back การเปิดคอนโดโครงการแรกของปี “ออริจิ้นปลั๊กแอนด์เพลย์ฯ” ส่วน Backlog ที่รอโอน คาดลูกค้าจะเร่งโอนให้จบก่อนสิ้นปีรับมาตรการ LTV

Adblock test (Why?)


สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (31/01/65) - efinanceThai
Read More

กทพ.ดันสร้าง N1 ลุยศึกษาทบทวนใหม่ หาทางเลือกเชื่อมโครงข่าย "ออก-ตก" สมบูรณ์ - ผู้จัดการออนไลน์



กทพ.จ้างศึกษาทบทวนทางด่วน N1 อีกรอบ เริ่ม มี.ค.นี้  ลุยออกแบบละเอียดและผลกระทบ ทั้งอุโมงค์-ยกระดับ เลือกที่ดีที่สุดดันเชื่อมต่อโครงข่ายออก-ตกสมบูรณ์ ส่วนทางด่วนเชื่อม S1-ท่าเรือคลองเตยคาดเจรจา กทท.แบ่งค่าลงทุนจบปีนี้ 

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กทพ.อยู่ระหว่างการประกวดราคาคัดเลือกว่าจ้างที่ปรึกษาทบทวนการศึกษาความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทนตอน N1 วงเงินงบประมาณ 30 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้ตัวที่ปรึกษาและเริ่มการศึกษาในเดือนมีนาคม 2565 มีระยะเวลาศึกษาประมาณ 1 ปี 

ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องศึกษาทบทวนเนื่องจาก การศึกษาความเหมาะสมโครงการเดิมที่ออกแบบเป็นทางยกระดับต่อจากทางด่วน N2 ไปตามแนว ถ.งามวงศ์วานผ่าน ม.เกษตรศาสตร์ ต่อมาสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ศึกษาแนวทางที่ 2 โดยปรับแนวเส้นทางผ่านไปทางบางบัว แล้วจึงตัดมาขนานกับดอนเมืองโทลล์เวย์และไปเชื่อมกับทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก ซึ่งมีปัญหาอุปสรรค และการเจรจากับ ม.เกษตรฯ ยังไม่ได้ข้อยุติ 

การศึกษาครั้งนี้จะเป็นการทบทวนทั้งแนวเส้นทาง ด้านวิศวกรรมเศรษฐกิจ การเงิน พร้อมออกแบบ รวมถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยนำผลการศึกษาเดิมที่มี 2 ทางเลือกเดิม มาทำการประเมินความเสี่ยงข้อดี ข้อเสีย รวมไปถึงศึกษาหาทางเลือกใหม่ๆ  เพิ่มเติมหากมี เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจนประกอบการพิจารณาต่อไป 

“จะศึกษาข้อมูลในทุกกรณี และประเมินค่าลงทุน พร้อมหาแนวทางแก้ปัญหา ลดผลกระทบอย่างรอบด้านด้วย เช่น แนวเส้นทางยกระดับบน ถ.งามวงศ์วานผ่าน ม.เกษตรศาสตร์  หากปรับแบบก่อสร้างเป็นอุโมงค์จะมีค่าก่อสร้างเท่าไร หรือหากมีแนวทางเลือกอื่น รูปแบบ ค่าลงทุนเป็นอย่างไร สำหรับการก่อสร้างเป็นอุโมงค์ใต้ดินตามแนว ถ.งามวงศ์วานนั้น ในด้านเทคนิคก่อสร้างไม่มีปัญหา ส่วนค่าลงทุนที่มองว่าค่อนข้างสูงนั้น หากมองมิติผลประโยชน์ด้านโครงข่ายในแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ที่สมบูรณ์ ส่งผลต่อภาพรวมของการจราจรอนาคตในระยะยาว อาจต้องมาประเมินการลงทุน 30-40 ปี จะมีความคุ้มค่าเพิ่มขึ้นหรือไม่”

สำหรับโครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 และ E-W Corridor จากแยกเกษตร-นวมินทร์ เชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก ระยะทาง 10.5 กม. วงเงินลงทุนกว่า 1.4 หมื่นล้านบาทนั้น ซึ่งรายงาน EIA ผ่านการอนุมัติแล้วอยู่ในขั้นตอนนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะดำเนินการประมูลก่อสร้างหากตอน N1 มีความชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อเร่งเบิกจ่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) ให้เป็นไปตามเป้าหมาย

@หารือ กทท.แบ่งสัดส่วนลงทุน "ทางด่วนเชื่อม S1-ท่าเรือคลองเตย" จบในปีนี้ 

ส่วนโครงการทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพ และทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กทพ.กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในการแก้ปัญหาการจราจรบนถนนอาจณรงค์บริเวณทางเข้าท่าเรือกรุงเทพ และถนนโครงข่ายโดยรอบท่าเรือกรุงเทพนั้น เบื้องต้นได้เสนอรายงาน EIA ให้ คชก.พิจารณาตามขั้นตอนแล้ว ขณะที่คณะกรรมการร่วมฯ กทพ.และ กทท.จะหารือเรื่องสัดส่วนภาระการลงทุนตามความเหมาะสม คาดว่าจะสรุปผลการเจรจาร่วมกันภายในปี 2565 โดยหลักการ กทพ.จัดเก็บรายได้ค่าผ่านทาง ส่วน กทท.ได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของผลประโยชน์จากการมีทางด่วนเข้าไปในพื้นที่ท่าเรือโดยตรง ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

"คณะกรรมการร่วมฯ จะเจรจาสัดส่วนการลงทุน ซึ่งทางด่วนนี้เชื่อมเข้าท่าเรือ ปริมาณจราจรที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นของใหม่ แต่เป็นปริมาณรถเดิมที่วิ่งบนโครงข่ายทางด่วนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงถือเป็นการได้ผลประโชน์ร่วมกัน"

รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) มีระยะทาง 2.25 กม. ประเมินวงเงินลงทุนประมาณ 2,480 ล้านบาท โดยแนวเส้นทางจะเชื่อมจากทางเข้า-ออกเทอร์มินัล 3 ของท่าเรือกรุงเทพ ยกระดับบนถนนอาจณรงค์ข้ามคลองพระโขนง และถนนเลียบทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ จากนั้นแยกเป็นขาทางเชื่อม (Ramp) เข้าเชื่อมกับทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) ทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษฉลองรัช 

Adblock test (Why?)


กทพ.ดันสร้าง N1 ลุยศึกษาทบทวนใหม่ หาทางเลือกเชื่อมโครงข่าย "ออก-ตก" สมบูรณ์ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

"รวมไทยยูไนเต็ด" ยินดีชัยชนะฝ่ายประชาธิปไตย สวนทางฝ่ายเผด็จการแอบแฝง-โหน"บิ๊กตู่"แพ้หลุดลุ่ย - ผู้จัดการออนไลน์



"รวมไทยยูไนเต็ด" ยินดีชัยชนะฝ่ายประชาธิปไตย สวนทางฝ่ายเผด็จการแอบแฝง-โหน"บิ๊กตู่"แพ้หลุดลุ่ย ยํ้าทุกพรรคการเมืองต้องชัดเจนกับประชาชนว่าอยู่ขั้วไหน
วันที่ 31 ม.ค.นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวเรื่อง "จตุจักร-หลักสี่ : ประชาชนเลือกประชาธิปไตย เผด็จการแอบแฝงแพ้หลุดลุ่ย !" ว่า ไม่ว่านักการเมืองจะประโคมเรื่องปากท้องหรือคุณภาพชีวิต สุดท้ายแล้วประเด็นชี้ขาดของประเทศไทย คือ เราจะเอาขั้วไหน ? ประชาธิปไตย หรือ เผด็จการแอบแฝง (บิ๊กตู่ + 250 ส.ว.)
เพราะฉะนั้น ทุกพรรคการเมือง ต้องชัดเจนว่าอยู่ขั้วไหน เห็นได้ว่าโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อม จตุจักร-หลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยภักดี และพรรคกล้า โหมกระแสบิ๊กตู่
พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ก็โหมประเด็นประชาธิปไตย ซึ่งก็ต้องขอบคุณทุกพรรคที่ชัดเจน
สุดท้ายแล้ว พี่น้องจตุจักร-หลักสี่ เลือกประชาธิปไตยแบบขาดลอย แต่นี่เป็นเพียงแค่เขตเดียว อย่าย่ามใจ อย่าลืมผลเลือกตั้งซ่อมสงขลาและชุมพรที่ผ่านมา
สิ่งที่ผมอยากพูดถึงคือ ประเทศไทยเข้าสู่จุดที่เราต้องเลือกเส้นทางของอนาคต สำหรับพรรคการเมืองเกิดใหม่ทั้งหลายแหล่ ไม่มีพรรคไหนหนีคำถามได้ว่า คุณอยู่ขั้วไหน ? เราเป็นกลางระหว่างอนุรักษนิยมและเสรีนิยมได้ แต่ไม่มีพื้นที่ตรงกลางระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการแอบแฝง
ประชาชนไม่ได้โง่ ! ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหม่เอี่ยมหรือพรรคแตกไพ่ สังคมจับตาดูอยู่ ว่าเราผุดขึ้นมาหรือแตกออกมา เพื่อสร้างประชาธิปไตยหรือเพื่อหาอำนาจต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีจากบิ๊กตู่
และถ้าหากยังไม่เคลียร์ เมื่อเดือนตุลาคมวันเปิดตัวของพรรครวมไทยยูไนเต็ดที่ผ่านมา ที่เราประกาศไม่เอาเผด็จการ ไม่ว่าในรูปแบบซึ่งหน้าหรือแอบแฝง ผมขอยํ้าอีกที ! เราไม่เสนอและไม่สนับสนุนบิ๊กตู่ เราจะขับเคลื่อนการเมืองให้ประชาธิปไตยเป็นเสาหลักของประเทศจนถึงที่สุด !
ซึ่งมันเป็นเรื่องที่หน้าเศร้า ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชาธิปไตยมันก็แค่กลางๆ เรื่องธรรมดาสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะอนุรักษนิยมหรือเสรีนิยม แต่ในประเทศไทย แค่จะมีประชาธิปไตยนี่ยากยิ่งกว่าข้ามทางม้าลาย เพราะอาจโดนรถชนตายอย่างง่ายดายได้เหมือนกัน


Adblock test (Why?)


