Rechercher dans ce blog

Tuesday, November 30, 2021

ธปท.ลงนามร่วมมือวิชาการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน - ผู้จัดการออนไลน์



ธปท.ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการส่งเสริมความรู้ทางการเงินระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารแห่งประเทศไทย

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และ น.ส.นวพร มหารักขกะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายบริหารความเสี่ยงองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564   

การลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่าง 5 หน่วยงานในครั้งนี้จะช่วยยกระดับความร่วมมือทางวิชาการและการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน เพื่อร่วมผลักดันนโยบายระดับประเทศในด้านการส่งเสริมให้คนไทยมีความตระหนักรู้ (Awareness) มีทักษะทางการเงิน (Financial Literacy) และมีกลไกขับเคลื่อนการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงินอย่างบูรณาการ เพื่อให้เกิดระบบนิเวศด้านการพัฒนาทักษะทางการเงินที่ยั่งยืน (Sustainable Mechanism & Ecosystem) โดยทุกฝ่ายมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือในงานส่งเสริมความรู้ทางการเงินแก่กลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้มีทักษะทางการเงินที่จำเป็นและมีความรู้ในการหารายได้หรือประกอบอาชีพเสริม รวมถึงการวางแผนทางการเงิน การออม การจัดทำงบประมาณรายรับรายจ่าย การบริหารจัดการรายรับรายจ่ายในภาวะปกติและภาวะวิกฤต การจัดการหนี้ การเงินในยุคดิจิทัล และการรู้เท่าทันภัยทางการเงินในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้การวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินในระดับครัวเรือนมีประสิทธิผลมากขึ้น และประชาชนและครัวเรือนมีภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดี 

Adblock test (Why?)


ธปท.ลงนามร่วมมือวิชาการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

1 ใน 3 ของเจ้าหน้าที่สภาออสเตรเลีย "เคยถูกคุกคามทางเพศ" - เดลีนีวส์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


1 ใน 3 ของเจ้าหน้าที่สภาออสเตรเลีย "เคยถูกคุกคามทางเพศ" - เดลีนีวส์
Read More

“ประวิตร” งัดไม้ตาย ขาย “ประยุทธ์” เบิกทาง พปชร. โกย ส.ส.กทม. 2 โหล - กรุงเทพธุรกิจ

ยังไม่ทันที่เสียงระฆังเลือกตั้งจะดังขึ้น การขับเคี่ยวในพื้นที่สนามกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็ส่อเค้าระอุ ใกล้ลุกเป็นไฟเสียแล้ว

เมื่อ “พี่ใหญ่ 3 ป.” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตัดสินใจกระโดดลงมาเล่นในสนามนี้เอง ด้วยการถือธงนำ มุ่งมั่นคว้าชัย โกยที่นั่งส.ส. เมืองหลวงให้ได้มากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อน

จำนวนส.ส.เมืองหลวง ในการเลือกตั้ง มี.ค.2562 ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม หรือบัตรเลือกตั้งใบเดียว มีทั้งหมด 30 ที่นั่ง และมีเพียง 3 พรรคการเมืองเท่านั้น ที่สามารถประกาศศักดาได้

โดย “พลังประชารัฐ” กวาดมาได้ 12 ที่นั่ง ขณะที่ “เพื่อไทย” คว้ามาได้ 9 ที่นั่ง และ “อนาคตใหม่” ในขณะนั้น เรียกว่าหักปากกาเซียน ได้ส.ส.มาถึง 9 ที่นั่ง ก่อนที่บางส่วนจะย้ายไปอยู่กับ“ภูมิใจไทย” ส่วนแชมป์เก่าในหลายเขตอย่าง “ประชาธิปัตย์” กลับพลาดท่ากลับบ้านมือเปล่าไม่ได้ส.ส.แม้แต่คนเดียว

มาเที่ยวนี้ พล.อ.ประวิตร ประกาศก้องว่า 12 ส.ส. ที่เคยได้นั้น ถือว่าน้อยไป เลือกตั้งครั้งหน้าอยากได้อีก12 คน หรือพูดง่ายๆ ว่า พปชร. จอง 24 ที่นั่ง หรือ 2 โหล

ปัจจัยความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งก่อนของพลังประชารัฐ นอกจากตัวผู้สมัครบางคนที่มีฐานเสียงในพื้นที่แล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีส่วนช่วยอย่างมาก

แคมเปญ “เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่” ถูกปล่อยออกมาในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งถือว่าได้ผล

โดยที่มาที่ไปของประโยคดังกล่าวเกิดขึ้นจากยุทธศาสตร์ของ “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” อดีตรมว.ศึกษาธิการ ที่ดูแลพื้นที่กทม. มาก่อน ก่อนที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม จะตกผลึกกลั่นออกมาเป็นประโยคดังกล่าว ที่คนกรุงเห็นกันไปทั่ว

หากบริบทภายในพลังประชารัฐเวลานี้ แตกต่างจากช่วงเวลานั้นเป็นอย่างมาก ความไม่ลงรอยระหว่างแกนนำแต่ละกลุ่มภายในพรรค กำลังเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นไปทุกวัน เมื่อคู่ขัดแย้งแต่ละฝ่าย ต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่าย ดำรงสถานะอยู่ในพรรคต่อ

จึงได้เห็นเกมใต้ดิน ปล่อยข่าว คนนั้นคนนี้ หรือกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เตรียมจะย้ายพรรคบ้าง หรือออกไปตั้งพรรคใหม่บ้าง

เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร รู้ลึกๆ ว่าถ้าปล่อยให้พรรคเดินต่อไปแบบนี้ ย่อมไม่เป็นผลดี แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นวิธีการที่จะทำให้คนในพรรคกลับมาจูบปากกันได้

จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่ พล.อ.ประวิตร ลงมาคุมทัพเมืองหลวงเอง เพราะรู้แน่ว่าหากปล่อยให้ใครก็ตามในพรรคมารับผิดชอบ ยิ่งเป็นการตัดกำลังของพรรค 

แม้กระทั่ง “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” สายตรงของ พล.อ.ประวิตร เอง ที่มองหาที่ทาง หมายตาจะคุม กทม.ก็เป็นคู่ขัดแย้งของคนในพรรค

ทางออกของ พล.อ.ประวิตร ก็คือเข้ามาดูแล กทม.เอง พร้อมกับงัดความสัมพันธ์ระหว่างน้องเล็ก 3 ป. ขึ้นมาฉายซ้ำ ในโอกาสมอบนโยบายคณะทำงานภาค กทม. ที่มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และส.ก. เข้าร่วมเมื่อ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา

ใครที่บอกว่าผมแตกแยกกับนายกฯ ไม่มีแน่นอน มีสิ่งเดียวที่ทำให้ผมกับนายกฯแตกแยกกันได้คือความตาย 40 กว่าปีผมกับนายกฯ ดูแลกันมาตลอด ยืนยันเป็นหนึ่งเดียวไม่แตกแยก นายกฯ มีหน้าที่บริหารประเทศ ผมมีหน้าที่บริหารพรรค ขอให้ทุกคนขยันลงพื้นที่ให้หนัก ผมจะมาดูกทม.เอง สบายใจได้ ขอให้รักกัน ไม่มีการทะเลาะ ขอให้อยู่ด้วยกัน” พล.อ.ประวิตร ระบุ

สะท้อนชัดว่า พลังประชารัฐภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร หากไร้ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เดินคู่ขนานกันไป ก็อาจกลายเป็นม้าขาเป๋ ก็เป็นได้ โดยเฉพาะการต่อสู้ในสนาม กทม. พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นระดับหนึ่ง ต่างจาก พล.อ.ประวิตร แบบเทียบกันไม่ได้

ดังนั้น การจะลุยพื้นที่ กทม. ด้วยการชูภาพ “บิ๊กป้อม” และ ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า นำทัพเมืองหลวง อาจไม่ได้กระแสบวก  

บทน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า จำเป็นอย่างมาก สำหรับพลังประชารัฐ ที่ต้องควงแขน กอดคอพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อใช้เป็นตัวเรียกคะแนนให้กับพรรค

ทว่า กลุ่มก๊วนขาใหญ่จะมองเช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร หรือไม่ เป็นอีกเงื่อนไข ที่นำมาซึ่งความขัดแย้งได้ทุกเมื่อ

Adblock test (Why?)


“ประวิตร” งัดไม้ตาย ขาย “ประยุทธ์” เบิกทาง พปชร. โกย ส.ส.กทม. 2 โหล - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เชิญร่วมเวทีวิชาการเพื่อการจัดการความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน ผ่านระบบออนไลน์ - สยามรัฐ

เชิญร่วมเวทีวิชาการเพื่อการจัดการความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน ผ่านระบบออนไลน์ zoom webinar วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เวลา 8:30 - 16:00 น.

โดยในงานจะมีการเปิดให้จองหมวกนิรภัย (แบบเต็มใบ) จากโครงการ รัฐราษฎร์ รวมใจ ขับขี่ปลอดภัย เทิดไท้ในหลวง ของ บ.กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ในราคาเพียงใบละ 100 บาทด้วย

สามารถคลิ๊กลิ้งค์ด้านล่างเพื่อร่วมงานได้ ในวันและเวลาดังกล่าวค่ะ

https://us06web.zoom.us/w/83952968894?tk=GLl6YDUcj3OUm41Y7Ja0MrEuk8k5c5l...

หรือเข้าชมได้ทางเฟซบุค ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน

Adblock test (Why?)


เชิญร่วมเวทีวิชาการเพื่อการจัดการความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน ผ่านระบบออนไลน์ - สยามรัฐ
Read More

“โอไมครอน” มหาภัยโควิด เพิ่มความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจ ซ้ำเติมชนชั้นกลาง - ไทยรัฐ

โควิดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน มีแนวโน้มจะแพร่กระจายไปทั่วโลกทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการประเมินขององค์การอนามัยโลก (WHO) เนื่องจากโอไมครอนมีการกลายพันธุ์ของโปรตีนหนามในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หากเทียบกับสายพันธุ์อื่น

หวังว่าโควิดสายพันธุ์โอไมครอน จะทำให้อาการป่วยเล็กน้อย และวัคซีนในปัจจุบันใช้ได้ผล หากดื้อต่อภูมิคุ้มกันในกรณีเลวร้าย เพราะอันตรายของสายพันธุ์นี้ จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัวหยุดชะงักซ้ำอีก หากต้องล็อกดาวน์หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กลายเป็นความวิตกกังวลในขณะนี้ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งตัวรุนแรง

เช่นเดียวกับเศรษฐกิจของไทยจะต้องโดนแรงกระเพื่อมอย่างแน่นอน แม้โควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะยังไม่เข้ามา แต่ถ้ามีการระบาดระลอกใหม่ในประเทศ ความเจ็บปวดในการเป็นอยู่ของผู้คนจะเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นอย่างสุดแสนสาหัสในปีหน้า เพราะหลายปัญหาจากเศรษฐกิจตกต่ำเรื้อรังมานาน ก่อนโควิดจะเข้ามาเสียอีก

เป็นคำเตือนให้ชนชั้นกลางในไทย ได้เตรียมรับมือ จากการฉายภาพให้เห็นของ "ผศ.ดร.สันติ ชัยศรีสวัสดิ์สุข" ศูนย์ศึกษาพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ มองว่า หากโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ระบาดในไทยจะเกิดผลกระทบแน่นอนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการคาดหวังกับการท่องเที่ยวมากเกินไป ซึ่งต่อให้ไม่มีประเด็นโควิดสายพันธุ์นี้ ยังมองไม่เห็นจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากอย่างที่คาดหวังเดือนละ 1 แสนกว่าคน หรือ 10 เดือน มีนักท่องเที่ยว 1.5 ล้านคน เพราะคนที่เดินทางเข้ามาไม่ใช่นักท่องเที่ยว แต่เป็นตัวเลขของคนเดินทางเข้ามาเท่านั้น

ผศ.ดร.สันติ ชัยศรีสวัสดิ์สุข
ผศ.ดร.สันติ ชัยศรีสวัสดิ์สุข

“โอไมครอน ยิ่งทำให้เกิดการระแวงในการเดินทาง ถามว่ามีอิมแพ็กหรือไม่ ก็มี เพราะยิ่งสร้างความกังวล และถามว่าจะระบาดรุนแรงหรือไม่ ก็อาจจะไม่ใช่ หรือหากระบาดจริงๆ จะใช้มาตรการแบบเดิมไม่ได้แล้ว และฟังจากรัฐมนตรีคลัง การที่เศรษฐกิจโตก็เกิดจากเงินของรัฐเข้ามาในระบบเป็นล้านๆ มีแนวโน้มต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น ส่วนการขยายเพดานหนี้จาก 30% เป็น 35% ในงบประมาณรายปี ไปจ่ายประกันรายได้ชาวนา ก็เป็นการประกันราคาไม่ต่างจากจำนำข้าว เป็นการผลาญเงินเหมือนกัน แม้ตอนนี้สถานะภาพเงินในระบบยังเพียงพออยู่ แต่ไม่ทราบว่าจะนานแค่ไหน”

ในกรณีเลวร้ายหากโอไมครอน เข้ามาในไทย จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าไปอีก และช้ากว่าคนอื่น อย่างขณะนี้เวียดนามไปไกลกว่าไทย และการฟื้นตัวช้าของไทยมีนัยมาก นั่นหมายถึงจะมีคนจนเพิ่มมากขึ้น จากเดิม 4 ล้านคน ขยับมาเป็น 9.6 ล้านคน ตามตัวเลขของธนาคารโลก หากคุมโอไมครอนไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะไทย จะทำให้เปิดประเทศไม่ได้ 100% และคนไม่อยู่ในอารมณ์ในการท่องเที่ยว

เมื่อคนกังวลไม่เดินทางยิ่งทำให้ไทยรับผลกระทบ เพราะรอแต่ให้คนเดินทางเข้ามา เมื่อคนไม่เข้ามาจะทำให้คนจนเพิ่มมากขึ้น และรัฐจะทนไหวหรือไม่ ในการแจกเงินต่อไป ทั้งโครงการคนละครึ่ง หรือเราเที่ยวด้วยกัน ต้องใช้เงินเพิ่มเติมลงไปอีก และจากที่กู้ไป 5 แสนล้าน ไม่ได้รวมอยู่ในนี้ เพราะต้องไปช่วยเอสเอ็มอี แต่หากเจอปัญหาไปต่อไม่ไหว กลายเป็นว่าเติมเงินเท่าไรก็ไม่พอ

ที่ผ่านมาเป็นปัญหาในเชิงนโยบายที่ไทยไม่เคยทำอย่างจริงจัง ไม่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อสร้างงาน โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งๆ ที่มีการเติบโต 2 หลักในหลายประเทศ ยกตัวอย่างจีน เศรษฐกิจฟื้นได้เพราะรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงเวียดนาม แต่ไทยขายแต่รถยนต์สันดาป และไปเพิ่มภาษีรถยนต์ไฮบริด ในขณะที่น้ำมันราคาแพงมากขึ้น แทนที่จะส่งเสริมและแก้กฎหมายเอื้อให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

เพราะฉะนั้นแล้วการคาดการณ์จีดีพีปีหน้า จะโต 4% จะไม่มีทางเกิดขึ้น หรืออย่างแบงก์ชาติประเมินไว้ที่ 3% และหากไทยไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ก็จะเห็นจีดีพีโต 3% เท่านี้ตลอดไป 20 ปี ทั้งๆ ที่โควิดเป็นตัวผลักดันให้ต้องทำอะไร แต่ไทยไม่ขยับในทิศทางที่จะพัฒนาขึ้น รอแต่การท่องเที่ยว ซึ่งต่อให้การท่องเที่ยวกลับมา ก็จะไม่เหมือนเดิมมีตัวเลขนักท่องเที่ยวปีละ 38-40 ล้านคน

“เพราะธุรกิจท่องเที่ยวไม่ปรับเปลี่ยน เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวไปเมืองหลักเลย แล้วเมืองรองจะไปอย่างไร และกิจการที่ป้องกันความสุ่มเสี่ยง แทบไม่มี จากนโยบายแบบผิวๆ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน หากโอไมครอนระบาด คิดว่าจีดีพีปีหน้า โตไม่ถึง 1.5% โดยเฉพาะครึ่งปีหลังน่ากลัวมาก เพราะไตรมาส 1-2 ยังพอมีโมเมนตัม”

ปีหน้าครึ่งปีหลัง คนชั้นกลางเจ็บปวดหนัก หนี้เพิ่ม

สิ่งที่คนไทยจะต้องเผชิญในครึ่งปีหลังในปี 2565 เป็นห่วงคนชั้นกลางจะเจ็บปวดมากสุด จากเงินเฟ้อค่าครองชีพแพง และการเป็นหนี้เพิ่ม ซึ่งแตกต่างกับสหรัฐฯ เงินเฟ้อสูงขึ้น เพราะนำเม็ดเงินมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อก่อให้เกิดการจ้างงาน ให้คนมีรายได้ แต่เงินเฟ้อของไทย เกิดจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่มี ไม่มีการใช้จ่าย เพราะคนไม่มีเงิน

