Rechercher dans ce blog

Saturday, July 31, 2021

ชาวบ้านมาขอโชค "ต้นโพธิ์ข้างทาง" ไม่ผิดหวังได้ "เลขเด็ด" ลุ้นรวยวันนี้ (คลิป) - ไทยรัฐ

บรรดาคนรักเลข มาขอโชค "ต้นโพธิ์ข้างทาง" ในปากน้ำโพ ไม่ผิดหวังได้ "เลขเด็ด" กลับไปลุ้นรวยงวดนี้ 1/8/64

ข่าวแนะนำ

กลางดึกวันที่ 31 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านที่ทราบข่าวว่าต้นโพธิ์ข้างถนนหน้าหมู่บ้านโครงการ แห่งหนึ่งใน ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มักจะให้โชคกันคนที่มีดวงทางด้านเสี่ยงโชค จึงได้เดินทางไปบริเวณหน้าหมู่บ้านดังกล่าว

ทั้งนี้ พบชาวบ้านที่เข้ามาขอโชคโดยได้จุดธูปไหว้ขอโชค หลังจากนั้นก็นำแป้งไปทาถูบริเวณต้นโพธิ์ จนเห็นเลข 53 สำหรับต้นโพธิ์ดังกล่าวนั้น จะมีชุดสะไบแขวนอยู่เต็มต้นแทบทุกกิ่งก้าน เนื่องมาจากมีคนได้โชคแล้วนำชุดสะไบมาถวายแทบทุกงวดเลย.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Adblock test (Why?)


ชาวบ้านมาขอโชค "ต้นโพธิ์ข้างทาง" ไม่ผิดหวังได้ "เลขเด็ด" ลุ้นรวยวันนี้ (คลิป) - ไทยรัฐ
Read More

'เซ็นทรัล' ใจป้ำควัก 112 ล้าน สร้าง 'ทางลอด' กลับรถแก้จราจรถนนบรมราชชนนี - มติชน

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายมนตรี​ เด​ชา​ส​กุ​ลสม​ รองอธิบดี​กรมทางหลวงฝ่าย​วิชาการ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รับมอบเงินจากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เพื่อสนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างทางลอดกลับรถบนถนนบรมราชชนนี หรือทางหลวงหมายเลข 338 ตอน พุทธมณฑลสาย 4 – นครชัยศรี บริเวณกิโลเมตรที่ 22+059 จำนวน 112 ล้านบาท

เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการจราจรบนถนนบรมราชชนนีที่เป็นทางสายหลัก มีปริมาณรถยนต์วิ่งเฉลี่ย 74,000 คันต่อวัน และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไปให้สามารถเดินทางไปหากันได้ง่าย ถ้าไม่มีทางกลับรถนี้จะต้องขับไปกลับรถค่อนข้างไกล ขณะที่ผู้ที่จะเข้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลศาลายา ไม่ต้องเข้าแถวคอยสะสมบนทางคู่ขนานทำให้รถติด

“จุดที่ก่อสร้างอยู่ห่างจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลศาลายาประมาณ 500 เมตร เป็นทางลอดขนาด 2 ช่องจราจรไปกลับแบบวิ่งสวนกัน เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อทุกฝ่าย ช่วยให้รถไม่ต้องติดสะสมหรือชะลอตัวทางคู่ขนานบริเวณเข้าเซ็นทรัลและประชาชนทั่วไปจะได้ใช้ทางสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

นายมนตรีกล่าวอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะออกแบบ กำหนดราคากลางเพื่อเปิดประมูล คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาและเริ่มงานก่อสร้างในเดือนตุลาคมนี้จะแล้วเสร็จเปิดให้บริการกลางปี 2566

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon

บทความก่อนหน้านี้ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ครบเดือน รับนักเที่ยว 14,055 คน ยอดจองกว่า 309,719 คืน
บทความถัดไปสงขลาปรับแผนคุมโรคในโรงงาน หลังติดอันดับ 5 ของประเทศ เร่งวางมาตรการควบคุม 

matichon

Adblock test (Why?)


'เซ็นทรัล' ใจป้ำควัก 112 ล้าน สร้าง 'ทางลอด' กลับรถแก้จราจรถนนบรมราชชนนี - มติชน
Read More

เช็กด่วน 'รพ.นครธน' เปิดจองวัคซีน โมเดอร์นา วันนี้ เริ่ม 10 โมง - ไทยโพสต์

1 ส.ค. 2564  โรงพยาบาลนครธน แจ้งเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการลงทะเบียนจองวัคซีนทางเลือก รอบวันที่ 1 ส.ค. 64

ตามที่โรงพยาบาลนครธน ได้มีประกาศเปิดลงทะเบียนจองวัคซีนทางเลือก รอบวันที่ 1 ส.ค. 64 ไปเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้สนใจติดต่อสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อความสะดวกในการลงทะเบียนจองวัคซีนทางเลือก ทางโรงพยาบาลจึงขออนุญาตเปลี่ยนแปลงขั้นตอนในการลงทะเบียน โดยมีรายละเอียดดังนี้ 👇

ขั้นตอนที่ 1 : ลงทะเบียนแจ้งความต้องการวัคซีน
🔻 รอประกาศแจ้งลิงค์และ QR Code การลงทะเบียนในวันที่ 1 ส.ค. 64 เวลา 10.00 น. ผ่านทาง Facebook Nakornthon Hospital และ Line Official Account (@nakornthon) โดยมีวิธีการดังนี้ 
🔻 ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 10.00 – 12.00 น. หรือจนกว่าจะเต็ม (ผู้รับวัคซีน 1 ท่าน / การลงทะเบียน 1 ครั้ง)
🔻 กรอกข้อมูลส่วนตัวผู้รับวัคซีน (ชื่อ – นามสกุล, เลขที่บัตรประชาชน, วันเดือนปีเกิด, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล
🔻 ระบุจำนวนวัคซีนที่ต้องการ
💉 จำนวน 1 เข็ม สำหรับผู้ที่ต้องการรับวัคซีนทางเลือกเป็นเข็มที่ 3 (ราคา 1,650 บาท)
💉 จำนวน 2 เข็ม สำหรับผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีน (ราคา 3,300 บาท)
🔻 ตรวจสอบความถูกต้อง และกดปุ่มยืนยัน ท่านจะได้ทราบลำดับคิวที่ลงทะเบียนไว้ (กรุณาบันทึกคิวของท่าน ทางโรงพยาบาลขออนุญาตสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบ)
🔻 วันที่ 2 ส.ค. 64 เวลา 10.00 น. ทางโรงพยาบาลจะแจ้งลำดับคิวที่ได้รับสิทธิ์การชำระเงินที่ Facebook และ Line Official Account

ขั้นตอนที่ 2 : ชำระเงิน
🔻 โรงพยาบาลจะจัดส่ง SMS ตามลำดับคิวที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อให้ท่านชำระเงินผ่านลิงค์ ในวันที่ 5 ส.ค. 64 เวลา 10.00 น. (หากไม่ได้รับ SMS ในวันและเวลาดังกล่าว ถือว่าท่านไม่ได้รับสิทธิ์) 
🔻 เมื่อชำระเงินสำเร็จ ท่านจะได้รับอีเมลยืนยันตอบกลับ ภายใน 48 ชั่วโมง

✅ ขั้นตอนที่ 3 : ทำนัดหมายเข้ารับวัคซีน
🔻 เมื่อทางโรงพยาบาลได้รับวัคซีน (คาดว่าช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม) จะแจ้งเพื่อทำการนัดหมายเข้ารับวัคซีนที่โรงพยาบาลนครธนอีกครั้ง

⭐️ กรณีที่โรงพยาบาลได้จัดเตรียมวัคซีนแล้ว แต่ผู้ซื้อแจ้งยกเลิกฉีดวัคซีน ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม โรงพยาบาลจะไม่คืนเงินทุกกรณี ทั้งนี้ ผู้ซื้อสามารถเปลี่ยนสิทธิ์การฉีดวัคซีนให้ผู้อื่นแทนได้ โดยต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนวันนัดหมายรับวัคซีนอย่างน้อย 3 วัน

⚠️ ทั้งนี้ขอความกรุณางดการโทรสอบถาม เพื่อสงวนคู่สายสำหรับผู้ป่วย และผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยท่านสามารถติดตามข่าวสารการรับวัคซีนโควิดทางช่องทางสื่อสารต่างๆ ของทางโรงพยาบาลนะคะ
ประกาศ ณ วันที่ 31 ก.ค. 64
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ Contact Center โทร. 0-2450-9999
Line@ : https://goo.gl/rbuBMq
Website : www.nakornthon.com
 

Adblock test (Why?)


เช็กด่วน 'รพ.นครธน' เปิดจองวัคซีน โมเดอร์นา วันนี้ เริ่ม 10 โมง - ไทยโพสต์
Read More

ปิดฉากนายกฯพระราชทาน เปลี่ยน 'ประยุทธ์' บนทางสองแพร่ง - ประชาชาติธุรกิจ

รายงานพิเศษ

เรื่องนายกรัฐมนตรีพระราชทาน-นายกรัฐมนตรีคนนอก กระหึ่มทุกครั้งเมื่อรัฐบาลที่ครองอำนาจสั่นคลอน

แม้ว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วางกองกำลังทางการเมืองค้ำยันสถานภาพอำนาจไว้อย่างแน่นหนา ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ องค์กรอิสระ

แต่เมื่อเกิดแรงต้านจากประชาชน เสียงเปลี่ยนตัวนายกฯดังทั่วสารทิศ บรรดาชาวทวิตเตอร์-นักการเมืองที่เรียกว่า ฝ่ายประชาธิปไตย ออกมาตีฆ้องเรื่อง “นายกฯพระราชทาน-นายกฯคนนอก”

ล้อกระแสกับวันเกิดของ “ทักษิณ ชินวัตร” หรือ “พี่โทนี่” ในคลับเฮาส์ อดีตนายกรัฐมนตรี 72 ปี พอดิบพอดีที่ระยะหลังพูดถึงการ “เคลียร์รันเวย์” กลับประเทศ นำมาสู่การลือทะลุโซเชียลถึงมหาดีลพิเศษที่ทำให้อดีตนายกฯ คนที่ 23 กลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง มิใช่แค่ “นายกฯทิพย์”

แต่ปรากฏว่า “ทักษิณ” กล่าวในคลับเฮาส์ถึงประเด็นนี้ว่า “ที่บอกว่านายกฯพระราชทาน ผมไม่เชื่อ เพราะพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงอยู่เหนือการเมือง ท่านคงไม่มาเล่นการเมืองกับพวกเราแน่นอน อันนี้ผมคิดว่านายกฯพระราชทานไม่น่าจะมี”

“แต่ยังมีกลไกของรัฐธรรมนูญกรณีที่นายกฯลาออก จะต้องเลือกนายกฯคนใหม่ในสภา โดยตั้งขึ้นจากบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อไว้กับ กกต. ตอนเลือกตั้ง ซึ่งเวลานี้จะเหลือในพรรคเพื่อไทย คือ ชัยเกษม นิติสิริ พรรคประชาธิปัตย์ คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งลาออกจากพรรคไปแล้ว”

“และอีกคนคือ หมอหนู อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่จะมี ส.ว.ร่วมโหวตด้วย ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกกันอย่างไร แต่หากโหวตไม่ได้ ตนก็ไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ เพราะไม่ได้ตามกฎหมายปัจจุบันมากนัก”

ปิดประเด็นโทนี่คัมแบ็ก ! แต่หากเปิดที่มานายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าคนใน-คนนอก มาได้เพียง 2 ช่องทางเท่านั้น

หนึ่ง รัฐธรรมนูญมาตรา 88 ที่ให้พรรคการเมืองเสนอชื่อนายกฯ ในบัญชีพรรคการเมือง 3 ชื่อ โดยแจ้งกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนเลือกตั้ง

ตามเจตนารมณ์มาตรา 88 ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ระบุว่า มาตรานี้เป็นการสร้างหลักการขึ้นใหม่เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิรับรู้ว่าพรรคการเมือง ที่ตนจะตัดสินใจสนับสนุนนั้นจะเสนอผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี

โดยมิได้มีข้อกำหนดว่าจะต้องเป็นสมาชิกพรรค หรือเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นการเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนใช้ประกอบการลงคะแนนเสียง และประชาชนทราบถึงตัวบุคคล ล่วงหน้าก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียงแล้ว จึงเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะใช้เป็นเครื่องประกอบในการตัดสินใจลงคะแนนให้พรรคการเมืองใด

สำหรับจำนวนที่กำหนดให้ไม่เกิน 3 รายชื่อ ก็เพื่อให้พรรคการเมืองมีทางออกในกรณีที่บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อในอันดับต้น ๆ หรืออันดับใดอันดับหนึ่งมีเหตุทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้

ขณะเดียวกันมีเงื่อนไขเพิ่มขึ้นอีก 2 ข้อในมาตรา 89 คือ 1.ต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคลซึ่งได้รับการเสนอ 2.ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรี ตามมาตรา 160 และไม่เคยทำหนังสือยินยอมตามให้พรรคการเมืองอื่น ในการเลือกตั้งคราวนั้น