"รวมไทยยูไนเต็ด" ยินดีชัยชนะฝ่ายประชาธิปไตย สวนทางฝ่ายเผด็จการแอบแฝง-โหน"บิ๊กตู่"แพ้หลุดลุ่ย - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

ทางสองแพร่งดึงซาอุฯลงทุนไทย หนุนท่องเที่ยว-หวั่นเคสกว้านซื้อที่ดิน - ผู้จัดการออนไลน์


นายสุรเชษฐ กองชีพ
ผู้บริหารฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ฯ ชี้การเปิดม่านเชื่อมสัมพันธ์ซาอุฯ เป็นผลดีต่อการท่องเที่ยว ส่งผลดีต่อตลาดคอนโดฯในระยะข้างหน้า ห่วงเคสกลุ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามากว้านซื้อที่ดินเพื่อปลูกข้าว หรือพืชผลทางการเกษตรอื่นๆในประเทศไทย ซ้ำรอยในประเทศลาว ด้าน"ชนินทร์ วานิชวงศ์" ซีอีโอ ฮาบิแททฯ มองเป็นโอกาสดึงเม็ดเงิน กองทุนฯเข้ามาพัฒนาโครงการร่วมกับดีเวลลอปเปอร์ท้องถิ่น ชี้อาจได้เห็นบิ๊กโปรเจกต์ในหัวเมืองท่องเที่ยวในอนาคต พร้อมเสนอให้มีมาตรการจำกัดขอบเขตการถือครองที่ดิน
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลไทยประสบความสำเร็จ ในการฟื้นความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปกว่า 30 ปี ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทย เพราะก่อนหน้าที่ทางซาอุดีอาระเบียจะตัดสัมพันธ์กับประเทศไทยนั้น คนไทยจำนวนไม่น้อย ที่เดินทางไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบียและต้องเดินทางกลับมาทันทีที่เกิดเรื่องขึ้น อีกทั้งไม่มีการเปิดรับคนไทยเข้าไปทำงานที่ซาอุฯ อีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โดยจากสถิติของกระทรวงแรงงานระบุว่า สมัยก่อนแรงงานไทยที่ไปซาอุดีอาระเบียในสมัยก่อนนั้นในบางช่วงเวลามีถึง 300,000 คน และสร้างรายได้ต่อปีมากกว่า 9,000 ล้านบาท แต่จากข้อมูลของกระทรวงแรงงานพบว่า ณ สิ้นปีพ.ศ.2564 มีแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ในซาอุดีอาระเบียเพียงแค่ 1,345 คนเท่านั้น โดยเป็นแรงงานที่มีการติดต่อประสานงานเข้าไปเอง

อย่างไรก็ตาม ณ ปีพ.ศ. 2562 นักท่องเที่ยวจากซาอุดิอาระเบีย สร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากถึง 3,220 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียประมาณ 36,000 คนเท่านั้น โดยเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวทั้งตะวันออกกลางที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยที่มีจำนวนมากถึง 1.223 ล้านคน ซึ่งถ้าสายการบินซาอุเดียเปิดเที่ยวบินมาถึงประเทศไทยแบบเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2565 ก็คาดว่าจะมีผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียในประเทศไทยมากขึ้นแน่นอน โดยคาดการณ์ว่าจะมากถึง 150,000 คนและคาดว่าจะสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวซาอุฯ ประมาณ 13,417 ล้านบาท โดยเมืองท่องเที่ยวชายทะเลและจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงาม เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
"ตลาดหรือธุรกิจท่องเที่ยวเมื่อฟื้นตัวได้เร็ว และมีนักท่องเที่ยวจากซาอุดิอาระเบียมาประเทศไทยมากขึ้น ก็อาจจะมีผลต่อเนื่องไปถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ในอนาคต เพียงแต่อาจจะยังต้องใช้เวลามากกว่าเรื่องของการท่องเที่ยว เพราะการมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพียง1–2 ครั้ง อาจจะยังไม่สามารถตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยได้ และเรื่องของศาสนาก็เป็นอีกตัวแปรในการตัดสินใจของพวกเขาเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความจะไม่มีหวัง เพราะผู้ประกอบการไทยส่วนหนึ่ง มีการไปขายคอนโดฯให้กับบางประเทศในตะวันออกกลางอยู่แล้ว เช่น สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) การต้าร์ บาห์เรน เป็นต้น เพียงแต่จำนวนไม่ได้มากมายเมื่อเทียบกับคนในภูมิภาคเอเซีย"

ในเรื่องของความกังวล หรือ อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องติดตามในระยะยาว คือ เรื่องของการเข้ามาของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ที่มีความสนใจในอุตสาหกรรมเกษตรกรรม อาจจะมีการหาที่ดินเพื่อปลูกข้าว หรือพืชผลทางการเกษตรอื่นๆในประเทศไทย แบบที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศลาว เพียงแต่ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายในประเทศไทยเป็นปัจจัยสำคัญให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ลดความสนใจลง

นายชนินทร์ วานิชวงศ์
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นข่าวที่ดีของการฟื้นสัมพันธ์กับทางราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่า เท่าที่ทราบมีดีมานด์จากยูเออี หรือกลุ่มประเทศอาหรับ ที่จะเป็นกลุ่มนักลงทุนและกองทุนต่างๆ ที่สนใจจะเข้ามาสร้างโครงการ สร้างตึกสูงในประเทศไทย สร้างโครงการคอมเมอร์เชียล หรือสร้างโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ล่าสุด มีที่ปรึกษาคนกลางจากต่างประเทศ ที่จะเชิญทางเราไปแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนักลงทุน

"ถ้าถามผมในมุมของพร็อพเพอร์ตี้แล้ว จริงๆเม็ดเงิน บ้านเราเมื่อก่อนจะมาจากประเทศจีน ยุโรปก็มาเรื่อยๆ แต่ฝั่งที่มาจากตะวันออกกลาง ยังไม่เจ้าไหนที่เข้ามาลงทุนสักเท่าไหร่ แต่ในมุมของผม การที่ประเทศไทยไปคอนเน็กประเทศที่มีเงิน มีแหล่งเงิน มีความพร้อมต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่เลว ที่จะมีเงินทุนมาจากฝั่งตะวันออกลาง สังเกตในเชิงโครงการอสังหาฯในประเทศเหล่านี้ จะมีความทันสมัย เรื่องของเทคโนโลยี ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี และไม่เห็นอะไรที่เป็นมุมลบ แต่มองเป็นโอกาสมากกว่า ถ้าเราได้เงินทุนเข้ามาพัฒนา การที่ต่างชาติจะเข้ามา ก็ต้องจับมือกับบริษัทอสังหาฯในไทย หรือถ้าเข้ามาลงทุนทั้งหมด ก็จะช่วยให้เกิดการจ้างงาน เกิดการลงทุน ซัพพลายเชนของอสังหาฯ ก็เกิดการหมุนเวียนเป็นหลายพันล้าน หมื่นล้าน ผมก็ว่า เป็นไอเดียที่ไม่เลว ถ้าเข้ามาจริงๆ ก็น่าจะเหมาะกับเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวหลักๆ เช่น ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น ซึ่งจะเห็นโฉมแลนด์มาร์คแห่งใหม่ได้เช่นกัน"

นายชนินทร์ กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาฯจะเกี่ยวข้องกับงานราชการค่อนข้างเยอะ น่าจะเป็นปัญหาพื้นฐานที่ต่างชาติเข้ามาก็ค่อนข้างลำบากหากต้องเข้ามาเอง ก็จะเป็นโอกาสให้เกิดความร่วมมือกับบริษัทอสังหาฯในไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทมหาชนหรือบริษัทจำกัดก็ได้ จึงมองว่า อุปสรรค ก็กลายเป็นโอกาส แต่ถ้าทุกอย่างฟรีหมด ก็อาจจะเกิดการเข้ามากว้านซื้อและพัฒนาโครงการไป

"ประเด็นการถือครองที่ดิน เป็นอะไรที่เรายังไม่เปิดให้ต่างชาติเข้ามาซื้อ แต่ถ้าเราสามารถหามาตรการเข้ามาควบคุมได้ อย่าลืมต่างชาติเอาเงินเข้ามาลงทุน โปรดักส์ การก่อสร้างก็อยู่ในบ้านเรา เกิดการจ้างงาน แต่ทำอย่างไร จำกัดขอบเขตการลงทุนในที่ดิน ซึ่งปัจจุบันก็ต้องเป็นการลงทุนถือหุ้นร่วมกับบริษัทอสังหาฯในประเทศ รูปแบบอย่างนี้ ก็ยังช่วยปกป้องประเทศเราอยู่"

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจะเป็นผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะหนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นและต่อเนื่องมาถึงภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ในเบื้องต้นมองว่า ในระยะสั้น ยังไม่มีผลต่อภาคธุรกิจอสังหาฯมากนัก.

Adblock test (Why?)


ทางสองแพร่งดึงซาอุฯลงทุนไทย หนุนท่องเที่ยว-หวั่นเคสกว้านซื้อที่ดิน - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Saturday, January 29, 2022

FootNote ปรับครม. ยุบสภา และลาออก 3 ทางเลือก ประยุทธ์ จันทร์โอชา - ข่าวสด - ข่าวสด

FootNote ปรับครม. ยุบสภา และลาออก 3 ทางเลือก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ไม่มี “ปัจจัย” ใดที่จะสกัดขัดขวางและยับยั้งการเดินหน้าสร้างพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และกลุ่ม ส.ส.ที่ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐได้
เพราะนี่คือ “พิมพ์เขียว” ทางการเมืองที่มีการจัดวางอย่างรัดกุมมาแล้วตั้งแต่สถานการณ์เดือนกันยายน 2564
หากไม่มีการจัดวางเช่นนี้เหตุใด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะออกมาประกาศอย่างวีระอาจหาญว่า จะคืนกลับไปสู่ “ฐานที่มั่น” พื้นฐานของตนอันได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน
ความวีระอาจหาญอย่างยิ่งก็คือ สามารถยืนอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐอย่างยาวนานตั้งแต่เดือนกันยายนจนมาถึงเดือนมกราคม
เท่ากับเป็นการยืนหยัดท้าทายต่อการรุกเข้ามากดดันโดยตรง จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
หากไม่มี “แบ็ค” อันแข็งกร้าว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คงไม่กล้า
แม้กระทั่งเมื่อถูก “ขับ” ออกจากพรรคพลังประชารัฐ ความวีระอาจหาญของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ไม่เคยเสื่อมคลาย

ถามว่า “อำนาจ” ใดทำให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ยืนระยะอยู่ได้ยาวนาน และยังสามารถแสดงบทบาทต่อไปผ่านพรรคเศรษฐกิจไทยโดยมิได้ถูกบั่นรอนทอนลงไป
ต้องย้อนกลับไปดูการดำรงอยู่ในตำแหน่ง “เลขาธิการ” ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในพรรคพลังประชารัฐ
ต้องย้อนกลับไปดูรายละเอียดการเสนอ “ปลด” รัฐมนตรีออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 มิได้มีแต่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หากมี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รวมอยู่ด้วย
ถามว่าขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกขับไปแล้วสถานะของ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นอย่างไร
คำตอบก็คือ ยังอยู่ในตำแหน่ง “เหรัญญิก” ไม่แปรเปลี่ยน

ไม่ว่าหมากกลทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐและรวมถึงพรรคเศรษฐกิจไทยจะกำหนดและจัดวางโดย “สมองก้อนโต” ของเสนาธิการทางการเมืองใด
นี่คือ ขุมพลังแห่ง “อำนาจ” ที่จะกำหนดทิศทางทาง “การเมือง”
เป็นการเมืองที่จะชี้ชะตาของ “รัฐบาล” ที่จะชี้อนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นอนาคตที่ต้องเลือก ปรับครม. ยุบสภา หรือลาออก

Adblock test (Why?)


