การแก้ไขรัฐธรรมนูญคือประเด็นหลักที่ 3 พรรค คือ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา ซึ่งมีจุดยืนต่างกับพลังประชารัฐ
ข่าวแนะนำ
ยิ่งมีการไปเชื่อมต่อกับภาคเพื่อผลักดันไม่ว่าจะเป็น
ฝ่ายค้าน นอกสภา และภาคประชาชน ซึ่งมีความเคลื่อนไหวที่จะต่อสู้ร่วมกัน
เท่ากับปล่อยให้พลังประชารัฐต้องโดดเดี่ยว ประกาศจะแก้ไขพรรคเดียวไม่สนใจพรรคการเมืองอื่นๆ
แต่ที่รัฐบาลปฏิเสธไม่ได้คือความรับผิดชอบ เพราะเป็น “นโยบาย” เร่งด่วน จึงถูกเร่งเร้าให้ประกาศนำหน้าในเรื่องนี้
แม้บรรดาแกนนำสำคัญของรัฐบาลจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ก็เพราะมันไม่สามารถหลุดบ่วงนี้ไปได้
“อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศอย่างชัดเจนว่าอะไรที่เป็นทางเลือกย่อมเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่าไปปิดกั้นทางเลือก
“ภูมิใจไทย” พร้อมเลือกตั้งอยู่แล้ว
นั่นแสดงถึงความพร้อมที่จะเลือกตั้งหากมีการ “ยุบสภา” ซึ่งเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะต้องตัดสินใจเอง
ปกติการเมืองประเทศไทยนั้นรัฐบาลส่วนใหญ่มักจะได้บริหารประเทศในช่วงเวลาสั้นๆ มีน้อยที่จะอยู่จนครบเทอม
ยิ่งเหลือเวลาอีกเพียงไม่มากนักมักจะ “ยุบสภา” แล้วไปเลือกตั้งกันใหม่ เพราะเสถียรภาพชักง่อนแง่นอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์
พรรคร่วมรัฐบาลนั้นแม้ยังพอใจที่จะบริหารประเทศต่อไป เพราะบางพรรคยังไม่พร้อมที่จะเลือกตั้ง
พลังประชารัฐพรรคหนึ่งแหละที่ยังไม่พร้อม
ที่สำคัญก็คือ “3 ป.” ยังไม่มั่นใจหาก “ยุบสภา” แล้วจะชนะการเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาลกุมอำนาจต่อไปได้หรือไม่
แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์การเมืองที่เป็นจริงจะเป็น
ตัวเร้าให้ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวนอกสภา ซึ่งมิใช่แค่กลุ่มนักศึกษาอย่างที่ผ่านมาเท่านั้น แต่เริ่มมีการประสานกันหลายกลุ่ม
เป้าประเด็นคือนายกฯออกไป
ประสานกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งน่าจะมีพลังมากกว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างที่ผ่านมา
ว่าไปแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่จัดการยากขึ้นกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
หากรัฐบาลยังไม่มั่นใจก็จะอยู่กันอย่างนี้ต่อไป เพียงแต่จะรับมือได้นานแค่ไหนกับแรงกดดันรอบด้าน
ดูแล้วกลุ่มอำนาจในรัฐบาลปัจจุบันคงต่อสู้ในทุกรูปแบบ ทั้งในสภาและนอกสภาเพื่อเอาชนะให้ได้
เพราะแต่ละฝ่ายต่างก็เดินมาถึงจุดที่ประนีประนอมกันต่อไปไม่ได้แล้ว.
“สายล่อฟ้า”
เข้าสู่ทางตัน - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment