Rechercher dans ce blog

Friday, April 30, 2021

เปิด 3 ช่องทาง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เริ่ม 1 พ.ค.64 - ไทยรัฐ

30 เม.ย. 2564 16:25 น.

เปิด 3 ช่องทาง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เริ่ม 1 พ.ค.64 หวังเข้าถึงประชาชนทุกคน

วันที่ 30 เมษายน 2564 นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการลงทะเบียนจองวัคซีนผ่าน Line Official Account หมอพร้อม ว่า ตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันได้ทำในเวอร์ชั่นที่ 1 จะเป็นของกลุ่มที่ 1 คือ บุคลากรทางการแพทย์ และคนด่านหน้าที่ทำงานเกี่ยวกับโควิด-19

ข่าวแนะนำ

โดยในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ค.64) ได้ปรับเป็นเวอร์ชั่น 2 เพื่อให้คนอีก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มบุคคลที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป ได้รับการฉีดวัคซีนก่อน หลังจากนั้นจึงจะทยอยฉีดให้คนกลุ่มต่อไป

นอกจากนี้ยังสามารถลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ผ่านทางช่อง ดังนี้

  • รพ.ที่ท่านรักษาอยู่ / สถานพยาบาลใกล้บ้าน
  • รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล / อสม.
  • เพิ่มเพื่อน Line Official Account หมอพร้อม

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


เปิด 3 ช่องทาง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เริ่ม 1 พ.ค.64 - ไทยรัฐ
Read More

ภูเก็ต แซนด์บอกซ์ "ทางรอด" ฟื้นเศรษฐกิจไทย ? - ประชาชาติธุรกิจ

พิพัฒน์ รัชกิจประการ
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ

ก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 ปี 2562 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 2.99 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39.9 ล้านคน ปี 2563 เป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในช่วง 9 เดือนหลัง (เมษายน-ธันวาคม) ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 8.14 แสนล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน

ผู้ประกอบการแห่ปิดตัวทั้งชั่วคราวและถาวร คนในภาคแรงงานท่องเที่ยวตกงานพุ่งกว่า 1 ล้านคน เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ “ย่อยยับ” คนไทยทุกชนชั้นได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า

“ฟื้นเศรษฐกิจ” โจทย์ใหญ่

แหล่งข่าวในภาคธุรกิจโรงแรมรายหนึ่งวิเคราะห์ว่า โจทย์ใหญ่ของภาครัฐในเวลานี้คือ นอกจากการควบคุมการแพร่ระบาดแล้ว จำเป็นต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย โดย “ทางรอด” ตอนนี้คือ การขับเคลื่อนเพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัว (state quarantine) เพื่อดึงให้ต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ กระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจในประเทศ

โดยจะเห็นว่าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดจะยังหนัก แต่ภาครัฐยังยืนยันเดินหน้านโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามแผนของ “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” คือ 1 กรกฎาคมนี้

สะท้อนชัดเจนจากคำให้สัมภาษณ์ของ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า นายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้สั่งการให้ทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดึงดูดการลงทุนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดย 1 ใน 2 ของแผนดังกล่าวคือการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวนั่นเอง

สถานการณ์ไม่เอื้อแต่ก็หวัง

ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจำนวนมากไม่เชื่อว่าทันทีที่รัฐบาลเดินหน้าเปิดรับต่างชาติโดยไม่กักตัวตามโมเดล “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” 1 กรกฎาคมนี้จะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทันทีและเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่ในพื้นที่ต้องบริหารจัดการด้านความเชื่อมั่น โดยเฉพาะประเด็นการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ได้ครบ 70%

แต่ก็หวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งสัญญาณให้ทั่วโลกรู้ว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว

ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งประเมินว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอก 3 นี้กระทบ “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” แน่นอน เพราะจากการแพร่ระบาดภายในประเทศที่กระจายตัวไปรวดเร็วและรุนแรงในขณะนี้ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องทำการกระจายวัคซีนที่มีอยู่ไปในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง โควตาของ 6 จังหวัดนำร่องจึงไม่เป็นไปตามแผนแน่นอน

ที่สำคัญ ไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะจัดหาวัคซีนเข้ามาฉีดให้กับคนไทยอย่างรวดเร็วในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 70% ได้ทันภายในสิ้นปีนี้ ตามที่นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชาได้แถลงไปก่อนหน้านี้

ย้ำเปิดประเทศคือทางรอด

“มาริสา สุโกศล หนุนภักดี” นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ธุรกิจโรงแรมเสียหายหนักมาก กลุ่มที่เคยกลับมาเปิดให้บริการก็ทยอยกลับไปปิดชั่วคราวกันอีกครั้ง ดังนั้น ทางเดียวที่พอจะมองเห็นแสงสว่างและอยากร้องขอต่อภาครัฐ คือ เดินหน้าเปิดประเทศตามโมเดล “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” ต่อ อย่าเลื่อน

และต้องจัดสรรโควตาวัคซีนให้ภูเก็ตให้ได้ครบ 70% ตามที่วางแผนไว้ แล้วเอานักท่องเที่ยวเข้ามาให้ได้ ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจจะซบเซา และจะยิ่งเสียหายหนักมากไปกว่านี้แน่นอน

พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมารัฐอาจให้ความสำคัญกับการดูแลด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ครั้งนี้จึงอยากให้รัฐหันมาดูแลเรื่องเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะรูปแบบการจัดสรรวัคซีน ซึ่งถือเป็นความหวังเดียวของภาคธุรกิจในขณะนี้

สอดรับกับความเห็นของแหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกรายหนึ่งที่ให้ข้อมูลว่า การทุ่มส่งเสริมให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวมีรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงธุรกิจบ้างเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะต่อลมหายใจให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ในระยะยาว

ทั้งนี้ เนื่องจากตลาดหลักที่ผ่านมาเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัดส่วนเฉลี่ยถึงราว 70% โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลักที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 80-90%

เดินหน้ารับ นทท.ตามไทม์ไลน์

ด้าน “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า แม้ว่าปัจจุบันนี้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดจะยังหนัก แต่ภาครัฐยังคงนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ตามไทม์ไลน์เดิมโดยเฟสแรกได้ดำเนินการในช่วงวันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน ที่เปิดโดยลดจำนวนวันกักตัว ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาใน 6 จังหวัดนำร่อง คือ ภูเก็ต, กระบี่, พังงา, สุราษฎร์ธานี, พัทยา (ชลบุรี) และเชียงใหม่

ระยะนี้นักท่องเที่ยวเข้ามากักตัวในรูปแบบของแอเรียควอรันทีน (area quarantine) อาทิ โฮเทลควอรันทีน, วิลล่าควอรันทีน, กอล์ฟควอรันทีน, เวลเนสควอรันทีน ฯลฯ โดยนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว 2 ครั้ง ให้อยู่ในบริเวณโรงแรม 7 วัน ส่วนคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้อยู่ในโรงแรม 10 วัน ซึ่งพบว่าที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นระยะ เพียงแต่ยังมีจำนวนไม่มากนัก

ส่วนเฟส 2 เป็นช่วง 1 กรกฎาคม-30 กันยายนนี้ ที่จะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้ว 2 ครั้ง โดยไม่กักตัวในรูปแบบ “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” โดยจะนำร่องที่ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก และจะระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้ถึง 70% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขให้วัคซีนไปแล้ว 2 แสนโดส และกำลังอยู่ระหว่างการจัดหาวัคซีนเข้ามาเติมให้ครอบคลุมประชาชน 70% ตามเป้าหมาย

จากนั้นเฟส 3 ช่วง 1 ตุลาคม-31 ธันวาคมนี้ จะเปิดให้พื้นที่นำร่องทั้ง 6 จังหวัดเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดแล้ว 2 ครั้ง ทั้งนี้ อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าประชากรในพื้นที่นำร่องทั้ง 6 จังหวัดต้องได้รับวัคซีน 70% แล้วเช่นกัน

และในเฟส 4 ซึ่งเป็นเฟสสุดท้ายของการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คือ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 ครั้งแล้วสามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยไม่กักตัวได้ในทุกจังหวัด

ลดเป้ารายได้เหลือ 8.5 แสน ล.

รัฐมนตรี “พิพัฒน์” ยังบอกด้วยว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดอย่างหนักในระลอก 3 นี้ ทำให้รัฐบาลต้องเตรียมแผนเดินหน้ากระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 พร้อมทั้งได้ประเมินสถานการณ์และประเมินตัวเลขคาดการณ์ของจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวใหม่

โดยปรับจากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าประเทศไทยจะมีรายได้รวมที่ 1.2 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 6.5 ล้านคน สร้างรายได้ราว 3.5 แสนล้านบาท และตลาดในประเทศจะมีการเดินทางที่ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ราว 8.5 แสนล้านบาท เหลือเป้าหมายรายได้รวมที่ 8.5 แสนล้านบาท

และปรับเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือ 4 ล้านคน สร้างรายได้ 3 แสนล้านบาท และตลาดไทยเที่ยวไทยเหลือ 100-120 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท

พร้อมย้ำว่า เป้ารายได้รวมที่ 8.5 แสนล้านบาทนี้ เป็นเป้าที่ตั้งกันเอาไว้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดปรับตัวดีขึ้นได้เร็วกว่าคาดการณ์อาจมีการขยับเป้ากันใหม่อีกครั้ง

คงต้องเอาใจช่วยกันว่าการปักธง “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” รับนักท่องเที่ยว 1 กรกฎาคมนี้จะได้รับการตอบรับอย่างไร มีนักท่องเที่ยวกล้าเดินทางหรือยัง แต่อย่างน้อยในเบื้องต้นนี้จะเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศไทยพร้อม และทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกใช้เป็นข้อมูลวางแผนการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงไฮซีซั่นปลายปี หรือในอนาคตได้…

Let's block ads! (Why?)