จากนั้นเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกฯในรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกฯ ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มี ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร (มี 25 คนขึ้นไป)

ประกอบมาตรา 272 วรรคหนึ่ง ที่ให้ ส.ว. 250 คนร่วมโหวตเลือกนายกฯ ใน 5 ปีแรกที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้

ดังนั้น เวลานี้จึงมีแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทย มี ชัยเกษม นิติสิริ ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (ประธานพรรคไทยสร้างไทย) และชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยังถือว่าเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญมาตรา 89 เพราะให้ความยินยอมให้พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ และไม่เคยทำหนังสือยินยอมให้พรรคอื่นเสนอ อีกทั้งการเป็นแคนดิเดตนายกฯไม่จำเป็นต้องเป็น “สมาชิกพรรค”

แต่ในทางการเมือง โลกความจริง คุณหญิงสุดารัตน์ แยกขาดจากพรรคเพื่อไทย ส่วน “ชัชชาติ” วันนี้ฉายเดี่ยว แต่อนาคตยังต้องลุ้น ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และภูมิใจไทยมี “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดต

ช่องทางที่ 2 ตามมาตรา 272 วรรคสอง ใช้ในกรณีรัฐสภาเลือกนายกฯ ในบัญชีพรรคการเมือง มาตรา 88 ไม่ได้ โดยระบุเงื่อนไขว่า

สมาชิกของทั้งสองสภา ส.ส.และ ส.ว.รวมกัน (ขณะนี้มี 733 เสียง) จำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของทั้งสองสภา คือ 367 เสียง เข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติ “ยกเว้น” เพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกฯ ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88

และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียง ไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวน ส.ส.และ ส.ว.เท่าที่มีอยู่ทั้งสองสภา คือ 490 เสียง ให้ยกเว้นได้ “ปลดล็อก” เลือกนายกฯนอกบัญชีได้ จากนั้นให้เลือกกระบวนการนายกฯตามปกติตามมาตรา 159 ประกอบมาตรา 272

“วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี เคยอธิบาย ขั้นตอนเลือกนายกฯนอกบัญชีพรรคการเมืองไว้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 ว่า เมื่อไม่สามารถหาชื่อนายกฯจากบัญชีของพรรคการเมืองได้ ก็ให้สมาชิกรัฐสภาเสนอให้ใช้ชื่อจากคนนอก

ซึ่งการเสนอนี้จะต้องมีเสียงเห็นชอบในการเสนอครึ่งหนึ่งของรัฐสภานั้น คือ 376 เสียง และเมื่อเสนอครบแล้วว่าจะต้องเอาคนนอกบัญชี สมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 700 กว่าคน ก็ต้องมาโหวตกัน ซึ่งการโหวตตรงนี้จะต้องได้คะแนนเสียง 2 ใน 3 นั้น คือ 500 เสียง ซึ่งถึงตรงนี้ก็ยังไม่ได้ชื่อหรือตัวนายกฯ

“จากนั้นวันรุ่งขึ้น เมื่อมีการยินยอมให้เสนอชื่อคนนอกแล้ว ก็ต้องมาเริ่มโหวตให้ได้คะแนน 376 เสียง แต่ไม่ได้มีตรงไหนระบุว่า แล้วคนที่จะเสนอชื่อนายกฯนั้น จะต้องเป็น ส.ส.หรือ ส.ว. ตรงนี้จึงเป็นที่มาที่ทำให้ กรธ.อธิบายว่า ก็ไม่มีตรงไหนระบุว่าให้ ส.ว.เป็นคนเสนอชื่อนายกฯ ดังนั้น จึงต้องกลับมาให้ ส.ส.เป็นคนเสนอ แล้วจึงให้ ส.ว.เป็นคนร่วมโหวต”

แปลว่า นายกฯคนนอก ส.ว.จะไม่มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ โดยอำนาจเสนอชื่อนายกฯ ยังเป็นของสภาผู้แทนราษฎร

อย่างไรก็ตาม “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า วิเคราะห์อีกมุมหนึ่งว่า จะเห็นได้ว่า ต้องลงคะแนนกันถึง 3 รอบ รอบแรก กึ่งหนึ่งของสองสภา เพื่อเสนอเรื่อง รอบสอง 2 ใน 3 ของสองสภา เพื่อมีมติอนุญาตให้ยกเว้นการเลือกนายกฯจากบัญชี รอบสาม กึ่งหนึ่งของสองสภา เพื่อมีมติเลือก “คนนอก” เป็นนายกรัฐมนตรี

“ลองคิดดูว่าจะมีปัจจัยใดที่ส่งผลบังคับให้ทั้ง ส.ส. ทั้ง ส.ว. สมัครสมานลงคะแนนไปในทิศทางเดียวกันที่มากขนาดนี้ถึง 3 รอบ ดังนั้น ผมจึงยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีที่มาจากช่องทางตามมาตรา 272 วรรคสอง ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตามระบบแน่ ๆ ใครก็ตามที่ยืนยันว่า ไม่เอา ‘นายกฯพระราชทาน’ ก็ต้องยืนยันต่อไปด้วยว่า ไม่เอานายกฯ ตาม 272 วรรคสอง”

นายกฯคนใน-คนนอก-นายกฯพระราชทาน มาได้ตามรัฐธรรมนูญแค่ 2 ช่องเท่านั้น

มาทางอื่นที่ไม่ใช่ทางรัฐธรรมนูญ = ปิดประตู

Adblock test (Why?)


ปิดฉากนายกฯพระราชทาน เปลี่ยน 'ประยุทธ์' บนทางสองแพร่ง - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

Friday, July 30, 2021

EVOS แยกทาง 4 เพลเยอร์ RoV หลังหมดสัญญากับทีม - ข่าวสด - ข่าวสด

EVOS ทีม RoV ดังของศึกโปร ลีก มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังเพิ่งแยกทางกับ 4 เพลเยอร์ เนื่องจากทั้งหมดต่างสิ้นสุดสัญญากับสโมสร

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ความเคลื่อนไหวการแข่งขัน RoV Pro League ที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ ล่าสุดEVOS ประกาศแยกทางกับ 4 ผู้เล่น ประกอบด้วย “SUMMER” “TAOZ” “BELIVE” “BLUENP” เรียบร้อยแล้ว

โดยทางทีมระบุว่าผู้เล่นทั้ง 4 คน ได้หมดสัญญาในฐานะผู้เล่นของทีมเรียบร้อยแล้ว หลังจากร่วมเล่นให้กับทีมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และจบอันดับ 5 ของตาราง

Adblock test (Why?)


EVOS แยกทาง 4 เพลเยอร์ RoV หลังหมดสัญญากับทีม - ข่าวสด - ข่าวสด
Read More

นิวซีแลนด์เสนอกฎต้านบำบัด เปลี่ยนรสนิยมทางเพศ - ไทยรัฐ

นิวซีแลนด์ประกาศเสนอร่างกฎหมายใหม่ กำหนดให้มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี สำหรับแนวทางปฏิบัติที่มีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนรสนิยมทางเพศ อัตลักษณ์ทางเพศ หรือการแสดงออกทางเพศ ที่เรียกว่า “การบำบัดเพื่อเปลี่ยนรสนิยมทางเพศ” เพื่อยุติการปฏิบัติดังกล่าวซึ่งไม่ได้ผล ก่อให้เกิดอันตราย เป็นการเลือกปฏิบัติและล่วงละเมิด คริส ฟาฟอย รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม กล่าวในแถลงการณ์ว่า “การบำบัดเพื่อเปลี่ยนรสนิยมทางเพศ” จะไม่มีที่ยืนในสังคมนิวซีแลนด์สมัยใหม่ การบำบัดเหล่านั้นอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อที่ผิดว่ารสนิยมทางเพศ อัตลักษณ์ทางเพศ หรือการแสดงออกทางเพศของบุคคลที่มีความแตกต่างหลากหลายนั้น จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ภายใต้ร่างกฎหมายใหม่ ผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี หรือผู้ที่มีความบกพร่องในการตัดสินใจ ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และหากการบำบัดก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี.

ข่าวแนะนำ

Adblock test (Why?)


นิวซีแลนด์เสนอกฎต้านบำบัด เปลี่ยนรสนิยมทางเพศ - ไทยรัฐ
Read More

ทางรถไฟจีน-พม่าคืบหน้า เจาะ/สร้าง อุโมงค์ “ต้าโพหลิ่ง” ที่ยากที่สุด 14 ปี จนสำเร็จ - ผู้จัดการออนไลน์


แนวเส้นทางรถไฟจีน-เมียนมา
MGR Online - ถัดจากรถไฟลาว-จีนที่กำลังจะเปิดใช้งานสิ้นปีนี้ ทางรถไฟจีน-พม่า กำลังมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ล่าสุด อุโมงค์“ต้าโพหลิ่ง”ยาว 14 กม. ซึ่งต้องใช้เวลาเจาะนานถึง 14 ปี เพราะอยู่บนแนวแผ่นดินไหว สามารถสร้างได้สำเร็จแล้ว

สำนักข่าวซินหัวมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา การรถไฟแห่งประเทศจีน สาขาคุนหมิง ได้ประกาศว่าโครงการอุโมงค์ต้าโพหลิ่ง (Dapoling Tunnel) ในทางรถไฟสายต้าลี่-รุ่ยลี่ ในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางเชื่อมระหว่างจีน-เมียนมา ได้ก่อสร้างสำเร็จแล้ว หลังต้องใช้เวลาเจาะยาวนานถึง 14 ปี

อุโมงค์ต้าโพหลิ่ง ความยาว 14.66 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในตำบลหย่งผิง เขตปกครองตนเองชาติพันธุ์ไป๋ ต้าลี่ และเนื่องจากตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว อุโมงค์แห่งนี้จึงต้องเผชิญกับการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 3 ริกเตอร์ขึ้นไป มากกว่า 90 ครั้ง ตลอด 14 ปีของการก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม บริษัท Railway No. 10 Engineering Group ซึ่งรับผิดชอบการก่อสร้างทางรถไฟสายนี้ สามารถจัดการกับอุปสรรคเหล่านั้นได้ โดยการคาดการณ์ทางธรณีวิทยาล่วงหน้า เพื่อเฝ้าระวัง และคอยจัดการ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการก่อสร้าง

ทางรถไฟสายต้าลี่-รุ่ยลี่ ความยาว 331 กิโลเมตร เป็นเส้นทางรถไฟความเร็วปานกลาง ถูกออกแบบให้ใช้ความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือเป็นส่วนสำคัญในโครงข่ายเส้นทางในฝั่งตะวันตกของจีน หรือเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างจีน-เมียนมา

พิธีเซ็น MOU ระหว่างกระทรวงคมนาคมและสื่อสาร เมียนมา กับบริษัท China Railway Eryuan Engineering Group เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทางรถไฟมัณฑะเลย์-เจ้าก์ผิ่ว เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564 (ภาพจากซินหัว)
สำนักข่าวซินหัวเคยรายงานไว้ว่า ที่ประชุมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างเมียนมาและจีน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 ที่คุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ได้มีการหยิบยกเรื่องการสร้างทางรถไฟจีน-เมียนมาขึ้นมาพูดคุยกันอย่างจริงจัง โดยมีการพิจารณาเส้นทางช่วงต้าลี่-รุ่ยลี่ ที่อยู่ในจีน การพิจารณาแนวเส้นทางส่วนที่อยู่ในเมียนมา รวมถึงเร่งรัดการก่อสร้างทั้งโครงการให้เดินหน้าอย่างรวดเร็ว

ในการประชุมเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เส้นทางที่ได้ข้อสรุปแน่นอนแล้ว คือช่วงจากต้าลี่ถึงเมืองหลินซางที่เรียกสั้นๆว่า Dalin (Dali-Lincang) ระยะทาง 202 กิโลเมตร โดยการรถไฟฯสาขาคุนหมิง กำหนดว่าเส้นทางช่วงนี้ต้องก่อสร้างให้เสร็จภายในปี 2564 ส่วนช่วงจากหลินซางมายังรุ่ยลี่อีก 130 กิโลเมตร ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะสร้างเสร็จเมื่อใด

ในเส้นทางจากต้าลี่มายังรุ่ยลี่ ต้องเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาหลายจุด นอกจากอุโมงค์ต้าโพหลิ่ง ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ยังมีอุโมงค์ Hongdoushan ยาว 10.6 กิโลเมตร ซึ่งต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญเช่นกัน คือเมื่อเริ่มเจาะภูเขาเข้าไปแล้วประมาณ 1 ปี ได้ตรวจพบแก๊สพิษรั่วไหลในอุโมงค์ ทำให้ต้องหยุดเจาะชั่วคราวเพื่อให้นักวิชาการเข้ามาตรวจสอบและหาทางแก้ไข