สุดท้ายคนชั้นกลางค่อนประเทศที่ใช้เงินจากรัฐที่ยัดให้ ก็จะตายเพราะเงินเฟ้อ จากต้นทุนสินค้าวัตถุดิบต่างๆ ราคาเพิ่มขึ้น เพราะน้ำมันแพง ทำให้ไม่แปลกใจที่การนำเข้าขณะนี้สูงกว่าการส่งออก เป็นต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้นจากวัตถุดิบที่นำเข้ามาในลอตใหม่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ส่งออกจะโต 14% ในปีหน้า และหากไปดูรายงานการส่งออกที่สอดไส้ มีแต่ส่งออกถุงมือ ส่วนส่งออกรถยนต์หายไปกว่าครึ่ง ถามว่าส่งออกจะโตได้อย่างไร

สถานการณ์เงินเฟ้อจะยังคงเป็นภาระของคนชั้นกลาง และทุกวันนี้ยังเป็นอยู่ เพราะเราใช้น้ำมันราคาแพง และภาระหนี้สินจะเข้ามาซ้ำเติมคนในประเทศอย่างแน่นอน ทำให้คนเดือดร้อนมาก เพราะเงินไม่พอใช้ เมื่อไม่พอใช้ก็ต้องไปกู้ และเมื่อแบงก์ไม่ปล่อยกู้ ก็ต้องไปกู้นอกระบบ โดยภาพเหล่านี้จะเห็นมากขึ้นในครึ่งปีหลังปี 2565 และไม่รู้ว่ารัฐจะแจกเงินไปอีกนานแค่ไหน หากกลัวคะแนนเสียงตก คงจะงัดเงินมาแจกอีก

“ปีหน้าจะเหนื่อยกันมากขึ้น และหากโอไมครอนเข้ามาจะยิ่งหนัก อยู่ที่ว่านโยบายรัฐจะมีประสิทธิภาพเพียงใด แม้บางคนอาจเชียร์ให้รัฐแจกเงิน แต่ควรทำอะไรบางอย่าง เพื่อช่วยคนเป็นหนี้ คิดนโยบายให้ทันสมัย เช่น การเพิ่มงาน ให้คนนำเงินไปใช้หนี้ มีการเพิ่มชั่วโมงการทำงานเป็น 10 ชั่วโมงต่อวัน ให้ทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน และหยุด 3 วัน ให้คนไปทำอาชีพเสริมหารายได้เพิ่ม และมาตรการเหล่านี้ใช้งบไม่มาก ดีกว่าแจกเงิน และการทำงาน 4 วัน เทียบกับ 5 วัน พบว่าประสิทธิภาพไม่ต่างกัน จะก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ”

เป็นข้อเสนอที่น่าจะดีกว่าการแจกเงิน แต่ไม่สามารถไปต่อยอดในการหาเงินเพิ่มได้ หรืออย่างน้อยหากจะแจกเงิน อาจเป็นในลักษณะค่าโอทีให้กับคนทำงาน ระบบทำงาน 4 วัน หยุด 3 ซึ่งสงสัยว่าที่ผ่านมาทำไมรัฐไม่ทำ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาให้กับคนชั้นกลาง ซึ่งปีหน้าจะอยู่ยากมากยิ่งขึ้น ตามมาด้วยปัญหาสังคมจำนวนมาก จากค่าครองชีพแพง และทำให้คนกินเงินเดือนเจ็บปวดอย่างแน่นอน.

Adblock test (Why?)


“โอไมครอน” มหาภัยโควิด เพิ่มความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจ ซ้ำเติมชนชั้นกลาง - ไทยรัฐ
Read More

AIF Group ชี้โอกาสทางธุรกิจบนเส้นทางรถไฟสายใหม่ลาว-จีน 2 ธ.ค.นี้ - กรุงเทพธุรกิจ

ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ผนึก สถาบันวิทยาการตลาดทุน ตลท. และ AIF Group แห่ง สปป.ลาว ร่วมมือจัดสัมมนา "CMA-GMS Business Forum Unlocking Business Opportunity in Laos:  The GMS Rail Link" เตรียมรับโอกาสทางธุรกิจจากการเปิดเส้นทางรถไฟสายใหม่ลาว-จีน 2 ธ.ค.นี้

ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  สถาบันวิทยาการตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ AIF Group แห่ง สปป.ลาว ได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมทางวิชาการ CMA-GMS Business Forum Unlocking Business Opportunity in Laos: The GMS Rail Link เพื่อเตรียมรับโอกาสทางธุรกิจจากการเปิดเส้นทางรถไฟสายใหม่จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันชาติ สปป.ลาว วันที่ 2 ธันวาคม 2564 สัมมนาออนไลน์ในครั้งนี้ได้ถูกถ่ายทอดไปยัง 6 ประเทศในอนุภูมิภาค ลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ได้แก่ กัมพูชา จีน, สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม สรุปเนื้อหาสำคัญจากงานได้ดังนี้

Dr. Rithikone Phoummasak ประธานกรรมการ AIF Group แห่ง สปป.ลาว องค์ปาฐกของสัมมนาได้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดเดินรถไฟสายใหม่นี้ ไม่เพียงเฉพาะสปป.ลาว แต่จะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อทั้งจีน และทุกประเทศในอนุภูมิภาค GMS นี้ อาทิ ต้นทุนการขนส่งสินค้าทางรถไฟจะถูกลง 30-40% เมื่อเทียบกับการขนส่งสินค้าในรูปแบบเดิมทางรถบรรทุกสินค้า, ศักยภาพในการขยายมูลค่าการค้าถึง 3.9 ล้านตันต่อปีในปี ค.ศ.2030, การลงทุนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative (BRI) ของสาธารณรัฐประชาชนจีนจะก่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจใน GMS ไม่เพียงเฉพาะ สปป.ลาว การพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์จะขยายตัวจำนวนมากตลอด 10 สถานีที่รถไฟวิ่งผ่าน ซึ่งจะก่อให้มูลค่าการค้าระหว่างประเทศที่จะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ, นอกจากนี้จำนวนผู้โดยสารที่จะเดินทางไปมาระหว่างจีน และประเทศต่างๆในอาเซียน จะเพิ่มมากขึ้นจากปีละ 2.9 ล้านคนเป็น 3.9 ล้านคน ภายในปี ค.ศ.2030

Mr. Lattanamany Khunnyvong อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และขนส่ง สปป.ลาว ผู้ที่มีบทบาทสำคัญตั้งแต่วันแรกได้ชี้ให้เห็นถึงที่มาของโครงการว่า 96% ของงบประมาณเป็นการลงทุนจากจีน และอีก 4% จาก สปป.ลาว รวมมูลค่าโครงการกว่า 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้ว่ารายงานการศึกษาความเป็นไปได้จะแสดงประมาณการอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของโครงการอยู่ที่ 3.93% แต่รัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศก็ยังคงตัดสินใจเดินหน้าลงทุนต่อไปตามยุทธศาสตร์ 1) China’s BRI 2) Laos’ transformation of Land-Locked to Land-Link Country 3) ASEAN’s Infrastructure Connectivity และก่อนเริ่มทำการก่อสร้าง รัฐบาล สปป.ลาวได้ทำการสื่อสาร ทำความเข้าใจกับชาวบ้านตลอดเส้นทางรถไฟ และมีการสำรวจประชามติซึ่งได้รับความเห็นชอบให้สร้างเส้นทาง และสถานีสูงถึง 99% เส้นทางรถไฟสายใหม่นี้จะส่งผลให้การคมนาคมขนส่งสินค้า และการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างประเทศถูกลง เร็วขึ้น เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ ยังประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

ในแง่ความสำคัญของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในมุมมองของจีน นายโจ ฮอร์น พัธโนทัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท Strategy613 จำกัด ได้วิเคราะห์ว่ามูลค่าการค้าระหว่างอาเซียนกับจีนกำลังมีอัตราการเติบโตสูง และทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆขึ้นทุกปี และเมื่อวิเคราะห์ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ จะพบว่า GMS เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่น่าจับตามองอย่างมาก สังเกตได้จากโรงงานจำนวนมากกำลังย้ายออกจากจีน        โดยสุดท้ายบริษัทส่วนใหญ่เลือกลงทุนตั้งรกรากใหม่ที่ประเทศต่างๆใน GMS และด้วยเส้นทางรถไฟสายใหม่นี้จะช่วยทำให้หลายประเทศใน GMS สามารถเข้าถึงสินค้าที่หลากหลายในจีน ทั้งนี้แม้ GMS อาจถูกมองว่าเป็น stand-alone entity แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดจีน และประเทศมหาอำนาจอื่นๆ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง อาทิ GMS มีประชากรสูงถึง 250 ล้านคน และอยู่ในโครงสร้างประชากรที่เหมาะสมด้วยประชากรวัยทำงานที่เป็นคนหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ไทย และเวียดนามยังถูกมองว่ามีศักยภาพที่จะเป็นประเทศพัฒนาแล้วในอนาคตอันใกล้นี้

รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สรุปการสัมมนานี้ได้อย่างน่าสนใจว่า เพื่อให้การเชื่อมต่อของภูมิภาคอย่างสมบูรณ์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี 3 สิ่งดังนี้ 1. Hardware connectivity โดยประเทศไทยควรส่งเสริมการใช้งานสะพานมิตรภาพหนองคาย และท่านาแล้ง รวมถึงการหาแนวทางเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างประเทศที่มีความกว้างของรางไม่เท่ากัน และบูรณาการศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในประเทศไทยที่มีทางเลือกที่หลากหลายครบวงจรทั้งการคมนาคมทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ 2. Software connectivity โดยการทบทวนกฎ ระเบียบต่างๆของภาครัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า และขนส่ง ให้มีความคล่องตัว รวดเร็วมากขึ้น และ 3. Peopleware connectivity โดยการเสริมสร้างทัศนคติที่ดีของประชาชนต่อเส้นทางรถไฟสายใหม่นี้เป็นโอกาสของภูมิภาคอาเซียนในการเข้าถึงตลาดใหม่ที่ใหญ่เต็มไปด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ และโอกาสทางธุรกิจมากมาย
 

Adblock test (Why?)