ภูเก็ต แซนด์บอกซ์ "ทางรอด" ฟื้นเศรษฐกิจไทย ? - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

สธ.แจงจองได้3ทางฉีดโควิด ชี้ปมแยกกลุ่มปรับ"หมอพร้อม"เวอร์ชั่น 2 - ข่าวสด

สธ.แจงจองฉีดวัคซีนโควิด ทำได้ 3 ทาง ทั้งไลน์ ” หมอพร้อม ” ติดต่อ รพ. และ อสม. ไม่ต้องกังวลว่าเข้าไม่ถึง ส่วนที่ให้สูงอายุและ 7 โรคเรื้อรังก่อนเพราะเสี่ยงเสียชีวิตสูง

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

วันที่ 30 เม.ย.2564 นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงประเด็นไลน์ “หมอพร้อม” ว่า ไลน์หมอพร้อมเวอร์ชัน 1 เป็นการลงทะเบียนฉีดวัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ล่าสุดได้พัฒนาเวอร์ชัน 2 สำหรับการลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิดระหว่างการรักษา โรคเบาหวาน และโรคอ้วน

ส่วนที่มีคำถามว่า เพราะอะไรต้องแยกข้อมูล ไม่รวมกันให้หมด รวมทั้งเพราะอะไรไม่ให้ประชาชนทั่วไปจองสิทธิพร้อมกันนั้น สาเหตุเพราะการแยกกลุ่มก็เพื่อให้ข้อมูลชัดเจน ส่วนที่ต้องให้กลุ่มผู้สูงอายุและ 7 โรคเรื้อรัง เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงหากติดเชื้อจะเสี่ยงเสียชีวิตมาก แต่หลังจากนี้ก็จะมีการทยอยฉีดให้แก่กลุ่มต่อๆไป”

นายธนิตพล กล่าวต่อว่า หลายคนกังวลว่าอาจไม่สามารถเข้าถึงไลน์ “หมอพร้อม” เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เพราะไลน์หมอพร้อมเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้เข้าถึงได้ง่าย แต่คนที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสารสามารถเข้าไป รพ. และแจ้งความประสงค์ในการฉีดวัคซีนได้ โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนเข้าไป หาก รพ.เห็นว่าอยู่ใน 2 กลุ่มนี้จะทำการนัดให้ฉีดวัคซีนต่อไป ซึ่งการเร่งฉีดวัคซีนโควิดให้กับกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้ใช้โซเชียลฯ หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวล แต่หากท่านไม่สะดวกไปรพ. ก็แจ้งไปยัง อสม. หากอยู่ใน กทม. ให้แจ้งไปยัง อสส. ที่สำคัญไม่ต้องรีบ ทยอยดำเนินการและนัดเวลาตามที่สะดวกได้

ความพิเศษของไลน์หมอพร้อม เวอร์ชัน 2 คือ การปรับเวอร์ชันให้สอดคล้องกับกลุ่มที่จะรับบริการฉีดวัคซีนแต่ละกลุ่ม โดยครั้งนี้เป็นผู้สูงอายุและ 7 โรคเรื้อรัง เพื่อให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าว สามารถแจ้งรายละเอียดของผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ซึ่งจะทำให้แพทย์ประเมินอาการก่อนฉีดวัคซีนอย่างปลอดภัย สามารถจอง วัน เวลาในการฉีดวัคซีน มีบริการในการแจ้งเตือนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 มีการออกใบรับรองการฉีดวัคซีน “

Let's block ads! (Why?)


สธ.แจงจองได้3ทางฉีดโควิด ชี้ปมแยกกลุ่มปรับ"หมอพร้อม"เวอร์ชั่น 2 - ข่าวสด
Read More

ปลูกผักกาดขาวปลี ช่องทางทำเงินรับโควิด - ไทยรัฐ

สายฟ้า เฮ่อเฮงวัฒนากิจ เกษตรกรมือโปรปลูกผักกาดขาวปลี อ.พบพระ จ.ตาก แนะเทคนิคปลูกผักกาดขาวปลียังไงให้ได้คุณภาพตามตลาดต้องการ...เริ่มต้นที่เลือกเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ ให้ผลผลิตได้ตามความต้องการของตลาด จากการทดลองปลูกมาแล้วหลายสายพันธุ์ พบว่า พันธุ์บิ๊กบูม 389 ของเจียไต๋ โตไว เข้าหัวไวมาก ขนาดทรงสวยกำลังดี น้ำหนักต่อหัว 1-1.3 กก. ให้ผลิตผลต่อไร่สูงถึง 8-10 ตัน ที่สำคัญสามารถปรับตัวได้ดีและทนต่อทุกสภาพอากาศ จึงเลือกใช้พันธุ์นี้

ปลูกแล้วไม่มีปัญหาเรื่องการหาตลาดรองรับ เพราะจะมีแม่ค้ามารับซื้อถึงแปลง ถ้าขายแบบเหมาราคาจะอยู่ที่ไร่ละ 27,000 บาท แต่ถ้าขายเองแบบชั่งกิโล อาจได้ถึงไร่ละ 4–5 หมื่นบาท ทั้งนี้ ราคาขึ้นกับฤดูกาลและปัจจัยทางการตลาดในแต่ละช่วงเวลา

วิธีการปลูกเริ่มจาก การเตรียมดิน ตากดินให้แห้งประมาณ 7-10 วัน จึงย่อยพรวนดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกลงคลุกเคล้า จากนั้นเตรียมแปลงปลูก เว้นระยะห่างระหว่างแปลง 50 ซม. และระยะห่างระหว่างต้น 30 ซม.

แต่หากเป็นหน้าฝนอาจเพิ่มระยะอีก 5 ซม. เพื่อให้การระบายน้ำในแปลงดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อโรค และยังช่วยให้ผลิตผลมีขนาดใหญ่ขึ้น น้ำหนักต่อหัวเพิ่มขึ้น

การเพาะกล้า ทำในถาดเพาะประมาณ 20 วัน จากนั้นจึงนำกล้าย้ายลงแปลง จากนั้นให้ปุ๋ยบำรุงต้น มีเคล็ดลับสำคัญ ระวังอย่าให้เม็ดปุ๋ยตกลงในซอกใบ เพราะจะทำให้ใบเน่า เสียราคา...ให้ปุ๋ย 3 ครั้ง

ครั้งแรก ช่วงก่อนย้ายกล้าลงแปลงปลูก ใส่ปุ๋ยรองพื้นเพื่อเพิ่มธาตุอาหาร ให้ดินพร้อมสำหรับการย้ายกล้าลงปลูก ใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 อัตรา 10 กรัมต่อต้น... ครั้งที่ 2 ช่วงหลังย้ายกล้าลงปลูก 10–15 วัน เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของต้นและใบ ให้ปุ๋ยสูตร 21-0-0 และ 16-16-16 ผสมกันในอัตราส่วน 2:1 ปริมาณ 15-20 กรัมต่อต้น...ครั้งที่ 3 หลังย้ายกล้า 25–30 วัน ให้ปุ๋ยสูตร 13-13-24 ปริมาณ 20-25 กรัมต่อต้น เพื่อเร่งให้ผักกาดขาวปลีเข้าหัว ช่วยให้ผักกาดขาวปลีห่อแน่น และได้น้ำหนักเพิ่มขึ้น

เนื่องจากผักกาดขาวปลีมีระบบรากตื้น จึงต้องการความชื้นที่พอเพียงและสมํ่าเสมอ โดยเฉพาะระยะที่ห่อหัว ควรรักษาความชื้นไว้ 70-85% ของความสามารถในการอุ้มนํ้าของดิน หากขาดนํ้าจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโต พืชจะแสดงอาการขาดโบรอน ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช

สังเกตได้จากลำต้นจะกลวง เนื้อเยื่อเป็นสีดำ ต้นแคระแกร็น ส่วนแกนหรือไส้ของลำต้นจะเกิดอาการแยกแตกออก หรือเน่ากลวง ระบบรากจะไม่สมบูรณ์ บางครั้งจะเน่าเสียไปด้วย...แต่ถ้าให้ความชื้นสูงเกินไป จะทำให้เกิดการระบาดของโรคได้

ที่สำคัญระหว่างการปลูก ต้องคอยเดินดูแปลงให้ละเอียด เพราะหากมีโรคและแมลงเข้ามา จะได้จัดการได้ทันท่วงที โรคจะได้ไม่ลามระบาดสร้างความเสียหายสาหัส.

กรวัฒน์ วีนิล

Let's block ads! (Why?)


ปลูกผักกาดขาวปลี ช่องทางทำเงินรับโควิด - ไทยรัฐ
Read More

Thursday, April 29, 2021

ทุ่ม 260 ล้านเนรมิต "สะพานเขียว" ผุดทางเดิน-ไบก์เลนลอยฟ้า ใจกลางกรุงเทพฯ - ประชาชาติธุรกิจ

หลังจากเมื่อปี 2558 “กทม.-กรุงเทพมหานคร” โดยสำนักการโยธา ก่อสร้างเส้นทางคนเดิน-ทางจักรยานลอยฟ้าเชื่อมระหว่างสวนสาธารณะ “สวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ” หรือสะพานเขียว ระยะทาง 1.3 กม. เชื่อมพื้นที่เขตปทุมวัน-คลองเตย

แนวเริ่มจากแยกสารสินคร่อมบนคลองไผ่สิงโต พาดผ่านชุมชนซอยโปโลมีคนอาศัยอยู่ 420 ครัวเรือน ชุมชนซอยร่วมฤดี 260 ครัวเรือน และชุมชนโบสถ์มหาไถ่ 1,500 ครัวเรือน

แล้วข้ามทางด่วนเฉลิมมหานคร (ท่าเรือ-ดินแดง) ข้ามถนนดวงพิทักษ์ (ข้างโรงงานยาสูบ) ไปสิ้นสุดบริเวณสวนเบญจกิติ โดยปรับปรุงพื้นผิวทางเดิน-ทางจักรยาน ราวสเตนเลส และไฟฟ้าส่องสว่างที่สูญหาย และปรับปรุงโฉมใหม่อีกครั้งเมื่อปี 2562

ล่าสุด “สำนักการโยธา” จะของบประมาณปี 2564 จำนวน 260 ล้านบาท ปรับปรุงภูมิทัศน์เส้นทางจักรยานเชื่อมระหว่างสวนลุมพินี-สวนเบญจกิติ เพิ่มเติมอีก 300 เมตร รวมเป็นระยะทาง 1.6 กม. โดยรูปแบบและประมาณราคาจะแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. 2564 เมื่อได้งบฯแล้วจะใช้เวลาดำเนินการ 200 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565

โดย กทม.ร่วมมือกับศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง Urban Design and Development Center (UddC) มาช่วยออกแบบ ตามแผนจะมีติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อความปลอดภัย บนสะพาน สร้างจุดสวนหย่อมไม้ดอกไม้ประดับตลอดเส้นทาง ไม่รวมกับต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นตามเส้นทางโครงการ

นอกจากนี้ มีจุดนั่งพักผ่อน ชมวิว และจุดแลนด์มาร์ก คือ บริเวณแยกถนนสารสิน จุดข้ามทางด่วนเฉลิมมหานคร และจุดสะพานลอยข้ามถนนรัชดาภิเษก และด้านล่างของตัวสะพานจะมีการปรับพื้นที่เดิมรกร้าง ไม่เป็นระเบียบ

จะทำความสะอาดปรับภูมิทัศน์บริเวณที่โล่งเพื่อเป็นลานกิจกรรมของชุมชน เป็นการพลิกจุดอับสู่จุดทำกิจกรรม และค้าขายอย่างเป็นระเบียบ เอาสายไฟฟ้าลงดิน พร้อมกับปรับสภาพน้ำในลำคลองให้สะอาด ไม่ส่งกลิ่นเหม็นอีกต่อไป

โดย กทม.คาดหวังหากการปรับปรุงแล้วเสร็จ จะสามารถเชื่อมต่อพื้นที่ย่านธุรกิจของเมือง เกิดพลวัตทางสังคมและเศรษฐกิจระดับเมือง เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ธุรกิจชุมชนสร้างพื้นที่สุขภาวะใหม่ของเมือง

รวมถึงส่งเสริมการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในทุกช่วงอายุ ส่งเสริมการเดินเท้า รูปแบบการสัญจรของคนทุกกลุ่ม เพิ่มพื้นที่สีเขียวสำหรับเชื่อมต่อและพักผ่อนหย่อนใจ ที่มีความปลอดภัย ทั้งในระดับย่านและระดับเมือง

อีกทั้งจะเป็นการสร้างความร่วมมือผ่านกระบวนการออกแบบอย่างมีส่วนร่วม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม และชุมชน อันจะเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนต่อไป

Let's block ads! (Why?)