หากเส้นทางรถไฟสายต้าลี่-รุ่ยลี่สร้างเสร็จ จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเมืองเป่าซาน จากที่เคย“ไม่มีรถไฟ” เปลี่ยนเป็นมีทางรถไฟลงไปไปจนถึงเขตปกครองตนเองชนชาติไตและจิ่งพัว เต๋อหง ชายแดนจีน-เมียนมา และยังช่วยพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางฝั่งตะวันตกของมณฑลยูนนานได้อย่างมาก

สำหรับแนวเส้นทางส่วนที่อยู่ในเมียนมา มีจุดเริ่มต้นจากเมืองหมู่เจ้ ชายแดนรัฐฉาน-จีน ตรงข้ามกับเมืองรุ่ยลี่ ลงไปถึงเมืองมัณฑะเลย์ โดยเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2561 กระทรวงการขนส่งทางราง เมียนมา ได้เซ็นบันทึกความเข้าใจกับบริษัท China Railway Eryuan Engineering Group จากจีน ที่กรุงเนปิดอ เพื่อก่อสร้างทางรถไฟช่วงนี้

ทางรถไฟหมู่เจ้-มัณฑะเลย์ ยาว 431 กิโลเมตร ในเส้นทางต้องสร้างสะพานข้ามหุบเหว 77 แห่ง เจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาอีก 77 จุด ความยาวรวม 115 กิโลเมตร มีสถานีรับส่งสินค้าและผู้โดยสารรวม 12 แห่ง มีจุดตัดทางรถไฟ 24 จุด เมื่อสร้างเสร็จ คาดว่าจะใช้เวลาเดินทางจากหมู่เจ้มายังมัณฑะเลย์เพียง 3 ชั่วโมง เท่านั้น

ระหว่างวันที่ 25 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม 2562 การรถไฟเมียนมาพื้นที่ภาคเหนือ ได้ลงพื้นที่ จัดประชุมชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการทางรถไฟสายหมู่เจ้-มัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งของการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคม ก่อนจะเริ่มลงมือก่อสร้าง การประชุมถูกจัดขึ้นตามเมืองที่เส้นทางรถไฟจะสร้างผ่าน ตั้งแต่หมู่เจ้ แสนหวี ล่าเสี้ยว จ๊อกแม หนองเขียว และมัณฑะเลย์

ก่อนเกิดการรัฐประหารไม่ถึง 1 เดือน เมื่อวันที่ 10 มกราคมปีนี้ กระทรวงคมนาคมและสื่อสาร เมียนมา เพิ่งเซ็น MOU กับบริษัท China Railway Eryuan Engineering Group เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างทางรถไฟต่อจากเมืองมัณฑะเลย์ลงไปถึงเมืองเจ้าก์ผิ่ว รัฐยะไข่ ซึ่งเป็นต้นทางของท่อก๊าซและน้ำมัน เมียนมา-จีน ยาว 770 กิโลเมตร และยังมีโครงการท่าเรือน้ำลึกเจ้าก์ผิ่ว ซึ่งเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ของจีนในรัฐยะไข่ โดยพิธีเซ็น MOU ถูกจัดขึ้นที่สถานทูตจีน ประจำเมียนมา

อย่างไรก็ตาม หลังพิธีเซ็น MOU ผ่านไปเพียง 3 สัปดาห์ กองทัพพม่าได้ทำรัฐประหาร จากนั้นสถานการณ์ในเมียนมาตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมตั้งแต่เมืองหมู่เจ้ มายังมัณฑะเลย์ ไปถึงเมืองเจ้าก์ผิ่ว ก็ได้เงียบหายไป

Adblock test (Why?)


ทางรถไฟจีน-พม่าคืบหน้า เจาะ/สร้าง อุโมงค์ “ต้าโพหลิ่ง” ที่ยากที่สุด 14 ปี จนสำเร็จ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

“จ๊ะโอ๋” หาทางกลับมาสวย เข้าทาง “ไปป์” หมอผีชั่ว ใน “ผีกะ” - ไทยรัฐ

ยังต้องติดตามต่อเนื่องกับละครหลอนชวนขนลุกที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเรื่อง “ผีกะ” ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เมื่อถึงคืนวันพระช่างเป็นคืนที่ทำให้ กรพิณ (มิลค์–สุรีมาศ หฤทัยบริรักษ์) ทุกข์ใจมากที่สุด เพราะเธอรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเธอ

ด้าน หมอผีเทิด (ไปป์–ภาคียะ โพธิ์เงิน) หลังย้ายตัวเองไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ เขาเปิดสำนักอย่างจริงจัง ด้วยการทำพิธีเสริมความสวย สดใส ให้แก่หญิงสาวที่ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่ใช่เพียงแค่ความโลภเท่านั้น ตัณหา ราคะ ก็ยิ่งครอบงำ เทิด เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายแล้วความแกร่งกล้าอาคมของเขาจะยิ่งเพิ่มขึ้นจริงหรือเปล่า จะไม่มีอะไรหยุดเทิดได้เลยหรือ? ความกังวลกับรอยแผลเป็นตามลำตัวของเจนจิรา (จ๊ะโอ๋–พรหมภัสสร เจียมสกุลศักดิ์) เป็นเหมือนการนำทางให้เธอต้องหาวิธีการเพื่อให้ตนเองกลับมาสวยเหมือนเดิม และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของหญิงสาวที่ไม่เคยรู้จักพอ กับหมอผีที่ชั่วช้ากำลังจะได้มาพบกัน

แล้วจุดจบจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในละคร “ผีกะ” วันเสาร์ที่ 31 ก.ค. เวลา 4 ทุ่มตรง ไทยรัฐทีวีช่อง 32 ห้ามพลาด!!

เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ

Adblock test (Why?)


“จ๊ะโอ๋” หาทางกลับมาสวย เข้าทาง “ไปป์” หมอผีชั่ว ใน “ผีกะ” - ไทยรัฐ
Read More

ไบเดนกระตุ้นทุกทาง ทั้งแจกเงิน ทั้งบังคับ หวัง ปชช.ฉีดวัคซีนเพิ่ม - ไทยรัฐ

ผู้นำสหรัฐฯผลักดันรัฐบาลท้องถิ่นแจกเงินให้ประชาชนที่รับวัคซีน พร้อมออกกฎให้ลูกจ้างของรัฐต้องแสดงหลักฐานว่ารับวัคซีนแล้ว หวังเพิ่มจำนวนผู้รับวัคซีน

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินหน้าผลักดันมาตรการหลายด้าน เพื่อหวังเพิ่มจำนวนชาวอเมริกันที่เข้ารับวัคซีนมากขึ้น หลังจากจำนวนผู้เข้ารับวัคซีนเริ่มชะลอตัวลง สวนทางกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เริ่มมีจำนวนมากขึ้น โดยหนึ่งในมาตรการล่าสุดของนายไบเดน คือ การเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นให้เงินสดจำนวน 100 ดอลลาร์ต่อคน ให้กับชาวอเมริกันที่เข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งเงินดังกล่าวจะได้รับการจัดสรรจากกองทุนบรรเทาโรคระบาดมูลค่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีการออกกฎใหม่ให้ ลูกจ้างของรัฐบาลกลางกว่า 2 ล้านคน ต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนมาแสดง มิเช่นนั้นก็ต้องมีผลการตรวจคัดกรองเชื้อทุกๆ 1-2 สัปดาห์มาแสดงก่อนเข้าทำงาน และต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด รวมทั้งถูกจำกัดการเดินทางด้วย

นายไบเดน ระบุว่า "ตอนนี้มีคนอีกจำนวนมากที่กำลังจะตาย หรือต้องทนมองคนที่ตัวเองรักเสียชีวิต เสรีภาพจำเป็นจะต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ดังนั้นได้โปรดแสดงความรับผิดชอบด้วยการไปรับวัคซีน เพื่อตัวคุณเอง เพื่อคนที่คุณรักและเพื่อประเทศชาติ" โดยในขณะนี้ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ระบุว่ามีประชากรชาวอเมริกันราว 168.3 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 330 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะเดียวกันนายไบเดนยังสั่งการตรงไปยังกระทรวงกลาโหม ให้มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่าบุคลากรในกองทัพแต่ละหน่วยงานจะเข้ารับวัคซีนกันเมื่อไหร่และอย่างไรบ้าง นายไบเดนยังชี้แจงด้วยว่า แม้การแจกเงินครั้งนี้อาจจะไม่แฟร์กับคนที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว แต่หากการเดินหน้าครั้งนี้ ช่วยให้สหรัฐฯสามารถรับมือกับการระบาดของไวรัสได้ เขาก็เชื่อว่านี่คือสิ่งที่ควรจะต้องยอมแลก

ทั้งนี้ มาตรการทั้งสองข้อที่ออกมา นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะกระตุ้นให้ชาวอเมริกันเข้ารับวัคซีนกันให้มากขึ้น หลังมีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์เดลตาไปทั่วประเทศ และยังมีผู้ที่รับวัคซีนแล้วติดเชื้อจำนวนไม่น้อย โดยสหรัฐฯมีวัคซีนอยู่ในมือจำนวนมาก แต่กลับมีอัตราการฉีดวัคซีนตามหลังอีกหลายชาติทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสต่อต้านวัคซีน การได้ข้อมูลที่ผิดๆ และการแบ่งแยกทางการเมืองของชาวอเมริกันเอง.

ที่มา :แชนแนลนิวส์เอเชีย

Adblock test (Why?)


ไบเดนกระตุ้นทุกทาง ทั้งแจกเงิน ทั้งบังคับ หวัง ปชช.ฉีดวัคซีนเพิ่ม - ไทยรัฐ
Read More

ผู้นำฟิลิปปินส์กลับใจ ฟื้นข้อตกลงทางทหารกับสหรัฐเต็มสูบ - ไทยโพสต์

เดาใจยาก ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ตกลงใจรื้อฟื้นข้อตกลงทางทหารวีเอฟเอที่จำเป็นต่อการวางแผนยุทธศาสตร์ของสหรัฐในภูมิภาคนี้ หลังจากขู่จะยกเลิกหลายคำรบแต่ก็ต่ออายุใหม่มาแล้ว 3 ครั้ง รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์แจ้งข่าวดีนี้ต่อรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐผู้มาเยือนเมื่อวันศุกร์

แฟ้มภาพ ค่ายทหารชั่วคราวของกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐที่โครว์วัลเลย์ ในจังหวัดตาร์ลักของฟิลิปปินส์ ระหว่างการฝึกทหารร่วมประจำปี บาลิกาตัน เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2559 (Dondi Tawatao/Getty Images)

    ความตกลงกองกำลังผู้มาเยือน (วีเอฟเอ) ที่ฟิลิปปินส์และสหรัฐทำไว้เมื่อปี 2541 กำหนดกรอบการวางกำลังทางทหารของสหรัฐ ทั้งการสับเปลี่ยนกำลังสำหรับการฝึกทหารและซ้อมรบร่วม ไปจนถึงปฏิบัติการในฟิลิปปินส์ โดยถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของความเป็นพันธมิตรภายใต้สนธิสัญญาการป้องกันประเทศร่วมกันอันยืนยาวนานหลายสิบปี แต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ดูเตร์เตแจ้งต่อสหรัฐว่า เขาต้องการยกเลิกวีเอฟเอ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐเพิกถอนวีซา ส.ว. ที่เป็นพันธมิตรทางการเมืองของเขา

    อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเวลาครบกำหนด ดูเตร์เตกลับยอมให้ขยายเวลาต่อไปอีก รวมแล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งจะครบกำหนดอีกทีสิ้นปีนี้

    รายงานรอยเตอร์กล่าวว่า ในการแถลงข่าวร่วมกันระหว่างเดลฟิน ลอเรนซานา รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ กับลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ที่กรุงมะนิลาเมื่อวันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม ลอเรนซานากล่าวว่า ข้อตกลงวีเอฟเอกลับมามีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบอีกครั้ง เขายอมรับว่าไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้ดูเตร์เตเปลี่ยนใจเรียกคืนหรือเพิกถอนจดหมายยกเลิกข้อตกลงวีเอฟเอ แต่ประธานาธิบดีดูเตร์เตตัดสินใจเมื่อวันพฤหัสบดี ภายหลังพบปะกับออสติน ซึ่งมาเยือนฟิลิปปินส์เป็นชาติสุดท้ายของการเยือนภูมิภาคนี้ครั้งแรกนับแต่รับตำแหน่ง

    ต่อมา แฮร์รี โรเก โฆษกของดูเตร์เต ชี้แจงว่า การตัดสินใจของดูเตร์เตอิงอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์หลักทางยุทธศาสตร์ของฟิลิปปินส์ และความชัดเจนของจุดยืนของสหรัฐเรื่องพันธกรณีและพันธสัญญาภายใต้สนธิสัญญาการป้องกันร่วมกัน (เอ็มดีที)

    การตัดสินใจของดูเตร์เตไม่ได้ส่งผลเปลี่ยนแปลงมากนักต่อสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ เพราะความตกลงฉบับนี้ยังไม่ถูกยกเลิก แต่ก็ช่วยสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐกล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวทำให้สหรัฐมั่นใจที่จะเดินหน้าต่อไป สามารถวางแผนระยะยาว และจัดการฝึกซ้อมทางทหารในรูปแบบต่างๆ ได้

    "พันธมิตรที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นระหว่างสหรัฐและฟิลิปปินส์จะยังคงมีความสำคัญต่อความมั่นคงปลอดภัยและความรุ่งเรืองของอินโด-แปซิฟิก" ออสตินกล่าวระหว่างการแถลงข่าว "วีเอฟเอที่ได้รับการรื้อฟื้นอย่างสมบูรณ์จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ร่วมกัน"

    เอเอฟพีกล่าวว่า การตัดสินใจรื้อฟื้นวีเอฟเออย่างเต็มรูปแบบเกิดในช่วงเวลาที่ฟิลิปปินส์มีความตึงเครียดมากขึ้นกับจีนเกี่ยวกับข้อขัดแย้งในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะหลังจากกองเรือประมงจีนหลายร้อยลำจอดเรียงแถวในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของฟิลิปปินส์เมื่อเดือนมีนาคม

    ก่อนมาเยือนฟิลิปปินส์ ออสตินกล่าวไว้ที่สิงคโปร์เมื่อวันอังคารว่า การอ้างสิทธิของจีนเหนือน่านน้ำกว้างใหญ่ของทะเลจีนใต้นั้นไม่ได้อิงอยู่บนกฎหมายระหว่างประเทศ และย้ำว่าสหรัฐจะสนับสนุนประเทศในภูมิภาคนี้ปกป้องสิทธิ.