FootNote ปรับครม. ยุบสภา และลาออก 3 ทางเลือก ประยุทธ์ จันทร์โอชา - ข่าวสด - ข่าวสด
Read More

'ลาซาด้า' ชี้ช่อง 'อีคอมเมิร์ซ' จะปัง!!! ต้องดึง 'Omnichannel' เพิ่มทางรอด - กรุงเทพธุรกิจ

“ลาซาด้า” เปิดผลสำรวจล่าสุด ชี้ผู้ขายออนไลน์ในอาเซียนยังคงมีมุมมองบวก พร้อมเปิดรับค้าปลีกยุคใหม่แบบออนนิแชนแนล ดัชนีระบุผู้ค้าเพิ่มความเชื่อมั่นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มองยิ่งแข่งขันรุนแรงโอกาสการเติบโตยิ่งเพิ่มขึ้น

รายงานดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจอีคอมเมิร์ซของลาซาด้า (Digital Commerce Confidence Index: DCCI) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ระบุว่า ผู้ขายสินค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังปรับตัวสู่ยุคใหม่ของการค้าปลีกแบบ ออมนิแชนเนล แม้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ส่งผลให้ผู้คนเดินทางมากขึ้น และกลับมาเลือกซื้อสินค้าที่หน้าร้านมากขึ้นก็ตาม แต่เกือบครึ่ง (47%) ของผู้ขายสินค้าออนไลน์ กล่าวว่าร้านค้าของพวกเขามียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ในช่วงเวลาดังกล่าว

"ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 เราสังเกตเห็นว่าผู้คนใช้เวลาอยู่บ้านน้อยลง แล้วไปร้านค้าและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น จากเทรนด์ดังกล่าว หากมองเทียบกับความสำเร็จจากเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ส่งท้ายปีแล้ว จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านหลากหลายช่องทางมากกว่าที่เคย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ เพิ่มความคุ้มค่า และมอบความสะดวกสบาย" แม็กนัส เอ็คบอม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของลาซาด้า กรุ๊ป กล่าว
 

นอกจากนี้ ผลการศึกษาฉบับที่ 3 นี้ยังสะท้อนว่าในช่วงการแพร่ระบาดและความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 นั้น ผู้ขายยังคงมีความมั่นใจตลอดปี 2021 และมีมุมมองเชิงบวกต่อยอดขายของพวกเขา โดย 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2021 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ในไตรมาสถัดไป ตามด้วยสัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 76% ที่ระบุเช่นเดียวกันในไตรมาสที่ 3 และ 74% จากรายงานล่าสุดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ซึ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่า แม้จะไม่มีเทศกาลช้อปปิ้งที่เป็นงานขนาดใหญ่ ผู้ขายสินค้าออนไลน์ก็ยังสามารถปรับตัวได้

รายงานฉบับล่าสุดนี้จัดทำขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 โดยมีผู้ขายสินค้าออนไลน์จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ 1,126 ราย ซึ่งพบว่าผู้ขาย 76% จะเพิ่มสินค้าคงคลังอย่างน้อย 10% ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2022

นอกจากนี้ จากการที่ผู้บริโภคค่อยๆ ปรับพฤติกรรมการช้อปปิ้งให้ครอบคลุมทั้งการเลือกซื้อสินค้าที่หน้าร้านและการช้อปปิ้งออนไลน์ เพื่อความสะดวกคุ้มค่า ผู้ขายสินค้าในหมวดหมู่ต่างๆ จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อยอดขายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้คนวัยทำงานส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้มีนโยบายการทำงานแบบไฮบริด คือผสมผสานทั้งแบบทำงานจากที่บ้านและแบบเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ขายสินค้าหมวดหมู่แฟชั่น (75%) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (73%) นั้นคาดการณ์ในทางบวกมากที่สุดว่ายอดขายของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้

บรรดาธุรกิจต่างรู้ดีว่าต้องพยายามดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อของออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องมั่นใจว่าสินค้ามีราคาที่แข่งขันกับตลาดได้ โดยผู้ขายหลายคนตระหนักถึงประโยชน์ของแพลตฟอร์มออนไลน์ในการดึงดูด รักษา และมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคผ่านกลยุทธ์ใหม่ๆ เช่น การสร้างความบันเทิงในประสบการณ์การช้อปปิ้ง หรือที่เรียกว่า Shoppertainment

ทั้งนี้ สอดคล้องกับความรู้สึกของผู้ขายช่วงปีที่ผ่านมา จากรายงานในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ที่ระบุว่า ผู้ขาย 59% ที่ตอบแบบสำรวจ กล่าวว่าพวกเขาสามารถดึงดูดให้นักช้อปมาเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้มากขึ้น และ 54% กล่าวว่า การแข่งขันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสในการเติบโตสองอันดับแรกในไตรมาสที่ 1 ปี 2022

ชอง ฮิน อึ้ง ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Asia Insight กล่าวว่า "ทุกวันนี้ พฤติกรรมการช้อปปิ้งของลูกค้า (customer shopping journey) ซับซ้อนกว่าเดิมมาก โดยมีการสลับไปมาระหว่างช่องทางออฟไลน์และออนไลน์มากขึ้น เทรนด์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับสินค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการช้อปเครื่องสำอาง แฟชั่น แม้กระทั่งอาหารกับของใช้ทั่วไปก็ด้วย แม้พฤติกรรมนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ไปทั้งหมด แต่ก็ได้รับการกระตุ้นจากการที่ผู้คนอยู่บ้านเพิ่มมากขึ้น หรือระบบเศรษฐกิจการใช้จ่ายและบริโภคที่บ้านในช่วงโควิด (stay-home economy)

ดังนั้น เพื่อให้มีโอกาสชนะใจลูกค้ามากขึ้น แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องผสมผสานประสบการณ์การซื้อของแบบออนไลน์และออฟไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ได้ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อเพิ่ม 'Human Touch' บนหน้าจอดิจิทัลมากยิ่งขึ้น"

รายงานดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (Digital Commerce Confidence Index: DCCI) ถือเป็นการสำรวจฉบับแรกๆ ที่มุ่งให้เห็นถึงเทรนด์ของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอมเมิร์ซ ด้วยการจัดทำดัชนีความรู้สึกและความเชื่อมั่นของผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยชี้วัดความเชื่อมั่นทางธุรกิจจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ขายออนไลน์ทั่วภูมิภาค (อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์) ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ลาซาด้าได้ทำการสำรวจผู้ขาย 1,126 ราย เกี่ยวกับยอดขายออนไลน์ในปัจจุบัน และความคาดหวังที่มีต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอนาคต

Adblock test (Why?)


'ลาซาด้า' ชี้ช่อง 'อีคอมเมิร์ซ' จะปัง!!! ต้องดึง 'Omnichannel' เพิ่มทางรอด - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

คอลัมน์การเมือง - วิกฤตทางการเมืองมาถึงจุดอันตราย! - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มแล้วล่มอีก ล่มบ่อยครั้งจนกระทั่งสร้างความอิดหนาระอาใจให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ กระทั่งในสัปดาห์นี้การประชุมสภาก็ล่มจนเป็นเหตุให้ผู้ทำหน้าที่ประธานต้องรักษาหน้าตาของสภา ชิงปิดประชุมโดยยังไม่ทันลงมติเพราะมีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมโหรงเหรง

รัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภาและเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่ต้องให้เสียงข้างมากของรัฐบาลนั้นเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยต้องเป็นองค์ประชุม จะไปกล่าวหาฝ่ายค้านในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบของฝ่ายค้าน และเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านที่จะแสดงท่าทีทางการเมืองโดยผ่านการประชุมของสภาว่าไม่ยอมรับการบริหารของรัฐบาล ซึ่งเป็นวิธีการอย่างหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย


และโดยเหตุผลก็กล่าวหาฝ่ายค้านในเรื่องนี้ไม่ได้ เนื่องจากนับแต่เปิดประชุมสภาเป็นต้นมารัฐบาลไม่ยอมเสนอกฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณาของสภา แม้ว่าทราบกันดีว่าการไม่เสนอกฎหมายเข้าสภานั้นเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง เกิดความเสียหายแก่การบริหารราชการแผ่นดิน จึงมีข้อครหาว่านั่นเพราะรัฐบาลกลัวว่ากฎหมายที่รัฐบาลเสนอจะแพ้มติในสภา และจะทำให้รัฐบาลต้องลาออกและยุบสภา

ดังนั้นเรื่องราวการดำเนินงานของสภาที่ผ่านมาจึงเป็นเรื่องการพิจารณากฎหมายที่ประชาชนเสนอบ้าง ฝ่ายค้านเสนอบ้าง ส่วนกระทู้และญัตติต่างๆ นั้นก็ปรากฏว่าเมื่อฝ่ายค้านยื่นแล้ว ฝ่ายรัฐบาลไม่มีรัฐมนตรีไปตอบกระทู้หลายครั้ง ญัตติต่างๆ ก็ไม่ได้รับความสนใจไยดีที่จะแก้ไขปัญหาตามที่ฝ่ายค้านเสนอ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายค้านมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะแสดงท่าทีทางการเมืองด้วยการไม่เข้าประชุม แม้ว่า สส. ฝ่ายค้านจะอยู่ในบริเวณสภาแล้วก็ตาม

สภาพเช่นนั้นชัดเจนว่าวิกฤตทางการเมืองสำคัญของประเทศเกิดขึ้นในสภาแล้ว ซึ่งถ้าเป็นประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรัฐบาลนั้นก็จะไม่ซื้อหรือยื้อเวลา แต่จะแสดงความรับผิดชอบแก้ไขเรื่องนี้ทันทีด้วยวิถีทางประชาธิปไตย นั่นคือไม่ลาออกก็ยุบสภา

แต่ประเทศไทยของเราทุกวันนี้ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบเช่นว่านั้น ยังคงปล่อยให้ความเสียหายต่อบ้านเมืองและการปกครองเกิดขึ้นอย่างหน้าตาเฉย สิ่งที่ประชาชนได้ทราบได้รู้ได้เห็นก็คือมีแต่กระบวนการยื้อซื้อเวลาไปวันๆ ซึ่งสะท้อนถึงการหวงและติดยึดในอำนาจ อันไม่ใช่วิถีทางแห่งประชาธิปไตย

จึงส่งผลออกไปนอกสภา ทำให้ฝ่ายค้านสามารถนำไปเป็นเหตุในการสร้างความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ดังที่ปรากฏจากผลโพลล์อิสระที่ปรากฏว่าคะแนนนิยมของฝ่ายค้านพุ่งกระฉูดในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลต่ำเตี้ยติดดิน มีแต่การสร้างกระแส IO เป็นเครื่องประโลมใจไปวันๆ เท่านั้น

และถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่าบรรดา IO นับร้อยรายที่ตั้งหน้าตั้งตาเชียร์รัฐบาล ด่าว่าฝ่ายเห็นต่าง ยิ่งนานวันไปก็มีผู้ติดตามร่อยหรอลงทุกที นั่นแสดงให้เห็นว่าความตื่นตัวของประชาชนและความเรียกร้องต้องการในการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้ยกระดับขึ้นสู่กระแสสูง และยิ่งทอดเวลาไปเท่าใดความนิยมรัฐบาลก็จะเหลือน้อยลงเท่านั้น

สภาพดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากปัญหาภายในพรรคแกนของรัฐบาลเอง คือพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งแม้ต่อภายนอกจะพยายามลวงตาประชาชนด้วยวาทกรรมต่างๆ สารพัด ในลักษณะที่ว่าไม่มีปัญหาใดๆ โดยลืมคำนึงไปว่าประชาชนวันนี้ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา มีสติปัญญาเพียงพอที่จะอ่านสถานการณ์บ้านเมืองได้อย่างชัดเจน และมีข่าวสารมากหลายว่าความจริงเป็นอย่างไร

ขณะนี้ไม่ต้องสงสัยใดๆ ว่าประชาชนทั่วประเทศมีความเชื่อว่ามีความแตกแยกอย่างรุนแรงภายในพรรคแกนของรัฐบาล และไม่มีความคิดที่จะปรองดองกัน มีแต่ความคิดที่จะห้ำหั่นกันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

การแสดงออกของ IO กองเชียร์นั่นแหละคือหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงกระแสทางการเมืองว่าความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างไร การรุมกันถล่มพรรคพลังประชารัฐอย่างเสียๆ หายๆ การโจมตีว่าร้ายหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โหมกระหน่ำเป็นรายวัน แต่มิใช่จากฝ่ายตรงกันข้ามของรัฐบาล หากเป็นฝ่ายเดียวกับรัฐบาล นั่นคือคณะ IO ที่สนับสนุนรัฐบาลเอง เพียงแต่สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง ต้องการโจมตีทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง จึงเป็นสิ่งบอกเหตุที่ไม่มีทางโต้เถียงได้