ทุ่ม 260 ล้านเนรมิต "สะพานเขียว" ผุดทางเดิน-ไบก์เลนลอยฟ้า ใจกลางกรุงเทพฯ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ก.ยุติธรรม เปิดช่องทางร้องทุกข์ช่วงโควิดฯ ผ่าน "ออนไลน์-สายด่วน 1111" - ไทยรัฐ

30 เม.ย. 2564 00:40 น.

"กระทรวงยุติธรรม" ยกระดับบริการร้องทุกข์ช่วงโควิดฯระบาดหนัก ผ่านช่องทางออนไลน์-แอปพลิเคชั่น รวมถึงเบอร์โทรสายด่วน 1111

เมื่อวันที่ 29 เม.ย.64 นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีความห่วงใยการให้บริการประชาชนในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ รวมถึงสุขภาพของประชาชนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดฯเป็นวงกว้าง จึงสั่งการให้ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ปรับเปลี่ยนการให้บริการประชาชน จากการเดินทางมาติดต่อด้วยตนเอง ณ กระทรวงยุติธรรม ผ่าน 8 ช่องทางใหม่ ได้แก่

ข่าวแนะนำ

1.โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 081-174-0834
2.จดหมาย ตู้ไปรษณีย์ 3 หลักสี่ กทม. 10210
3. เว็บไซต์ http://mind.moj.go.th
4.อีเมลล์ complainingcenter@moj.go.th
5.แอปพลิเคชันไลน์ Lind id : Svl007
6.เฟซบุ๊ก Fanpage ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม
7.แอปพลิเคชั่น Justice Care บริการรับเรื่อง ยุติธรรมสร้างสุข
8.สายด่วนยุติธรรม 1111 กด 77

นายวัลลภ เปิดเผยอีกว่า แม้โควิดจะระบาดหนัก แต่การบริการประชาชนในเรื่องความเดือดร้อนไม่สามารถปล่อยผ่านได้ ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมตื่นตัวเป็นอย่างมาก ส่วนกรณีประชาชนประสงค์จะเดินทางมาใช้บริการด้วยตนเองนั้น ทางศูนย์บริการได้เตรียมเจ้าหน้าที่ 1 นาย คอยให้คำชี้แจงและทำความเข้าใจรายละเอียดการยื่นเอกสาร ผ่านฉากกั้นอะคริลิค ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.64 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่จะคลี่คลายลง ทั้งนี้มาตรการการให้บริการประชาชนต่างๆในสังกัดกระทรวงยุติธรรมทั้งหมด  จะทยอยแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


ก.ยุติธรรม เปิดช่องทางร้องทุกข์ช่วงโควิดฯ ผ่าน "ออนไลน์-สายด่วน 1111" - ไทยรัฐ
Read More

ศาลเลื่อนอ่านคำสั่งปล่อยตัวแกนนำ พรุ่งนี้ทางออนไลน์ ผู้ชุมนุมไม่ยอมกลับ - ไทยรัฐ

29 เม.ย. 2564 17:21 น.

ศาลอาญา ประกาศเลื่อนอ่านคำสั่งปล่อยตัวแกนนำ และแนวร่วมคณะราษฎรเป็นวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) ทางออนไลน์ แต่ผู้ชุมนุมยังคงไม่ยอม และประกาศจะปักหลักชุมนุมที่หน้าศาลอาญาต่อไป

จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 เม.ย.2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อยื่นขอประกัน จำเลยทั้ง 7 คนได้แก่ นายอานนท์ นําภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายชูเกียรติ แสงวงศ์ และนายปริญญา ชีวินกุลปฐม

ข่าวแนะนำ

โดย นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ขณะนี้ สถานการณ์ในเรือนจำถือว่าไม่ดีมาก จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ในเรือนจำพบว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 39 ราย ที่กำลังรักษาตัวอยู่ ส่วนตัวของนายพริษฐ์เอง มีอาการป่วยชัดเจนและสาหัส ไม่สามารถพูดคุยหรือยืนได้ รวมทั้งนอนไม่หลับ ก่อนหน้านี้มีการถ่ายเป็นชิ้นเนื้อ พยาบาลที่รักษาภายในเรือนจำ ได้ให้คำแนะนำว่า อาการลักษณะนี้เป็นอันตราย ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ นายกฤษฎางค์ ยืนยันว่าที่ผ่านมาทีมทนายความไม่เคยนำเรื่องการอดอาหารของแกนนำราษฎรมาเป็นเงื่อนไขใช้ในการขอยื่นประกันตัวชั่วคราวจากศาล ซึ่งหากหลังจากนี้ศาลยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง สังคมน่าจะเห็นถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วโดยที่ตนไม่ต้องพูดอะไรอีก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการยื่นประกันตัวชั่วคราววันนี้ ทางทีมทนายความได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้สำหรับทุกคน คนละ 2 แสนบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาและรอคำสั่งศาล

ต่อมา เมื่อเวลา 16.15 น. น.ส.เบญจา อะปัญ หนึ่งในสมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศระดมพลมวลชนให้เดินทางมาที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เพื่อร่วมกันกดดันให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวแกนนำราษฎรที่อยู่ในเรือนจำ โดย น.ส.เบญจา ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่ามีข้อมูลว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนพร้อมกับรถควบคุมผู้ต้องขังกำลังเข้ามาในพื้นที่

จากนั้นในเวลา 16.20 น. ไบรท์-นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรีนำ กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน เคลื่อนย้ายแผงเหล็กกั้น เพื่อนำไปกีดขวางรถเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาในบริเวณที่มีกลุ่มมวลชนอยู่

ต่อมาในเวลา 16.30 น. น.ส.เบญจา ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าเจ้าหน้าที่ศาลมีการเเจ้งว่า ผลการประกันตัวของแกนนำราษฎรจะเริ่มอ่านก็ต่อเมื่อกลุ่มมวลชนบริเวณด้านหน้าศาลออกจากพื้นที่ โดย น.ส.เบญจา กล่าวว่า หากศาลให้ประกันจะให้เราออกจากพื้นที่ทำไม เราไม่หลงเชื่อ หากจะเจรจาต่อรองเราจะอยู่ตรงนี้จนกว่าคำสั่งศาลจะออกมา อยู่ตรงนี้ที่นี่เท่านั้น

ล่าสุดแกนนำประกาศว่า ทางศาลจะไม่อ่านคำสั่งโดยจะเลื่อนไปอ่านคำสั่งปล่อยตัวพรุ่งนี้ (30 เม.ย.64) ทางออนไลน์ทางผู้ชุมนุมไม่พอใจจะปักหลักอยู่ที่ศาลอาญา และยืนยันขอให้อ่านคำสั่งที่ศาลอาญา.

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


ศาลเลื่อนอ่านคำสั่งปล่อยตัวแกนนำ พรุ่งนี้ทางออนไลน์ ผู้ชุมนุมไม่ยอมกลับ - ไทยรัฐ
Read More

ไทยรัฐนิวส์โชว์ เปิดช่องทางช่วยประสานเตียง-รถรับส่ง ให้ผู้ป่วยโควิด-19 - ไทยรัฐ

29 เม.ย. 2564 14:18 น.

ไทยรัฐนิวส์โชว์ เปิดช่องทางช่วยเหลือสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังรอเตียง-รถรับส่ง สามารถส่งเรื่องมาได้ทางแฟนเพจ ไทยรัฐนิวส์โชว์ ตลอด 24 ชั่วโมง

จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2012 หรือ โควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ทางไทยรัฐ เปิดช่องทางให้ความช่วยเหลือและช่วยประสานงานนำส่งผู้ป่วย และผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่มีโรงพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ไปรับมารักษาตัว โดยสามารถแจ้งเรื่องผ่านแฟนเพจ ไทยรัฐนิวส์โชว์ หรือสแกน QR CODE ตามภาพ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

โดยขอให้กรอกรายละเอียดที่ชัดเจนตามแบบฟอร์มหน้าเพจไทยรัฐนิวส์โชว์ หรือบันทึกคลิปส่งมาใน Inbox ซึ่งจะมีทีมงานจะติดต่อกลับไป

นอกจากนี้ ทางไทยรัฐนิวส์โชว์ ได้ผนึกกำลังกับกระทรวงแรงงาน โดย สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในกรณีที่เป็นผู้ประกันตน จะประสานส่งต่อไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อรีบประสานไปยังผู้ป่วย และเข้าช่วยเหลือให้เร็วที่สุด⁣ .

