ภาพของซากรถถังที่ไหม้เกรียมและชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายทั่วพื้นดิน ถูกกองทัพยูเครนนำมาเผยแพร่ทางทวิตเตอร์ โดยภาพความเสียหายนี้อยู่เคียงคู่กับภาพของทหารหนุ่มซึ่งแบกอาวุธบางอย่างไว้กับตัว คำบรรยายภาพระบุว่า "นี่คือผลของการถูกยิงด้วยขีปนาวุธต่อต้านรถถังแจฟเวลิน (Javelin)"
ขีปนาวุธซึ่งทำลายได้แม้แต่รถถังหุ้มเกราะชนิดนี้ ใช้เครื่องยิงแบบประทับบ่ายิงจรวดค้นหาความร้อน ซึ่งจะพุ่งเข้าใส่เป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปได้ถึง 4 กิโลเมตร โดยเป็นอุปกรณ์ที่เคลื่อนย้ายพกพาสะดวก แทบไม่ต่างอะไรกับเครื่องเล่นวิดีโอเกม แต่มันสามารถส่งจรวดความยาว 1 เมตร พุ่งเข้าเจาะทะลุด้านบนหรือด้านข้างของรถถังได้อย่างง่ายดาย
กองทัพยูเครนอ้างว่าการที่พวกเขาใช้ "อาวุธอเมริกัน" ซึ่งผลิตในสหรัฐอเมริกา ได้สร้างความตื่นตระหนกหวาดกลัวให้กับบรรดาทหารรัสเซียอย่างมาก แถมกองทัพยูเครนยังจะได้รับระบบยิงขีปนาวุธแจฟเวลินเพิ่มอีก 2,000 ชุด จากความช่วยเหลือทางการทหารงวดใหม่ที่สหรัฐฯจะมอบให้เป็นมูลค่าถึง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้วย
นอกเหนือจากขีปนาวุธต่อต้านรถถังแจฟเวลินแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์ที่สหรัฐฯ ส่งมอบให้ยูเครน ยังรวมถึงโดรนที่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นระเบิดบินได้ และอาวุธต่อต้านอากาศยานที่ยิงเฮลิคอปเตอร์ให้ร่วงหล่นจากท้องฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม ยังน่าสงสัยว่าอาวุธทันสมัยไฮเทคเหล่านี้ จะช่วยยูเครนเอาชนะรัสเซียซึ่งมีอาวุธและสรรพกำลังเหนือกว่าได้หรือไม่
สหรัฐฯ จะส่งอาวุธอะไรให้ยูเครน
ตามแผนการส่งมอบความช่วยเหลือครั้งใหม่นั้น สหรัฐฯ จะจัดส่งอาวุธรวมทั้งอุปกรณ์ทางทหารหลากหลายชนิดให้กับยูเครน โดยมีตั้งแต่ชุดเกราะและหมวกนิรภัยอย่างละ 25,000 ชุด ปืนไรเฟิลและเครื่องยิงระเบิด อาวุธต่อต้านรถถัง และเครื่องกระสุนอีก 20 ล้านนัด
นอกจากขีปนาวุธต่อต้านรถถังแจฟเวลินแล้ว อาวุธทรงอานุภาพที่จะส่งมอบให้ยูเครน ยังได้แก่ระบบต่อต้านอากาศยานสติงเกอร์ (Stinger) จำนวน 800 ชุด ซึ่งอาวุธนี้เคยใช้ยิงเครื่องบินของสหภาพโซเวียตในอัฟกานิสถานมาแล้ว
อาวุธที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่งได้แก่ระบบอากาศยานไร้คนขับเชิงยุทธวิธี (tactical unmanned aerial system) ซึ่งก็คือโดรนขนาดเล็กที่สามารถบรรจุในกระเป๋าสะพายหลัง และใช้มือเปล่าปล่อยขึ้นบินได้ เหมาะกับใช้สำรวจพื้นที่สมรภูมิหรือแม้แต่ใช้โจมตี โดยเปลี่ยนตัวเองให้เป็นระเบิดที่บินเข้าหาเป้าหมายจากระยะไกล
การประกาศมอบความช่วยเหลือให้ยูเครนงวดล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 16 มี.ค. ทำให้ในสัปดาห์ที่แล้วพียงสัปดาห์เดียว สหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นจะมอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนเป็นมูลค่ามหาศาลถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเกือบหนึ่งในสามของที่เคยมอบให้ระหว่างปี 2014 ถึงต้นปี 2022
จอห์น เฮิร์บส์ อดีตทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเคียฟของยูเครนบอกว่า นี่คือความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งมุ่งชดเชยการมอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนน้อยเกินไปในอดีต
อาวุธอเมริกันส่งผลอย่างไรในการรบกับรัสเซีย