ในท่ามกลางความขัดแย้งนี้ปัญหาสารพัดก็รุมเร้า โดยเฉพาะปัญหาการต่อสู้กันระหว่างขบวนการค้ายาวัคซีนกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ต้องการให้ประเทศกลับคืนสู่ความเป็นปกติ และต่อสู้กับการโกหกหลอกลวงทุกประการ ที่ทำให้ประเทศยับเยิน ภาคธุรกิจย่อยยับต่อเนื่องมาสองปีแล้ว

ความบอบช้ำของประเทศที่มีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น10 ล้านล้านบาท หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านล้านบาท คนทำงานตกงาน กิจการต่างๆ ย่ำแย่ ยังไม่ฟื้น ค่าครองชีพสูงขึ้นโดยเฉพาะการขึ้นราคาน้ำมันและข้าวของต่างๆ ตามอำเภอใจ ราคาพุ่งกระฉูดขึ้นทุกวัน โดยไม่มีใครมีสติปัญญาแก้ไขให้ประชาชนชื่นใจเลย

ในขณะเดียวกัน ข่าวคราวการทุจริตคอร์รัปชั่นก็โหมกระหน่ำยิ่งกว่ายุคใดสมัยใดจนกระทั่งเกิดวาทกรรมว่า “โกงทั้งแผ่นดิน กินทั้งโครงการ” กระทั่งไร้ข้อโต้เถียง จนกระทั่งการจัดลำดับการทุจริตทำให้ประเทศไทยตกลำดับลงไปจากปีก่อน และที่ปรากฏอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็คือ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดของเหล่าผู้ทุจริตแทบทุกวันๆ ละหลายราย ในขณะที่ศาลก็ตัดสินจำคุกพวกขี้โกงให้เป็นข่าวได้ทุกสัปดาห์ๆ ละหลายเรื่อง

ความเดือดร้อนทุกข์เข็ญจากวิกฤตสารพัดทำให้คนหลายกลุ่มทนไม่ได้จึงเกิดเหตุการณ์ใช้สิทธิทางศาล หรือใช้สิทธิ์ในการกล่าวหารัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสารพัดคดีโหมรุมเร้า ซึ่งถ้าพลาดพลั้งลงวันไหนก็จบเห่กันวันนั้นเหมือนกัน

ในขณะเดียวกัน นักล่าอาณานิคมก็เยื้องกรายอ้าปากแสยะเขี้ยวจ้องจะยึดประเทศไทยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ได้สร้างความประหวั่นใจให้แก่คนไทยทั่วประเทศ

สภาพเช่นนี้จึงทำให้ประเทศไทยอยู่ในวิกฤตที่หนักหน่วงรุนแรงที่จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด

Adblock test (Why?)


คอลัมน์การเมือง - วิกฤตทางการเมืองมาถึงจุดอันตราย! - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More

'มบส.' จับมือ 'รพ.อู่ทอง' ใช้สมุนไพรฟื้นฟูสุขภาพ-แพทย์ทางเลือก - มติชน

‘มบส.’ จับมือ ‘รพ.อู่ทอง’ ใช้สมุนไพรฟื้นฟูสุขภาพ-แพทย์ทางเลือก

ผศ.ดร.ลินดา เกณฑ์มา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางมบส.ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือทางด้านวิชาการกับทางโรงพยาบาล(รพ.)อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เพื่อส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านวิชาการของทั้งสองหน่วยงาน และให้การดำเนินงานตามภารกิจเกิดประสิทธิภาพ โดยมบส.และรพ.อู่ทอง จะร่วมกันทำงานทางด้านการบริการวิชาการ ด้านการจัดการสุขภาพ การพัฒนาการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้สมุนไพรในการฟื้นฟูสุขภาพและแพทย์ทางเลือก อีกทั้งจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้  ความเข้าใจ และความช่วยเหลือด้านวิชาการของบุคลากรทั้ง 2 หน่วยงาน

ผศ.ดร.ลินดา กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีความร่วมมือทางด้านกิจกรรม โดยทางรพ.อู่ทอง จะช่วยพัฒนามาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อการดูแลสุขภาพพัฒนาศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยด้วยสมุนไพรและแพทย์ทางเลือกให้เป็นไปตามมาตรฐาน ประสานความร่วมมือทางด้านการบริการและด้านวิชาการ และสนับสนุนหลักสูตรการพัฒนาศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุให้เป็นไปตามมาตรฐาน ขณะที่มบส. จะพัฒนามาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อการดูแลสุขภาพ พัฒนาการวิจัย นวัตกรรมด้านสมุนไพรและการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรเพื่อการดูแลสุขภาพ พัฒนาการวิจัยสมุนไพรท้องถิ่น ดำเนินงานวิจัย การส่งเสริมคุณภาพและมาตรฐานสมุนไพร และสนับสนุนด้านการตรวจวิเคราะห์สมุนไพรในห้องปฏิบัติการให้กับรพ.อู่ทอง และประสานความร่วมมือทางด้านการบริการและทางด้านวิชาการ อย่างไรก็ตาม มบส.และรพ.อู่ทองจะเดินหน้าทำงานร่วมกันได้ทันที

ด้าน พญ.สมพิศ จำปาเงิน ผอ.รพ.อู่ทอง กล่าวว่า เป็นการดีที่รพ.อู่ทองและ มบส. จะได้ร่วมมือกัน เพราะต่างก็ทำงานร่วมกับทางจังหวัดสุพรรณบุรี ในเรื่องของสมุนไพร ซึ่งเดิม รพ.อู่ทองมีการผลิตยาสมุนไพรที่ใช้เองในส่วนราชการ แต่ไม่สามารถกระจายตามท้องตลาดได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพราะเป็นหน่วยงานราชการ แต่ยังอยากคงศาสตร์ของแผนไทย และความเป็นยาสมุนไพร ปัจจุบันมีการผลิตยา 115 รายการเป็นยาในบัญชียาแห่งชาติ 64 รายการ ซึ่งเน้นเรื่องการดูแลรักษา อย่างไรก็ตามการดูแลผู้สูงอายุก็เป็นเรื่องจำเป็นเพราะจะมีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นความร่วมมือกันนี้ก็จะช่วยประชาชนทั้งใน อ.อู่ทองและใกล้เคียงได้มากขึ้นด้วย

Adblock test (Why?)


'มบส.' จับมือ 'รพ.อู่ทอง' ใช้สมุนไพรฟื้นฟูสุขภาพ-แพทย์ทางเลือก - มติชน
Read More

Friday, January 28, 2022

ผัวเมียตายคู่ ขี่จยย.ชนหลักริมทาง ร่างกระเด็นมุดเข้าใต้สะพานร้านขายศาลพระภูมิ - Sanook

ผัวเมียขี่จยย.ชนหลักริมทาง ร่างกระเด็นมุดเข้าใต้สะพานร้านขายศาลพระภูมิ หัวฟาดสมองกระจาย ตาย 2 ศพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.40 น. ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งชนเข้าไปในร้านขายศาลพระภูมิ ริมถนนเพชรเกษมฝั่งขาล่องใต้ หมู่ 12 ต.หัวสะพาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย 

ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ สีเขียว หมายเลขทะเบียน 780 กรุงเทพมหานคร ล้มอยู่ที่หน้าร้านขายศาลพระภูมิ ในสภาพพังยับเยิน มีเศษชิ้นส่วนมันสมองของผู้เสียชีวิตกระจายไปทั่วบริเวณ ที่เสาหลักริมทางซึ่งล้มโค่นอยู่และมีร่องรอยของการถูกชน

ส่วนผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชายและหญิง พุ่งเข้าไปใต้สะพานทางข้ามที่จะเดินเข้าไปในร้านขายศาลพระภูมิ ศพอยู่ในสภาพนอนอยู่ใกล้กัน โดยศพผู้ชายมันสมองแตกกระจาย ศพผู้หญิงใบหน้าและสมองยุบ แขน ขาหัก ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นายสาธิต อายุ 22 ปี และ น.ส.รัญญาเรศ อายุ 30 ปี ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน

จากการสอบถาม นายสุทัศน์ เจ้าของร้านขายศาลพระภูมิ ทราบว่า ตอนเกิดเหตุไม่เห็นเหตุการณ์ว่ารถจยย.คันที่มาประสบเหตุมาในลักษณะใด ได้ยินเพียงเสียงรถจยย.และเสียงสิ่งของแตกกระจายจึงวิ่งมาดู ก็พบว่าผู้ประสบเหตุผู้หญิงกระเด็นลงไปอยู่ด้านล่าง ส่วนผู้ชายนอนอยู่ด้านบนก่อนที่ร่างจะตกลงไปอยู่ด้านล่าง ไปนอนเสียชีวิตคู่กันทั้งสองคน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เนื่องจากไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ แต่สันนิษฐานว่ารถจยย.ขี่มาด้วยความเร็ว ก่อนเสียหลักพุ่งชนเสาหลักริมทางทำให้ร่างของผู้เสียชีวิตทั้งสองกระเด็นไปฟาดกับของแข็งจนทำให้สมองแตกกระจาย ก่อนร่างพุ่งมุดลงไปอยู่ใต้สะพานทางเข้าร้านขายศาลพระภูมิเสียชีวิตทันที

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานติดต่อญาติทราบแล้ว ก่อนนำศพเก็บรักษาที่วัดถ้ำแก้ว เพื่อรอญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

Adblock test (Why?)


ผัวเมียตายคู่ ขี่จยย.ชนหลักริมทาง ร่างกระเด็นมุดเข้าใต้สะพานร้านขายศาลพระภูมิ - Sanook
Read More

ผัวสิ้นท่าคุกเข่าไหว้ขอโทษเมีย หลังไล่แทงปางตาย จบชีวิตคู่แยกทางทั้งน้ำตา - Sanook

ผัวสิ้นท่า ไม่เหลือแล้วความโหด คุกเข่าไหว้ขอโทษเมีย หลังไล่แทงเมียปางตาย จบชีวิตคู่แยกทางทั้งน้ำตา

จากกรณี เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 27 มกราคม 2565 พ.ต.ท.สุนทร พิมพันธ์ สารวัตรสอบสวน สภ.พระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุหญิงถูกแทงด้วยอาวุธมีดได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณโค้งโรงแก๊ส ภายในซอยสุขสวัสดิ์78 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการหลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๋งเดินทางเข้าตรวจสอบ 

ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บเป็นหญิงชื่อ น.ส. ศันสนีย์ อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่บริเวณต้นขาข้างขวา รวมทั้งต้นคอด้านหลังและนิ้วมือข้างซ้ายรวม 3 แผล นอนหมดสติอยู่กับพื้นถนน อาสาสมัครกู้ชีพมูลนิธิให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลบางจาก ใกล้กันพบนายประพันธ์ อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้ก่อเหตุที่ใช้อาวุธมีดแทงผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นเมียของตัวเอง ยืนอยู่ในอาการมึนเมา และพบมีดทำครัวปลายแหลม ความยาวประมาณ 35 เซนติเมตร จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนคุมตัวมาทำการสอบสวนที่โรงพัก สภ.พระสมุทรเจดีย์  

จากการสอบสวน นายประพันธ์ ผู้ก่อเหตุ ได้ให้การว่า ตนและภรรยาอยู่ด้วยกันมาประมาณ 2 ปี ตนมักดื่มเหล้าอยู่เป็นประจำพอเมาก็มักจะมีปากเสียงกับภรรยาอยู่เป็นประจำ วันนี้หลังเลิกงาน และกลับมาที่ห้องพักและได้ดื่มสุราจนเมา และภรรยามาพูดเรื่องการตกแต่งบ้านจึงทำให้เกิดมีอารมณ์โมโหและทะเลาะกัน ภรรยาเข้ามาทำร้ายตน ตนจึงได้วิ่งไปคว้ามีดมาไล่ทำร้ายภรรยาจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว  

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บโดยใช้อาวุธ ก่อนควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