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


ไทยรัฐนิวส์โชว์ เปิดช่องทางช่วยประสานเตียง-รถรับส่ง ให้ผู้ป่วยโควิด-19 - ไทยรัฐ
Read More

จดบัญชีทรัพย์สินทางปัญญา เสริมแกร่ง SMEs สู่ตลาดโลก - ประชาชาติธุรกิจ

จด

การเสวนาในหัวข้อ ตีแตก IP พลิก SMEs สู่ตลาดโลก ในวันทรัพย์สินทางปัญญาโลกประจำปี 2564 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดขึ้น พร้อมประเทศสมาชิกองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) กว่า 100 ประเทศทั่วโลก

เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้เห็นถึงความสำคัญในงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่จะเพิ่มมูลค่าการค้า ยกระดัยการแข่งขันและป้องกันการละเมิดงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีการแลกเปลี่ยนมุมมองร่วมกับภาคเอกชน

จดคุ้มครองผลงาน-ต้นทุนสูง

นางสาวศิริลักษณ์ ณรงค์ตะณุพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิเควเตอร์ เพียว เนเจอร์ จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากธรรมชาติ ตามเครื่องหมายการค้า PiPPER STANDARD (พิพเพอร์ สแตนดาร์ด) และสิทธิบัตรการประดิษฐ์ เปิดเผยว่า บริษัทได้จดเครื่องหมายการค้าไปกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และสิทธิบัตรการประดิษฐ์ไปกว่า 30 สิทธิบัตร ทั้งในประเทศที่ได้ส่งออกไปและยังไม่มีการส่งออกไป เนื่องจากมองเห็นถึงโอกาสทางการค้า และเพื่อให้เกิดการคุ้มครองในอนาคต ทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญในเรื่องการทำความสะอาด และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสารธรรมชาติ เมื่อผลงานที่บริษัทได้คิดค้นวิจัยออกมาได้ เพื่อป้องการการละเมิดบริษัทจึงเข้าจดสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า ภายใต้แบรนด์ของบริษัทเอง”

“ซึ่งการจดทะเบียนจะสามารถช่วยป้องกันผลงานของเราได้ แต่เราก็พบว่าหลังจดเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ก็ยังมีการละเมิดสินค้า เมื่อเราส่งออก เช่นในฮ่องกง ไต้หวัน และจีน เราก็ดำเนินการตามกฎหมายแจ้งไปยังผู้ละเมิดให้ยกเลิกการละเมิดสินค้าเราได้รับการคุ้มครอง แต่อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าการจดทะเบียนอาจเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการเอง”

เตือนระวังค้าผ่านออนไลน์

นายจิรชัย ตั้งกิจงามวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมดีสวัสดิ์ จำกัด โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อการส่งออกครบวงจรมากว่า 40 ปี จดเครื่องหมายการค้า DEESAWAT และสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า เดิมบริษัทจะรับจ้างผลิตเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่จะหันมาผลิตส่งออก โดยทำแบรนด์เพราะมองว่าหากไม่พัฒนาสินค้าก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะหาแหล่งผลิตที่ถูกกว่าทั้งจากจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย เป็นต้น

หลักการของบริษัทจะไม่ได้จดสิทธิบัตรทุกรายการ แต่จะเลือกจดเฉพาะชิ้นงานออกแบบที่เด่นและสำคัญแต่ละรายการ หรือแต่ละตลาด เพราะต้องยอมรับว่าการจดสิทธิบัตรล้วนเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้น แต่การจดก็เพื่อให้เป็นจุดแข็งในการทำตลาด เพื่อให้เห็นว่าสินค้าที่มาจากโรงงานบริษัท “ไม่ได้กระจอก” และการจดสิทธิบัตรนั้น ทำให้บริษัท “เหมือนมีใบอนุญาตถือปืน” เอาไว้ป้องกันตัวเอง คือ คุ้มครองสินค้าเราจากผู้ละเมิด

“ปัจจุบันมีเรื่องโซเชียลมีเดีย และการค้าออนไลน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้ การที่มีการคุ้มครองงานย่อมเป็นเรื่องที่ดี และที่สำคัญการทำข้อตกลงกับคู่ค้าก็ต้องให้ความสำคัญด้วย เพราะเมื่ออนาคตหากไม่ได้ทำการค้ากันแล้ว คู่ค้าจำเป็นต้องคืนข้อมูลต่าง ๆ ช่องทาง สินค้าของเรากลับคืนมาทั้งหมด เพื่อป้องกันการละเมิดด้วย”

เซ็ปเป้จด IP กว่า 90 ประเทศ

นายฉัตริน จีรังสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาวุโส บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) เจ้าของเครื่องหมายการค้า SAPPE และสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทนั้นจดเครื่องหมายการค้าไปกว่า 90 กว่าประเทศ ในประเทศไทยจดไป 500 กว่ารายการ ในจีนจดไป 170 รายการ

ดังนั้น หากไปทำตลาดที่ใดก็จะไปจดเครื่องหมายการค้าที่นั้น รวมถึงบางประเทศที่ยังไม่ได้ไปทำตลาดด้วย แต่มองถึงโอกาสในการทำตลาดในอนาคตจึงต้องจดเพื่อคุ้มครองไม่ให้มีการละเมิด

“บริษัทมีประสบการณ์เมื่อไปออกแสดงสินค้าที่จีน และเมื่อเห็นโอกาสในการทำตลาดจึงกำลังจะเข้าจดเครื่องหมายการค้า แต่พบว่ามีการจดเครื่องหมายการค้าของสินค้าของบริษัทไปแล้ว ซึ่งมีการจดไปในวันเดียวที่สินค้าได้นำไปออกแสดงสินค้าทำให้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ หรือแบรนด์โมกุโมกุของบริษัท เจ้าของโดยผู้ประกอบการจากอียูละเมิดสินค้าของบริษัท โดยทำการจ้างผลิตสินค้าบริษัทเพื่อนำมาจำหน่าย ซึ่งบริษัทเองก็ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายในทันที”

อย่างไรก็ดี แม้การจดเครื่องหมายการค้า จำสิทธิบัตรจะเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี แต่ก็ต้องการให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและคุ้มครองและเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน การส่งออก ซึ่งหากมีข้อติดขัดหรือข้อสงสัยก็เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถให้คำแนะนำในเรื่องนี้ได้ เพราะการดำเนินการทางคดีเมื่อพบว่ามีการละเมิดสินค้านั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

พาณิชย์เพิ่มจุดบริการ

นายภเชศ จารุมนต์ นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญการจดคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร และลิขสิทธิ์ ซึ่งแต่ละรายการมีกฎระเบียบการคุ้มครองที่ต่างกัน การจดทะเบียนจะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า คุ้มครองชิ้นงานไม่ให้ถูกเอาเปรียบหรือมีการละเมิด

ทั้งนี้ กรมได้เข้าเป็นสมาชิกพิธีสารมาดริด ซึ่งเป็นความตกลงที่จัดตั้งระบบการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศ โดยผ่านสำนักระหว่างประเทศ (International Bureau หรือ IB) ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) และ PCT (Patent Cooperation Treaty) ซึ่งเป็นความตกลงสำหรับการขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ในประเทศสมาชิก เพื่ออำนวยความสะดวกในการยื่นคำขอในจุดเดียวช่วยให้สามารถคุ้มครองงานในต่างประเทศได้

อย่างไรก็ดี แม้การดำเนินการจดทะเบียนคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจะมีขั้นตอนและต้นทุน แต่ทางกรมได้จัดให้มีหน่วยงานคอยให้คำแนะนำในการจดทะเบียนตามความเหมาะสมของสินค้า และในเร็ว ๆ นี้ จะมีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านทรัพย์ทางปัญญาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาด้วย

Let's block ads! (Why?)


จดบัญชีทรัพย์สินทางปัญญา เสริมแกร่ง SMEs สู่ตลาดโลก - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

"น้าฉ่วย" เปิดใจหลังแยกทางกับ "หนองบัวพิชญ เอฟซี" - ไทยรัฐ

สมชาย ชวยบุญชุม เปิดเผยอีกว่า "ถ้าถามว่าสาเหตุที่ต้องแยกทางกันครั้งนี้ คือเรื่องเงินหรือเปล่า ถ้าเป็นเรื่องเงิน ก็คุยกันได้นิครับ คงไม่ใช่เรื่องเงิน เขาไม่เลือกที่จะต่อรอง เขาตั้งใจจะไม่เอาเราอยู่แล้ว ก็คงทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องแยกทาง"

"เราก็ตกใจ ทีแรกก็ไม่ได้ขยับอะไร คิดว่าจะได้ทำต่อในไทยลีก วางแผนไว้บ้างแล้ว จะเริ่มซ้อมวันไหน อะไร อย่างไร แต่พอถึงตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ถูก เหมือนผมโดนชกสลบไปงีบนึง แล้วก็ตื่นขึ้นมาก็คงต้องรับสภาพไป"

"ผมเองก็อยากจะรู้สาเหตุว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ ผมทำเพื่อสโมสร แม้จะเพิ่งเข้ามาทำทีม แต่มันก็ผูกพันครับ อยากทำอะไรให้กับสโมสรได้เพิ่มเติมอีกในไทยลีก"

โค้ชฉ่วย ยังกล่าวอีกว่า "อาจจะเป็นสาเหตุอื่นๆ หรือเปล่า มีที่ว่า ทุกๆหลังเกม ทุกครั้งผมจะไปทานข้าวกับท่านประธาน กลับตี 1 ตี 2 ทุกครั้ง ผมก็ไป แต่ผมไม่ดื่ม อาจจะมีพูดไม่เข้าหูท่านบ้างหรือเปล่า เหมือนลิ้นกับฟันหรือเปล่า แต่ก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดอะไร เพราะไม่มีใครบอกได้"

"ผมเคารพท่านเขาตลอด แต่การยกเลิกสัญญาครั้งนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งการแยกทางก็ถือเป็นการเคารพการตัดสินใจของสโมสร"

"ความรู้สึกของผม ก็คงเป็นห่วงสโมสร รู้สึกรักและผูกพันกับสโมสร"

"นักฟุตบอลที่ต่อสัญญาไปแล้วก็แล้วแต่ตัวนักเตะครับ ถ้าเขาอยู่ก็อยู่ ผมไม่อะไรเลย อยากฝากนักเตะว่า อย่าไปมองเรื่องโค้ชว่าจะเป็นใคร ขอให้เล่นเพื่อสโมสร อยู่เพื่อสโมสร ไม่ต้องนึกถึงโค้ชว่าจะเป็นใคร เล่นเพื่อตัวเองและครอบครัว"

"ถึงตอนนี้ผมคงต้องบอกลาแฟนบอลหนองบัวฯ ไม่มีโอกาสได้คุมทีมในไทยลีก แต่ก็หวังว่าหนองบัวจะประสบความสำเร็จในอนาคต ถ้าโอกาสหน้าเป็นไปได้ก็หวังว่าจะได้กลับมาคุมทีมนี้อีกครับ"

"สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณท่านประธานที่ให้โอกาสผมและทีมงานเข้ามาทำทีม ถ้าการแยกทางครั้งนี้เป็นเรื่องไม่ดีผมขอโทษด้วยครับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่ต้องแยกทางคืออะไร ขอโทษทุกฝ่ายด้วยจริงๆ"

Let's block ads! (Why?)