Adblock test (Why?)


ผู้นำฟิลิปปินส์กลับใจ ฟื้นข้อตกลงทางทหารกับสหรัฐเต็มสูบ - ไทยโพสต์
Read More

Thursday, July 29, 2021

ลุงขับแท็กซี่ ติดโควิด เจอจอดฟุบกลางทาง เผยกักตัวในรถ ค่ำไหนนอนนั่น - ไทยรัฐ

"ลุงขับแท็กซี่" ติดโควิด อาการทรุด เหนื่อย-แน่นหน้าอก พยายามขับรถไป รพ.ด้วยตัวเอง ต้องหยุดกลางทาง-ไปต่อไม่ไหว เพราะหายใจติดขัด ขอความช่วยเหลือ จนท.รุดช่วย ลุงเผยระหว่างรอผลตรวจ ไม่กลับเข้าบ้าน กักตัวในรถ ค่ำไหนนอนนั่น จน รพ.แจ้งผลยืนยันติดเชื้อ

เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 29 ก.ค.64 เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีชมพู ทะเบียน ทฬ 9557 กรุงเทพมหานคร หลังรับแจ้งจากพลเมืองดีว่า คนขับแท็กซี่ขอความช่วยเหลือ จอดรถอยู่บริเวณใต้ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ใกล้แยกเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ ฝั่งมุ่งหน้าห้าแยกปากเกร็ด ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เนื่องจากคนขับมีอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ประสานขอรถกู้ชีพ รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด เข้าช่วยเหลือ 

ข่าวแนะนำ

ที่เกิดเหตุพบรถแท็กซี่คันดังกล่าว จอดชิดขอบทางด้านซ้าย ท้ายรถมีข้อความปิดประกาศ "งดรับผู้โดยสาร" สอบถามคนขับทราบชื่อ นายธนโชติ นนทะพา อายุ 52 ปี พักอยู่ย่านคลองสามวา กทม. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ เพื่อจะติดต่อประสานญาติ จึงเห็นข้อความบนไลน์แจ้งมาจากทาง รพ.เวิลด์เมดิคอล เซ็นเตอร์ แจ้งว่า ผลการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 

จากการสอบถาม นายธนโชติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ราว 7 วัน มีอาการเป็นไข้ ตัวร้อน ไอ อาการคล้ายคนติดเชื้อโควิด จึงเดินทางไปตรวจหาเชื้อ ที่ รพ.เวิลด์เมดิคอล เซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับเข้าบ้านเลย ใช้วิธีกักตัวอยู่ในรถแท็กซี่ โดยจะขับรถตระเวนไปเรื่อยๆ หาที่คนไม่พลุกพล่านจอดพัก มืดค่ำตรงไหนก็นอนตรงนั้น จนช่วงเย็นวันนี้ทาง รพ.ได้ส่งผลตรวจแจ้งข้อความมาทางไลน์ว่า ติดเชื้อโควิดซึ่งเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น หายใจติดขัดไม่สะดวก เหนื่อยแน่นหน้าอก จึงพยายามจะขับรถไป รพ.ที่ใกล้ที่สุด แต่เมื่อขับมาถึงบริเวณใต้ทางด่วนแจ้งวัฒนะ มีอาการรุนแรงขึ้น จนไม่สามารถขับรถไปต่อไหว จึงจอดรถข้างทางเพื่อขอความช่วยเหลือ จากชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับบริเวณนี้ 

จนกระทั่งรถกู้ชีพ รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำรถมาถึง ได้เข้าไปตรวจสอบถามถึงอาการ แล้วแจ้งไปที่ศูนย์ รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด ซึ่งทางศูนย์แจ้งว่าให้ลุงขับรถไปรักษาเอง ที่ รพ.นพรัตน์ ย่านมีนบุรี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต้องเข้าไปช่วยพูดเจรจาขอความช่วยเหลือ เนื่องจากลุงแท็กซี่แกมีอาการหนักแล้ว คงเดินทางไปไม่ไหว ทางเจ้าหน้าที่ประจำรถจึงตัดสินใจนำลุงคนขับขึ้นรถไปส่ง รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางเสียงปรบมือของชาวบ้าน ที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ลุ้นเอาใจช่วยให้ลุงแท็กซี่ปลอดภัย

Adblock test (Why?)


ลุงขับแท็กซี่ ติดโควิด เจอจอดฟุบกลางทาง เผยกักตัวในรถ ค่ำไหนนอนนั่น - ไทยรัฐ
Read More

โคนมปรับตัวสู้เอฟทีเอ ข้าวโพดหมักทางรอดลดต้นทุน - ไทยรัฐ

การเปิดเสรีการค้าไทย-ออสเตรเลีย จะมีผลบังคับใช้ในปี 2564 นี้ ส่วนเอฟทีเอที่ทำกับนิวซีแลนด์จะมีผลบังคับใช้ในปี 2568

เกษตรกรไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้จะได้รับผลกระทบเต็มๆ โดยเฉพาะโคนม โคเนื้อ และผลิตภัณฑ์ ยิ่งเกษตรกรรายย่อย สายป่านไม่ยาว ทุนไม่หนาเหมือนรายใหญ่ จะทำอย่างไรเพื่อความอยู่รอดของเกษตรกรไทย โดยเฉพาะเรื่องของต้นทุน ที่เราเทียบกับ 2 ประเทศนี้แล้วแทบไม่เห็นฝุ่น

ข่าวแนะนำ

“ที่ผ่านมาแม้ภาครัฐจะมีการเตรียมตัวมาค่อนข้างนาน กระทั่งก่อตั้งกองทุนเอฟทีเอ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องหลัก คือ การตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในทุกเรื่อง หวังปั้นเกษตรกรให้เป็นสมาร์ทฟามเมอร์ โดยเฉพาะการเน้นถึงรูปแบบการให้อาหารผสมสำเร็จ (Total Mixed Ration, TMR) ที่มีมาตรฐานตรงตามความต้องการของโคแต่ละกลุ่ม เพื่อลดต้นทุนให้สู้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ แต่สุดท้ายเมื่อทำสูตรอาหารได้จนถ่ายทอดสู่เกษตรกรแล้ว กลับไม่เคยเข้าไปตรวจสอบหรือทำอะไรต่อยอด โดยสรุปกองทุนเอฟทีเอยังไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของวัตถุดิบ”

รศ.ดร.สมเกียรติ ประสานพานิช กรรมการสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย แนะหนทางที่จะตอบโจทย์ในเรื่องการลดต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์

ประการแรกทั้งภาครัฐและเกษตรกรต้องปรับทัศนคติตัวเองเสียใหม่ อย่ามองว่าเขามาแย่งตลาดหรือเป็นคู่แข่ง แต่ให้มองว่าเขาเข้ามาทำให้เราปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น เพราะอย่างไรเสียบ้านเราเลี้ยงโคนมมาแค่ไม่กี่สิบปี ส่วนเขาเลี้ยงกันมานับร้อยปี ถ่ายทอดประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น ฉะนั้น ขอให้มองว่า...เราต้องแข่งกับตัวเอง

ประการต่อมา พึงระลึกไว้เสมอ อยากได้น้ำนมวัวคุณภาพ วัวต้องได้กินอาหารดีมีคุณภาพ และกินให้อิ่มท้องทุกวัน ฉะนั้นในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องเลี้ยงวัวนม จะมีฐานข้อมูลที่อัปเดตตลอด มีการคำนวณว่าวัวจำนวนเท่านี้ต้องใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เท่าไร ใช้พื้นที่ปลูกแค่ไหน รวมถึงควบคุมวัตถุดิบให้เพียงพอต่อความต้องการตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่ปลูกอะไรไม่ได้ ทำให้เขาควบคุมได้ทั้งปริมาณผลผลิต กลไกตลาด ต้นทุนการผลิต ซึ่งน่าจะนำไปใช้ได้กับผลผลิตการเกษตรทุกชนิด

นอกจากนี้ต้องเข้าใจเสียใหม่ อาหารข้นเป็นอาหารเสริม อาหารหยาบเป็นอาหารหลัก ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมชาติของวัว ที่ส่วนใหญ่ใช้เวลาหากินตามทุ่งหญ้า แต่บ้านเรากลับเข้าใจตรงกันข้าม ไปเน้นอาหารข้นมากเกินไป ทั้งๆที่จริง วัวควรเลี้ยงด้วยอาหารหยาบ 60–70% ที่เหลือเป็นอาหารข้น หรืออย่างน้อยก็ครึ่งต่อครึ่ง

“ยิ่งให้อาหารข้นมากก็ยิ่งส่งผลเสีย เพราะตามหลักสัตว์ 4 กระเพาะต้องกินอาหารหยาบเป็นหลัก จึงดูดซึมเข้าระบบหมุนเวียนต่อไปได้ง่าย แต่การให้อาหารข้นมากๆ กระเพาะวัวจะเป็นกรด อาหารจะไม่ถูกย่อย จึงเกิดแก๊สสะสมในกระเพาะวัว ทำให้วัวท้องอืด ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาจป่วยหรือตายได้ ที่สำคัญมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้วัวท้องช้าลง”

ดร.สมเกียรติ บอกว่า การให้อาหารหยาบมากกว่าอาหารข้น อาจได้น้ำนมลดลงเล็กน้อย แต่ก็ประหยัดต้นทุนค่าอาหารโดยอาหารข้น กก.ละ 10-14 บาท แต่อาหารหยาบอย่างใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้งต้นหมัก กก.ละ 2-3 บาท ได้เปอร์เซ็นต์ไขมันเพิ่ม ทำให้ได้ราคาเพิ่ม

สำหรับอาหารหยาบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด จากการทดลองร่วมกันระหว่างสหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม ตามโครงการพัฒนาส่งเสริมการใช้นวัตกรรมทางการเกษตร เมื่อปี 2562 พบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อายุ 85–90 วัน ที่ตัดทั้งต้นแล้วนำมาหมัก มีศักยภาพสูงกว่าข้าวโพดอ่อนทั้งฝักหมัก ที่กำลังนิยมทำกันในขณะนี้ เพราะมีค่าโปรตีนเหมาะสมกับจุลินทรีย์ที่ย่อยเยื่อใยในกระเพาะวัว และในฝักที่เกือบแก่ยังมีค่าพลังงานเหมาะสม ไขมันสูงถึง 4% แทบไม่ต่างจากอาหารข้น

“ในข้าวโพดฝักอ่อนมีค่าโปรตีน พลังงาน ไขมัน น้อยกว่าข้าวโพดอายุ 85-90 วันที่ตัดทั้งต้น เพราะข้าวโพดฝักอ่อนจะมีแต่ต้นกับใบ ทำให้ต้องเพิ่มกากเต้าหู้เป็นอาหารเสริมให้วัวกินอีกเฉลี่ยตัวละ 8 กก. ทำให้มีต้นทุนค่าอาหารต่อการผลิตนม 1 กก. เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 1 บาท ที่สำคัญการนำข้าวโพดอายุ 85-90 วันทั้งตันมาเป็นอาหาร วัวจะได้กินทั้งต้น ใบ ฝัก ทำให้ผลิตนมได้มากขึ้น เปอร์เซ็นต์ไขมันสูงถึง 4.9% น้ำนมมีกรดไขมันอิ่มโอลิอิค หรือโอเมก้า 9 มาก ทำให้ผู้บริโภคดื่มคล่องคอ กลิ่นหอมมากขึ้น เมื่อเราได้น้ำนมคุณภาพ อันดับต่อไปพัฒนาต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น เพื่อเป็นอีกทางเลือก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคการค้าเสรี.”.