AIF Group ชี้โอกาสทางธุรกิจบนเส้นทางรถไฟสายใหม่ลาว-จีน 2 ธ.ค.นี้ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Monday, November 29, 2021

กรมการขนส่งทางบก ร่วม "พีทีจี เอ็นเนอยี" เปิดจุดพักรถบรรทุก PT Max Camp - กรุงเทพธุรกิจ

กรมการขนส่งทางบก จับมือ "พีทีจี เอ็นเนอยี" เปิดจุดบริการพักรถบรรทุก PT Max Camp สนับสนุนความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2564) เวลา 10.00 น. ณ สถานีบริการ พีที สาขาวังน้อย 5 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่เยี่ยมชมจุดบริการพักรถสำหรับรถบรรทุก PT Max Camp ภายในสถานีบริการ พีที สาขาวังน้อย 5 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะผู้บริหารของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ และนำเยี่ยมชมจุดบริการพักรถสำหรับรถบรรทุก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่พนักงานขับรถบรรทุกสามารถเข้าใช้บริการภายในพื้นที่ PT Max Camp ที่บริษัท พีทีจี ได้พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการเป็นจุดพักรถขนาดใหญ่
และการอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับพนักงานขับรถโดยเฉพาะ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การสนับสนุนพื้นที่ภายในสถานีบริการพีทีสำหรับเป็นจุดบริการพักรถบรรทุก กรมการขนส่งทางบกได้รับความร่วมมือจาก บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและธุรกิจในเครืออีกหลากหลายประเภท โดยได้ให้การสนับสนุนพื้นที่ภายในสถานีบริการพีที สำหรับเป็นจุดบริการพักรถสำหรับรถบรรทุก หรือ Max Camp พร้อมจัดเตรียมพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้พนักงานขับรถบรรทุกเข้าใช้บริการ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐาน Q Mark ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 443 ราย รถบรรทุกจำนวนทั้งสิ้น 59,915 คัน จะได้รับสิทธิในการเข้าใช้ PT Max Camp โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

กรมการขนส่งทางบก ร่วม "พีทีจี เอ็นเนอยี" เปิดจุดพักรถบรรทุก PT Max Camp

โดยสถานีบริการ พีที ที่มีจุดบริการพักรถบรรทุก จะมีป้ายข้อมูลและการบริการ แสดงสัญลักษณ์ PT Max Camp ที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ภายในพื้นที่จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับพนักงานขับรถบรรทุกโดยเฉพาะ ความร่วมมือดังกล่าว ช่วยส่งเสริมพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าทางถนนผ่านกลไกระบบมาตรฐาน Q Mark และร่วมสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

สอดรับกับนโยบายของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ในด้านการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานขับรถ ซึ่งพนักงานขับรถที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ มีจุดจอดพักรถบรรทุกที่เหมาะสมและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นพื้นที่รองรับสำหรับจอดพักรถบรรทุกและรถยนต์ของประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 ที่กำลังจะถึงนี้อีกด้วย 

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัท พีทีจี เล็งเห็นถึงความสำคัญ ของการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก และการสนับสนุนระบบมาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุก หรือ Q Mark ของกรมการขนส่งทางบก จึงได้ให้การสนับสนุนพื้นที่ภายในสถานีบริการพีที 
สำหรับเป็นจุดบริการพักรถสำหรับรถบรรทุก PT Max Camp โดยบริษัท พีทีจี ได้เปิดให้บริการ PT Max Camp ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันมีจุดบริการพักรถสำหรับรถบรรทุก PT Max Camp ในสถานีบริการ พีที จำนวนทั้งสิ้น 42 แห่ง และกำลังขยายสาขาไปตามเส้นทางหลักทั่วประเทศ ซึ่งภายในพื้นที่ PT Max Camp มีการจัดเตรียมพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้รองรับ อาทิ พื้นที่พักผ่อน ห้องอาบน้ำ ห้องสุขา โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า จุดชาร์จโทรศัพท์ สำหรับพนักงานขับรถบรรทุก รวมถึงการจัดพื้นที่ไว้ให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ได้จอดพักพร้อมไฟส่องสว่างในช่วงกลางคืนเพิ่มความปลอดภัย นอกจากนี้ ภายในบริเวณของสถานีบริการพีทียังมีร้านสะดวกซื้อ (Max Mart) และศูนย์ซ่อมบำรุงรถบรรทุกไว้รองรับการเข้าใช้บริการของพนักงานขับรถบรรทุก และประชาชนทั่วไป

Adblock test (Why?)


กรมการขนส่งทางบก ร่วม "พีทีจี เอ็นเนอยี" เปิดจุดพักรถบรรทุก PT Max Camp - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

หุ้นดักทางไวรัส “ โอไมครอน” 7 กลุ่มเสี่ยง และ 6 กลุ่มปลอดภัย - กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวใหญ่การพบไวรัสกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ “โอไมครอน”  หรือ Omicron เพราะแพร่เชื้อรวดเร็ว ที่สำคัญมีความสามารถหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน    จนส่งผลทำให้เกิดความตระหนกแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาเพื่อป้องกันความเสี่ยง  

ด้วยภาคการท่องเที่ยวของไทยจะกระทบต่อแผนการเปิดประเทศ มุมมมองบวกต่อเศรษฐกิจกลับมาแย่ลงหากพบการแพร่ระบาดหรือคัสเตอร์ไวรัสดังกล่าว   ล่าสุด หลายประเทศดำเนินมาตรการเข้มขึ้นเพื่อสกัดระบาดไวรัสดังกล่าว ทั้งห้ามการเข้าประเทศในประเทศกลุ่มเสี่ยงในแอฟริกา  หนักสุดคือการประกาศปิดประเทศชั่วคราวไม่ให้มีการเดินทาง  

สถานการณ์ดังกล่าวตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับปัจจัยลบดังกล่าวจากแรงขายกระหน่ำ ซึ่งในตลาดหุ้นไทย ดัชนีลงมาที่ 1,590 จุด  (26 และ 27 พ.ย.) ซึ่งหลุด 1,600 จุด ในรอบ 3 เดือน  และมีการเทขายหุ้นที่คาดว่าจะรับผลกระทบซึ่งอิงกับการระบาดหนักช่วงกลางปีที่ผ่านมา

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบีเอสที  ระบุ ไวรัส โอไมครอน จะเป็นปัจจัยกดดันดัชนีหุ้นไทยจนกว่าเริ่มเห็นทิศทางการแพร่ระบาดเริ่มควบคุมได้   ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือน โดยมีโอกาสสูงที่ จะมาระบาดในไทย

โดยจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว, เศรษฐกิจ และการ จับจ่ายใช้สอยของประชาชนกลับมาลดลง รวมถึงมีแนวโน้มที่ภาครัฐจะกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตามล่าสุดบริษัท BioNTech ที่ได้พัฒนาวัคซีนร่วมกับไฟเซอร์ คาดว่าจะสามารถปรับสูตรวัคซีนต้านสายพันธุ์ดังกล่าวสำเร็จภายใน 100 วัน

ส่วนความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยช่วงระบาดก่อนหน้านี้ปรับตัวลง 4% ใน 6 วันทำการและ  5% ใน 4 เดือน (เม.ย. – ก.ค. 2564) ช่วงที่โควิดสายพันธุ์เดลต้าระบาด โดย sector ที่ปรับตัวลงมากที่สุด ได้แก่ หุ้นกลุ่มแบงก์  ลดลง  22% ใน 4 เดือน  หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ลดลง  18%  หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ลดลง 12%  หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีลดลง  12% 

หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวลดลง 12%, หุ้นกลุ่มขนส่งมวลชนลดลง  12%  ในขณะที่ sector ที่สวนทางปรับตัวขึ้นได้แก่  หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น  67%, หุ้นกลุ่มแพ็กเกจจิ้งเพิ่มขึ้น  35%,หุ้นกลุ่มเหล็กเพิ่มขึ้น 21%, หุ้นกลุ่มเฮลล์แคร์เพิ่มขึ้น 10% และหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น  5%

ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่า หุ้นที่เจอแรงขายมากสุด จากผลกระทบ “โอไมครอน” ได้แก่  หุ้นโรงแรม  MINT และ  SHR   เนื่องจากฐานรายได้หลัก อยู่ในยุโรปซึ่งเริ่มพบการแพร่ระบาดมากขึ้น  ตามมาด้วย  AAV, AOT จากความกังวลที่การระบาดอาจทำให้จำนวนผู้โดยสาร จะฟื้นตัวได้ช้าลง และ TOP จากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปลดลง

สำหรับ Sector ที่คาดว่าจะไม่ค่อยไม่แรงขายมากเหมือนครั้งก่อน ได้แก่ กลุ่มอสังหาฯ เนื่องจากมีปัจจัยบวกจาก แบงก์ชาติมีมาตรการผ่อนเกณฑ์  LTV และกำลังซื้อที่ดีขึ้น และกลุ่มไฟฟ้า คาดผลกระทบจำกัดมาตรการล็อกดาวน์ที่ไม่เข้มงวดเท่าครั้งก่อนจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกกระทบน้อยลงและปริมาณการใช้ไฟฟ้าถูกกระทบจำกัด

ทางกลับกัน หุ้นที่คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามามากสุด ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล  BCH, CHG เนื่องจากได้ประโยชน์จาก การรักษาาผู้ป่วยโควิด, SMD จะทำให้มีความต้องการเครื่องมือแพทย์สูงขึ้น หากโควิดมีการระบาดรุนแรง

หุ้นถุงมือยาง  STGT ได้ประโยชน์จากความต้องการใช้ถุงมือยางในระดับสูง  หุ้น TU, ASIAN, KCE, HANA, NER, SUN   จากเงินบาทอ่อน   ตามมาด้วยความต้องการสินค้า IT จะยังอยู่ในระดับสูงมียอดขายสินค้าและการลงทุนระบบ IT จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมีหุ้น COM7, SIS, SYNEX

Adblock test (Why?)


หุ้นดักทางไวรัส “ โอไมครอน” 7 กลุ่มเสี่ยง และ 6 กลุ่มปลอดภัย - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เอสซีจีเปิดกลยุทธ์ B2b2c 2 แพลตฟอร์มช่องทางค้าส่งวัสดุ "พร้อมพลัส-ดีพร้อม" - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

เอสซีจีเปิดกลยุทธ์ B2b2c 2 แพลตฟอร์มช่องทางค้าส่งวัสดุ "พร้อมพลัส-ดีพร้อม"  ประชาชาติธุรกิจ
เอสซีจีเปิดกลยุทธ์ B2b2c 2 แพลตฟอร์มช่องทางค้าส่งวัสดุ "พร้อมพลัส-ดีพร้อม" - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

อียู-เท่าเทียมทางเพศ (2) - ไทยรัฐ

จากตอนที่แล้ว โจเซฟ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงและรองประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ยังแสดงจุดยืนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศด้วยว่า แม้ปี 2563 จะเป็นปีที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดไปทั่วโลก แต่งบประมาณทางทหารของโลกในปีนั้นยังคงนำหน้างบประมาณสาธารณสุข

ถ้าเราต้องการฟื้นฟูความเสียหายจากโควิด-19 อย่างยั่งยืน เราต้องสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศให้มากขึ้นด้วย นั่นคือวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการ The EU Gender Action Plan III เพื่อส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงชายของสหภาพยุโรปฉบับใหม่ ซึ่งส่งเสริมภาวะผู้นำและการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายของผู้หญิง เด็กผู้หญิง และเยาวชนทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ตลอดจนด้านสันติภาพและความมั่นคง แผนนี้ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณทั้งสิ้น 79,500 ล้านยูโรสำหรับการดำเนินงานในต่างประเทศของอียูใน 7 ปีข้างหน้า

ถึงตอนนี้ทีมยุโรปจะเป็นผู้ให้เงินสนับสนุน ด้านการศึกษามากถึงครึ่งหนึ่งของความช่วยเหลือที่มีทั่วโลก แต่เรายังมีแผนที่จะเพิ่มเงินสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศผ่านการศึกษาที่มีคุณภาพในทุกระดับ การตกลงบริจาคเงิน 1,700ล้านยูโรแก่กองทุนการศึกษาโลกเมื่อเดือน ก.ค. เพื่อปฏิรูปการศึกษาในกว่า 90 ประเทศ คือส่วนหนึ่งของแผนการนี้ ภายในปี 2568 ร้อยละ 85 ของการดำเนินงานในต่างประเทศของอียูในทุกภาคส่วนจะนำไปสู่ความเท่าเทียมทางเพศและการเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิง

การสนับสนุนการศึกษาโดยเฉพาะการศึกษาของเด็กผู้หญิงจะมีบทบาทสำคัญ สหภาพยุโรปจะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรตลอดช่วงการแพร่ระบาด เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อเด็กและเพื่อให้พวกเขากลับเข้าโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย

เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องทำให้การพัฒนามนุษย์กลับสู่เส้นทางเดิมก่อนโควิด เพื่อให้ทุกประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2573 ได้โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขณะที่ความร่วมมือระหว่างประเทศคือหัวใจสำคัญของการรับมือกับวิกฤติ หากเราต้องการสร้างโลกหลังโควิด-19 ที่มีความเสมอภาคและความหลากหลายมากกว่าโลกในปัจจุบันให้แก่ลูกหลานของเรา เราจะต้องขจัดสาเหตุของความเหลื่อมล้ำและอคติทางเพศ เพื่อเปิดทางสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน.

Adblock test (Why?)


อียู-เท่าเทียมทางเพศ (2) - ไทยรัฐ
Read More

มหกรรม "ภูมิพลังแผ่นดิน” ฉายภาพพิพิธภัณฑ์ทางการเกษตรเสมือนจริง - กรุงเทพธุรกิจ

สำนักนวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง เดินหน้าจัดมหกรรม “ภูมิพลังแผ่นดิน” พร้อมนำเสนอเรื่องราว 6 วิถีแห่งการพึ่งพาตนเอง ทั้งเปิดม่านชูพิพิธภัณฑ์ทางการเกษตรในรูปแบบเสมือนจริง ฉายภาพการเกษตรวิถีใหม่ยุคนิวนอร์มอล

พลอากาศเอก เสนาะ  พรรณพิกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดเผยว่า มหกรรมในหลวงรักเรา “ภูมิพลังแผ่นดิน” จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาทรัพยากรดินเพื่อการเกษตร ที่ทรงตระหนักถึงปัญหาและความเสื่อมโทรมของดิน ไม่ว่าจะเป็นดินเปรี้ยว ดินเค็ม เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์สู่ “ผืนดิน” อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำการเกษตรเพื่อสร้างความมั่นคงด้านคลังอาหาร

มหกรรม "ภูมิพลังแผ่นดิน” ฉายภาพพิพิธภัณฑ์ทางการเกษตรเสมือนจริง

จึงเห็นได้ว่าโครงการพระราชดำริที่เกี่ยวกับการเกษตรกว่า 4,000 โครงการ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา ปรับปรุงดิน และด้านการเกษตร ด้วยพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ทำให้ราษฎรได้มีความอยู่ดี กินดี มากยิ่งขึ้น

ด้านนายอร่าม  แก้วนิล ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง กล่าวเพิ่มเติมว่า “วิถีเกษตรไทย ภูมิใจในแผ่นดิน” นำเสนอเรื่องราว 6 วิถีแห่งการพึ่งพาตนเอง อาทิ  ดินดี เพราะจุลินทรีย์อุดม พันธุกรรมไทย กิน-ใช้ ได้ไม่รู้จบ สุขภาพดีวิถีไทยด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน แปรรูป เปลี่ยนร่าง สร้างมูลค่า ปล่อย ปั่น เผา อัด ประหยัดจริง ตลาดชุมชน บุคคลต้นแบบ นิทรรศการดินดี ด้วยจุลินทรีย์ กิจกรรมปั้นก้อนจุลินทรีย์ นำไปปรับปรุงดินที่บ้าน พร้อมนำองค์ความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ตามวิถีแห่งตน