"น้าฉ่วย" เปิดใจหลังแยกทางกับ "หนองบัวพิชญ เอฟซี" - ไทยรัฐ
Read More

เพื่อไทย จี้"ประยุทธ์" ลาออกเปิดทางประเทศนับหนึ่งใหม่ - โพสต์ทูเดย์

เพื่อไทย จี้"ประยุทธ์" ลาออกเปิดทางประเทศนับหนึ่งใหม่

วันที่ 29 เม.ย. 2564 เวลา 12:43 น.

โฆษกเพื่อไทย จี้"ประยุทธ์" ลาออกเปิดทางประเทศนับหนึ่งใหม่ แนะผู้นำที่ดีต้องฉลาด ไม่กอดอำนาจไว้คนเดียว

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 64 ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติโอนอำนาจหน้าที่ของกระทรวงต่างๆ ส่งผลให้กฎหมายรวม 31 ฉบับขึ้นตรงกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นการชั่วคราวเฉพาะนั้น ยิ่งตอกย้ำว่าพลเอกประยุทธ์กำลังเหลิงอำนาจ ทั้งที่บริหารประเทศในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ล้มเหลวสิ้นท่า การกระทำของพลเอกประยุทธ์จึงไม่หลงเหลือความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ หมดเวลาของท่านแล้ว จงลาออกไปตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้ประเทศได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ประชาชนจะได้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่รัฐบาลชุดนี้สร้างไว้เสียที

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประชาชนให้โอกาสพลเอกประยุทธ์มามากพอแล้ว แต่ท่านยังเมินเฉยต่อการจัดการรากของปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่เรียงลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหา ปฏิเสธข้อเสนอหลายภาคส่วนที่ยื่นมือเข้ามาช่วย โดยเฉพาะข้อเสนอของหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยที่จะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อเร่งฉีดให้กับแรงงานในภาคเอกชน

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผู้นำที่ดีต้องฉลาด รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น กระจายอำนาจ ระดมความคิด-รับฟังความเห็น นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ ไม่กอดอำนาจไว้ที่ตัวเองเพียงผู้เดียว แม้พรรคเพื่อไทยได้นำเสนอทางออกในการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 มาโดยตลอด ครอบคลุมทั้งมิติของการควบคุมการระบาด วัคซีน การเยียวยาชดเชย แต่รัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ไม่รับฟังข้อเสนอ ตัดโอกาสประชาชนในการเข้าถึงการรักษาและป้องกันตัวเองจากโรคระบาดที่รุนแรงในครั้งนี้

Let's block ads! (Why?)


เพื่อไทย จี้"ประยุทธ์" ลาออกเปิดทางประเทศนับหนึ่งใหม่ - โพสต์ทูเดย์
Read More

Wednesday, April 28, 2021

หอการค้าไทย กลับลำหาวัคซีนทางเลือกเอง ขอบคุณรัฐมีพอไม่ต้องควักเพิ่ม - ข่าวสด

หอการค้าไทย ออกประกาศผ่านเพจ หลังประชุมร่วมนายก พร้อมเป็นทีมสนับสนุน พบรัฐยืนยันจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ ช่วยภาคเอกชนลดภาระค่าใช้จ่ายไม่ต้องควักเพิ่ม

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. หอการค้าไทย ออกแถลงการณ์ผ่านเพจ Thai Chamber โดยระบุถึงการจัดหาวัคซีนทางเลือก ที่ก่อนหน้า มีการประกาศว่า มีบริษัทเอกชน 2,629 แห่ง แจ้งความประสงค์การได้รับวัคซีนโควิด ซึ่งนายจ้างจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง คิดเป็นจำนวนพนักงานรวมทั้งสิ้น 9.21 แสนคน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 เม.ย.) ล่าสุด มีการประชุมร่วมกับรัฐบาล และมีการออกแถลงการณ์ดังกล่าว ว่า จะไม่มีการจัดหาวัคซีนทางเลือก และจะเป็นเพียงทีมสนับสนุนเท่านั้น

โดยโพสต์ระบุว่า “ประกาศการดำเนินงานด้านการจัดหาวัคซีนทางเลือก จากการประชุมร่วมกับรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันนี้ (28 เม.ย.) รัฐบาลได้แสดงความขอบคุณที่หอการค้าไทยและภาคเอกชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมเสริมการทำงานของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความพยายามในการจัดหาวัคซีนทางเลือก เพื่อฉีดให้กับพนักงานของตนเอง ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้แจ้งว่าปริมาณวัคซีนที่ภาครัฐจัดหามานั้น มีจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนทุกคน พร้อมเร่งดำเนินการในการนำเข้าวัคซีน ซึ่งกำลังทยอยเข้ามาเป็นลำดับ ดังนั้น ภาคเอกชนจึงไม่จำเป็นต้องมีการจัดหามาเพิ่มเติม และจะได้ไม่เป็นภาระในเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งภาคเอกชนต่างก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของหอการค้าไทย ซึ่งเปิดรับแจ้งความประสงค์ของบริษัทเอกชน ที่ต้องการวัคซีนทางเลือกเพื่อฉีดให้กับพนักงานของตนเองนั้น หอการค้าไทยจะรวบรวมข้อมูลความต้องการดังกล่าวที่ได้มีการแจ้งเข้ามาแล้ว ส่งต่อให้กับภาครัฐ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดลำดับการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม สำหรับในแต่ละพื้นที่ หรือประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ต่อไป

สำหรับการแจ้งความประสงค์ในการเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินงานอื่น ๆ หอการค้าไทยยังยินดีรับการสนับสนุนนั้น ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐ ให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นต่อไป

หอการค้าไทยและเครือข่ายยังเชื่อมั่นว่า หากคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำลังความสามารถ จะทำให้ประเทศไทยของเราฝ่าวิกฤติ COVID-19 นี้ไปได้อย่างแน่นอน”

หอการค้าไทย

ประกาศ หอการค้าไทย

Let's block ads! (Why?)


หอการค้าไทย กลับลำหาวัคซีนทางเลือกเอง ขอบคุณรัฐมีพอไม่ต้องควักเพิ่ม - ข่าวสด
Read More

หอการค้า ออกประกาศดำเนินงานวัคซีนทางเลือก เผยรบ.แจ้ง มีเพียงพอ เอกชนไม่ต้องจัดหาเพิ่ม - มติชน

หอการค้า ออกประกาศดำเนินงานวัคซีนทางเลือก เผยรบ.แจ้ง มีเพียงพอ เอกชนไม่ต้องจัดหาเพิ่ม

เมื่อวันที่ 28 เมษายน เว็บไซต์ หอการค้าไทย – สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยถึง ประกาศการดำเนินงานด้านการจัดหาวัคซีนทางเลือก โดยว่า

จากการประชุมร่วมกับรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันนี้ (28 เมษายน) รัฐบาลได้แสดงความขอบคุณที่หอการค้าไทยและภาคเอกชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมเสริมการทำงานของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความพยายามในการจัดหาวัคซีนทางเลือก เพื่อฉีดให้กับพนักงานของตนเอง ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้แจ้งว่าปริมาณวัคซีนที่ภาครัฐจัดหามานั้น มีจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนทุกคน พร้อมเร่งดำเนินการในการนำเข้าวัคซีน ซึ่งกำลังทยอยเข้ามาเป็นลำดับ ดังนั้น ภาคเอกชนจึงไม่จำเป็นต้องมีการจัดหามาเพิ่มเติม และจะได้ไม่เป็นภาระเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งภาคเอกชนต่างก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของหอการค้าไทย ซึ่งเปิดรับแจ้งความประสงค์ของบริษัทเอกชน ที่ต้องการวัคซีนทางเลือก เพื่อฉีดให้กับพนักงานของตนเองนั้น หอการค้าไทยจะรวบรวมข้อมูลความต้องการดังกล่าวที่ได้มีการแจ้งเข้ามาแล้ว ส่งต่อให้กับภาครัฐ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดลำดับการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม สำหรับในแต่ละพื้นที่ หรือประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ต่อไป สำหรับการแจ้งความประสงค์ในการเข้ามามีส่วนรวมสนับสนุนการดำเนินงานอื่นๆ หอการค้าไทยยังยินดีบริการ สนับสนุนนั้นๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐ ให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นไป

หอการค้าไทยและเครือข่าย ยังเชื่อมั่นว่า หากคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือกันและกันตามกำลังความสามารถ จะทำให้ประเทศไทยของเราฝ่าวิกฤตโควิด ไปได้อย่างแน่นอน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

บิ๊กตู่สั่งด่วน เร่งสธ.หาวัคซีนเพิ่มเติม มอบ ‘สุพัฒนพงษ์’ ทำงานคู่ขนานเอกชนกระจายวัคซีน

โฆษกรัฐบาล แจงแผนกระจายวัคซีน 2.16 ล้านโดส ไป 77 จังหวัดแล้ว

รบ.รับปากเอกชน หา 100 ล้านโดส เคลียร์ปมจัดการวัคซีนช้า ยันแค่เข้าใจผิดภาครัฐ

Let's block ads! (Why?)


หอการค้า ออกประกาศดำเนินงานวัคซีนทางเลือก เผยรบ.แจ้ง มีเพียงพอ เอกชนไม่ต้องจัดหาเพิ่ม - มติชน
Read More

ยกเลิกคนค้ำประกัน กยศ. เปิดทาง นร. นศ. กู้เงินได้ไม่ต้องมีคนค้ำ เริ่มปี 64 - ไทยรัฐ

1. ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี เป็นการเฉพาะกิจ สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุน และมิได้เป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ หรือเคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ (ปกติกองทุนคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปีของเงินต้นคงเหลือ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564-31 ธันวาคม 2564

2. ขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมสู้ภัยโควิด จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ประกอบด้วย

- ลดเบี้ยปรับ 100% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชี สำหรับผู้กู้ยืมเงินทุกรายที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี สามารถชำระได้ที่ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยทุกสาขา ส่วนผู้กู้ยืมเงินที่ถูกดำเนินคดีต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิและนัดหมายวันที่ประสงค์จะชำระหนี้ปิดบัญชีได้ที่ www.studentloan.or.th โดยผู้กู้ยืมเงินต้องชำระค่าทนายความ และค่าฤชาธรรมเนียมศาลให้เสร็จสิ้นก่อนปิดบัญชี

- ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ

- ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุน และมิได้เป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้หรือเคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ โดยชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว

- ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

3. ชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ผิดนัดชำระหนี้ประจำปี 2563 และปี 2564 ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปี 2564

4. งดการขายทอดตลาด ทรัพย์สินของผู้กู้ยืมเงิน และ/หรือผู้ค้ำประกัน ที่กองทุนได้ขอให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์ไว้จนถึงสิ้นปี 2564 โดยกองทุนจะต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้กู้ยืมเงิน และ/หรือผู้ค้ำประกันที่ถูกยึดทรัพย์ รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสีย เช่น ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม ผู้รับจำนองที่ยึดไว้ (ถ้ามี)

ทั้งนี้ กองทุนขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านร่วมกันสู้เพื่อให้ผ่านสถานการณ์โควิดไปด้วยกัน โดยสามารถดูรายละเอียดมาตรการดังกล่าวเพิ่มเติมได้ที่ www.studentloan.or.th หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ไลน์บัญชีทางการ กยศ. หรือโทร. 0 2016 4888

Let's block ads! (Why?)


