การประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มแล้วล่มอีก ล่มบ่อยครั้งจนกระทั่งสร้างความอิดหนาระอาใจให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ กระทั่งในสัปดาห์นี้การประชุมสภาก็ล่มจนเป็นเหตุให้ผู้ทำหน้าที่ประธานต้องรักษาหน้าตาของสภา ชิงปิดประชุมโดยยังไม่ทันลงมติเพราะมีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมโหรงเหรง
รัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภาและเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่ต้องให้เสียงข้างมากของรัฐบาลนั้นเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยต้องเป็นองค์ประชุม จะไปกล่าวหาฝ่ายค้านในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบของฝ่ายค้าน และเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านที่จะแสดงท่าทีทางการเมืองโดยผ่านการประชุมของสภาว่าไม่ยอมรับการบริหารของรัฐบาล ซึ่งเป็นวิธีการอย่างหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย
และโดยเหตุผลก็กล่าวหาฝ่ายค้านในเรื่องนี้ไม่ได้ เนื่องจากนับแต่เปิดประชุมสภาเป็นต้นมารัฐบาลไม่ยอมเสนอกฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณาของสภา แม้ว่าทราบกันดีว่าการไม่เสนอกฎหมายเข้าสภานั้นเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง เกิดความเสียหายแก่การบริหารราชการแผ่นดิน จึงมีข้อครหาว่านั่นเพราะรัฐบาลกลัวว่ากฎหมายที่รัฐบาลเสนอจะแพ้มติในสภา และจะทำให้รัฐบาลต้องลาออกและยุบสภา
ดังนั้นเรื่องราวการดำเนินงานของสภาที่ผ่านมาจึงเป็นเรื่องการพิจารณากฎหมายที่ประชาชนเสนอบ้าง ฝ่ายค้านเสนอบ้าง ส่วนกระทู้และญัตติต่างๆ นั้นก็ปรากฏว่าเมื่อฝ่ายค้านยื่นแล้ว ฝ่ายรัฐบาลไม่มีรัฐมนตรีไปตอบกระทู้หลายครั้ง ญัตติต่างๆ ก็ไม่ได้รับความสนใจไยดีที่จะแก้ไขปัญหาตามที่ฝ่ายค้านเสนอ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายค้านมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะแสดงท่าทีทางการเมืองด้วยการไม่เข้าประชุม แม้ว่า สส. ฝ่ายค้านจะอยู่ในบริเวณสภาแล้วก็ตาม
สภาพเช่นนั้นชัดเจนว่าวิกฤตทางการเมืองสำคัญของประเทศเกิดขึ้นในสภาแล้ว ซึ่งถ้าเป็นประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรัฐบาลนั้นก็จะไม่ซื้อหรือยื้อเวลา แต่จะแสดงความรับผิดชอบแก้ไขเรื่องนี้ทันทีด้วยวิถีทางประชาธิปไตย นั่นคือไม่ลาออกก็ยุบสภา
แต่ประเทศไทยของเราทุกวันนี้ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบเช่นว่านั้น ยังคงปล่อยให้ความเสียหายต่อบ้านเมืองและการปกครองเกิดขึ้นอย่างหน้าตาเฉย สิ่งที่ประชาชนได้ทราบได้รู้ได้เห็นก็คือมีแต่กระบวนการยื้อซื้อเวลาไปวันๆ ซึ่งสะท้อนถึงการหวงและติดยึดในอำนาจ อันไม่ใช่วิถีทางแห่งประชาธิปไตย
จึงส่งผลออกไปนอกสภา ทำให้ฝ่ายค้านสามารถนำไปเป็นเหตุในการสร้างความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ดังที่ปรากฏจากผลโพลล์อิสระที่ปรากฏว่าคะแนนนิยมของฝ่ายค้านพุ่งกระฉูดในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลต่ำเตี้ยติดดิน มีแต่การสร้างกระแส IO เป็นเครื่องประโลมใจไปวันๆ เท่านั้น
และถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่าบรรดา IO นับร้อยรายที่ตั้งหน้าตั้งตาเชียร์รัฐบาล ด่าว่าฝ่ายเห็นต่าง ยิ่งนานวันไปก็มีผู้ติดตามร่อยหรอลงทุกที นั่นแสดงให้เห็นว่าความตื่นตัวของประชาชนและความเรียกร้องต้องการในการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้ยกระดับขึ้นสู่กระแสสูง และยิ่งทอดเวลาไปเท่าใดความนิยมรัฐบาลก็จะเหลือน้อยลงเท่านั้น
สภาพดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากปัญหาภายในพรรคแกนของรัฐบาลเอง คือพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งแม้ต่อภายนอกจะพยายามลวงตาประชาชนด้วยวาทกรรมต่างๆ สารพัด ในลักษณะที่ว่าไม่มีปัญหาใดๆ โดยลืมคำนึงไปว่าประชาชนวันนี้ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา มีสติปัญญาเพียงพอที่จะอ่านสถานการณ์บ้านเมืองได้อย่างชัดเจน และมีข่าวสารมากหลายว่าความจริงเป็นอย่างไร
ขณะนี้ไม่ต้องสงสัยใดๆ ว่าประชาชนทั่วประเทศมีความเชื่อว่ามีความแตกแยกอย่างรุนแรงภายในพรรคแกนของรัฐบาล และไม่มีความคิดที่จะปรองดองกัน มีแต่ความคิดที่จะห้ำหั่นกันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
การแสดงออกของ IO กองเชียร์นั่นแหละคือหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงกระแสทางการเมืองว่าความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างไร การรุมกันถล่มพรรคพลังประชารัฐอย่างเสียๆ หายๆ การโจมตีว่าร้ายหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โหมกระหน่ำเป็นรายวัน แต่มิใช่จากฝ่ายตรงกันข้ามของรัฐบาล หากเป็นฝ่ายเดียวกับรัฐบาล นั่นคือคณะ IO ที่สนับสนุนรัฐบาลเอง เพียงแต่สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง ต้องการโจมตีทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง จึงเป็นสิ่งบอกเหตุที่ไม่มีทางโต้เถียงได้
ในท่ามกลางความขัดแย้งนี้ปัญหาสารพัดก็รุมเร้า โดยเฉพาะปัญหาการต่อสู้กันระหว่างขบวนการค้ายาวัคซีนกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ต้องการให้ประเทศกลับคืนสู่ความเป็นปกติ และต่อสู้กับการโกหกหลอกลวงทุกประการ ที่ทำให้ประเทศยับเยิน ภาคธุรกิจย่อยยับต่อเนื่องมาสองปีแล้ว
ความบอบช้ำของประเทศที่มีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น10 ล้านล้านบาท หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านล้านบาท คนทำงานตกงาน กิจการต่างๆ ย่ำแย่ ยังไม่ฟื้น ค่าครองชีพสูงขึ้นโดยเฉพาะการขึ้นราคาน้ำมันและข้าวของต่างๆ ตามอำเภอใจ ราคาพุ่งกระฉูดขึ้นทุกวัน โดยไม่มีใครมีสติปัญญาแก้ไขให้ประชาชนชื่นใจเลย
ในขณะเดียวกัน ข่าวคราวการทุจริตคอร์รัปชั่นก็โหมกระหน่ำยิ่งกว่ายุคใดสมัยใดจนกระทั่งเกิดวาทกรรมว่า “โกงทั้งแผ่นดิน กินทั้งโครงการ” กระทั่งไร้ข้อโต้เถียง จนกระทั่งการจัดลำดับการทุจริตทำให้ประเทศไทยตกลำดับลงไปจากปีก่อน และที่ปรากฏอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็คือ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดของเหล่าผู้ทุจริตแทบทุกวันๆ ละหลายราย ในขณะที่ศาลก็ตัดสินจำคุกพวกขี้โกงให้เป็นข่าวได้ทุกสัปดาห์ๆ ละหลายเรื่อง
ความเดือดร้อนทุกข์เข็ญจากวิกฤตสารพัดทำให้คนหลายกลุ่มทนไม่ได้จึงเกิดเหตุการณ์ใช้สิทธิทางศาล หรือใช้สิทธิ์ในการกล่าวหารัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสารพัดคดีโหมรุมเร้า ซึ่งถ้าพลาดพลั้งลงวันไหนก็จบเห่กันวันนั้นเหมือนกัน
ในขณะเดียวกัน นักล่าอาณานิคมก็เยื้องกรายอ้าปากแสยะเขี้ยวจ้องจะยึดประเทศไทยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ได้สร้างความประหวั่นใจให้แก่คนไทยทั่วประเทศ
สภาพเช่นนี้จึงทำให้ประเทศไทยอยู่ในวิกฤตที่หนักหน่วงรุนแรงที่จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด
Adblock test (Why?)
คอลัมน์การเมือง - วิกฤตทางการเมืองมาถึงจุดอันตราย! - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More