(28 ม.ค.65) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.สุนทร พิมพันธ์ สารวัตรสอบสวน สภ.พระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ พร้อมด้วยจ่าสิบเอก ปรีดี ทองเหมือน เจ้าหน้าที่คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดสมุทรปราการ ได้เชิญตัว น.ส.ศันสนีย์ อายุ 37 ปี ผู้บาดเจ็บที่ถูกนาย ประพันธ์ อายุ 37 ปี ผู้เป็นสามีใช้มีดไล่แทงจนได้รับบาดเจ็บมาสอบปากคำเพิ่มเติม

โดยในวันนี้ น.ส. ศันสนีย์ ผู้บาดเจ็บ ได้เดินทางมาพร้อมกับญาติ เข้าพบพนักงานสอบสวน โดยสภาพร่างกาย น.ส.ศันสนีย์  ยังมีอาการเจ็บปวดบาดแผลอยู่ยังต้องใช้คนประคองเวลาเดิน โดยเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดสมุทรปราการ ได้เข้ามาดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว และหาทางเยียวยาเบื้องต้น 

เมื่อนาย ประพันธ์ ได้เจอหน้า น.ส. ศันสนีย์  ผู้เป็นภรรยา คุกเข่ายกมือไหว้ขอโทษผู้เป็นภรรยา โดยทั้งคู่ต่างก็พากันร้องไห้ และขอแยกทาง โดยนายประพันธ์ ได้แบ่งทรัพย์ที่มีอยู่คือสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท 1 เส้น ให้กับ น.ส. ศันสนีย์ ส่วนเงินในบัญชีที่มีอยู่เกือบสองหมื่นบาทนาย ประพันธ์ ขอเอาไว้ 

ส่วนเรื่องบ้านที่กำลังก่อสร้าง ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นที่และบ้านของนาย ประพันธ์ ก็ยังคงให้น้องเขย น.ส.ศันสนีย์ ทำต่อจนกว่าจะแล้วเสร็จ ส่วนทางทางคดีก็ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

Adblock test (Why?)


ผัวสิ้นท่าคุกเข่าไหว้ขอโทษเมีย หลังไล่แทงปางตาย จบชีวิตคู่แยกทางทั้งน้ำตา - Sanook
Read More

"วุฒิสภา" นัดลงมติ ร่างพ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับแก้ไข จันทร์นี้ - กรุงเทพธุรกิจ

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา วันที่ 31 มกราคม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้บรรจุให้มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบก (ฉบับที่...) พ.ศ.... ซึ่งคณะกรรมาธิการร่วมกันของวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ได้ร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว และจะเป็นการลงมติอีกครั้งเพื่อเห็นชอบกับเนื้อหา ก่อนจะนำไปสู่ขั้นตอนการประกาศใช้

           ทั้งนี้ความเห็นร่วมของของคณะกรรมาธิการร่วม ได้ปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาเพิ่มเติมที่วุฒิสภาได้ลงมติเห็นชอบ มีสาระสำคัญ ดังนี้

           1. ต้องจัดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือนั่งในที่พิเศษสำหรับเด็ก ที่เป็นผู้โดยสาร อายุไม่เกิน 6 ปี  เพื่อป้องกันอันตราย จากเดิมที่กำหนดให้ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัย (คาร์ซีท) เท่านั้น

           2. เรื่องลักษณะของการจัดแข่งรถในทางสาธารณะ กำหนดให้มีจำนวนรถ 2 คันขึ้นไป จากเดิมที่กกำหนดให้มี 5 คัน

            3. กรณีที่มีผู้รับดัดแปลงรถหรือแต่งรถ ต้องได้รับโทษหากพบว่ารถนั้นถูกไปใช้ในการแข่งขัน โดยเพิ่มข้อความว่า "ในทางเดินรถ”  เพื่อให้มีความชัดเจนในลักษณะของการแข่งรถที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะเชื่อมโยงได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนการแข่งรถที่ผิดกฎหมาย

         ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า  มีประเด็นที่กมธ.ร่วมกัน เห็นด้วยกับสิ่งที่วุฒิสภาแก้ไข อาทิ ข้อกำหนดในขณะขับรถยนต์ ผู้โดยสารที่นั่งแถวตอนหน้าและที่นั่งแถวตอนอื่นต้องรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลา จากเดิมที่มีบทยกเว้นไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยเมื่อไม่ได้นั่งแถวตอนหน้า, ข้อกำหนดให้ผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะตามกฎหมายหรือรถที่ใช้ขนส่งผู้โดยสารต้องเแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยขณะโดยสารทุกกครั้งก่อนการออกรถ  , การแก้ไขบทลงโทษผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จากเดิมที่กำหนดช่วงระยะโทษปรับที่ 500 - 2,000 บาท ได้แก้ไขให้ไม่เกิน  2,000 บาท เป็นต้น

         ทั้งนี้ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ฐานะที่ปรึกษากมธ. ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 31 มกราคม ตนจะร่วมชี้แจงในการประชุมวุฒิสภา ทั้งนี้ยอมรับว่าร่างที่แก้ไขดังกล่าว ไม่ครอบคลุมต่อประเด็นการทำผิดกฎหมายจราจรที่เกี่ยวข้องกับการหยุดรถให้คนข้ามตรงทางม้าลาย แต่ในทางปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาที่รถไม่หยุดให้คนข้าม จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคร่งครัดในการกำกับการใช้กฎหมาย  ทั้งนี้เมื่อวุฒิสภา พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วเสร็จ คาดว่าจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ และร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคมนี้.

Adblock test (Why?)


"วุฒิสภา" นัดลงมติ ร่างพ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับแก้ไข จันทร์นี้ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ผู้ว่าฯอัศวิน เปิดช่องทางแจ้งปัญหาการข้ามถนน-จุดเสี่ยงอันตราย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

ผู้ว่าฯอัศวิน เปิดช่องทางแจ้งปัญหาการข้ามถนน-จุดเสี่ยงอันตราย  ประชาชาติธุรกิจ
ผู้ว่าฯอัศวิน เปิดช่องทางแจ้งปัญหาการข้ามถนน-จุดเสี่ยงอันตราย - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

"ธรรมนัส" แจง แยกทาง "พปชร." ไปทำการเมืองสร้างสรรค์ ปัด ต่อรองตำแหน่ง - กรุงเทพธุรกิจ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า ผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส.แยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจะมาทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ มีอุดมการณ์ที่จะพัฒนาประเทศชาติให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแบบยั่งยืนและยึดมั่นในสถานบันหลักของบ้านเมืองนั่นคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 

จากการที่ผมไปเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนตามพื้นที่ต่างๆทั้ง 77 จังหวัด ผมเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องปากท้องและคุณภาพชีวิตการของพี่น้อง หลายครอบครัวที่ลำบากมาก อดมื้อกินมื้อ มองไม่เห็นอนาคตของลูกหลานเลยปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมมีความจำเป็นต้องแก้ไขจากภาครัฐอย่างเอาจริงเอาจังและยังมีปัญหาอีกมากมายที่พี่น้องประชาชนคนไทยยังเฝ้ารอความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนครับ

ดังนั้น การแยกตัวของผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส. มาอยู่พรรคใหม่นั้น ไม่ใช่เป็นการต่อรองเพื่อต้องการตำแหน่งเก้าอี้ทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่พวกเรา ต้องการทำงานเพื่อพัฒนาประเทศชาติ บ้านเมืองและแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างเอาจริงเอาจังครับ

Adblock test (Why?)


"ธรรมนัส" แจง แยกทาง "พปชร." ไปทำการเมืองสร้างสรรค์ ปัด ต่อรองตำแหน่ง - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Thursday, January 27, 2022

พี่เสือพาเข้าทางตัน? - ไทยรัฐ

เห็นปั่นป่วนจนต้องรีบออกมาดักทาง คงเพราะประเมินไปข้างหน้า โอกาสไปถึงทางตันทางการเมืองมีสูง

ไม่แปลกที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดประเด็น ได้กลิ่นโชยรัฐประหารกันอีกแล้ว

เพราะตามที่เห็น สถานการณ์อำนาจของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม อยู่ในจุดที่ง่อนแง่นเต็มที อันเนื่องมาจากศึกเดือดในค่ายพลังประชารัฐ

หลังจากเครือข่ายผู้กองคนดัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เล่นเกมไวยกไพร่พลไปอยู่ค่ายใหม่ 21 เสียง ถึงแม้จะบอกว่ายังเป็นพรรคแนวร่วมพลังประชารัฐ อยู่ในขั้วสนับสนุนรัฐบาล

แต่เอาเข้าจริงใครจะเชื่อ ในเมื่อที่ผ่านมาศึกผู้นำ–ผู้กอง ล่อกันเละ 

ถึงขั้นที่วันนี้ 2 เสืออยู่ร่วมถ้ำกันไม่ได้

ยิ่งดูทีท่าผู้นำ ก็ไม่ได้ยอมอ่อนข้อตามแรงกดดัน ประกาศไม่ยุบสภา และไม่ยอมโดนขี่ ปรับ ครม. ตามที่อีกฝั่งกดดัน ยื่นเงื่อนไขขอโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี

มีโอกาสเปิดศึกล่อกันอีกหลายยก

เพียงแต่ถ้ามีเหตุตื่นเต้นฉุกเฉิน ก็น่าจะระทึกกันในทางยาว อย่างน้อยๆก็อีก 2 เดือนกว่า ค่อยมาสำรวจกลิ่นโชยกันอีกที เพราะเมื่อกางปฏิทิน สำรวจโปรแกรมการเมือง มีคิวที่ “บิ๊กตู่” ต้องเผชิญเหตุ

สุ่มเสี่ยงและปั่นป่วนน่าจะเป็นสมัยประชุมหน้า ปักหมุดตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. เป็นต้นไป ที่เซียนๆการเมืองวิเคราะห์ตรงกัน

จะเริ่มเข้าสู่โหมดรบพุ่งทางการเมืองเต็มรูปแบบ

เพราะนอกจากกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งใกล้คลอด พร้อมเลือกตั้ง ยังมีโปรแกรมสำคัญ ทั้งการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล–รายการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566

2 คิวใหญ่ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต้องอาศัย ส.ส.ยกมือสนับสนุน

ยังไม่รวมที่จ่อคิวแทรก การรวบรวมรายชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ลดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯ ที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. เดินสายรณรงค์ขอเสียงแนวร่วมไว้เป็นหัวเชื้อแล้ว

ถึงเวลายื่นเข้าสภาเมื่อไหร่ก็มันหยดเมื่อนั้น

โดยเฉพาะในห้วงปลายสมัยรัฐบาล ยิ่งน่าจับตา ทั้งท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทย–ประชาธิปัตย์ ยังจะยอมเป็นเบี้ยล่างให้ “บิ๊กตู่” คงอำนาจ 250 ส.ว.เอาไว้ เพื่อเป็นตัวช่วยผู้นำอีกรอบ หรือไม่

หรือแม้แต่ในหมู่ ส.ว.เอง ก็เริ่มเห็นชัดแล้วว่า ผู้นำเริ่มคอนโทรลเกมได้ไม่หมด

เสียงเชียร์ชักเปลี่ยนเป็นเสียงแช่งกันไม่น้อยเหมือนกัน

โอกาสเกมพลิก คิวแก้รัฐธรรมนูญอาจรวมเสียงเข้าเป้า “หั่นอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ” สำเร็จก็เป็นได้

ยังไม่รวม สถานะอำนาจผู้นำที่จะถึงคิวต้องตีความ “ดำรงตำแหน่ง 8 ปี” ตามข้อห้ามรัฐธรรมนูญที่จะถึงกำหนด 24 ส.ค.นี้

อย่างน้อย “บิ๊กตู่” ก็น่าจะลากอำนาจต่อได้อีกพักใหญ่หลายเดือน

วันนี้คนการเมืองทั่วไปถึงทำฟึดฟัดคัดจมูก “ไม่ได้กลิ่น” หรือบางรายก็อ้างจากประสบการณ์ที่เคยเจอ “ถ้าปฏิวัติจริง ไม่มีกลิ่นโชย” ช่วยกันดับไฟ จบข่าวปฏิวัติ

เพียงแต่ในทางการเมืองเส้นทางยาวประมาทไม่ได้ อะไรๆเป็นไปได้เสมอในประเทศไทย

เพราะประวัติศาสตร์บอกชัดว่าเกิดเหตุ แอ่นแอ๊นถี่ รัฐประหารจนติดอันดับโลก

อย่างไรก็ดี เหตุฉุกเฉินที่ทุกคนทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น วันนี้สามารถเลี่ยงได้

โดยเฉพาะถ้าคนในวงอำนาจ นักการเมือง ไม่สร้างเงื่อนไขให้เข้าทาง

ไม่ว่าจะเป็นผู้นำ­–ผู้กอง บรรดาพี่เสือรัฐบาล 3 ป. ถ้ายังมัวมุ่งแต่เรื่องหมากเกมเปิดศึกชิงอำนาจกันไม่หยุดหย่อน อาจพาสถานการณ์ไปสู่ทางตัน

และนั่นก็เท่ากับร่วมกันลากบ้านเมือง ถอยหลังลงคลอง.