ยกเลิกคนค้ำประกัน กยศ. เปิดทาง นร. นศ. กู้เงินได้ไม่ต้องมีคนค้ำ เริ่มปี 64 - ไทยรัฐ
Read More

เอกชนกว่า 2 พันบริษัทแห่จองวัคซีนทางเลือก - กรุงเทพธุรกิจ

28 เมษายน 2564

1,749

หอการค้าไทย รายงานแผนการจัดซื้อและกระจายวัคซีนให้นายกฯ  เผยยอดจองซื้อวัคซีนทางเลือกของเอกชน  2,629 บริษัท   พร้อมเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า  หอการค้าไทยได้รายงานความคืบหน้าการสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน การจัดหาวัคซีน และการวางระบบการกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะใช้กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่นำร่อง รวมทั้งความร่วมมือต่าง ๆ กับภาคธุรกิจเอกชน ที่มีความคืบหน้าไปมากพอสมควร ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะฯ ได้รับทราบ โดยภาครัฐยินดีให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วม โดยทำงานเป็นทีมประเทศไทยด้วยกัน ทำงานคู่ขนานไปด้วยกัน

ทั้งนี้นายกฯ ได้สั่งการ ตั้งคณะทำงานร่วมกัน 4 คณะ ทั้งภาครัฐ และหอการค้าไทย ถึง แผนการกระจายวัคซีน และวัคซีนทางเลือกของหอการค้าไทย รวมถึงการปรับกฎหมายต่างๆ เพื่อจัดหาวัคซีนได้รวดเร็ว โดยมีความคืบหน้า คือ 1.TEAM Distribution and Logistics ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีนระยะแรก ได้มีการจัดเตรียมพื้นที่นำร่องเสนอ กทม. 66 แห่ง โดยผ่านการคัดเลือก 14 แห่งกระจายทั่วกรุงเทพฯ แบ่งเป็น 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพเหนือ 2 จุด กรุงเทพใต้ 4 จุด กรุงเทพตะวันออก 3 จุด กรุงธนเหนือ2 จุด และกรุงธนใต้ 3 จุด ซึ่งจะมีทั้งสถานที่ที่เป็นศูนย์การค้า สำนักงาน และสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งสถานที่ทั้ง 14 แห่งดังกล่าว จะรองรับประชาชนได้ประมาณ 1,000-2,000 คนต่อวัน รวมแล้วสามารถให้บริการได้วันละ 20,500 คน ซึ่งจะเป็นส่วนเสริมการให้บริการของกรุงเทพมหานคร

ระยะถัดไป จะหารือในการจัดทำหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ ตามชุมชน และบริษัทต่าง ๆ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชน โดยมีภาคเอกชนสนใจให้การสนับสนุนหลายแห่ง โดยจะนำต้นแบบ (Best Practice) ของพื้นที่เอกชนร่วมกับกรุงเทพฯ กระจายผ่านหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในการช่วยบริหารจัดการสถานที่ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งภาครัฐได้ยินดีและขอบคุณที่ภาคเอกชนเข้ามาเสริม เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลที่ต้องรับผู้ป่วยปกติด้วย โดยจะทำแผนงานร่วมกันทั่วทั้งประเทศ

2.TEAM Communication ทีมการสื่อสาร สนับสนุนการทำงานด้านการสื่อสารของภาครัฐเพื่อสร้างความเข้าใจและส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งจะเน้น ความสำคัญของการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง และอัพเดทข้อมูลที่ถูกต้องจากแหล่งข้อมูลทางการของภาครัฐตั้งทีมคณะทำงานประกอบด้วยบริษัทชั้นนำ 20 บริษัท เพื่อระดมทรัพยากรและช่องทางการสื่อสาร อาทิ LINE, Google, Facebook, VGI, CP และบริษัทอื่นๆ ยินดีให้การสนับสนุนด้านการสื่อสารอย่างเต็มกำลังทั้ง Online และ Offline

 161959426077              

3.TEAM IT Operation ทีมเทคโนโลยีและระบบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการลงทะเบียนและลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ ในศูนย์ปฏิบัติการของภาคเอกชน โดยนำเทคโนโลยีมาสนับสนุน ได้มีการหารือถึง solution ที่ควรจะเป็น เพื่อลดขั้นตอนระยะเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพหลังจากการสำรวจพื้นที่ ศึกษา “หมอพร้อม” เบื้องต้น และทำความเข้าใจขั้นตอนการฉีดวัคซีน ได้ทำหน้าที่เสนอแนวทางการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ เพิ่มความรวดเร็ว แม่นยำ ตลอดจนการนำเสนอ Best Practice ต่างๆ มาเป็นข้อมูล และให้การสนับสนุนทีมอื่นๆ หลายบริษัทที่เสนอตัวว่ามี Application ในลักษณะที่น่าจะนำมาประยุกต์ได้ เช่น กลุ่มปาร์คนายเลิศเป็นลักษณะการลงทะเบียนและการจองคิว ซึ่งสามารถเปลี่ยนจาก Web Application เป็น mobile app ได้ รวมถึงการเสนอตัวของ QueQ, Line Application และ Grab

4.TEAM Extra Vaccine procurement ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยสำรวจความต้องการภาคเอกชนผ่านทางการทำแบบสอบถาม โดยให้บริษัทเอกชนแสดงความประสงค์ในการได้วัคซีน ซึ่งนายจ้างจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ปัจจุบันมีผู้แจ้งความต้องการ 2,629 บริษัท จำนวนพนักงาน 921,817 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 28/4/2564) ซึ่งจะนำส่งให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรวัคซีนต่อไป

“นอกจากแผนการกระจายวัคซีนที่ภาคเอกชนจะไปสนับสนุนภาครัฐนั้น เรายังได้มีการหารือถึงแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะถัดไปอีกด้วย ทั้งเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ” นายสนั่น กล่าว

นายสนั่น กล่าวว่า  างหอการค้าได้เสนอแผนที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุ ที่ได้ทดลองทำ Sand box ของกลุ่มค้าปลีกและทางธนาคารมาแล้ว เพื่อให้ SMEs เข้าถึง Soft Loan โดยพร้อมที่จะขยายผลต่อไป นอกจากนั้น จะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการ HUG THAIS ฮักไทย Love Thais, Help Thais “รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน” โดยกระตุ้นภาคเอกชนและภาคประชาชนในการอุดหนุนสินค้าไทย และธุรกิจของผู้ประกอบการคนไทย รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งทางภาครัฐได้ให้ความมั่นใจว่า ภาครัฐได้มีการเตรียมการช่วยเหลือ SMEs ไว้ทั้งการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ, การทำสินเชื่อ Factoring, Soft Loan, พักทรัพย์พักหนี้ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ทั้งโครงการคนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งคืน และอีกหลายโครงการที่สามารถเสริมกันได้อย่างแน่นอน และพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอภาคเอกชนเพื่อปรังปรุง กฎหมาย กฎระเบียบให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจได้สะดวก เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศในลำดับถัดไป

Let's block ads! (Why?)


เอกชนกว่า 2 พันบริษัทแห่จองวัคซีนทางเลือก - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

'ฝ่ายค้าน' หาช่องทำประชามติ เปิดทาง 'รื้อรัฐธรรมนูญ' ทั้งฉบับ - กรุงเทพธุรกิจ

28 เมษายน 2564

41

"ทวี สอดส่อง" รับทิศทางพรรคฝ่ายค้าน ยื่นแก้รัฐธรรมนูญ ยังไม่ตกผลึก แต่ความเห็นสอดรับต้องแก้ทั้งฉบับ-โละอำนาจส.ว.

       พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ  กล่าวถึงความเห็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ต่อทิศทางของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีแนวความเห็นที่ตรงกัน คือ ยกเลิกมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่ให้อำนาจวุฒิสภาร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องเป็นการแก้ไขทั้งฉบับ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อย่างไรก็ดียอมรับว่าเนื้อหาและรายละเอียดนั้นยังไม่ตกผลึกร่วมกัน แต่แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านระบุว่าให้พิจารณาหาแนวทางตามกฎหมายเพื่อเสนอให้ประชาชนได้ออกเสียงประชามติต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งอาจต้องรอให้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับใหม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อน นอกจากนั้น ยังมองว่าจะต้องนำเรื่องถามไปยังศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งหรือไม่ ก่อนที่จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือรัฐสภาจะพิจารณาญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระแรก

        พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า พรรคฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคพลังประชารัฐ ที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เสนอเพราะไม่ได้แก้รากเหง้าของปัญหา และไม่มีเรื่องตัดอำนาจของส.ว. อีกทั้งมองว่าเป็นญัตติที่เสนอแก้ไขเพื่อประโยชน์ของฝ่ายการเมือง และประโยชน์ของนายกรัฐมนตรี แต่ในทิศทางของการพิจารณาวาระแรก หรือ ลงมติวาระสามนั้น ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะลงมติไม่เห็นด้วย เพราะยังไม่ถึงเวลา ทั้งนี้หากขั้นตอนดำเนินถึงประเด็นใดพรรคฝ่ายค้านต้องหารือกันอีกครั้ง.

Let's block ads! (Why?)


