ทั้งนี้หาก ทางเข้า-ออกเดิมที่เช่าที่ดินจากรฟม.กว่า 6 เมตร เพื่อรวมกับที่ดินที่มีอยู่เดิมของโครงการแอชตันอโศก กว่า 6 เมตร ขัดต่อกฎหมายควบคุมอาคารทั้งที่ตามข้อเท็จจริงหากมองอีกมุม เป็นขนาดความกว้างของถนนที่สามารถให้รถดับเพลิงเข้าได้ตามกฎกระทรวงควบๅคุมอาคารตามที่ตุลาการเสียงข้างน้อยเห็นแย้ง ขณะรฟม.เองปัจจุบันสามารถนำพื้นที่ไปปล่อยเช่าในหลายรูปแบบเช่นบริการที่จอดรถ ร้านค้าเชิงพาณิชย์เป็นต้น
เมื่อสำรวจย้อนไปบริเวณ ด้านหลังโครงการแอชตันอโศก หรือซอย สุขุมวิท19 (เทอร์มินอล 21) ยอมรับว่า เต็มไปด้วยตึกแถวชุมชนขนาดใหญ่ และโอบล้อมด้วยโรงแรมหรูศูนย์การค้าชั้นนำ โดยเฉพาะซอยสุขุมวิท 19แยก2 คู่กรณี เป็นตึกแถวสูง3 ชั้น ตั้งเรียงราย ประชิด หลังโครงการแอชตันอโศก คนในพื้นที่ระบุว่า ไม่มีใครต้องการขายหากจะขายต้องขายในราคาที่สูง และ ราคาที่ดิน ในซอย19 แยก2ราคาตารางวาละ 2 -2.6 ล้านบาทต่อตารางวา ส่วนแยกอโศกราคา 3 ล้านบาทต่อตารางวา
ชาวบ้านยืนยันว่าหากจะซื้อตึกแถวด้านหลังเพื่อเป็นทางเข้า-ออกจะต้องซื้อไม่ตํ่ากว่า 16คูหา รวมเนื้อที่กว่า200ตารางวา คำนวณที่คูหาละ14ตารางวา เฉพาะราคาที่ดินตารางวาละ 3ล้านบาท จะตกที่กว่า6,000ล้านบาท เรียกว่าเป็นราคาที่สูงเท่าตัวเมื่อเทียบกับการลงทุนโครงการแอชตันอโศก เลยทีเดียว
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ระบุว่าตามข้อเท็จจริงราคาที่ดินบริเวณอโศกมนตรีประเมินไว้ที่ราคา2.6ล้านบาทต่อตารางวาขณะห้องแถวในระแวกดังกล่าว ราคาต่อคูหาเฉลี่ยอยู่ที่ 40 ล้านบาทแต่ราคาที่ชาวบ้านบอกขาย ราคา 200ล้านบาทขึ้นไป อาจเป็นราคาที่ตั้งไว้สูงๆเพราะไม่ต้องการขายนั่นเอง
ขณะนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล อดีตผู้ว่าฯรฟม.ประเมินว่ากรณีรฟม.ให้เอกชนเช่าที่ดินเป็นทางเข้า-ออกโครงการคอนโดมิเนียม ถือว่าไม่ขัดต่อกฎหมายและที่ผ่านมาได้อนุญาตไป กว่า100โครงการ เช่นเดียวกับแหล่งข่าวจากกทม.ระบุว่า ที่ผ่านมากทม. ได้ออกใบอนุญาตโครงการคอนโดมิเนียมในลักษณะที่ใช้ที่ดินของรฟม.เป็นทางเข้า-ออก ไม่ตํ่ากว่า100โครงการดังนั้นหากจะตรวจสอบต้องรื้อทั้งหมด สำหรับโครงการที่ตั้งอยู่แนวรถไฟฟ้า
ก่อนหน้านี้ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม. ออกมายอมรับว่า คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีแอชตัน อโศก ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง โดยสำนักการโยธา กทม.จะมีหนังสือแจ้ง สำนักงานเขตวัฒนา พิจารณาออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารดำเนินการแก้ไขอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร โดยใช้อำนาจตามมาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 แล้วแต่กรณี
การเพิกถอนใบรับแจ้งการก่อสร้างดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าอาคารชุด แอชตัน อโศก จะต้องมีการรื้อถอนอาคาร บริษัทผู้เป็นเจ้าของโครงการ สามารถยื่นขอใบแจ้งก่อสร้างใหม่ได้ที่สำนักงานเขตวัฒนา โดยบริษัทจะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่ศาลสั่ง ซึ่งก็คือเพิ่มทางเข้า-ออกโครงการให้มีความกว้างของถนน 12 เมตร อยู่ติดกับถนนสาธารณะที่มีความกว้าง 18 เมตร ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายควบคุมอาคารและกฎหมายผังเมืองกำหนด หากบริษัทเจ้าของโครงการสามารถปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางเข้า-ออกแล้วเสร็จ ก็สามารถยื่นขอใบแจ้งก่อสร้างได้
ต้องจับตาว่าในที่สุดแล้ว“แอชตัน อโศก” จะมีทางออกอย่างไร หลังต้องสะดุดกับทางเข้า-ออกโครงการ !
ทะลวงพื้นที่ปิดล้อม“แอชตันอโศก” เปิดทางเข้า-ออก ต้องทุ่มเท่าตัว 6,000ล้าน - ฐานเศรษฐกิจ
Read More
No comments:
Post a Comment