กรวัฒน์ วีนิล

Adblock test (Why?)


โคนมปรับตัวสู้เอฟทีเอ ข้าวโพดหมักทางรอดลดต้นทุน - ไทยรัฐ
Read More

สมุนไพรไทยสู้โควิด ทางรอดรักษาอยู่บ้าน - ไทยรัฐ

เมื่อประเทศไทยเดินมาถึงวิกฤติทางตัน “ผู้ป่วยล้นระบบสาธารณสุข” ขาดแคลนทั้งเตียง วัคซีน และยารักษาโรค จากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทะลุหลักหมื่นหลายวัน ทำให้มีคนนอนรอเตียงอยู่บ้าน “บางคน”...ทนไม่ไหวเสียชีวิตอย่างน่าเวทนาดังเป็นข่าวตามสื่อมวลชนเป็นรายวัน

แม้ว่า “กระทรวงสาธารณสุข” นำรูปแบบ “Home Isolation” เข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวนอนรักษาอยู่บ้านลักษณะให้บริการแพทย์ทางไกล แต่ก็ใช่ว่าระบบจะสามารถเข้าถึงทุกคนได้

ข่าวแนะนำ

เหตุนี้ “ประชาชน” ไม่มีทางเลือก พยายามดิ้นรนหาทางรอด พึ่งพา “ยาสมุนไพรไทย” โดยเฉพาะ “ฟ้าทะลายโจร กระชาย” มีผลวิจัยยืนยัน “ยับยั้งเชื้อโควิด” ถูกตีพิมพ์ในวารสารงานวิจัยหลายฉบับก่อนหน้านี้

ผลตามมา “ผู้คนแห่ซื้อกักตุน” จนฟ้าทะลายโจรสกัดแบบแคปซูล กระชายสกัดยาแคปซูล วิตามินบำรุงร่างกาย ยาเขียวสรรพคุณขับสารพิษหาซื้อไม่ได้ แม้แต่ “กระชายสด” ราคาพุ่งสูงถึงเป็นกิโลกรัมละ 150-200 บาทจากปกติ 30-50 บาท “ฟ้าทะลายโจรบดผง” ปรับขาย กก.ละ 500-700 บาท จาก 200-300 บาท

สมุนไพรไทยยับยั้งโควิดนี้ ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว หน.ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า สมุนไพรไทยหลายชนิดมีคุณค่าสำคัญสร้างกลไกให้ร่างกายป้องกันตัวเองจาก “โรคหลายชนิดต่างกัน” ถูกใช้พึ่งตนเองมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

อีกทั้ง “สมุนไพรบางชนิด” มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสได้ผลดี จึงมีการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองกันต่อเนื่อง กระทั่งพบว่า “ฟ้าทะลายโจรมีสารแอนโดร-กราโฟไลด์ (Andrographolide)” อันเป็นส่วนช่วยยับยั้งการแบ่งตัวเชื้อโควิด เข้าไปสู่เซลล์ร่างกาย และนำมาทดลองคลินิกยืนยันผล “ช่วยยับยั้งเชื้อโควิด” ได้เป็นอย่างดี

ทว่าแนวทาง “รักษาโควิด” ใช้หลักแนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยดูแลรักษาด้วยการใช้ยาหลายชนิดที่มักให้ “ยาต้านไวรัส และยาบรรเทาอาการ” ในการดูแลรักษาผู้ป่วยไม่มียารักษาเฉพาะตอนนี้

“กรมการแพทย์” ได้นำฟ้าทะลายโจรมาใช้ใน “ผู้ป่วยไม่รุนแรง” ให้รับยาใน 72 ชม.เพื่อชะลอยับยั้งไม่ให้เชื้อลงปอดต้นเหตุการพัฒนาให้อาการรุนแรงยิ่งขึ้น ยกเว้นกลุ่มเสี่ยงมีโรคประจำตัว อ้วน และผู้สูงอายุ

เบื้องต้นต้องกินแอนโดรกราโฟไลด์ที่มีอยู่ในฟ้าทะลายโจรให้ได้วันละ 180 มิลลิกรัม 3-4 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 5 วัน แต่ก็มีบางคนใช้ยาเกินนี้ที่ขึ้นอยู่กับ “แพทย์” เป็นผู้วินิจฉัยอาการแต่ละคน ทั้งยังมีบางโรงพยาบาล “ใช้ฟ้าทะลายโจรคู่กับยาต้านไวรัสในกลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง” ด้วยซ้ำ

ย้ำว่า...“โควิดระบาดหนัก” ย่อมมี “ความต้องการฟ้าทะลายโจรมากกว่าการผลิต” ทำให้มีผู้ประกอบการรายเล็กไม่ควบคุมการผลิตออกมาขาย ในการซื้อฟ้าทะลายโจรที่ดีต้องระบุสารแอนโดรกราโฟไลด์ด้วย

ถ้าจำเป็นจริงๆ “ผู้ป่วย” สามารถใช้ฟ้าทะลายโจรที่หาง่ายมีอยู่ในมือไปก่อนก็ไม่เป็นไร แต่ต้องคอยติดตามอาการเป็นระยะ เพื่อปรับปริมาณการใช้ฟ้าทะลายโจรให้สอดคล้องกับอาการอย่างเหมาะสมก็ได้

แนะนำต่อว่า “ถ้าปลูกฟ้าทะลายโจรกินใบสดได้ยิ่งดี” ด้วยกินยอดใบในระยะบานสะพรั่งที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์สูง 4% เปรียบเทียบกับแคปซูลฟ้าทะลายโจรสกัดสารแอนโดรกราโฟไลด์วางขายในตลาดทั่วไป 6-10% ดังนั้น “ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด” สามารถพึ่งพาตัวเองได้ด้วยการกิน 5-10 ใบต่อมื้อ 3-4 ครั้งต่อวันก็ได้

ทว่าหลักรับประทานใบฟ้าทะลายโจรนี้ “ชาวบ้านต่างจังหวัดมักกินช่วยแก้หวัด แก้ไข้ ไม่สบาย” ด้วยการเคี้ยวทั้งใบ 5-7 ใบต่อมื้อ แล้วถ้ามี “อาการเจ็บคอ” ก็จะนำใบมาชงดื่มที่น้ำร้อนจะเป็นตัวชะนำสารแอนโดรกราโฟไลด์ เพื่อเข้าช่วยลดการอักเสบระบบอาหารควบคู่กับระบบทางเดินหายใจได้ดีด้วย

โชคดี “ผู้ป่วยโควิด” มักจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส กินฟ้าทะลายโจรได้ “ไม่มีรสขม” ดังนั้น ถ้าเจอเหตุจำเป็นรอเตียงที่บ้าน โดยเฉพาะ “กลุ่มสีเขียว” ใช้วิธีนี้บรรเทาอาการก็ได้จนกว่าจะเข้าสู่ Home Isolation ต่อไป

แต่อยากให้ “ประชาชน” ระลึกเสมอว่า “สิ่งใดนำเข้าปาก” มักมี ความเสี่ยงผลกระทบต่อร่างกายทั้งสิ้น เหตุนี้ควรพิจารณาสิ่งที่ได้รับผลประโยชน์จากการกินเป็นหลักสำคัญ

ต้องเข้าใจว่า “ฟ้าทะลายโจร” นอกจากมีสรรพคุณ “ต้านไวรัส ปรับภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ” สามารถใช้ประโยชน์รักษาโควิด ยับยั้งเชื้อลงปอด ได้ดีแล้ว ยังใช้ใน “กลุ่มเสี่ยงสัมผัสใกล้ผู้ติดเชื้อ” ที่ตอนนี้พบระบาดในครอบครัวแพร่หลาย แม้ไม่มีตัวบ่งชี้อาการติดเชื้อก็สามารถกินป้องกันการแบ่งตัวเชื้อเข้าสู่เซลล์ได้เช่นกัน

ถัดมา “กลุ่มผู้ใช้ป้องกันติดเชื้อไม่มีความเสี่ยงใดๆ” เรื่องนี้ก็พอมีการศึกษาเกี่ยวกับ “ฟ้าทะลายโจร” ช่วยเสริมต่อภูมิคุ้มกันไม่มากนั้น โดยเฉพาะภูมิคุ้มกันไม่เฉพาะเจาะจงในการช่วยกำจัดไวรัสออกจากร่างกาย แต่ก็ยังไม่มีผลวิจัยยืนยันการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อโดยตรงดังเหมือนวัคซีนชัดเจนเช่นเดิม

ฉะนั้น ช่วง “ฟ้าทะลายโจร” หายากราคาแพง “การกินเสริมภูมิคุ้มกัน” อาจไม่จำเป็น เพราะประโยชน์ใช้ป้องกันไม่ชัดเจนเหมือนกับ “การกินรักษา หรือกรณีกินป้องกันจากความเสี่ยงสัมผัสเชื้อ” โดยเฉพาะผู้ที่กินยาเดิมหลายชนิดอยู่แล้วอาจมีอันตรายต่อ “ตับ และไต” ตามมาก็ได้

อีกทั้ง “ไม่ควรใช้ในผู้แพ้ฟ้าทะลายโจร หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร” เหตุนี้จึงมีการนำ “กระชายเหลือง” เข้ามาช่วยทดแทนกลุ่มคนใช้ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ ในการยับยั้งการเจริญเติบโตโควิดที่เรากำลังศึกษาใน “กลุ่มนักโทษติดเชื้อโควิดในเรือนจำ” เบื้องต้นก็พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสได้ผลดีตามลำดับ

สิ่งสำคัญ “ผู้ติดเชื้อโควิด” ต้องมีสติในการใช้สมุนไพรไทย เพราะเคยเจอ “คนไข้กินน้ำต้มขิง ข่า เครื่องเทศ กระชาย กระเทียม รวมกัน” ที่เป็นคุณลักษณะรสเผ็ดร้อนกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน แต่เมื่อกินพร้อมกันเช่นนี้ทำให้กระตุ้นธาตุไฟมากเกินกว่าร่างกายรับได้ ส่งผลให้มีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงตามมา

ด้วยเหตุนี้แล้ว “ผู้ป่วยนอกระบบจำเป็นต้องรักษาอาการโควิดด้วยสมุนไพรไทย” ที่เป็นเสมือนยาทางเลือก ต้องเปรียบเทียบลักษณะรสยามาประกอบให้เหมาะสม ดังนั้น เริ่ม “ติดเชื้อ” มักมีอาการไข้ ตัวร้อนควร “กินฟ้าทะลายโจร” ที่จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสขมอยู่ในกลุ่มยาเย็น เพื่อลดความร้อนในร่างกายก่อน

เมื่อความเย็นลดลงสังเกตจาก “อาการมีน้ำมูก” แล้ว แต่ว่า “พลังงานร่างกายไม่ฟื้นปกติ” ทำงานไม่ดีเหมือนเดิม เรียกว่า “ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” ทำให้ สู้เชื้อโรคไม่ได้เช่นนี้ก็เติม “สมุนไพรประเภทรสเผ็ดร้อน กระชายกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน” สิ่งนี้เป็นศิลปะต่อสู้โรคแบบแผนไทยที่ถูกใช้มาช้านานแล้ว

ปัญหามีว่า...“การใช้ฟ้าทะลายโจรคู่กระชาย” เรื่องนี้ยังไม่มีชุดประสบการณ์ยืนยันแน่ชัดว่า “ใช้แล้วได้ผลมีประสิทธิภาพดีหรือไม่” แต่ก็มองว่า “กระชาย” อาจจะไปเพิ่มความร้อนให้อาการไข้สูงขึ้นกว่าเดิมก็ได้ จนทำให้ “ฟ้าทะลายโจร” ไม่อาจควบคุมความร้อนในร่างกายได้เลย ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ควบคู่กัน

ประเด็นต่อมา “ขิง ข่า” ก็ถือว่า “เป็นยารสเผ็ดร้อน” แนะนำให้กินแบบจางจะเป็นประโยชน์กว่ากินเข้มข้นๆ เช่น สรรพคุณของขิงแก่มีรสหวานอุ่น “บำรุงปอด” ก็สามารถต้มดื่มตอนเช้าควบคู่กับ “กินฟ้าทะลายโจรยับยั้งเชื้อโควิด” แต่ไม่ควรกินขิงทั้งวันอันเป็นเหตุให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มมากเกินไป

เน้นย้ำว่า “ผู้ป่วยควรพักผ่อนให้เพียงพอ” มิเช่นนั้นจะส่งผลต่อภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดี ถ้ามี “ความเครียดนอนไม่หลับ” ต้องเสริมด้วย “ใบบัวบก” ช่วยลดความผิดปกติที่เกิดจากความกังวล ลดความเครียด และลดอาการซึมเศร้าได้ ข้อควรระวัง “บัวบกเป็นยาเย็น” ไม่ควรกินทีละเยอะทุกวัน

สรุปง่ายๆเมื่อรู้ว่า “ติดเชื้อโควิด–19” รีบกินฟ้าทะลายโจรควบคุมอาการไข้ 5 วัน ในระหว่างนี้มีน้ำมูกให้กินน้ำต้มเครื่องเทศ กระชาย หอมแดง เครื่องต้มยำไม่เอาพริก หากมีเสมหะเหนียวติดคอ ต้มน้ำมะขามป้อมดื่มช่วยชุ่มคอ ลดการระคายเคือง และดื่มน้ำขิงตอนเช้าบำรุงปอด ถ้าใช้ยามาถูกทางมักดีขึ้นถัดจากใช้ยา 1 วัน

โควิด–19 เป็นโรคใหม่ ถ้าจำต้องนำ “ยาสมุนไพรไทย” ที่มีอยู่ในท้องถิ่นมา “รักษาอาการ” ตามภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ต้องใช้ให้ถูกหลักสอดคล้องกับ “ร่างกาย” หากใช้ไม่ถูกมักก่อโทษอันตรายต่อผู้ใช้ได้.

Adblock test (Why?)


สมุนไพรไทยสู้โควิด ทางรอดรักษาอยู่บ้าน - ไทยรัฐ
Read More

รฟม. เปิดทางเชื่อม 'MRT บางซื่อ-สถานีกลางบางซื่อ' 2 ส.ค.นี้ - กรุงเทพธุรกิจ

29 กรกฎาคม 2564

117

รฟม. เดินหน้าพัฒนาจุดเชื่อมต่อระบบราง เตรียมเปิดให้บริการทางเดินเชื่อมต่อ "MRT บางซื่อ" กับ "สถานีกลางบางซื่อ" รองรับประชาชนทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง 2 ส.ค.นี้

เมื่อวันที่ 29 ก.ค.64 นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า รฟม. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลการให้บริการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ได้ดำเนินการพัฒนาสถานีรถไฟฟ้า "MRT บางซื่อ" ให้เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน กับ "สถานีกลางบางซื่อ" เพื่อให้ประชาชนสามารถเปลี่ยนระบบการเดินทางได้อย่างต่อเนื่อง สะดวก รวดเร็ว อันเป็นการพัฒนาระบบราง เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมสร้างศักยภาพของสถานีกลางบางซื่อให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมที่สามารถเชื่อมโยงการเดินทางให้ต่อเนื่องทั้งระบบ

โดยก่อสร้างทางเดินเชื่อมต่อกับบริเวณทางเดินชั้นใต้ดินของสถานีกลางบางซื่อ จำนวน 2 จุด ซึ่งทางเดินเชื่อมต่อจุดที่ 1 จะอยู่บริเวณทางเดินผู้โดยสารของสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ และทางเดินเชื่อมต่อจุดที่ 2 จะอยู่บริเวณชั้นจำหน่าย บัตรโดยสารของสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ  

162755848829

ปัจจุบัน รฟม. ได้เร่งรัดการก่อสร้างทางเดินเชื่อมต่อทั้ง 2 จุด ให้แล้วเสร็จเร็วกว่าที่แผนงานกำหนด และเตรียมเปิดให้บริการในวันที่ 2 สิงหาคม 2564 เพื่อรองรับการเปิดทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วง บางซื่อ – รังสิต และช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน และสถานีกลางบางซื่อ พร้อมทั้งจัดเตรียมมาตรการอำนวยความสะดวกภายในระบบรถไฟฟ้า MRT เพื่อรองรับการเดินทางเชื่อมต่อของผู้โดยสาร อาทิ การจัดเตรียมอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ เครื่องออกเหรียญโดยสารอัตโนมัติ (Automatic Ticket Vending Machine  หรือ TVM) ห้องออกบัตรโดยสาร (Ticket office) ประตูจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (Automatic Fare Collection Gate หรือ AFC GATE) ป้ายประชาสัมพันธ์/ป้ายบอกทางไปยังสถานีกลางบางซื่อ (ทางออกที่ 3) ลิฟต์ บันได บันไดเลื่อน เป็นต้น พร้อมทั้งเพิ่มจุดตรวจคัดกรองรักษาความปลอดภัย และติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยตลอดระยะเวลาให้บริการ 

1627558486100

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเดินทางจากรถไฟฟ้าสายสีแดงไปยังรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินเพื่อเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน หรือเดินทางต่อไปยังรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง เพื่อเข้าสู่พื้นที่ปริมณฑล อันเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่รอบนอกและพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานครที่สะดวกสบาย บรรเทาปัญหาการจราจรและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ติดตามรายละเอียดและข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ รฟม. www.mrta.co.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ Call Center รฟม.  โทร.  0 2716 4044

Adblock test (Why?)


รฟม. เปิดทางเชื่อม 'MRT บางซื่อ-สถานีกลางบางซื่อ' 2 ส.ค.นี้ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

"ภูเก็ต" ยกระดับเข้ม ห้ามเข้าทุกช่องทาง เว้น 12 กลุ่ม หลังโควิดพุ่ง - ไทยรัฐ

"ภูเก็ต" สั่งยกระดับมาตรการเข้ม ต้องตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดทุกช่องทาง ยกเว้น 12 ประเภทตามประกาศ 3-16 ส.ค.นี้ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิดพุ่ง

เมื่อวันที่ 29 ก.ค.64 นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผวจ.ภูเก็ต ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่ จ.ภูเก็ต ได้มีคำสั่งยกระดับมาตรการการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้า จ.ภูเก็ต ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีสาระสำคัญ 1. ห้ามบุคคลและผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ทั้งทางบก (ด่านตรวจท่าฉัตรไชย) ทางน้ำ (ท่าเรือ) ทุกท่า ในจังหวัดภูเก็ต และช่องทางภายในประเทศ (ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต) เว้นแต่เป็นบุคคล หรือผู้ขับขี่ยานพาหนะ ดังต่อไปนี้ 1) รถฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ป่วยฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย 2) ขนส่งยา วัสดุอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ทางการแพทย์ 3) ขนส่งสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค สินค้าทางการเกษตร ปศุสัตว์ อาหารสัตว์ 4) ขนส่งแก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง 5) ขนส่งเงินของธนาคาร สถาบันทางการเงิน

6) ขนส่งพัสดุและสิ่งพิมพ์ 7) ผู้มีความจำเป็นในการเดินทางออกทางช่องทางระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต (ต้องมีตั๋วโดยสาร ของวันที่เดินทาง เท่านั้น) 8) ผู้ที่ได้รับคำสั่งหรือมีหนังสือมอบหมายจากต้นสังกัดให้ปฏิบัติหน้าที่ในด้านการป้องกันและควบคุมโรคในจังหวัดภูเก็ต 9) ผู้ที่ได้รับคำสั่งจากส่วนราชการให้ไปหรือมาปฏิบัติภารกิจจำเป็นเร่งด่วนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 10) ผู้ที่มีนัดหมายตามกระบวนการพิจารณาในชั้นศาล พนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวน ซึ่งต้องมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนว่าหากเลื่อนเวลานัดหมายดังกล่าวจะทำให้กระบวนการพิจารณาเสียหายอย่างร้ายแรง หรือมีนัดหมายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ มิฉะนั้นจะเกิดความเสียหายแก่คู่กรณีหรือส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง 11) ขนส่งวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร และอะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมบำรุง เฉพาะที่ใช้ในการดำเนินการโครงการเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย หรือโครงการของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นๆ ของรัฐในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนหรือกรณีจำเป็นเร่งด่วน 12) กรณีอื่นใดซึ่งมีปัญหาในทางปฏิบัติที่ต้องวินิจฉัยสั่งการ ให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์ประจำด่านตรวจภูเก็ตเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาเป็นรายกรณี โดยผู้ได้รับการยกเว้นตามกรณีดังกล่าวข้างต้นต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดซิโนแวค (Sinovac), ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ครบ 2 เข็ม หรือซิโนแวค (Sinovac) เข็ม 1 แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เข็ม 2 หรือได้รับวัคซีนชนิดแอสตราเซเนกา (AstraZeneca), ไฟเซอร์ (Pfizer), โมเดอร์นา (Moderna), จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson and Johnson) จำนวน 1 เข็ม มาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน และต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen Test มาจากนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง

2. กรณี นักเรียนนักศึกษาอายุไม่ถึง 18 ปี ที่ไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ และมีความจำเป็นต้องเดินทางผ่านเข้า–ออกจังหวัดภูเก็ต เพื่อการเรียนการศึกษาให้หน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษา หรือศึกษาธิการจังหวัดออกบัตรประจำตัวเป็นรูปแบบเดียวกัน แสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางผ่านเข้า – ออกจังหวัดภูเก็ต และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT - PCR และออกใบรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้มีผลใช้ได้ครั้งละไม่เกิน 1 เดือน

3. กรณี ผู้มีนัดหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 (ต้องมีใบนัดหมายการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ที่จังหวัดภูเก็ต) และต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen Test มาจากนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง

4. ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บนสมาร์ทโฟน และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Location) ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต

5. แสดงเอกสารหลักฐานข้างต้นต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต

6. การใช้เส้นทางคมนาคมและการตรวจคัดกรองการเดินทาง ผ่านทางด่านตรวจท่าฉัตรไชย ห้ามบุคคลและยานพาหนะทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ระหว่างเวลา 23.00 นาฬิกา ถึงเวลา 04.00 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น ยกเว้น เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จ ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ด้วย มีผลตั้งแต่วันที่ 3 - 16 สิงหาคม 2564

Adblock test (Why?)


"ภูเก็ต" ยกระดับเข้ม ห้ามเข้าทุกช่องทาง เว้น 12 กลุ่ม หลังโควิดพุ่ง - ไทยรัฐ
Read More

ธปท. ชี้ Q3 ออกเกณฑ์คุมค่าฟี เปิดช่องทาง ศคง. ลูกค้าเปรียบเทียบราคา - ประชาชาติธุรกิจ

ธปท. เปิดช่องทางเปรียบเทียบข้อมูลผลิตภัณฑ์และค่าธรรมเนียมบริการทางการเงินให้ง่ายขึ้นบนเว็บไซต์ ศคง.1213 เล็งไตรมาส 3 กำหนดหลักเกณฑ์การเข้าถึงบริการในราคาเป็นธรรม

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า ธปท. ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้รับบริการทางการเงินอย่างเป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากการยกระดับการกำกับดูแลการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรมผ่านการปรับปรุงประกาศ เรื่อง การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market conduct) เมื่อปี 2563 โดยเน้นการกำกับดูแลที่เข้มข้นขึ้น ครอบคลุมผู้ให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่คาดหวังคือประชาชนไม่ถูกหลอก ไม่ถูกบังคับขาย ไม่ถูกรบกวน และไม่ถูกเอาเปรียบแล้ว 

ธปท. ยังมุ่งผลักดันให้ระบบการเงินไทยมีสภาพแวดล้อมที่จะเอื้อให้มีการให้บริการอย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ประชาชนผู้ใช้บริการเข้าใจสิทธิ ได้รับความคุ้มครอง รวมทั้งสามารถเลือกใช้บริการได้ตรงกับความต้องการผ่านการสนับสนุนให้ประชาชนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่เพียงพอทั้งข้อมูลผลิตภัณฑ์และข้อมูลคุณภาพการให้บริการ 

โดย ธปท. ได้เริ่มเผยแพร่การเปรียบเทียบข้อมูลผลิตภัณฑ์ครั้งแรกในปี 2561 จำนวน 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เงินฝาก บัตรเดบิต บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ผ่านทางเว็บไซต์ของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) 1213 ซึ่งได้รับความสนใจเข้าใช้งานจากประชาชนเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ดี เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในการประกอบธุรกิจ และมุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และเพียงพอต่อการตัดสินใจ ธปท. จึงพัฒนาเว็บไซต์เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในการเปรียบเทียบประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินของผู้ให้บริการต่าง ๆ ดังนี้

1)  เว็บไซต์เปรียบเทียบข้อมูลผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธปท. ได้เผยแพร่ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่สนใจของประชาชนซึ่งมีการใช้บริการกันอย่างแพร่หลายเพิ่มเติมอีก 5 ผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ตามที่กล่าวข้างต้น 

ได้แก่ สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อส่วนบุคคลทั้งที่มีและไม่มีหลักประกัน สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อธุรกิจ SMEs และธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง และผลิตภัณฑ์เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) โดยสามารถเข้าใช้งานได้ที่เว็บไซต์ https://ift.tt/2WCh06F ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

2) เว็บไซต์เปรียบเทียบข้อมูลค่าธรรมเนียมบริการทางการเงิน ธปท. ได้พัฒนาเว็บไซต์เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบข้อมูลค่าธรรมเนียมของผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินต่าง ๆ โดยปรับปรุงให้มีความทันสมัย สะดวกต่อการใช้งาน และสามารถเปรียบเทียบข้อมูลค่าธรรมเนียมได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยได้เผยแพร่ข้อมูลค่าธรรมเนียมของผลิตภัณฑ์และบริการดังต่อไปนี้จำนวน 21 ผลิตภัณฑ์/บริการ 

ได้แก่ เงินฝาก บัตรเดบิต บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อส่วนบุคคลทั้งที่มีและไม่มีหลักประกัน สินเชื่อธุรกิจ SMEs และธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ผลิตภัณฑ์เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) การเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ บริการดิจิทัลแบงก์กิ้ง (เช่น mobile banking/internet banking) บริการรับชำระเงินแทน (bill payment) เช็ค ระบบบาทเนต (BAHTNET) ระบบ Bulk Payment ธุรกรรมต่างประเทศ การให้เช่าตู้นิรภัย บริการการออกหนังสือค้ำประกัน บริการดูแลและเก็บรักษาหลักทรัพย์ การรับรองตั๋วเงินและอาวัล และการรับรองเครดิตและฐานะทางการเงิน โดยสามารถเข้าใช้งานได้ที่เว็บไซต์ https://ift.tt/3C3bD0u ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการดำเนินการตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว ธปท. ยังให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินได้ด้วยราคาที่เหมาะสม โดยเน้นการกำกับดูแลให้ผู้ให้บริการทางการเงินกำหนดค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้มีความเป็นธรรม สอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้นด้วย 

ทั้งนี้  ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยหากประชาชนท่านใดได้รับบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งปัญหาเข้ามาที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินของ ธปท. โทร.1213 ได้ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 – 16.30 น. หรือสามารถส่งเรื่องร้องเรียนมาที่ www.1213.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง

Adblock test (Why?)