มหกรรม "ภูมิพลังแผ่นดิน” ฉายภาพพิพิธภัณฑ์ทางการเกษตรเสมือนจริง

ด้าน นางสาวจุฑามาศ  ทองชมพูนุช ผู้อำนวยการสำนักสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวเพิ่มเติมถึงกิจกรรมภายในงานว่า พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ มีการเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ป่าดงพงไพร พิพิธภัณฑ์ดินดล พิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา ภาพยนตร์แอนิเมชัน 3 มิติ ทั้งยังสามารถรับชมทาง Virtual Museum ได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีตลาดเศรษฐกิจพอเพียงเปิดให้ ชม ช้อป จุใจ เลือกซื้อสินค้าเกษตรปลอดภัย ผลิตผลเกษตรอินทรีย์มีคุณภาพ ทั้งของกิน ของใช้ ผลิตภัณฑ์ แปรรูป ไม้ดอก ไม้ผล กว่า 150 ร้านค้าโดยเกษตรกรผู้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต นำมาจัดจำหน่ายในราคามิตรภาพ

ด้าน ธวัชชัย กุณวงษ์ เครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ จ.สกลนคร ผู้นำแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรพืชพรรณท้องถิ่นแห่งเทือกเขาภูพาน กล่าวว่า ทางศูนย์ก็จะมีการนำ 3 ประเด็น เด่นๆ คือ ประเด็นแรกจะเป็นเรื่องพันธุกรรมพืช เช่น พันธุ์หมากเม่าท้องถิ่น ต้นคอนแคน มีความพิเศษคือดอกจะเหมือนหน่อไม้ฝรั่งกินยอดกินดอกได้ ตามด้วยผ้าคราม องค์ความรู้เรื่องการย้อมผ้า ส่วนสุดท้ายจะเป็นสมุนไพรในการสร้างภูมิคุ้มกัน และดูแลสุขภาพในช่วงนี้


ทั้งนี้ในวันที่ 5 ธันวาคม 2564  เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และวันพ่อแห่งชาติ  เวลา 08.00 น. ขอเชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระภิกษุสงฆ์จำนวน 59 รูป เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เวลา 17.00 น. เพลิดเพลินกับตลาดยามเย็น และเวลา 19.19 น. ร่วมพร้อมใจกันจุดเทียนมหามงคลสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ พร้อมรับฟังบทเพลงเพื่อพ่อ และรับฟังเสียงขลุ่ยบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ โดยอาจารย์ ธนิสร์  ศรีกลิ่นดี  ขวัญข้าว  ธิดารินทร์ และศิรินทรา  นิยากร  พร้อมเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา ตลอดทั้งวัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการอบรมวิชาของแผ่นดิน และการอบรมเชิงปฏิบัติการ เก็บเกี่ยวองค์ความรู้ด้านการเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงจัดหนักจัดเต็มตลอด 4 วัน กว่า 16 หลักสูตร ในรูปแบบ Onsite จำกัดผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 30 คนต่อวิชา เพื่อปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19    และสามารถรับชมการถ่ายทอดสด ได้ทาง Youtube พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ

โดยการจัดงานในครั้งนี้ยังคงคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 อย่างเคร่งครัด หรือสามารถรับชมบรรยากาศภายในงานผ่านรูปแบบออนไลน์ได้ทาง Facebook พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ตลอดทั้ง 4 วัน อีกด้วย

Adblock test (Why?)


มหกรรม "ภูมิพลังแผ่นดิน” ฉายภาพพิพิธภัณฑ์ทางการเกษตรเสมือนจริง - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ร้องทุกข์! พ่อค้าแม่ค้า บุกยื่นหนังสือหมวดการทาง ขอจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ริมทาง - มติชน

บุกยื่นหนังสือหมวดการทาง ขอจำหน่ายสินค้าริมทาง พื้นเมือง ผลไม้ บ้านทุ่งโพธิ์ ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรีแก่ยวดยาน-นักท่องเที่ยวจากภาคตะวันออก-อีสาน

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมวดการทางกบินทร์บุรี กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดทุ่งโพธิ์พัฒนา จำนวน 75 คน ได้รวมตัวร้องทุกข์บุกยื่นหนังสือทวงถามหมวดการทางกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยทำหนังสือทวงถามหมวดการทางฯ ขอทราบการปฏิบัติงาน และคืนพื้นที่เขตทางหลวงตั้งร้านแผงลอยเพื่อจำหน่ายสินค้าอุปโภค – บริโภค สินค้าพื้นเมือง ผลไม้ บ้านทุ่งโพธิ์ ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรีแก่ยวดยาน – นักท่องเที่ยวจากภาคตะวันออก – อีสาน

นางเอสีห์ มหิโพธิยวง ตัวแทนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดทุ่งโพธิ์ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมายื่นหนังสือทวงถามหัวหน้าหมวดการทางกบินทร์บุรี ซึ่งก่อนหน้านี้แขวงการทางหลวงปราจีนบุรี มอบหมายให้หมวดการทางกบินทร์บุรีนำหนังสือจากแขวงการทางปราจีนบุรี ที่คค.06060.1 / (บ.1.4)/1470 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2564

ตามที่หนังสือ แจ้งศูนย์ดํารงธรรมอำเภอนาดี จ.ปราจีนบุรี โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่าแขวงการทางปราจีนบุรี ขอเรียนให้ทราบว่า เรื่องดังกล่าวเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงต้องดำเนินการคือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่2 ) พ.ศ.2549 ซึ่งวิธีการปล่อยให้มีการรุกล้ำเขตทางหลวง ก็มีผู้รุกล้ำใช้ประโยชน์ในเขตทางหลวงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และเกิดปัญหาร้องเรียนกับส่วนราชการ อีกทั้งยังเกิดปัญหาของการสัญจรของผู้ใช้รถใช้ถนน อาจก่อให้เกิดอันตรายทรัพย์สินและบุคคลอื่น

ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ค้า ได้ใช้พื้นที่เขตทางหลวงริมถนน 304 (บ้านทุ่งโพธิ์) มาก่อนเมื่อได้มีการพูดคุยกับหมวดการทางแล้วเกิดความเข้าใจและย้ายเข้าไปขายของด้านในตลาดทุ่งโพธิ์พัฒนา ซึ่งอยู่ด้านในเป็นตลาดสดที่มีพื้นที่กว้างให้พ่อค้าแม่ค้าได้ขายของอุปโภคบริโภคได้อย่างเต็มที่

หลังจากที่กลุ่มพ่อค้าชุดเก่าทั้งหมดย้ายเข้าไปขายที่ตลาดทุ่งโพธิ์พัฒนาหมดแล้ว ต่อมามีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายใหม่ ซึ่งมีบางคนที่มีบ้านเรือนอยู่บริเวณริมถนนชักนำมาให้ขายของที่บริเวณนี้กว่า 50 ราย นำสินค้าอุปโภคบริโภคมาขาย สร้างความเอาเปรียบกับกลุ่มพ่อค้าเก่าอย่างมาก

จึงอยากให้หมวดการทางกบินทร์บุรีดำเนินการห้ามไม่ให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชุดใหม่ค้าขายบริเวณริมทางหลวงเพื่อความปลอดภัยของทุกคน ถ้าพ่อค้า แม่ค้ารายใหม่ จะเข้าไปค้าขายเป็นกลุ่มเดียวกันสามารถค้าขายได้โดยไม่มีการปิดกั้น

นายอนุชา ทิพย์อุทัย รักษาการ ผอ.แขวงการทางปราจีนบุรี นายสุเทพ ขันจำนงค์ รอง ผอ.และนายฉัตรชัย พวงประเสริฐกุล หัวหน้าหมวดการทางกบินทร์บุรี ร่วมรับชี้แจงให้ตัวแทนพ่อค่าแม่ค้าทราบ นายอนุชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาทราบว่ามีการแจ้งให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายใหม่ ที่มาขายของอยู่บริเวณริมถนนให้ทราบแล้ว แต่ก็ยังมีการค้าขายอยู่

จากนี้ไปจะดำเนินการเด็ดขาดเนื่องจากที่ผ่านมาได้ทำความเข้าใจและพูดคุยให้ทราบแล้วแต่ก็ยังฝ่าฝืนอีก ในวันพุธที่จะถึงนี้ จะได้ลงพื้นที่พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนำแท่งแบริเออร์ไปวางไว้ตลอดแนวริมทางที่มีการค้าขาย เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน

Adblock test (Why?)