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารมองว่า อาวุธต่อต้านรถถังของสหรัฐฯ ดูจะเป็นประโยชน์ต่อยูเครนมากที่สุดในการสู้รบต้านทานกองทัพรัสเซีย โดยคริสโตเฟอร์ เมเยอร์ อดีตนายพันเอกแห่งกองทัพบกสหรัฐฯ อธิบายว่า เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะกองทัพรัสเซียมักจะอยู่ในรูปของ "กองกำลังเครื่องยนต์" หรือขบวนยานยนต์หุ้มเกราะนั่นเอง ดังนั้นการทำลายพาหนะทหารเหล่านี้จึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
ยูเครนได้รับระบบต่อต้านรถถังหลากหลายแบบจากนานาประเทศ ซึ่งช่วยเพิ่มเขี้ยวเล็บให้กับกองกำลังของตนขึ้นอย่างมาก เพราะทำให้มีโอกาสในการเจาะทะลวงทำลายรถถังได้มากขึ้น ไม่ว่ารถถังนั้นจะหุ้มเกราะชนิดใดหรือใช้ระบบไหนในการป้องกันตนเองก็ตาม โดยตัวเลขสถิติของกองทัพยูเครนเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา อ้างว่าสามารถทำลายรถถังรัสเซียไปแล้วถึง 400 คัน และทำลายยานยนต์ทหารอื่น ๆ อีกกว่า 2,000 คัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการสู้รบทางอากาศแล้วขีปนาวุธต่อต้านรถถังไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ทว่าระบบต่อต้านอากาศยานสติงเกอร์กลับจะมีประโยชน์กว่าในกรณีนี้ เพราะเป็นระบบที่มีชื่อเสียงมานาน ตั้งแต่ครั้งที่สหภาพโซเวียตรุกรานอัฟกานิสถาน ซึ่งสหรัฐฯ ใช้ระบบสติงเกอร์ยิงเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ของศัตรูที่บินต่ำไม่เกิน 3,800 เมตร ให้ตกลงมาได้จำนวนมาก
แต่ระบบต่อต้านอากาศยานสติงเกอร์ก็ยังไร้ประโยชน์ เมื่อเจอกับเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียที่บินสูง ดังนั้นการที่สหรัฐไม่ได้มอบอาวุธต่อต้านอากาศยานที่บินในระดับดังกล่าวให้ยูเครน จึงถือเป็นจุดอ่อนร้ายแรงอย่างยิ่ง
สหรัฐฯไม่ได้ส่งมอบอาวุธอะไรให้ยูเครนบ้าง
แม้ก่อนหน้านี้ทางทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวเป็นนัยว่า จะจัดส่งอาวุธต่อต้านอากาศยานที่บินสูงให้ยูเครนผ่านทางประเทศที่สาม โดยอาจเป็นขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S-300 ซึ่งเป็นของสหภาพโซเวียต แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีประกาศส่งมอบอย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯ แต่อย่างใด
ประเทศสโลวาเกียได้แสดงความจำนงจะมอบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S-300 ให้กับยูเครน แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องได้ระบบขีปนาวุธชุดใหม่มาแทนของเดิมด้วย ซึ่งกรีซและบัลแกเรียก็มีระบบขีปนาวุธชนิดนี้อยู่
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เคยปฏิเสธที่จะจัดส่งเครื่องบินขับไล่ Mig-29 ให้กับยูเครนมาแล้ว แม้ว่าจะเป็นการจัดส่งทางอ้อมผ่านโปแลนด์ก็ตาม โดยอ้างว่ามีความเสี่ยงที่รัสเซียกับชาติพันธมิตรนาโตจะขัดแย้งกันอย่างรุนแรงได้
นายเมเยอร์มองว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่สหรัฐฯ พลาดโอกาสช่วยยูเครนให้สามารถควบคุมน่านฟ้าของตนเองได้ ทั้งที่การส่งมอบเครื่องบินรบไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะในช่วงสงครามเวียดนามนั้น สหภาพโซเวียตยังเคยส่งนักบินพร้อมเครื่องบินรบให้กับเวียดนามเหนือมาแล้ว โดยไม่เกิดการเผชิญหน้าที่รุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ แต่อย่างใด
นายเมเยอร์ยังกล่าวเน้นย้ำว่า สหรัฐฯ ควรต้องมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนให้มากกว่านี้ ตามที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนร้องขอมาโดยตลอด "ไม่อย่างนั้น อาวุธเท่าที่มอบให้ก็แค่มีพอให้ทหารยูเครนได้ตายอย่างกล้าหาญเท่านั้น"
บทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "วิกฤตยูเครน"
รัสเซีย ยูเครน : สหรัฐฯ ส่งความช่วยเหลือทางอาวุธยุทโธปกรณ์แบบไหนให้ยูเครน - บีบีซีไทย
Read More
No comments:
Post a Comment