Rechercher dans ce blog

Wednesday, July 27, 2022

คนอีสานจากอดีต-ปัจจุบัน กับทางเลือกใหม่ของการเมือง (จบ) - ฐานเศรษฐกิจ

ต่อมาเมื่อปี 2511 เข้าสู่ยุคของ จอมพลถนอม กิตติขจร แคล้วได้ร่วมกับเพื่อน ส.ส.อีสานฟื้นฟูพรรคการเมืองขึ้นใหม่ จนเมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่อำนาจเผด็จการจอมพลถนอม-ประภาส ถูกโค่นล้มลงด้วยพลังของนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน ในปี 2518 นายแคล้ว จึงได้ร่วมกับเพื่อน ส.ส.อีสาน จัดตั้งพรรคแนวร่วมสังคมนิยม ดำเนินการต่อสู้ตามวิถีทางรัฐสภา เพื่อปกป้องและพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชนผู้ยากไร้ อย่างมีพลังยิ่งในสภาผู้แทนราษฎร

นายแคล้ว นรปติ เป็นนักการเมืองอีสานคนหนึ่ง ที่ดำรงจุดยืนของตนและมีอุดมการณ์อันแน่วแน่ ในการต่อสู้เพื่อประชาชนและคนอีสาน ตราบจนสุดท้ายของชีวิต อย่างมีเกียรติและควรแก่การเคารพนับถืออย่างยิ่ง

อีกท่านหนึ่งที่ขอพูดถึง ณ ที่นี้คือ นายไขแสง สุกใส ผู้สืบเชื้อสายมาจากเจ้าราชบุตร อดีต ส.ส.จังหวัดนครพนม 3 สมัย ผู้ได้รับฉายาว่า "นักต่อสู้เพื่อคนจนจากลุ่มน้ำโขง" โดยเป็น ส.ส.ครั้งแรกเมื่อปี 2512 ถือว่าเป็น ส.ส.ฝีปากกล้าคนหนึ่งในสภาฯ สมัยนั้น ไขแสง สุกใส เป็น ส.ส.ผู้กล้าอภิปรายเรียกร้องเพื่อคนทุกข์ยากและกล้าท้าทายต่ออำนาจเผด็จการทหารตลอดมาโดยมิเกรงกลัวในสมัย จอมพลถนอม กิตติขจร ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจตนเองเมื่อปี 2514

ย้อนเวลาไปราว 40 ปี แถบลุ่มน้ำโขงนครพนม น้อยคนที่จะไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ในความเป็นคนกว้างขวาง ใจกว้าง และความมีน้ำใจของหนุ่มไขแสง เขาคลุกคลีคนระดับล่าง ดำรงชีวิตอยู่แถบภาคอีสาน เป็นผู้มีประวัติในการต่อสู้เพื่อคนทุกข์ยากมาอย่างยาวนาน นับแต่ยุค 4 รัฐมนตรีอีสาน เขาจึงเข้าใจความทุกข์ยากและการถูกเอารัดเอาเปรียบของคนชนบทเป็นอย่างดี ภายใต้การบริหารของรัฐเผด็จการในอดีต และด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าว จึงทำให้ ไขแสง เป็นผู้นำและนักต่อสู้เพื่อประชาชนคนอีสานที่เข้มแข็งและกล้าหาญ

คนอีสานจากอดีต-ปัจจุบัน กับทางเลือกใหม่ของการเมือง (จบ)

ชีวิตของ ไขแสง เป็นชีวิตที่มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เช่นเดียวกับ นายแคล้ว นรปติ โดยตลอดชีวิตของไขแสง มักเผชิญกับชะตากรรมอันไม่พึงปารถนา เขาถูกจับกุมเข้าคุกตะรางหลายครั้ง ในข้อหาหนักหน่วง นั่นคือ ข้อหาการเป็นคอมมิวนิสต์ เพียงเพราะสู้เพื่อคนจนกล้าท้าทายอำนาจรัฐเผด็จการ เมื่อปี 2497 และครั้งที่ 2 ถูกจับกุมอีกครั้งหลังการรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อปี 2501 พร้อมการกวาดล้างกลุ่มนักศึกษาและประชาชนหัวก้าวหน้าคนอื่นๆ เช่น นายจิตร ภูมิศักดิ์ นายอิศรา อมันตกุล นายประวุฒิ ศรีมันตระ

เมื่อพ้นจากคดี ปี 2512 ไขแสง สุกใส ได้จัดตั้งสำนักงานทนายความธรรมรังสี ขึ้น และสถานที่แห่งนี้ ได้กลายเป็นที่รวมตัวและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของบรรดานักคิด นักศึกษา และประชาชนหัวก้าวหน้า เพื่อการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองในช่วงปี 2516-2517

นับว่า ไขแสง เป็นผู้มีบทบาทอย่างมากในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญร่วมกับแกนนำนักศึกษาอย่าง นายธีรยุทธ บุญมี, เสกสรรค์ประเสริฐกุล ,ชัยวัฒน์ สุรวิชัย,ประสาร มฤคพิทักษ์ และ บุคคลอื่นๆ ดังนั้น เมื่อกลุ่มแกนนำนักศึกษาจำนวน 12 คน โดนจับในข้อหากบฏทำลายความมั่นคงของประเทศ ขณะเดินแจกเอกสารเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่ท้องสนามหลวง

ไขแสง สุกใส แทนที่จะหลบหนีเอาตัวรอด เขากลับเดินถือแคนซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของความเป็นอีสาน เข้ามอบตัวเพื่อร่วมทุกข์ร่วมสุขกับน้องๆ แกนนำนักศึกษาอย่างองอาจกล้าหาญ ทั้งที่การเข้าคุกอาจไม่มีโอกาสออกมาหรือโดนยิงเป้าก็ได้ในสถานการณ์ขณะนั้น แต่เพราะไขแสง เป็นผู้มีความคิดแน่วแน่ ยึดมั่นในอุดมการณ์และความถูกต้อง และเห็นความหมายอันยิ่งใหญ่ของการต่อสู้ของขบวนการนักศึกษา-ประชาชน ที่มีต่อระบอบประชาธิปไตยของไทย เขาจึงยืดอกต่อสู้โดยพร้อมเดินเข้าคุกอย่างมิเกรงกลัว มิได้คิดถึงชีวิตและความสุขส่วนตน

หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ไขแสง ต้องเผชิญชะตากรรมที่ลำบากอีกครั้ง เมื่อถูกทางการปราบปรามและล่าตัวจนต้องหลบหนีเข้าป่า พร้อมกับแกนนำนักศึกษาและปัญญาชนหัวก้าวหน้าคนอื่นๆ ในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงสังคมร่วมกับนักศึกษา เช่น นายธีรยุทธ บุญมี เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป จีรนันท์ พิตรปรีชา เป็นต้น

เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองคลี่คลาย ด้วยคำสั่ง 66/2523 ตามนโยบาย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ไขแสงและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ จึงกลับคืนสู่เมือง แต่เขาก็ยังคงมีจุดยืนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย และมีจิตใจที่ยืนอยู่เคียงข้างประชาชน ไม่เปลี่ยนแปลง

ปี 2543 ไขแสง สุกใส ได้ถึงแก่กรรม การถึงแก่กรรมอย่างสงบของชายชรา ผู้ซึ่งดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายในบั้นปลายชีวิตอันไร้ฐานันดรศักดิ์ ๆ ในสังคม แต่เป็นผู้สร้างคุณงามความดีไว้มากมายให้แก่แผ่นดิน จึงควรที่คนอีสานจะได้รำลึกถึงคุณค่าและแบบอย่างอันกล้าหาญ ของชายคนอีสานผู้หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี

ตลอดชีวิตของไขแสง สุกใส เขาเป็นผู้หนึ่งที่ยึดมั่นในอุดมการณ์หรือหลักการดำเนินชีวิตที่สืบเนื่องถ่ายทอดกันมาในหมู่สังคมอีสานในรูปแบบผญา(ปรัชญา) อย่างมั่นคงและทะนง จึงนับว่าเป็นชีวิตที่เป็นแบบอย่างให้กับอนุชนรุ่นหลังในทุกๆ ชนชั้น ได้ระลึกถึงในขณะที่ภาวะการณ์ของประเทศกำลังต้องการผู้นำนักการเมืองที่ดี เก่ง และมีคุณธรรม ความสามารถ มานำพาชาติบ้านเมืองของเรา ให้ก้าวพ้นวิกฤติและการฟื้นฟูประเทศ

ก่อนจบบทความนี้ จึงขอฝากผญา (ปรัชญา) ที่ นายไขแสง สุกใส มักจะกล่าวไว้ในที่ต่างๆ เสมอๆว่า "คันเจ้าได้ขี่ช้างกั้งห่มเป็นพญา อย่าสุลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า" หวังว่านักการเมืองไทย นักการเมืองอีสาน คงจะตระหนักและเข้าใจดีว่า ประเทศและประชาชนต้องการนักการเมืองเช่นใด มานำพาชาติบ้านเมืองของเรา และคนอีสานควรได้ตระหนักรู้ว่า เราควรเลือกคนเช่นใดมาเป็นผู้แทนประชาชน

Adblock test (Why?)


คนอีสานจากอดีต-ปัจจุบัน กับทางเลือกใหม่ของการเมือง (จบ) - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

No comments:

Post a Comment

นักวิชาการ มธ. เสนอกลไกทางเลือกแก้ PM 2.5 - ไทยโพสต์

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ แนะ ควรให้ ‘อำนาจสั่งการ’ คกก.อากาศสะอาด ดำเนินมาตรการข้ามหน่วยงาน พร้อม ‘บูรณาการงบประมาณ’ ตามภารกิจ...