ร้องทุกข์! พ่อค้าแม่ค้า บุกยื่นหนังสือหมวดการทาง ขอจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ริมทาง - มติชน
Read More

Sunday, November 28, 2021

ยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิง10 เดือนลดลง 5.1% สวนทางยอดส่งออก - กรุงเทพธุรกิจ

ยอดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรอบ 10 เดือนปี64 ลดลง 5.1% ภาคการบินต่ำสุด 42.9% ในขณะที่การใช้น้ำมันเตาเผาเพิ่มขึ้น 14.8% ส่วนยอดการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 199,457 บาร์เรล/วัน หรือ 6.4% มีมูลค่ารวม 14,280 ล้านบาท/เดือน

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 10 เดือนของปี 2564 (มกราคม-ตุลาคม) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.1 โดยการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลงร้อยละ 42.9 กลุ่มเบนซินลดลงร้อยละ 9.3 กลุ่มดีเซลลดลงร้อยละ 5.9 น้ำมันก๊าดลดลงร้อยละ 5.7 อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.8 LPG เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.0 สำหรับการใช้ NGV ลดลงร้อยละ 19.6

การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 28.40 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดร้อยละ 9.3) เมื่อพิจารณาปริมาณการใช้กลุ่มแก๊สโซฮอล์ พบว่าลดลงมาอยู่ที่ 27.75 ล้านลิตร/วัน (ลดร้อยละ 9.1) การใช้แก๊สโซฮอล์ 91 แก๊สโซฮอล์ 95 แก๊สโซฮอล์ อี20 และแก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 6.79 ล้านลิตร/วัน 14.56ล้านลิตร/วัน 5.65 ล้านลิตร/วัน และ 0.74 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ สำหรับการใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.66ล้านลิตร/วัน

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาการใช้กลุ่มเบนซินเฉพาะเดือนตุลาคม 2564 พบว่า การใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 28.56 ล้านลิตร/วัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (เดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ 27.25 ล้านลิตร/วัน) (เพิ่มร้อยละ 4.8) โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของทุกชนิดน้ำมัน ยกเว้นน้ำมันเบนซิน เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (ลดจาก 29 จังหวัดเป็น23 จังหวัด) โดยบางกิจกรรมสามารถดำเนินการและขยายเวลาการให้บริการได้ (โรงภาพยนตร์ ร้านสะดวกซื้อ ศูนย์การค้า สนามกีฬาร้านอาหาร โรงมหรสพ เปิดได้ถึงเวลา 22.00 น.) การจำกัดการรวมกลุ่มไม่เกิน 50 คน และปรับมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานเป็น 23.00 – 03.00 น. (มีผลตั้งแต่ 16 ตุลาคม 2564) เพื่อเตรียมพร้อมการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564

การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 60.85 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลด ร้อยละ 5.9) สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 การใช้ลดลงมาอยู่ที่ 35.64 ล้านลิตร/วัน (ลด ร้อยละ 19.0) น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 21.60 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้ 1.05 ล้านลิตร/วัน

สำหรับการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเฉพาะเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ 58.74 ล้านลิตร/วัน ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2563 (ลด ร้อยละ 3.5) เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ พบว่า ปริมาณการใช้ดีเซลหมุนเร็ว บี7 เพิ่มขึ้นจาก 37.04 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 39.32 ล้านลิตร/วัน สวนทางกับการใช้ดีเซลหมุนเร็วธรรมดาที่ลดลงจาก 20.52 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 12.46 ล้านลิตร/วัน โดยเป็นผลจากส่วนต่างราคา บี7 – บี10 ซึ่งลดลงจาก 3.00 บาท/ลิตร ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2564 เป็นไม่มีส่วนต่างราคาระหว่างวันที่ 11 - 31 ตุลาคม 2564 ตามสัดส่วนผสมไบโอดีเซลขั้นต่ำร้อยละ 6 ของ บี7และบี10 สำหรับการใช้น้ำมันดีเซลเพื่อการผลิตไฟฟ้าอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ โดยอยู่ที่ 2.10 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากมีการใช้น้ำมันดีเซลทดแทนก๊าซธรรมชาติ

การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.36 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลด ร้อยละ 42.9) เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 อย่างไรก็ตาม ภายหลัง ศบค.เห็นชอบการปรับลดวันกักตัวของชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 และต่อมาสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) อนุญาตให้สายการบินขนส่งผู้โดยสารได้ตามความจุของเครื่องบิน ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2564 จึงส่งผลให้การใช้น้ำมัน Jet A1 ในเดือนตุลาคม 2564 เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2564 ซึ่งอยู่ที่ 4.04 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 4.73 ล้านลิตร/วัน เพิ่มร้อยละ 16.9) การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 16.51 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เพิ่มร้อยละ 8.0) เนื่องจากการใช้ในภาคปิโตรเคมีที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 7.39 ล้านกก./วัน (เพิ่ม ร้อยละ 21.3) และการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.84 ล้านกก./วัน (เพิ่ม ร้อยละ 11.5) สำหรับภาคครัวเรือนมีการใช้อยู่ที่ 5.59 ล้านกก./วัน (เพิ่มร้อยละ 1.6) อย่างไรก็ตาม การใช้ในภาคขนส่งลดลงมาอยู่ที่ 1.69 ล้านกก./วัน (ลดร้อยละ 17.3)

การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.09 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลด ร้อยละ 19.6) โดยเป็นผลจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับจำนวนสถานีบริการและรถ NGV ที่ลดลง การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 885,018 บาร์เรล/วัน ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลด ร้อยละ 1.0) โดยการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 850,968 บาร์เรล/วัน (ร้อยละ 0.1) มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 57,049 ล้านบาท/เดือน (เพิ่ม ร้อยละ 51.2) สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) ลดลงมาอยู่ที่ 34,049 บาร์เรล/วัน (ลด ร้อยละ 21.5) คิดเป็นมูลค่าการนำเข้า 2,162 ล้านบาท/เดือน (เพิ่ม ร้อยละ 14.7) มูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน

การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ไบโอดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 199,457 บาร์เรล/วัน (เพิ่ม ร้อยละ 6.4) คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 14,280 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มร้อยละ 71.9)

Adblock test (Why?)


ยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิง10 เดือนลดลง 5.1% สวนทางยอดส่งออก - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Transformation ทางรอด SMEs ไทยในยุค Next Normal - กรุงเทพธุรกิจ

ในโลกยุคปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างชัดเจน การระบาดของ COVID-19 ยิ่งเร่งให้ผู้คนปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำรงชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากยิ่งขึ้นเพื่อความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นเหตุให้ภาคธุรกิจต้องปรับเปลี่ยน Mindset และกลยุทธ์ เพื่อ Transform กิจการเข้าสู่โลกดิจิทัล สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป 

ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวในโอกาสเปิดงานสัมมนาออนไลน์ “Transformation ทางรอด SMEs” ซึ่ง EXIM BANK จับมือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมพันธมิตรและผู้ประกอบการต้นแบบ ร่วมนำเสนอแนวทางและแบ่งปันประสบการณ์จริงเพื่อสร้างทางรอดให้ธุรกิจ SMEs ว่า Business Transformation หรือการแปลงร่างให้กับธุรกิจ คือ การทำให้บริษัทหรือธุรกิจพลิกเปลี่ยนจากสิ่งเดิม ๆ ที่เป็นอยู่และดำเนินการจนเป็นปกติวิสัย สู่สิ่งที่ใหม่กว่า ดีกว่า และมีความพร้อมมากกว่า ที่จะขับเคลื่อนไปในอนาคต โดยอาจเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึง “การแปลงร่าง” แบบพลิกโฉมจนไม่เหลือเค้าโครงร่างเดิม

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ depa กล่าวว่า ภารกิจของ depa คือ ส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล รวมทั้งส่งเสริมให้เมืองไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เราต้องการเห็นการเติบโตของผู้ประกอบการไทย โดย depa พร้อมที่จะร่วมมือกับ EXIM BANK ในการให้ความรู้ผู้ประกอบการ ส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศ (Ecosystem) และสนับสนุน Platform ต่าง ๆ ที่เป็นของคนไทย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นกองทัพ Digital Startup เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจไทย ก้าวไกลถึงการส่งออกสู่ตลาดโลก
 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในไตรมาส 3 ปี 2564 ธุรกิจ SMEs ปิดกิจการ 3,819 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 14,749 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหาร ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของการบริโภคจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนให้ทุกภาคธุรกิจต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจากเทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งอาจกลายเป็นภัยเงียบที่ทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจนต้องปิดกิจการในที่สุด หากเจ้าของกิจการมิได้เตรียมแผนรองรับหรือปรับตัวได้ทัน ธุรกิจจึงต้อง Transform ซึ่งก็คือ การเปลี่ยนอัตลักษณ์รูปแบบการทำธุรกิจจากแบบเดิมไปสู่รูปแบบใหม่ ผู้ประกอบการจึงต้องพิจารณาตนเองว่าดำเนินธุรกิจด้วยความประมาทหรือไม่ พร้อมให้ความสำคัญกับการ ‘ปรับเปลี่ยน’ เพื่อให้ไปต่อได้ ด้วยการ Transform 3 ประการ ได้แก่
•    Process Transformation ใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยี ซ่อมร่างให้กลับมาแข็งแรง ใช้ Automation ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดแรงงานคน
•    Business Model Transformation เกิดใหม่เพื่อก้าวต่อไป โดยใช้จุดแข็งและ Business Network ที่เคยมี
•    Cultural / Organization Transformation ปรับจิตวิญญาณ เปลี่ยน Mindset ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
 