ทีมข่าวการเมือง

Adblock test (Why?)


พี่เสือพาเข้าทางตัน? - ไทยรัฐ
Read More

Wednesday, January 26, 2022

กสิกรไทย ยืนหนึ่ง ครองตำแหน่ง ดัชนีวัดความเสมอภาคทางเพศ 4 ปีซ้อน - กรุงเทพธุรกิจ

บลูมเบิร์กยกให้ธนาคารกสิกรไทยอยู่ในดัชนีวัดความเสมอภาคทางเพศ Bloomberg ปี 65 นับเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกและแห่งเดียวในไทย ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน สะท้อนความสำเร็จการเป็นองค์กรที่ยืนหยัดในนโยบายการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรม

     นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารเชื่อมั่นในหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability) มาโดยตลอด และนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานด้วยความสมดุลทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรื่องการเคารพในความแตกต่างหลากหลายเป็นประเด็นหนึ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญและปฏิบัติอย่างเป็นธรรมเสมอภาคตั้งแต่ระดับกรรมการจนถึงพนักงานทุกระดับ

    ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีวัดความเสมอภาคทางเพศของบลูมเบิร์ก ประจำปี 2565(Bloomberg Gender–Equality Index 2022) โดยนับเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับด้านความเสมอภาคทางเพศในมาตรฐานสากลเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยธนาคารกสิกรไทยมีคะแนนรวม (GEI Score) ที่ 83.81% สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มการเงินทั่วโลกที่ 72.62% และคะแนนค่าเฉลี่ยรวมของทุกกลุ่มอุตสาหกรรมของโลกที่ 71.01% สะท้อนความสามารถการบริหารความแตกต่างหลากหลายในเรื่องเพศ อายุ การศึกษา เชื้อชาติ และวัฒนธรรม ทั้งในกลุ่มพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ชุมชน และผู้มีส่วนได้เสีย สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs)  ข้อ 5 Gender Equality หรือ ความเท่าเทียมทางเพศ

      ธนาคารกสิกรไทยมีนโยบายการบริหารที่ให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติด้านแรงงานอย่างเท่าเทียมมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องความหลากหลาย ในมุมมองของธนาคารไม่ได้มองแค่เรื่องเพศอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของหลักสิทธิมนุษยชน หรือ ความเท่าเทียม ซึ่งมีหลายมิติ ไม่ว่าจะในเรื่องเพศ อายุ รูปร่าง เชื้อชาติ การศึกษา ถิ่นที่อยู่

     โดยธนาคารให้ความสำคัญกับเรื่องความหลากหลายตั้งแต่ระดับพนักงาน ผู้บริหาร ไปจนถึง คณะกรรมการธนาคาร และมองว่าความหลากหลายจะช่วยส่งเสริมให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ และมุมมองในการตัดสินใจอย่างรอบด้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร และมีการปลูกฝังวัฒธรรมองค์กรที่ยอมรับความแตกต่าง มองการวัดผลงานที่ความสามารถอย่างเท่าเทียมเป็นหลัก

กสิกรไทย ยืนหนึ่ง ครองตำแหน่ง ดัชนีวัดความเสมอภาคทางเพศ 4 ปีซ้อน       นอกจากนี้ ธนาคารยึดหลักปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสากล อาทิ หลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) หลักการด้านมนุษยธรรมและสิทธิขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Organization: ILO) ตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ (International Bill of Human Rights) และข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (Principles of the United Nations Global Impact: UNGC) 

     และธนาคารมีนโยบายห้ามการเลือกปฏิบัติหรือกีดกันแรงงาน ห้ามการล่วงละเมิดหรือข่มขู่คุกคาม อันเนื่องมาจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา เพศ อายุ สัญชาติ สิทธิความเป็นพลเมือง ความนิยมทางเพศ หรือความพิการ เพื่อให้พนักงานปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานด้วยความเคารพ

​    นางสาวขัตติยา กล่าวตอนท้ายว่า ธนาคารเชื่อมั่นว่าทุกคนมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ธนาคารทำหน้าที่ช่วยส่งเสริมให้พนักงานสามารถดึงจุดแข็งของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดความก้าวหน้าในการทำงาน และพนักงานได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม อันจะนำไปสู่การสร้างสรรค์บริการให้แก่ลูกค้าและสร้างแรงขับเคลื่อนให้ธนาคารเป็นสถาบันการเงินชั้นนำอย่างยั่งยืน

Adblock test (Why?)


กสิกรไทย ยืนหนึ่ง ครองตำแหน่ง ดัชนีวัดความเสมอภาคทางเพศ 4 ปีซ้อน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

หอการค้าชี้ซาอุดีอาระเบีย โอกาสทางเศรษฐกิจของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

หอการค้าชี้ซาอุดีอาระเบีย โอกาสทางเศรษฐกิจของไทย  ประชาชาติธุรกิจ
หอการค้าชี้ซาอุดีอาระเบีย โอกาสทางเศรษฐกิจของไทย - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ผวาทางเลือกที่สาม - ไทยรัฐ

ของแพงค่าแรงถูก หมู ไข่ ไก่ เป็ด แย่งกันขึ้นราคา ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ทั้งซ้ายขวาเดือดร้อนเหมือนกันหมด ก็ได้แต่กัดฟันพึ่งพาตัวเอง

ตรุษจีนปีนี้ต้องไหว้เจ้าทั้งน้ำตา สวดภาวนา “เฮงไล้ ซวยขื่อ” โชคดีเข้ามา โชคร้ายหายไป มีกินทุกมื้อ มีซื้อทุกอย่าง

รัฐบาลพึ่งหวังอะไรไม่ค่อยได้ ทำเป็นแต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ คิดอะไรไม่ออกก็แจกเงิน ช่วยจ่าย “คนละครึ่ง” นโยบายแต่ละอย่างล้วนใช้เงินขับเคลื่อน

พอถังแตกตูดขาด เงินฝืดก็มึนงงหมดมุก ปล่อยประชาชนเดียวดายตายบนซากของแพง

ความวัวยังไม่หาย ความควายก็เข้ามาแทรกอยู่เรื่อย ปัญหาบ้านเมืองตึงมือ ปัญหาการเมืองก็มาถี่ๆ ชั่วโมงนี้รัฐบาลยังสาละวนอยู่กับการแก้เกม เอาตัวรอดจากภาวะ “ไร้เสถียรภาพ”

สนิมเนื้อในลามไม่หยุด “กลุ่มกบฏ” ที่นำโดย “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทิ้งบอมบ์ใส่บ้าน ขน ส.ส.20 คนออกไปตั้งค่ายใหม่

วางแผนเดินเกมให้ “ขับออกจากพรรค” แบบไม่ค่อยเนียน

แต่นั่นก็ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลง่อนแง่นเต็มที ต้องตาลีตาเหลือกหาเสียงมาเติม ไล่บีบ ไล่ต้อน ส.ส.ให้เปลี่ยนใจย้อนกลับมา พร้อมหาเสียงสำรองไว้ยามฉุกเฉิน

แว่วว่าทีมงาน “สามมิตร” เป็นหัวหอกเดินเกมตกเขียวงูเห่าข้ามขั้ว เพราะเชี่ยวเชิงการเมืองอยู่แล้ว อีกทั้งฝั่งตรงข้ามก็คนกันเอง โดยเฉพาะค่ายใหญ่เพื่อไทย

งานนี้ไม่ว่าใครก็มองออกต้องมาทรงนี้ แกนนำเพื่อไทยถึงประกาศดักคอ เตือน ส.ส.ที่จะไปรับกล้วย ระวังสอบตก วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว

บางคนก็เชื่อ บางคนก็กลัว แต่บางคนไม่แคร์ ไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทย แต่มีแทบทุกพรรค โดยเฉพาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่รู้ตัว

คราวหน้าไม่ได้เป็นผู้แทนแน่ โอกาสสุดท้ายเลือกหอบกล้วยเข่งใหญ่ ดีกว่ากลับบ้านมือเปล่า
ถ้ามีวาระเปิดโหวตเช็กชื่อในสภา อาจเจองูเห่าเพ่นพ่านยั้วเยี้ย

เกม “เสือ” ปะทะ “สิงห์” กลุ่มกบฏเปิดหน้าชก ผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก็ไม่มีถอยให้เสียเชิง เดินลุยแลกหมัดตายกันไปข้างกลางเวที

พูดชัดๆไม่ขอตกเป็นเบี้ยล่างเกมต่อรอง เก้าอี้รัฐมนตรีอย่าหวัง ไม่ปรับ ครม.อะไรทั้งสิ้น รู้กันในทีจะมาไม้ไหน ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ เจอหมากนี้เข้าไป “ทีมกบฏ” ผงะเหมือนกัน

“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงขั้นต้องออกมาเอ่ยปากเอง 21 ส.ส. ยังเป็นพวกเดียวกัน จะอยู่ร่วมกับรัฐบาลแน่นอน

ตามฉากการเมืองที่จิ๊กซอว์เริ่มชัด ทั้งเบื้องหลัง เบื้องหน้ารัฐบาล 3 ป. ระหองระแหง ร้าวฉานเต็มที

แต่เมื่อเดินเกมลึกร้ายมาถึงขั้นนี้ ก็ถอยกลับไม่ได้แล้ว

“ผู้กองนัส” ที่โดนคนนินทาด่าทอ เล่นไม่เลิก นั่นเพราะอยู่ในสภาพ “จนตรอก” เหมือนกัน วันนี้จะกลับตัวกลับใจเป็นเด็กดี แต่มีหรือที่ผู้นำจะให้อภัย ดังนั้นมีแต่ต้องลุยไปให้สุดซอย

ชั่วโมงนี้ช่องทางทำมาหากินถูกรุกไล่ ทั้งตลาด หวย “บิ๊กตู่” ตั้ง “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ขึ้นมาสางปัญหาสลากกินแบ่งแพง

ไม่สู้ก็ตาย ทางรอดเดียวที่มีคือสู้จน “บิ๊กตู่” ต้องไม่อยู่เป็นผู้นำ

เค้าลางความขัดแย้งในรัฐบาลคงลากยาวต่อไปจนสุดทางแน่ อยู่ที่ว่าจะจบเมื่อไหร่ แบบไหน
ตามอาการหวาดหวั่นของฝ่ายค้าน สิ่งที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดไว้ด้วยความเป็นห่วง นั่นคือความจริงแท้ทางการเมือง

ถ้าการเมืองถึงทางตัน นายกฯลาออก หรือยุบสภา ฝ่ายค้านยินดี พร้อมให้ประชาชนตัดสิน

แต่ท่าทีผู้นำวันนี้คือ “ยอมหักไม่ยอมงอ” ประกาศสู้ตายคาเก้าอี้ เหมือนมีกองหนุน กำลังเสริม กลิ่นทางเลือกที่สาม ยึดอำนาจ รัฐประหาร โชยมาเตะจมูกทันที

ต้องออกมาเรียกร้อง วิงวอน อย่าทำ เพราะอาจส่งผลให้ประเทศชาติล่มจม ยึดอำนาจ สืบอำนาจ ซ้ำเติมประชาชนที่กำลังแร้นแค้นลำเค็ญ

รัฐประหารแล้วได้เครือข่ายเดิมกลับมาบริหารท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจปากเหว

อาจเกิดการลุกฮือต่อต้าน ถึงขั้น “จลาจล” กลางเมือง.