ธปท. ชี้ Q3 ออกเกณฑ์คุมค่าฟี เปิดช่องทาง ศคง. ลูกค้าเปรียบเทียบราคา - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ด่วน! 'ภูเก็ต' สั่งยกระดับการเดินทาง ห้ามเข้าจังหวัดทั้งทางบก-น้ำ-เครื่องบิน - กรุงเทพธุรกิจ

29 กรกฎาคม 2564

1,090

ด่วน! "ภูเก็ต" สั่งยกระดับการเดินทาง ห้ามเข้าจังหวัดทั้งทางบก-น้ำ-เครื่องบิน ยกเว้น "รถฉุกเฉิน-ขนส่งยา-สินค้าอุปโภคบริโภค"

เมื่อวันที่ 29 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ลงนามในคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 4202/2564 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เรื่อง ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต มีผลตั้งแต่วันที่ 3-16 สิงหาคม 2564 มีสาระสำคัญว่า

1. ห้ามบุคคลและผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ทั้งทางบก (ด่านตรวจท่าฉัตรไชย) ทางน้ำ (ท่าเรือ) ทุกท่า ในจังหวัดภูเก็ต และช่องทางภายในประเทศ (ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต)  เว้นแต่ เป็นบุคคล หรือผู้ขับขี่ยานพาหนะ ดังต่อไปนี้

  • รถฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ป่วยฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย
  • ขนส่งยา วัสดุอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ทางการแพทย์
  • ขนส่งสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค สินค้าทางการเกษตร ปศุสัตว์ อาหารสัตว์
  • ขนส่งแก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง
  • ขนส่งเงินของธนาคาร สถาบันทางการเงิน
  • ขนส่งพัสดุและสิ่งพิมพ์
  • ผู้มีความจำเป็นในการเดินทางออกทางช่องทางระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต (ต้องมีตั๋วโดยสาร ของวันที่เดินทาง เท่านั้น)
  • ผู้ที่ได้รับคำสั่งหรือมีหนังสือมอบหมายจากต้นสังกัดให้ปฏิบัติหน้าที่ในด้านการป้องกันและควบคุมโรคในจังหวัดภูเก็ต
  • ผู้ที่ได้รับคำสั่งจากส่วนราชการให้ไปหรือมาปฏิบัติภารกิจจำเป็นเร่งด่วนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
  • ผู้ที่มีนัดหมายตามกระบวนการพิจารณาในชั้นศาล พนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวน ซึ่งต้องมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนว่าหากเลื่อนเวลานัดหมายดังกล่าวจะทำให้กระบวนการพิจารณาเสียหายอย่างร้ายแรง หรือมีนัดหมายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ มิฉะนั้นจะเกิดความเสียหายแก่คู่กรณีหรือส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง
  • ขนส่งวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร และอะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมบำรุง เฉพาะที่ใช้ในการดำเนินการโครงการเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย หรือโครงการของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนหรือกรณีจำเป็นเร่งด่วน 
  • กรณีอื่นใดซึ่งมีปัญหาในทางปฏิบัติที่ต้องวินิจฉัยสั่งการ ให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์ประจำด่านตรวจภูเก็ตเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาเป็นรายกรณี

โดยผู้ได้รับการยกเว้นตามกรณีดังกล่าวข้างต้น ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ชนิดซิโนแวค (Sinovac), ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ครบ 2 เข็ม หรือซิโนแวค (Sinovac) เข็ม 1 แอสตราเซนิกา (AstraZeneca) เข็ม 2 หรือได้รับวัคซีนชนิดแอสตราเซนิกา (AstraZeneca), ไฟเซอร์ (Pfizer) , โมเดอร์นา (Moderna), จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson and Johnson) จำนวน 1 เข็ม มาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด - 19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน และ ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด - 19 ด้วยวิธีการ RT - PCR หรือวิธีการ Antigen Test มาจากนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง  

2. กรณี นักเรียนนักศึกษาอายุไม่ถึง 18 ปี ที่ไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ได้และมีความจำเป็นต้องเดินทางผ่านเข้า – ออกจังหวัดภูเก็ตเพื่อการเรียนการศึกษาให้หน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษาหรือศึกษาธิการจังหวัดออกบัตรประจำตัวเป็นรูปแบบเดียวกัน แสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางผ่านเข้า – ออกจังหวัดภูเก็ต และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตทำการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT - PCR และออกใบรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด–19 ให้มีผลใช้ได้ครั้งละไม่เกิน 1 เดือน

3. กรณี ผู้มีนัดหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 (ต้องมีใบนัดหมายการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ที่จังหวัดภูเก็ต) และต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT - PCR หรือวิธีการ Antigen Test มาจากนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง  

4. ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บนสมาร์ทโฟน และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Location) ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต 

5. แสดงเอกสารหลักฐานข้างต้น ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต  

6. การใช้เส้นทางคมนาคมและการตรวจคัดกรองการเดินทาง ผ่านทางด่านตรวจท่าฉัตรไชย ห้ามบุคคลและยานพาหนะทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ระหว่างเวลา 23.00 นาฬิกา ถึงเวลา 04.00 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น ยกเว้น เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ

162756086576

162756087818

162756090514

Adblock test (Why?)


ด่วน! 'ภูเก็ต' สั่งยกระดับการเดินทาง ห้ามเข้าจังหวัดทั้งทางบก-น้ำ-เครื่องบิน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

หมอมนูญ เตือน สหรัฐฯพบโควิดแพร่กระจายทางอากาศ อยู่บ้านควรใส่แมสก์ - ประชาชาติธุรกิจ

หมอมนูญเตือนโควิดแพร่ทางอากาศ

หมอมนูญ เผย จากการศึกษาในโรงพยาบาลสหรัฐฯ พบโควิดแพร่กระจายทางอากาศ แนะอยู่บ้านควรใส่แมสก์

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ความว่า

ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะรับคนไข้เข้านอนในโรงพยาบาล ทุกคนไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม จะได้รับการตรวจว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ และตรวจซ้ำภายใน 72 ชั่วโมงหลังเข้านอนในโรงพยาบาล เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในโรงพยาบาล

มีการศึกษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองบอสตัน ระหว่างเดือนกันยายน 2020-เมษายน 2021 โรงพยาบาลนี้มีเตียงทั้งหมด 803 เตียง 28% เป็นห้องคู่ มีคนไข้เข้านอนในห้องคู่ทั้งหมด 11,290 คน คนที่เข้านอนในห้องคู่ต้องไม่มีอาการของโรคโควิด ในจำนวนนี้ 25 คนตรวจวันแรกให้ผลลบ ตรวจซ้ำใน 3 วัน ให้ผลบวก หมายความว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนอกโรงพยาบาล

มีคนไข้ที่นอนในห้องคู่กับผู้ติดเชื้อ ทั้งหมด 31 คน อายุเฉลี่ย 64 ปี ปรากฏว่า 12 จาก 31 คนติดเชื้อจากคนไข้ที่นอนในห้องเดียวกัน คิดเป็น 39 % ส่วนใหญ่ติดเชื้อภายใน 5 วัน

ความเสี่ยงในการติดเชื้อสัมพันธ์กับปริมาณเชื้อไวรัสโควิด-19 (cycle threshold value < 21) ของคนแพร่เชื้อ เชื้อยิ่งมาก โอกาสแพร่เชื้อยิ่งมาก เวลานอนในห้องเดียวกันทั้งคนแพร่เชื้อและคนรับเชื้อไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย เตียงห่างกันประมาณ 2 เมตร มีผ้าม่านกั้นระหว่างเตียงตลอดเวลา คนที่รับเชื้อไม่ได้สัมผัสตัว ไม่ได้พูดคุย หรือใกล้ชิดกับคนที่แพร่เชื้อ แต่ใช้ห้องน้ำเดียวกัน

มีการทำความสะอาดพื้นผิวพื้นที่ในห้องผู้ป่วยทุกวัน การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า เชื้อโควิดแพร่กระจายทางอากาศ โดยเชื้อโรคออกมากับลมหายใจของคนแพร่เชื้อ แล้วคนรับเชื้อ หายใจเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศ ไม่ได้เกิดจากหายใจหยดละอองขนาดใหญ่จากการอยู่ใกล้ชิดในระยะ 1-2 เมตร หรือติดทางการสัมผัสกับคนที่แพร่เชื้อ

ช่วงที่ทำการศึกษายังไม่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า ถ้าเป็นสายพันธุ์เดลต้า เปอร์เซ็นต์ของคนติดเชื้อคงมากกว่า 39% แน่นอน เชื้อสายพันธุ์เดลต้าติดต่อกันได้ง่ายมาก เนื่องจากปริมาณเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าในทางเดินหายใจมากกว่าสายพันธุ์เดิม 1,000 เท่า

การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดทำได้ยาก ขนาดโรงพยาบาลนี้ มีการคัดกรองก่อนจะอนุญาตให้เข้านอนในห้องคู่ วันแรกต้องไม่มีอาการ และตรวจแยงจมูกโควิดต้องมีผลลบ ยังพบว่าหลังจากนั้น 3 วัน ตรวจโควิดซ้ำเปลี่ยนเป็นบวก ทำให้คนที่นอนห้องเดียวกันร้อยละ 39 ติดเชื้อแม้จะเว้นระยะห่าง ไม่กินอาหารร่วมกัน ไม่อยู่ใกล้ชิดกัน เพียงแต่นอนในห้องเดียวกัน หายใจอากาศในห้องเดียวกัน โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย

การระบาดในประเทศไทยรอบนี้ติดกันในบ้านครัวเรือนเดียวกันมากที่สุด ทำให้การล็อกดาวน์ได้ผลน้อย การป้องกันการติดเชื้อในบ้านเดียวกันเป็นเรื่องยากมาก ๆ สมาชิกในบ้านสามารถติดเชื้อนอกบ้านและนำเชื้อเข้าบ้านถึงแมัไม่มีอาการ ยิ่งเป็นเชื้อสายพันธุ์เดลต้าติดเกือบยกครัวเรือน

ถึงเวลาแล้วที่คนในบ้านคงต้องใส่หน้ากากอนามัยเหมือนเวลาออกนอกบ้าน เริ่มจากคนที่ออกนอกบ้านทุกวัน เช่นคนที่ต้องออกไปทำงานข้างนอก คนที่ไปจับจ่ายซื้อของ ซื้ออาหาร ไปทำธุระธนาคาร ไปรษณีย์ ควรล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ก่อนและทันทีที่เข้าบ้าน ควรใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาระหว่างอยู่ในบ้าน เผื่อเป็นโรคโควิดจะได้ไม่แพร่เชื้อให้คนในบ้านที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย

Adblock test (Why?)