'ฝ่ายค้าน' หาช่องทำประชามติ เปิดทาง 'รื้อรัฐธรรมนูญ' ทั้งฉบับ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ก.ล.ต. แก้เกณฑ์ เปิดทางรับคำสั่งซื้อขายโปรดักต์ตลาดทุน จากที่บ้านได้ - ประชาชาติธุรกิจ

ก.ล.ต. เตรียมปรับเกณฑ์เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นแก่ภาคธุรกิจ พร้อมเปิดทางให้รับคำสั่งซื้อขายผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนจากที่บ้าน (Work from Home) รองรับความปรกติใหม่

วันที่ 28 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับคำสั่งซื้อขายผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนนอกสถานที่ทำการสำหรับผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตามแนวทาง Regulatory Guillotine เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความยืดหยุ่นในการประกอบธุรกิจ และสอดรับกับสถานการณ์ COVID-19

โดย ก.ล.ต. ได้ดำเนินโครงการ Regulatory Guillotine โดยทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้มีผู้ประกอบธุรกิจจำเป็นต้องให้พนักงานปฏิบัติงานจากที่บ้าน (Work from Home: WFH) โดยจัดให้มีระบบงานและเทคโนโลยีสารสนเทศที่รองรับ WFH ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจสามารถดำเนินการได้แล้ว

ต่อมาผู้ประกอบธุรกิจมีข้อเสนอว่า เพื่อรองรับความปรกติใหม่ (New Normal) ควรเปิดให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานรับคำสั่งซื้อขายผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนในลักษณะ WFH ได้ ก.ล.ต. จึงได้หารือร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) ผู้ประกอบธุรกิจ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเห็นควรปรับปรุงกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ให้เป็นหลักการ principle based มากขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถรับคำสั่งซื้อขายผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนในลักษณะ WFH ภายใต้ New Normal ได้ ซึ่งจะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้นในการให้บริการ ในขณะที่ยังมีมาตรการดูแลประโยชน์และข้อมูลของลูกค้าอย่างเพียงพอ โดยผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดให้มีระบบงานและการควบคุมที่เพียงพอและเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการรักษาความลับของข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าการดำเนินงานในที่ทำการ

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://ift.tt/32SdiWa ผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail: [email protected] และ [email protected] จนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม 2564

QR Code LINE@ Prachachat

ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat

ติดตามข่าวธุรกิจ

Let's block ads! (Why?)


ก.ล.ต. แก้เกณฑ์ เปิดทางรับคำสั่งซื้อขายโปรดักต์ตลาดทุน จากที่บ้านได้ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

กกต.เพิ่มช่องทางให้ผู้สมัครเทศบาล ยื่นบัญชีรายรับ-รายจ่าย ผ่านไปรษณีย์-อีเมล - มติชน

กกต.เพิ่มช่องทางให้ผู้สมัครเทศบาล ยื่นบัญชีรายรับ-รายจ่าย ผ่านไปรษณีย์-อีเมล เตือนต้องดำเนินการก่อน 28 มิ.ย.

เมื่อวันที่ 28 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งประชาสัมพันธ์เพิ่มช่องทางวิธีการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น สามารถยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้ง พร้อมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริงต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดด้วยวิธีการยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนหรือยื่นทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ของสำนักงานกกต.ประจำจังหวัดก็ได้ โดยให้ถือวันประทับตราของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือวันส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) แล้วแต่กรณี เป็นวันที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ยื่นต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด

สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ในวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลหรือนายกเทศมนตรีต้องยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภายในวันที่ 26 มิถุนายน แต่เนื่องจากตรงกับวันเสาร์ และวันที่ 27 มิถุนายน ตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จึงต้องนับวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน เป็นวันเปิดทำการวันแรกและเป็นวันสุดท้ายที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรา 62 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ประกอบระเบียบกกต.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ข้อ 124 กำหนดให้ภายใน 90 วันนับจากวันเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครแต่ละคนยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้ง พร้อมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริงด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ผู้อื่นยื่นแทนต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรืออาจยื่นด้วย วิธีการอื่นตามที่เลขาธิการกกต.กำหนด

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon

บทความก่อนหน้านี้ไอเดียเก๋! โซเชียลแห่แชร์ ทุเรียน แบ่งขายแพ็คจิ๋ว ราคาเริ่มต้น 10 บาทเท่านั้น
บทความถัดไปสรยุทธ โพสต์ซึ้ง ชี้น้ำตาไหลหลังได้รู้แฟนข่าวรอการกลับมา ก่อนคืนจอ 1 พ.ค.นี้

matichon

Let's block ads! (Why?)


กกต.เพิ่มช่องทางให้ผู้สมัครเทศบาล ยื่นบัญชีรายรับ-รายจ่าย ผ่านไปรษณีย์-อีเมล - มติชน
Read More

Tuesday, April 27, 2021

“ผลิต-ไฟฟ้าลาว” เปิดทางไทย-อาเซียน ร่วมผลิตไฟฟ้า - กรุงเทพธุรกิจ

28 เมษายน 2564

78

“ผลิต-ไฟฟ้าลาว”พร้อมเจรจาพันธมิตรเอกชนไทย-อาเซียน ร่วมทุนผลิตไฟฟ้า ตั้งเป้าปี 2572 เพิ่มกำลังผลิตแตะ 2,435 เมกะวัตต์หนุนกำไรโตต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายไฟฟ้าในลาวยังโตขึ้น 17% เล็งออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทในปีนี้ รีไฟแนนท์หุ้นกู้เดิม

นายดวงสี พารายก กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) หรือ EDL-Gen ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานสะอาดรายใหญ่ในลาว ระบุว่า บริษัท ได้วางกลยุทธ์การเติบโตสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลลาว ที่ต้องการให้ EDL-Gen เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่มั่นคงเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของลาว โดยการจัดหา ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ พลังงานทางเลือกที่สะอาด ยั่งยืน และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับเทรนด์ของโลกในการพัฒนาพลังงานที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Energy

บริษัท อยากเชิญชวนผู้ผลิตไฟฟ้าหันมาสสนใจการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำซึ่งมีต้นทุนถูกที่สุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอื่นๆ และเป็นโรงไฟฟ้าที่สร้างความยั่งยืนแน่นอน ขอนักลงทุนอย่าลังเลที่จะมาร่วมกันพัฒนาการผลิตไฟฟ้า”

นายวันแสง วันนะวง รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน EDL-Gen กล่าวว่า EDL-Gen มีนโยบายเปิดกว้างให้เอกชนผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการเพื่อดึงเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศ จากเดิมที่ EDL-Gen เป็นผู้ลงทุนพัฒนาโครงการเองทั้งหมด โดยตั้งเป้าหมาย ภายในปี 2572 ทาง EDL-Gen จะมีโรงไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 42 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,435 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่ EDL-Gen ลงทุนและพัฒนาโครงการเอง รวม 18 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 974 เมกะวัตต์ และเป็นโครงการร่วมทุนกับ IPP จำนวน 24 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนถือหุ้นรวม 1,461 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ เพื่อช่วยผลักดันการดำเนินงานของ EDL-Gen ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว และสนับสนุนประเทศลาว ในการเป็นผู้นำการผลิตพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนและมั่นคงในภูมิภาค รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ้นปี 2563 EDL-Gen มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งสิ้น 1,949 เมกะวัตต์ โดยเป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 27 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวมของโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 1,683 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ EDL-Gen เป็นเจ้าของ 100% จำนวน 11 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 699 เมกะวัตต์ และโครงการร่วมภาคเอกชน (IPP) จำนวน 16 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งตามสัดส่วนถือหุ้น 984 เมกะวัตต์ โดยไทยเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญของ EDL-Gen ที่มีสัดส่วนการซื้อไฟฟ้าจาก EDL-Genสูงถึง 42% ของปริมาณการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งหมด

“โควิด-19 ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัทโดยตรง ซึ่งเมื่อปี2563 ลาวมีล็กดาวน์ช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. จะเห็นว่ายอดขายไฟฟ้าของบริษัทยังโตขึ้นราว 17% แต่ในทางอ้อมอาจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และปีนี้ ได้เข้มงวดมาตรการเข้าปฎิบัติงานของพนักงานมากขึ้น เพื่อลดการระบาด”

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทที่ผ่านมา ยังมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าในปี 2562 จะมีรายได้ลดลงตามปริมาณน้ำ แต่ในปี2563 ก็สามารถกลับมาทำรายได้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562 และในปี2563 บริษัท ก็ยังมีกำไรแม้ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 และมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกปี ขณะเดียวกัน ปีนี้ บริษัท ยังมีแผนออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท เพื่อนำมารีไฟแนนท์หุ้นกู้เดิม โดยยืนยันว่าสถานะการเงินยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม

นายสุเทพ เลิศศรีมงคล อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ของประเทศลาว และนักวิชาการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) หรือ EGAT กล่าวว่า ลาว มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำรายใหญ่ในภูมิภาคนี้ ประเมินว่าในปี 2573ลาว จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งสิ้น 21,000 เมกะวัตต์ จากศักยภาพการผลิตทั้งหมดของทั้งประเทศที่คาดว่าจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่า 30,000 เมกะวัตต์ในระยะยาว เนื่องจากลักษณะพื้นที่ของประเทศมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและมีแม่น้ำหลายสายนำมาพัฒนาโครงการได้

ขณะที่ ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยแต่ละประเทศมีแผนบริหารจัดการด้านความมั่นคงของพลังงาน และไทยถือเป็นประเทศที่พึ่งพิงพลังงานไฟฟ้าจากลาว เป็นจำนวนมาก โดยจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศปี 2561-2580 (PDP 2018) ประเทศไทยสามารถรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านได้อีก 3,500 เมกะวัตต์ ซึ่งยังสามารถซื้อไฟฟ้าจากลาว ได้อีก 3,000 เมกะวัตต์ และจะเหลือสัดส่วนที่รับซื้อจากประเทศอื่นๆ อีก 500 เมกะวัตต์

Let's block ads! (Why?)


“ผลิต-ไฟฟ้าลาว” เปิดทางไทย-อาเซียน ร่วมผลิตไฟฟ้า - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ผู้นำหญิง EU อัดตุรกี เลือกปฏิบัติทางเพศ เหตุไม่เตรียมเก้าอี้ให้นั่ง - ไทยรัฐ

“ดิฉันเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง ประธานคณกรรมาธิการยุโรป ดิฉันเป็นประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ดิฉันจึงคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นประธานคณะกรรมาธิการ ระหว่างการเยือนตุรกีเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แต่ดิฉันไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น”

“หากดิฉันใส่สูทผูกไท เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นหรือไม่? ในภาพการประชุมก่อนๆ ดิฉันไม่เห็นปัญหาเรื่องเก้าอี้ขาดแคลน แต่ในอีกมุมหนึ่ง ดิฉันก็ไม่เห็นสตรีคนใดอยู่ในภาคเหล่านั้นเลยเช่นกัน” นาง วอน แดร์ เลเยน กล่าว “ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ หลายท่านคงเคยมีประสบการคล้ายกันนี้ในอดีต โดยเฉพาะสมาชิกหญิงแห่งรัฐสภานี้ ดิฉันจึงมั่นใจว่า ท่านทราบดีว่าดิฉันรู้สึกอย่างไร ดิฉันรู้สึกเจ็บปวด และโดดเดี่ยว ทั่งในฐานะผู้หญิงและในฐานะชาวยุโรป”

ด้านตุรกีออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า นาง วอน แดร์ เลเยน ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพราะเพศของเธอ “เราไม่อยากออกแถลงการณ์ แต่มีการกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรมต่อตุรกี เรื่องความสำคัญที่เรามอบให้แก่สตรีเพศ และปัญหาอื่น ตุรกีเป็นรัฐที่มีวัฒนธรรม”

Let's block ads! (Why?)