ทีมข่าวการเมือง

Adblock test (Why?)


ผวาทางเลือกที่สาม - ไทยรัฐ
Read More

'พีที' จัดแข่งรถยนต์ทางเรียบ 'PT Maxnitron Racing Series 2021' หวังกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่ม - มติชน

PT Maxnitron Racing Series 2021 ส่งท้ายฤดูกาลความเร็วของปีสุดยิ่งใหญ่ ที่สนามประจวบ สตรีท เซอร์กิต จ.ประจวบคีรีขันธ์ “สรรพร เชาวน์ชวานิล” จากทีมอิเดมิตสึ สตาร์ เพอร์ฟอร์แมนซ์ ได้ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2021 และเตรียมเดินหน้าจัดแข่งขันรถยนต์ทางเรียบปี 2022 ใน 3 สนามเมืองท่องเที่ยวอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวในประเทศ

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ในฐานะผู้สนับสนุนหลักในรายการ PT MAXNITRON RACING SERIES 2021 เปิดเผยว่า การจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “PT Maxnitron Racing Series 2021″ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในรุ่น SIAM GT สนามที่ 1-3 ที่สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี เมื่อเดือนตุลาคม 2564 และสนามที่ 4 – 5 ที่สนามพีที ประจวบ สตรีทเซอร์กิต ซึ่งเป็นการแข่งขันระบบปิด เพื่อป้องกันการแร่ระบาดของโควิด-19 และเป็นครั้งแรกในการสร้างสนามแข่งรถในรูปแบบสตรีทเซอร์กิต เลียบเขาช่องกระจกและอ่าวประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านทิวทัศน์ที่สวยงาม ระยะทาง 2.3 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 19-23 มกราคม 2565 ได้รับเกียรติจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ที่สนาม พีที ประจวบสตรีท เซอร์กิต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทีมแข่งรถชั้นนำและบรรดานักแข่งอย่างล้นหลาม

ทั้งนี้ การจัดแข่งรถยนต์ทางเรียบริมอ่าวประจวบคีรีขันธ์ ครั้งนี้ กลุ่ม PTG ได้นำ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และออโต้แบคส์ (AUTOBACS THAILAND) มาร่วมออกบูท โดยร้านกาแฟพันธุ์ไทย ได้จัดร้านกาแฟพันธุ์ไทยเคลื่อนที่ นำเครื่องดื่มร้อน-เย็น ไปจำหน่ายให้กับนักแข่ง ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ที่ถนนคนเดิน ติดกับสะพานสราญวิถี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ ออโต้แบคส์ ศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร นำทีมช่างผู้ชำนาญงานร่วมให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้กับรถแข่งทุกคันที่เข้าร่วมการแข่งขัน พร้อมเป็นสปอนเซอร์ให้กับรถแข่ง ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ PT Maxnitron Racing Series 2021 สนามที่ 4-5 สนามประจวบ สตรีท เซอร์กิต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกด้วย

“ขอขอบคุณภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “PT Maxnitron Racing Series 2021” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยกลุ่ม PTG พร้อมให้การสนับสนุนจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “PT Maxnitron Racing Series” ในทุกๆปี และมุ่งส่งเสริมให้กีฬามอเตอร์สปอร์ตเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น” นายพิทักษ์ กล่าว

นายศิลป์ ธีรนิติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 63 โปรเจค ในฐานะประธานจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “PT Maxnitron Racing Series 2021” สนามพีที ประจวบ สตรีทเซอร์กิต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การแข่งขันรายการดังกล่าว นับเป็นการรวมตัวของเหล่าบรรดานักแข่งชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ที่มาประลองฝีมือกันในรูปแบบ “สตรีท เซอร์กิต” สนามแข่งติดทะเลที่สวยงามของประเทศเป็นครั้งแรก มีรถยนต์เข้าร่วมประลองความเร็วกว่าร้อยคันและเหล่าพริตตี้เกิร์ลที่มาร่วมสร้างสีสันภายในงานจำนวนมาก โดยจัดการแข่งขันแบบระบบปิด เพื่อความปลอดภัย ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามคู่มือการปฏิบัติในการจัดกิจกรรมด้านการกีฬาประเภท Motorsports โดยนักแข่งและคณะทำงานทุกคน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบโดส ตรวจ ATK ทุก 72 ชั่วโมงและผลตรวจเป็นลบ ต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ชั่วโมง ตรวจวัดอุณหภูมิและสวมหน้ากากอนามัยตลอดการแข่งขัน

นายศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในการแข่งขันรถยนต์กีฬาทางเรียบ “PT Maxnitron Racing Series 2021” สนามพีทีประจวบ สตรีท เซอร์กิต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักแข่งและทีมรถแข่งชั้นนำเข้าประลองความเร็วอย่างคับคั่ง รวมทั้งชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดใกล้เคียงและนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากที่ให้ความสนใจชมการแข่งขันทั้งผ่านไลฟ์สดและเดินทางมาชมการแข่งขันในบางจุดที่สามารถชมได้ ซึ่งนับว่ามีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้หมุนเวียนและฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “PT Maxnitron Racing Series 2021” ในรุ่น SIAM GT ทั้ง 5 สนาม ได้แก่ นายสรรพร เชาวน์ชวานิล นักแข่งรถทีมอิเดมิตสึ สตาร์ เพอร์ฟอร์แมนซ์ มีคะแนนรวมทั้งสิ้น 70 คะแนน

“สนามพีทีประจวบ สตรีท เซอร์กิต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่เพียงเป็นสนามแข่งรถยนต์ทางเรียบที่สร้างประสบการณ์ความแปลกใหม่พร้อมความประทับใจให้กับนักแข่งและผู้เข้าชมผ่านไลฟ์สดรวมทั้งในพื้นที่ แต่ยังช่วยดึงดูดให้คนทั่วโลกได้รู้จักจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และเดินทางมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ความงดงามของเมืองสามอ่าว นับเป็นการสร้างประโยชน์โดยรวมให้กับชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์อย่างยั่งยืน ตลอดไป” นายศิลป์ กล่าว

สำหรับในปี 2565 บริษัท เอส 63 โปรเจค เตรียมจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “PT Maxnitron Racing Series 2022” ใน 3 สนาม คือ บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ , สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และสนามพีที ประจวบสตรีท เซอร์กิต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้นักแข่งรถได้สัมผัสกับประสบการณ์แข่งขันสุดยิ่งใหญ่ พร้อมก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้กับจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดชลบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้อย่างมหาศาล

Adblock test (Why?)


'พีที' จัดแข่งรถยนต์ทางเรียบ 'PT Maxnitron Racing Series 2021' หวังกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่ม - มติชน
Read More

Tuesday, January 25, 2022

บิทคับ ไม่ปิดทางเทคโอเวอร์ทีมไทยลีก หรือ พรีเมียร์ลีก ในอนาคต - ข่าวสด

“ท็อป” นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง บิทคับ ไม่ปฏิเสธโอกาส ในการเป็นเจ้าของสโมสร ใน ไทยลีก หรือแม้กระทั่ง พรีเมียร์ลีก ในอนาคต ในงานเปิดตัว บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด เป็นผู้สนับสนุนหลักฟุตบอลทีมชาติไทย และฟุตบอลไทยลีก ในงานมีการมอบสินทรัพย์ดิจิทัล NFT ใบแรกของวงการฟุตบอลไทยจากทางบิทคับ ให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมทุ่มเงินกว่า 30 ล้าน

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

โดยภายในงานแถลงข่าว จิรายุส เผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการคุยรายละเอียดกับ เจ้าของสโมสรในไทยลีก รวมถึง ในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว เพราะตัวเอง สนใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็ขอไม่ปฏิเสธ เกี่ยวกับเรื่องในอนาคต แต่ ณ ตอนนี้ขอเป็นผู้สนับสนุนวงการฟุตบอลไทยในภาพรวมทั้งกับทีมชาติ และ ไทยลีก ไปก่อน

Adblock test (Why?)


บิทคับ ไม่ปิดทางเทคโอเวอร์ทีมไทยลีก หรือ พรีเมียร์ลีก ในอนาคต - ข่าวสด
Read More

ชี้ชะตาปิด "อาคเนย์" วันนี้ "เจ้าสัวเจริญ" ผ่าทางตันอ่วมเคลมโควิด - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

ชี้ชะตาปิด "อาคเนย์" วันนี้ "เจ้าสัวเจริญ" ผ่าทางตันอ่วมเคลมโควิด  ประชาชาติธุรกิจ
ชี้ชะตาปิด "อาคเนย์" วันนี้ "เจ้าสัวเจริญ" ผ่าทางตันอ่วมเคลมโควิด - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (26/01/65) - efinanceThai

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ SPRC 11.2 คาดความต้องการใช้น้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นเด่น ตามเศรษฐกิจทั่วโลกที่ฟื้นตัว หนุนค่าการกลั่น และ spread ยังคงเดินหน้า ในขณะที่กำลังการผลิตทั่วโลกยังออกมาค่อนข้างจำด คาดจะช่วยหนุนกำไร และหนุนการกลับมาจ่ายปันผล โดยเราประเมินอัตราปันผลปีนี้สูงราว 4.5% SCGP 75 แนวโน้มต้นทุนเศษกระดาษจะเริ่มลดลงจากภาวะอุปทานที่สูงขึ้น หนุนให้อัตราการทำกำไรช่วง 1Q65 จะเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 65 โดยเราคาดกำไรหลักปี 65 จะเติบโตเด่น +32%YoY จากทั้งการขยายกำลังผลิตและ M&P ปีที่แล้วและปีนี้ยังมีแนวโน้ม M&P เพิ่มเติม บล.กรุงศรี หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ PTTEP 156 ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์ ด้านแนวโน้มงบ 4Q21 คาดมีกำไรสุทธิ 9.2 พันล้านบาททรงตัว qoq แต่เพิ่มขึ้นแรงกว่า 263%yoy SNNP 20 ได้ Sentiment บวกวานนี้ ปปส. เห็นชอบปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด โดยที่ SNNP มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชง กัญชา ประกอบด้วยขนมขาไก่ Lotus เปิดตัวไปแล้วในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาและเตรียมเปิดตัวอีก 2 ผลิตภัณฑ์ในเดือน ม.ค. และ ก.พ. นี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ TKS 22 คาดกำไร 4Q21 เติบโตโดดเด่นตาม SYNEX ที่เป็น High Season ขณะที่ 1Q22 คาดยังแข็งแรงต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้า IT มากที่สุด บล.เคทีบีเอสที หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ TRUE 5 หุ้นสาย Domestic เด่น, ปี 22 ลุ้นการ Turn Around หุ้น Domestic Play เหมาะสมกับตลาดผันผวน, ปี 22 ผลการดำเนินงานมีโอกาส Turn around หนุนด้วยการบริโภคที่ฟื้นตัว

Adblock test (Why?)


สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (26/01/65) - efinanceThai
Read More

ไฟเซอร์เริ่มทดสอบทางคลินิก วัคซีนรุ่นใหม่สำหรับต้านโควิดโอมิครอน - ไทยรัฐ

ไฟเซอร์กับไบโอเอ็นเทค เริ่มการทดสอบทางคลินิกของวัคซีนสำหรับต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะแล้ว หวังช่วยควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อสายพันธุ์นี้ได้

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า บริษัท ไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ประกาศในวันอังคารที่ 25 ม.ค. 2565 ว่า พวกเขาเริ่มการทดสอบทางคลินิกของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รุ่นใหม่ ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรับมือกับเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนซึ่งมีความสามารถหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนรุ่นก่อนแล้ว

ทั้งสองบริษัทมีแผนจะทดสอบการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนต้านโอมิครอนใน 2 กรณีคือ กรณีฉีด 3 เข็มให้คนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย กับฉีดเป็นวัคซีนกระตุ้นแก่คนที่ได้รับวัคซีนรุ่นก่อน 2 โดสแล้ว รวมถึงจะศึกษาเรื่องความปลอดภัยและความทนต่อยา (tolerability) ในผู้รับการทดสอบมากกว่า 1,400 คนด้วย

“ในขณะที่การวิจัยในปัจจุบันและข้อมูลใช้งานจริงจะแสดงให้เห็นว่า วัคซีนกระตุ้นยังคงมอบการปกป้องในระดับสูงต่อการป่วยรุนแรงและเข้าโรงพยาบาลเพราะเชื้อโอมิครอน เรายอมรับว่ามีความจำเป็นต้องเตรียมการเผื่อกรณีที่การป้องกันดังกล่าวจางหายไปตามกาลเวลา และเพื่อช่วยรับมือเชื้อโอมิครอนกับเชื้อสายพันธุ์อื่นในอนาคต” แคทริน แยนเซน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาวัคซีนของไฟเซอร์ระบุ

ทั้งนี้ การปรากฏของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ทำให้การฉีดวัคซีนต้านโควิดจำนวน 2 โดสไม่เพียงพออีกต่อไป และจำเป็นต้องได้รับวัคซีนกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 ขณะที่บางประเทศเริ่มทดลองฉีดวัคซีนกระตุ้นเพิ่มเติม หรือเข็ม 4 แล้ว อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาในอิสราเอลชี้ว่า การฉีดวัคซีน mRNA เป็นเข็มที่ 4 ก็ยังสร้างภูมิคุ้มกันไม่สูงพอป้องกันการติดเชื้อโอมิครอน ทำให้ต้องมีการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับเชื้อสายพันธุ์นี้ขึ้นมา

Adblock test (Why?)


ไฟเซอร์เริ่มทดสอบทางคลินิก วัคซีนรุ่นใหม่สำหรับต้านโควิดโอมิครอน - ไทยรัฐ
Read More

Monday, January 24, 2022

สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (25/01/65) - efinanceThai

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ SAT 25.5 ตัวเลขอุตสาหกรรมรถยนต์เดือนธ.ค. อยู่ในเกณฑ์ดี หลัง Covid-19 ดีขึ้น คลายล็อกดาวน์, ปัญหาไมโคร ชิปขาดแคลนเริ่มดีขึ้น คาดจะส่งผลบวกต่อกลุ่มยานยนต์ แนะสะสม SAT แนวโน้มกำไรปี 65 ขยายตัว 9% ปัจจุบันเทรด PE เพียง 8.7 เท่า และคาดอัตราปันผลปีนี้สูง 7.4% ต่อปี GLOBAL 27.5 คาดกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 689 ล้านบาท เติบโต +5% QoQ และ +82% YoY จากคาด SSSG แข็งแกร่ง+15% และมีการเปิดสาขาใหม่ 1 แห่งที่เชียงราย และกำไรปี 2565 คาด +9% ถูกผลักดันจากการขยายสาขา 7-8 แห่ง, เพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand และการขยายไปยังต่างประเทศ บล.กรุงศรี หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ GULF 56 มี Sentiment บวกจากข่าวเซ็น MOU เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาวขนาด 770 MW เพิ่ม MW Growth ในระยะยาว และยังมี Synergy จากการซื้อกิจการกลุ่ม AIS รวมถึงการจับมือกับกลุ่ม Binance CPF 33.75 คาดกำไรสุทธิ 4Q21 พุ่งแตะระดับ 1.18 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 3Q21 ขาดทุนสุทธิ 5.4 พันล้านบาท และเพิ่มขึ้น 84%yoy ขณะที่แนวโน้ม 1Q22 ยังดีต่อเนื่องจากราคาเนื้อหมูที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาโรคระบาดในหมู บล.ฟินันเซีย ไซรัส หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ STANLY 250 เป็นหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ PER ต่ำเพียง 8 เท่าและ PBV เพียง 0.7 เท่า ขณะที่การเติบโตของกำไรในปี 2022-24 คาด +14% CAGR คิดเป็น PEG 0.59 เท่า บล.เคทีบีเอสที หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ RS 22 รายได้โต เดินหน้า M&A สร้าง Digital Ecosystem รายได้โตจากธุรกิจค่าปลีกและ Entertainment ที่ฟื้นตัว ส่วน Deal M&A ยูนิลีเวอร์ หากสำเร็จจะช่วยเพิ่มยอดขายและอัพมาร์จิ้น

Adblock test (Why?)


สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (25/01/65) - efinanceThai
Read More

'อัษฎางค์' แนะปฏิรูปบังคับใช้กม.-จริยธรรมทางสังคม แก้อุบัติเหตุทางถนน - ไทยโพสต์

นักวิชาการอิสระ  ยกออสเตรเลียเข้มงวดกฎหมายและจริยธรรมทางสังคม ช่วยให้อุบัติเหตุทางถนนน้อย แนะไทยถึงเวลาต้องปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายและจริยธรรมทางสังคมตั้งแต่บัดนี้

24 ม.ค.2565-นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ทางม้าลายและรถพยาบาลฉุกเฉิน” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของออสเตรเลีย ระบุว่า เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ธรรมชาติและพิสูจน์หาความจริงไม่ได้ แต่คนไทยให้ความเคารพเชื่อถือและไม่กล้าแตะต้องหรือกระทำผิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ในขณะที่ออสเตรเลียและประเทศตะวันตกหรือประเทศชั้นนำของโลกมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่จับต้องได้ นั้นคือ กฎหมายและจริยธรรมทางสังคม

กฎหมายคือข้อบังคับ และจริยธรรมทางสังคมคือข้อควรปฏิบัติ เป็น 2 สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวตะวันตกและประเทศที่พัฒนาแล้ว ทางม้าลายและรถพยาบาลฉุกเฉิน คือตัวอย่างของสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเพราะเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเช้าวันในเรื่องของกฎหมายและจริยธรรมทางสังคมในประเทศที่พัฒนาแล้ว

“ผมอยู่ออสเตรเลียมา 20 ปี ภาพที่เห็นแล้วประหลาดใจและประทับใจนับตั้งแต่วันแรกๆ ที่มาอยู่จนถึงปัจจุบัน คือรถทุกคนพร้อมใจกันหยุดรถทันทีเมื่อมีคนย่างเท้าลงบนทางม้าลาย และรถทุกคันพร้อมใจกันชิดซ้ายทันทีที่ได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลฉุกเฉิน ในออสเตรเลีย อาจแทบจะพูดได้ว่า คุณสามารถเดินหลับตาหรือก้มหน้าดูมือถือในขณะที่เดินข้ามถนนบนทางม้าลายได้เลย เพราะรถที่วิ่งมาจะหยุดแบบทันทีทันใดเมื่อมีคนก้าวเท้าลงบนทางม้าลาย ผมไม่ได้บอกว่า ไม่เคยมีข่าวรถชนคนบนทางม้าลาย หรือข่าวรถชนกับรถพยาบาลฉุกเฉินเลย แต่ตลอด 20 ปีผมได้ยินข่าวนั้นเพียง 1 หรือ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งนั้นคืออุบัติเหตุจริงๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการขับรถเร็ว เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ”

ในออสเตรเลีย ถ้าเป็นถนนเล็กหรือเป็นถนนที่การจราจรไม่คับคั่ง จะมีทางม้าลายให้คนใช้ข้ามถนน ซึ่งประชาชนถทุกคน ถูกปลูกฝังให้จอดรถทันทีเมื่อมีคนย่างเท้าลงบนทางม้าลาย ถ้าเป็นถนนใหญ่หรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ จะมีไฟสัญญาณเขียว-แดงสำหรับบังคับรถให้จอดเวลามีคนข้ามถนน รถที่วิ่งในเมืองจะใช้ความเร็วได้เพียง 50 กม./ชม. ส่วนในเขตที่เป็นชุมชนหนาแน่น เช่นกลางใจเมืองหรือหน้าโรงเรียนในเวลานักเรียนมาโรงเรียนหรือเลิกเรียน จะวิ่งรถได้เพียง 40 กม./ชม. เท่านั้น ซึ่งเรื่องความเร็วรถนี้คือ ปัจจัยสำคัญสำหรับการป้องกันอุบัติเหตุรถในซิดนีย์วิ่งได้เพียง 40-50 กม./ชม. แต่รถกลับไม่ติดวินาศสันตะโรเหมือนในกรุงเทพ และไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงอย่างสม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา เพราะอะไร

คำตอบคือ ประชาชนถูกปลูกฝังในเรื่องความมีมารยาททางสังคม จริยธรรมทางสังคม การเคารพกฏจราจรอย่างเคร่งครัดและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง พร้อมบทลงโทษรุนแรง ขอยกตัวอย่างหนึ่งในบทลงโทษที่รุนแรง จากเพื่อนของเพื่อนผม ซึ่งเมาแล้วขับ โดนจับปรับเป็นเงินหลักแสนบาท ยึดใบขับขี่ห้ามขับ 8 เดือน มีเพื่อนของเพื่อนอีกคนที่โดนคดีเมาแล้วขับ โดนยึดใบขับขี่แล้วออกไปขับรถอีกโดยไม่มีใบขับขี่ ทำให้ถูกจับเข้าคุกทันทีโดยไม่มีการอุทธรณ์ หนึ่งในปัญหาของเมืองไทยที่ต้องได้การปฏิรูปอย่างเร่งด่วน คือ ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องนักการเมืองและประชาชนต้องร่วมมือผลัดดันให้มันเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด ไม่ใช่การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์หรือยกเลิก 112 ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเลย แต่มันกระทบต่ออำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมืองผู้สูญเสียอำนาจบางครั้งเท่านั้น

“ปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายพร้อมบทลงโทษรุนแรง และปลูกฝังจริยธรรมทางสังคม”กันตั้งแต่วันนี้ ทำให้มันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนที่ความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้จากเหตุร้าย จะเกิดขึ้นกับชีวิตคนในครอบครัวของคุณเองมาร่วมมือร่วมใจกันปกป้องชีวิตลูกหลานและคนในครอบครัว ด้วยการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายและจริยธรรมทางสังคมตั้งแต่บัดนี้”

Adblock test (Why?)


'อัษฎางค์' แนะปฏิรูปบังคับใช้กม.-จริยธรรมทางสังคม แก้อุบัติเหตุทางถนน - ไทยโพสต์
Read More

นักวิชาการ มธ. เสนอกลไกทางเลือกแก้ PM 2.5 - ไทยโพสต์

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ แนะ ควรให้ ‘อำนาจสั่งการ’ คกก.อากาศสะอาด ดำเนินมาตรการข้ามหน่วยงาน พร้อม ‘บูรณาการงบประมาณ’ ตามภารกิจ...