หมอมนูญ เตือน สหรัฐฯพบโควิดแพร่กระจายทางอากาศ อยู่บ้านควรใส่แมสก์ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

Wednesday, July 28, 2021

หุ้นไทยแกว่งแคบทางลง ยอดป่วยโควิดพีก จับตา ศบค. ยกระดับมาตรการ - ประชาชาติธุรกิจ

หุ้น

ตลาดหุ้นไทยแกว่งแคบในกรอบหลักที่ยังอิงทางลงระหว่าง 1,530-1,545 จุด จับตาการระบาด COVID-19 อย่างใกล้ชิด-รอ ศบค.ยกระดับมาตรการคุมเข้ม คาดอาจขยายพื้นที่ Lockdown เป็น 25% หรือ 1 ใน 4 ของประเทศเป็นระยะเวลา 2 เดือน ชะลอความรุนแรงของสถานการณ์ รอการเข้ามาวัคซีน mRNA ไตรมาส 4 และลดการเสียชีวิตไม่ให้เกิน 200 รายต่อวัน

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET Index จะแกว่งแคบในกรอบหลักที่ยังอิงทางลงระหว่าง 1,530-1,545 จุด หลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและคงวงเงินการซื้อพันธบัตรในมาตรการ QE ไว้ดั้งเดิม Fed ยังคงมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญการระบาดอีกครั้ง สำหรับเงินเฟ้อเป็นปัจจัยชั่วคราวและยังไม่ส่งสัญญาณการทำ QE Tapering ออกมา

ด้านภายในประเทศยังต้องจับตาการระบาดของ COVID-19 อย่างใกล้ชิดและรอการประเมินจาก ศบค.ว่าจะยกระดับมาตรการคุมเข้มหรือไม่ ภาพรวมตลาดจึงยังไร้ปัจจัยหนุนที่ชัดเจน ทำให้ Upside ของ SET Index จะเริ่มถูกกดต่ำลงตามการยกระดับมาตรการแต่ละครั้งที่จะกระทบโดยตรงต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนในครึ่งปีหลัง

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นรับผลกระทบจำกัดจาก COVID-19 และหุ้นรับเงินบาทอ่อนค่า

สำหรับยอดผู้ติดเชื้อในไทยยังสูง จับตายกระดับมาตรการหรือไม่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยยังคงรุนแรง โดยที่วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันและผู้เสียชีวิต ทำจุดสูงสุดใหม่กว่า 17,669 ราย และ 165 ราย ตามลำดับ ทำให้ทางฝ่ายวิจัยมองว่ารัฐบาลมีโอกาสยกระดับมาตรการคุมเข้มเพิ่มเติม แต่ในเบื้องต้นคาดว่ายังไม่ถึงขั้นใช้มาตรการอู่ฮั่นโมเดล เนื่องจากจะซ้ำเติมเศรษฐกิจในภาพรวมและบริบทของไทยไม่เหมือนกับการระบาดในจีน

อีกทั้งยังขาดความพร้อมในการรับมือในการดำเนินมาตรการ แต่มาตรการที่มีโอกาสเกิดขึ้นคือการขยายพื้นที่ Lockdown เป็น 25% หรือ 1 ใน 4 ของประเทศเป็นระยะเวลา 2 เดือน เพื่อชะลอความรุนแรงของสถานการณ์ รอการเข้ามาของวัคซีน mRNA ในไตรมาส 4 และลดการเสียชีวิตไม่ให้เกิน 200 รายต่อวัน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีความเป็นไปได้ยากที่จะลดลงและจำนวนผู้ติดเชื้อจริง อาจจะสูงกว่าตัวเลขที่แสดง 8-9 เท่า หากรวมการตรวจหาเชื้อด้วย Antigen Test Kit

ในระยะสั้นทางฝ่ายวิจัยยังมองเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มเปิดเมือง ท่องเที่ยว ธนาคาร และพลังงาน จนกว่าจะมีพัฒนาการเชิงบากโดยเฉพาะจากการฉีดวัคซีนแล้วผู้ติดเชื้อ กับผู้เสียชีวิตลดลงจะทำให้หุ้นเหล่านี้กลับมาน่าสนใจซื้อสะสมอีกครั้ง

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปิดเผยคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในรอบเดือน ก.ค. 64 โดยคาดเศรษฐกิจโลกปีนี้เติบโต 6.0% สหรัฐถูกปรับเพิ่มคาดการณ์เป็น 7.0% และในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเฉลี่ยขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.6% ฝั่งตลาดเกิดใหม่ถูกปรับลดคาดการณ์เหลือขยายตัว 6.3% โดยเฉพาะจีนและอินเดียที่ถูกปรับลดคาดการณ์ลงเหลือขยายตัว 8.1% และ 9.5% ตามลำดับ

ส่วนไทยถูกปรับลดคาดการณ์ลงเหลือขยายตัวเพียง 2.1% ในปีนี้ ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยมองว่าผลกระทบที่ทำให้หลายประเทศโดยเฉพาะในอาเซียนถูกปรับลดคาดการณ์ลงมาจากการระบาดหนักของ COVID-19 ส่วนของสหรัฐและยุโรปยังไม่ได้รวมการระบาดใหม่ของสายพันธุ์เดลต้าเข้าไป จึงอาจขยายตัวสูงเกินจริง

Adblock test (Why?)


หุ้นไทยแกว่งแคบทางลง ยอดป่วยโควิดพีก จับตา ศบค. ยกระดับมาตรการ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

รวมทุกช่องทาง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด ผ่านเครือข่ายมือถือ เริ่มวันนี้ 9 โมงเช้า - ประชาชาติธุรกิจ

รอฉีดวัคซีน โควิด covid
FILE PHOTO : REUTERS/Chalinee Thirasupa

เปิดเงื่อนไขลงทะเบียน ฉีดวัคซีนโควิด ผ่านเครือข่ายมือถือ 29 ก.ค.นี้ เริ่มฉีด 1 ส.ค. 

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เวลา 09.00 น. บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ และค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เอไอเอส ทรู และดีแทค จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อขอเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 สำหรับกลุ่มคนที่ยังไม่เคยลงทะเบียน อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยเริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และเริ่มฉีดวัคซีนในวันที่ 1-31 สิงหาคม 2564

ทั้งนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ จะเตรียมเปิดลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีน ผ่านค่ายมือถือ วันละ 20,000 โดส จำนวนประชาชน 2 กลุ่ม

  1. ประชาชนทั่วไปอายุ 18 ปีขึ้นไป วันละ 10,000 โดส
  2. ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผู้ตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ และผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน (100 กก.ขึ้นไป หรือค่า BMI มากกว่า 35) โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน วันละ 10,000 โดส

ลงทะเบียน

เงื่อนไขการลงทะเบียน

  • กลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไป เฉพาะเข็มแรก จองฉีดวัคซีนผ่านการลงทะเบียนล่วงหน้ากับค่ายมือถือ เปิดจอง 29 ก.ค.นี้  เริ่มฉีด 1 ส.ค.ที่สถานีกลางบางซื่อ
  • กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ กลุ่มที่มีน้ำหนักเกิน 100 กก. เปิดให้ Walk-in ถึง 31 ก.ค.นี้เท่านั้น หลังจากนั้นต้องลงทะเบียนอย่างเดียว
  • กลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไปและคนท้อง อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ยังคงสามารถ Walk-in เข้าไปรับวัคซีนได้ โดยไม่ต้องจอง

โควตาการจองฉีดวัคซีน

  1. กลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไป มีโควตาวันละ 2,000 คนต่อค่ายมือถือ
  2. กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป (ผู้เกิดก่อน 1 ม.ค. 2505) กับ 7 โรคเรื้อรัง วันละ 3,500 คนต่อค่ายมือถือ โดยจะมีการเช็กข้อมูลอายุกับ บัตรประชาชน ที่ออกโดยกระทรวงมหาดไทย
  3. กลุ่ม 7 โรคร้ายแรง ดังต่อไปนี้ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง/โรคหัวใจและหลอดเลือด/โรคไตวายเรื้อรัง/โรคหลอดเลือดสมอง/โรคอ้วน/โรคมะเร็ง/โรคเบาหวาน โดยการอ้างอิงข้อมูลประวัติการรักษาโรคตามฐานข้อมูลจากกรมการแพทย์ แต่หากเป็นผู้ป่วยรักษาที่คลินิกใกล้บ้านแนะนำให้โทร.แจ้ง โรงพยาบาลที่ตรวจประจำให้แจ้งข้อมูลไปกรมการแพทย์ (MoPH-IC)
  4. สำหรับคนที่มีนัดฉีดเข็มแรกที่เคยจองไว้กับค่ายมือถือก่อนหน้านี้ สามารถไปตามนัดได้เหมือนเดิม ยกเว้นผู้ที่เคยรับวัคซีนไปแล้ว จะไม่สามารถไปฉีดเข็ม 2 ได้ในช่วงนี้
  5. จองฉีดวัคซีนได้เฉพาะคนไทย และไม่จำกัดว่าต้องมีทะเบียนบ้านอยู่ใน กทม.
  6. การฉีดจะใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นวัคซีนหลัก

ด้านศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ออกประกาศเตรียมเปิดจองวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 ลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเท่านั้น สำหรับประชาชนทั่วไปอายุ 18 ปีขึ้นไป และผู้อายุ 60 ปี และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง (ไม่รวมผู้ติดตาม) เปิดจอง 29 ก.ค. 2564 เวลา 09.00 น. เริ่มฉีด 1-31 สิงหาคม 2564

QR Code LINE@ Prachachat

ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat

ติดตามข่าวธุรกิจ

Adblock test (Why?)


รวมทุกช่องทาง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด ผ่านเครือข่ายมือถือ เริ่มวันนี้ 9 โมงเช้า - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

"ผวาโควิด" ชายจอดรถ-ล้มฟุบข้างทาง ทำตื่นทั้งบาง ที่แท้เมา-ขับต่อไม่ไหว - ไทยรัฐ

แตกตื่นทั้งหมู่บ้าน พบชายจอดรถ-เปิดประตูล้มฟุบริมถนน ชาวบ้านรีบแจ้ง จนท.หวั่นเป็นผู้ป่วยโควิด-ใส่ชุด PPE รุดตรวจสอบ สุดท้ายรู้ความจริง ซดเหล้าขาว-เมาหนัก ขับรถกลับบ้านไม่ไหว 

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 28 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว หมายเลขทะเบียน บค 2623 ชัยภูมิ วิ่งมาตามถนนสายชัยภูมิ-ตาดโตน ช่วงหลัก กม.ที่ 4 แล้วขับเลี้ยวเข้าไปในซอยตรงข้ามหมู่บ้านโคกน้อย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ จากนั้นจอดรถ มีชายหนึ่งคนเปิดประตูลงมา แล้วฟุบลงกับพื้นหมดสติ นอนอยู่ริมถนน ทำเอาชาวบ้านในพื้นที่ต่างหวาดผวา เข้าว่าเป็นผู้ป่วยโควิด-19 จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อมประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างคุณธรรม จ.ชัยภูมิ สวมชุด PPE เข้าตรวจสอบ

ข่าวแนะนำ

เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง พบชายคนดังกล่าวนอนฟุบหมดสติ อยู่ข้างประตูรถกระบะด้านคนขับ ที่จอดอยู่ริมถนน ทราบชื่อต่อมา คือ นายเฉลิม พิเศษฤทธิ์ อายุ 58 ปี เป็นชาวบ้านห้วยต้อน ต.ห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ จากการตรวจสอบรถกระบะพบว่า มีรอยเฉี่ยวชนจนยุบที่กันชนด้านขวา ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือนายเฉลิมอยู่นั้น ก็ได้กลิ่นเหล้าขาวคละคลุ้งไปทั่วตัว จากการตรวจสอบร่างกายพบว่า ยังหายใจอยู่ไม่เสียชีวิต จึงพยายามเรียกให้ตื่นจนรู้สึกตัวขึ้นมา

จากการสอบถาม นายเฉลิม ตอบว่า ตนไม่ได้เป็นอะไร เพิ่งดื่มเหล้าขาวมากับเพื่อน 1 ขวด แล้วจะขับรถกลับบ้าน แต่เกิดง่วงนอนขับกลับไม่ได้ และไม่รู้ตัวเลยว่า มาจอดรถนอนตรงนี้ได้อย่างไร

 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ได้ช่วยกันพยุงร่าง นายเฉลิม ที่มีอาการยังเมาอย่างหนัก และยังพูดจาไม่รู้เรื่อง โดยเจ้าหน้าที่ต้องพามานั่งพักริมใต้ต้นไม้ เพื่อให้ฟื้นจากอาการเมาสุรา ก่อนจะโทรแจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านที่นายเฉลิมอยู่ ให้ติดต่อหาญาติมารับตัวกลับบ้านต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทราบเรื่องชัดเจน ชาวบ้านในพื้นที่ก็พากันโล่งอก หลังจิตตกจากเหตุการณ์ดังกล่าว

Adblock test (Why?)


"ผวาโควิด" ชายจอดรถ-ล้มฟุบข้างทาง ทำตื่นทั้งบาง ที่แท้เมา-ขับต่อไม่ไหว - ไทยรัฐ
Read More

นักวิชาการ มธ. เสนอกลไกทางเลือกแก้ PM 2.5 - ไทยโพสต์

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ แนะ ควรให้ ‘อำนาจสั่งการ’ คกก.อากาศสะอาด ดำเนินมาตรการข้ามหน่วยงาน พร้อม ‘บูรณาการงบประมาณ’ ตามภารกิจ...