ผู้นำหญิง EU อัดตุรกี เลือกปฏิบัติทางเพศ เหตุไม่เตรียมเก้าอี้ให้นั่ง - ไทยรัฐ
Read More

'วิดมาร์' แยกทาง 'ไลออน ซิตี้' เปิดทางคัมแบ๊กคุม 'เดอะ แรบบิท' - มติชน

‘วิดมาร์’ แยกทาง ‘ไลออน ซิตี้’ เปิดทางคัมแบ๊กคุม ‘เดอะ แรบบิท’

ไลออน ซิตี้ เซลเลอร์ ทีมในเอสลีก สิงคโปร์ ออกมายืนยันว่าได้แยกทางกับ ออเรลิโอ วิดมาร์ กุนซือชาวออสเตรเลีย เป็นที่เรียบร้อยโดยจะมีผลในวันที่ 30 เมษายนนี้ ท่ามกลางข่าวลือที่อดีตกัปตันทีมชาติออสเตรเลียจะกลับมาคุมทีม “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับผลงานของวิดมาร์ กับทีม ไลออน ซิตี้ เซลเลอร์ นั้นสามารถพาทีมจบอันดับ 3 ด้วยผลงานเกมรุกอันยอดเยี่ยมที่ทำให้ 3 นักเตะในทีมสามารถคว้ารางวัลส่วนตัวหลังจากจบฤดูกาลได้

โดยก่อนหน้านี้ มีข่าวลือมาตลอดว่า “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แชมป์โตโยต้า ไทยลีก 2020/21 นั้น เตรียมดึงอดีตกุนซือชาวออสเตรเลียรายนี้กลับมาคุมทีมอีกครั้ง เพื่อเตรียมสู้ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 ที่จะเป็นเจ้าภาพในเดือนมิถุนายน-กรกฏาคมนี้

ส่วนทางด้านของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ซึ่งเป็นกุนซือที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกมากครองนั้น อาจจะถูกดันให้ไปคุมทีมราชประชา ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ไทยลีก 2 ในฤดูกาลหน้าแทน

Let's block ads! (Why?)


'วิดมาร์' แยกทาง 'ไลออน ซิตี้' เปิดทางคัมแบ๊กคุม 'เดอะ แรบบิท' - มติชน
Read More

เจ้าของที่ดินล้อมรั้วปิดทางยาย ยันทำถูกต้องตามกม. ลูกสาววอนเห็นใจเหตุต้องขี่จักรยานออกถนนใหญ่ - มติชน

เจ้าของที่ดินล้อมรั้วปิดทางยาย ยันทำถูกต้องตามกม. ลูกสาววอนเห็นใจเหตุต้องขี่จักรยานออกถนนใหญ่

ครูเจ้าของที่ดินล้อมรั้วปิดทางเข้าออก เปิดปากแล้ว ที่ดินดังกล่าวพ่อซื้อมาถูกต้อง เคยมีชาวบ้านไปขอยกให้เป็นสาธารณะ พ่อไม่ยอมแต่ให้เดินผ่านได้ ยืนยันทำทุกอย่างตามกฎหมาย ขณะลูกสาวยายยังวิงวอนเปิดทางเพราะสงสารแม่

วันที่ 27 เม.ย.64 นางสาวพิชยา นันทวิเชตพงษ์ อายุ 59 ปี อยู่เลขที่ 23 ถ.ศรีภูเจริญ ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เจ้าของที่ดินที่เข้าไปล้อมรั้วเอาทางที่ชาวบ้านบริจาคร่วมกัน 2 เมตร ได้ออกมาเปิดเผยเป็นครั้งแรกหลังเป็นข่าว ว่ารั้วดังกล่าวได้ทำขึ้นหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของตน จึงเริ่มมาล้อมรั้ว ทุกอย่างตนทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ไม่ได้ไปเบียดบังเอาที่คนอื่นมาเป็นของตัวเอง

น.ส.พิชยา เล่าด้วยว่า ที่ดินแปลงนี้พ่อซื้อมานาน ให้คนทำนา ช่วงหลังน้ำท่วม เมื่อตนได้รับเป็นมาดก ก็ให้ จนท. ที่ดินมารังวัดที่ หลังรังวัดเสร็จ ทางนางไพจิตร ได้ยื่นฟ้องตนข้อหา เปิดทางภาระจำยอม แต่ศาลพิพากษาแล้วว่ามีทางเข้าออกทางอื่นอีก ยังยืนยันจะล้อมรั้วที่เหลือจนเสร็จ จะไม่ยอมยกให้เด็ดขาด เพราะหากที่ดินหายไป 2 เมตรรวมแล้วที่ดินจะเสียหายไปหลายตารางวาเลยทีเดียว

ด้านนางสาวยุพิน ศรีผดุง อายุ 45 ปี เลขที่ 23 ถ.ศรีภูเจริญ ต.นางรอง อ.นางรอง บอกว่า อยากให้ครูนึกถึงคุณธรรม สมัยก่อนชาวบ้านมีสัจจะ มีความจริงใจ ถึงแม้จะให้ที่ด้วยวาจาปากเปล่า แต่เขาจะไม่ลืมสัญญา ตอนนี้สงสารแม่ที่ต้องปั่นจักรยานอ้อมไปไกล ทั้งเป็นเส้นทางอันตรายอีกด้วย จึงอยากจะวิงวอนขอความกรุณาครูให้เปิดทางให้ชาวบ้านได้สัญจรอย่างสะดวก ทั้งยังได้บุญอีกด้วย

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon

บทความก่อนหน้านี้‘พรอสเพอร์ฯ’ เปิดซื้อขายหุ้นไอพีโอวันแรก ราคาพุ่ง 100% ย้ำพื้นฐานแข็งแกร่งฝ่าพิษเศรษฐกิจ
บทความถัดไปปารีณา เชียร์ประยุทธ์ เมินปชป.ท้วง ยืนยันคำสั่งแบ่งโซนรมต. ส่งธรรมนัส คุมภาคใต้

matichon

Let's block ads! (Why?)


เจ้าของที่ดินล้อมรั้วปิดทางยาย ยันทำถูกต้องตามกม. ลูกสาววอนเห็นใจเหตุต้องขี่จักรยานออกถนนใหญ่ - มติชน
Read More

'วัคซีนทางเลือก' ยังไร้ข้อสรุป - กรุงเทพธุรกิจ

27 เมษายน 2564

17

(ชมคลิปข่าวด้านล่าง) 'วัคซีนทางเลือก' ยังไร้ข้อสรุป

หอการค้าฯแจงวัคซีนทางเลือกยังไร้ความคืบหน้า

ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สนั่น อังอุบลกุล ระบุ ในการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ จะหารือรายละเอียดแนวทางจัดหาและกระจายวัคซีนของภาคเอกชน โดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจะเสนอแผนการจัดหาวัคซีนทางเลือกและการกระจายวัคซีนของภาคเอกชน โดยมีการตั้งทีมงาน 4 ทีม เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีน

ส่วนการจัดซื้อวัคซีนทางเลือกที่ได้หารือกับซีอีโอ 45 บริษัท ได้ยืนยันแล้วว่าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง เพื่อฉีดให้พนักงานและครอบครัว โดยที่ผ่านมาได้หารือแนวทางการจัดหาวัคซีนและกระจายวัคซีนเป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่นยังไม่ได้พูดถึง เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

การจัดหาวัคซีนทางเลือกเป็นเรื่องเร่งด่วนของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยต้องจัดหาวัคซีนทางเลือกให้มากที่สุดและเร็วที่สุด โดยเอกชนพร้อมจ่ายค่าวัคซีน แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ได้ว่าจะหาได้เมื่อไร จำนวนเท่าใด เพราะอยู่ในระหว่างการดำเนินการ จัดหาวัคซีนยี่ห้อตามที่ได้มองไว้ก่อนหน้านี้ 

ภาคเอกชนพยายามติดตามอยู่ตลอดว่ามีวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ มาเพิ่มเติมมากกว่าที่รับทราบอยู่ในปัจจุบันนี้อีกหรือไม่ ขณะนี้เศรษฐกิจดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับวัคซีน โดยภาคเอกชนมองการฉีดวัคซีนของไทยยังล่าช้ามาก ต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งวัคซีนทางเลือกก็ต้องมีขั้นตอนต่างๆก่อนที่จะนำเข้ามาฉีด โดยเฉพาะการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดังนั้นคงต้องหารือกับทางรัฐบาลในรายละเอียดต่างๆ

ส่วนภาพรวมการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นภาคเอกชนให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ในการป้องกันการแพร่ระบาด โดยล่าสุดกรุงเทพมหานครได้ออกประกาศปิดสถานที่หลายแห่งแล้ว ซึ่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน่าจะน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่ได้มีการล็อคดาวน์ แต่มาตรการที่ออกมาก็เหมือนการล็อคดาวน์อยู่แล้วส่วนใหญ่ประชาชนก็ไม่ออกมาใช้บริการและดูแลตัวเองที่บ้าน

ที่ผ่านมา การล็อคดาวน์กระทบเศรษฐกิจถึง 6 แสนล้านบาท เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักหมด แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจยังเดินต่อไปได้ ดูได้จากการส่งออกในเดือนมีนาคมขยายตัว และมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

คลิปข่าว

Let's block ads! (Why?)


'วัคซีนทางเลือก' ยังไร้ข้อสรุป - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

นักวิชาการ มธ. เสนอกลไกทางเลือกแก้ PM 2.5 - ไทยโพสต์

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ แนะ ควรให้ ‘อำนาจสั่งการ’ คกก.อากาศสะอาด ดำเนินมาตรการข้ามหน่วยงาน พร้อม ‘บูรณาการงบประมาณ’ ตามภารกิจ...