EXIM BANK เล็งเห็นความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการแปลงร่างผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ให้กลายเป็นคนจิ๋วแต่แจ๋ว มีความทันสมัย กระฉับกระเฉง ว่องไว แข่งขันได้ สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจาก Technology Disruption ได้อย่างประสบความสำเร็จ EXIM BANK จึงได้พัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์เพื่อ “ซ่อม” “สร้าง” “เสริม” ผู้ประกอบการทุกระดับให้สามารถปรับตัวทางธุรกิจโดยเชื่อมโยงสู่โลกดิจิทัลมากขึ้นได้

นายสมคิด จิรานันตรัตน์ อดีตประธาน บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กูรูด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Digital Platform ชั้นนำ พูดถึงเศรษฐกิจดิจิทัลว่า เศรษฐกิจดิจิทัลคือ การนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัล มาเชื่อมโยงธุรกรรมต่าง ๆ โดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกายภาพ เช่น เงินสด กระดาษ การพบเจอคนต่อหน้า หรือลดขั้นตอนการตัดสินใจด้วยคน เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้เร็วขึ้น มีความคล่องตัวสูง ลดต้นทุนและเข้าถึงผู้ใช้บริการทุกระดับได้ การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้หลาย ๆ ธุรกิจ ค่อย ๆ ล้มหายไป ในขณะเดียวกัน ดิจิทัลทำให้ธุรกรรมดีขึ้น เร็วขึ้น ต้นทุนต่ำลง ผู้ประกอบการต้องหันมาพิจารณาธุรกิจตนเองว่าพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนหรือไม่ 

นายที่รัก บุญปรีชา หรือ พี่หลาม จิ๊กโก๋ไอที กูรูและ Influencer ด้านไอทีจากแบไต๋ไฮเทค ให้คำแนะนำผู้ประกอบการ SMEs ว่า การ Lockdown ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ใน 2 ปีที่ผ่านมานี้ Disrupt วิถีชีวิตปกติ ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ผู้ขายจึงต้องปรับตัวเองเข้าสู่โลก Digital เช่นกัน โอกาสในการทำธุรกิจก็เปลี่ยนไปด้วย ผู้ได้เปรียบไม่ใช่ผู้ประกอบการรายใหญ่เสมอ แต่กลับเป็นผู้ที่ให้บริการลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ในการ Transform ธุรกิจ ข้อดีของการเป็น SMEs คือ องค์กรขนาดเล็กปรับเปลี่ยนได้ง่าย สามารถเข้าไปใช้ Platform ต่าง ๆ และมีเครื่องมือทางดิจิทัลมากมายให้ใช้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ด้าน ภญ.ภาคินี จิวัฒนไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซองเดอร์ ไทยออร์กานิคฟูด จำกัด แบรนด์อาหารสุขภาพออร์แกนิคสัญชาติไทย ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จจากการ Transform องค์กรว่า การ Transform หรือการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย ใช้เวลาถึง 2-3 ปี โดยต้องทำให้ทีมงานเห็นความสำคัญของการปรับปรุงระบบการทำงาน แต่เมื่อเปลี่ยนแล้วทุกอย่างดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อยากฝากถึงผู้ประกอบการท่านอื่นว่าการที่จะพัฒนาสินค้า การจัดการ การตลาด การส่งออก ต้องเห็นภาพรวมมากที่สุด แล้วโฟกัสในจุดที่สามารถนำดิจิทัลมาพัฒนา ก็จะสามารถทำให้เราก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงมากขึ้นในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง

“ผู้ประกอบการควรฟังเสียงของลูกค้าเพื่อรับทราบความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค นอกจากนี้ ธุรกิจต้องมีความหลากหลายและมี Plan B เสมอ ต้องพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนจิตวิญญาณขององค์กร ใช้ Agile Management หรือ Lean Management เพื่อฝึกตัวเองให้ต่อสู้ในอนาคต โดย EXIM BANK พร้อมช่วยพลิกโฉมการ Transform ของผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มนักรบเศรษฐกิจไทยให้ออกไปค้าขายในต่างประเทศ จาก 20,000 กว่าราย ให้กลายเป็น 100,000 รายภายใน 4 ปี” ดร.รักษ์ กล่าว

ธุรกิจจะก้าวผ่านวิกฤต หากสามารถปรับตัวได้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ช่องทางการทำตลาด มาตรการหรือกฎระเบียบทางการค้าระหว่างประเทศ ผู้ประกอบการสามารถปรึกษากูรูหรือสถาบันการเงินอย่าง EXIM BANK ได้ เพื่อเข้าถึงบริการทั้งด้านข้อมูลความรู้ เงินทุน และเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs มีศักยภาพและสามารถก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เติบโตเป็นผู้ส่งออกป้ายแดงหรือผู้ส่งออกไทยที่ประสบความสำเร็จในตลาดการค้าโลกได้มากขึ้น 
 

Adblock test (Why?)


Transformation ทางรอด SMEs ไทยในยุค Next Normal - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

อียู-เท่าเทียมทางเพศ (1) - ไทยรัฐ

สหภาพยุโรปถือเป็นภูมิภาคชั้นนำในด้านสิทธิความเป็นมนุษย์ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการออกแผนปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงชายของสหภาพยุโรปฉบับใหม่อย่างเป็นทางการ

กรณีนี้ โจเซฟ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงและรองประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ได้ฝากความเห็นมาว่า แผนดังกล่าวหรือ The EU Gender Action Plan III พร้อมด้วยแผนงบประมาณต่างประเทศฉบับใหม่ เชื่อว่าจะปูเส้นทางสู่โลกที่มีความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้น สหภาพยุโรปพร้อมร่วมมือกับประเทศและองค์กรพันธมิตรในทุกระดับรวมทั้งภาคประชาสังคม และจะไม่หยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

โดยก่อนหน้านี้ตลอดช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยุโรปก็ได้มีการจัดหาเงินทุนสูงถึง 46,000 ล้านยูโร เพื่อสนับสนุนสตรีและเยาวชนใน 130 ประเทศทั่วโลก เช่น สนับสนุนการศึกษาผ่านวิทยุในเนปาล สร้างโครงการรายได้พื้นฐานถ้วนหน้าในโตโก และช่วยผู้หญิงและเยาวชนกว่า 650,000 คนให้สามารถป้องกันหรือจัดการกับความรุนแรงที่เกิดต่อตนเอง ผ่านโครงการริเริ่มสปอตไลต์ ที่หน่วยงานสหประชาชาติเป็นผู้บริหาร

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการระบาดของไวรัสมรณะได้ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเพศในสังคมแผ่ขยายในหลายด้าน ทั้งด้านการศึกษา การสร้างอาชีพ สุขภาพ ความปลอดภัย และความมั่นคง สิทธิทางเพศ และอนามัยเจริญพันธุ์ และโอกาสทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ มาตรการปิดเมืองต้านโควิดยังทำให้ความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัว ขณะเดียวกัน ภาระดูแลงานในบ้านก็ต้องตกเป็นของผู้หญิง แรงงานอิสระและแรงงานที่มีทักษะต่ำ (ซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิง) แรงงานต่างด้าว และผู้หญิงจากชนกลุ่มน้อยก็ต้องประสบกับการกีดกันหรือเลือกปฏิบัติมากกว่าผู้หญิงทั่วไป

การปิดสถานศึกษาเพิ่มความเสี่ยงที่เด็กหญิงจะถูกละเมิดทางเพศ ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ถูกบังคับใช้แรงงาน และถูกบังคับให้สมรส อาจมีเด็กหญิงอีก 20 ล้านคนที่ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ทำให้มีเด็กหญิงทั้งหมด 150 ล้านคน เท่ากับ 2 ใน 3 ของประชากรในอียูเลยทีเดียว ที่ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานได้

สหภาพยุโรปให้การเคารพสิทธิมนุษยชนรวมถึงสิทธิของสตรีและเด็กหญิง เป็นเงื่อนไขหลักของความช่วยเหลือด้านการพัฒนาที่เราจะมอบให้ในอนาคต...การยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน เสรีภาพ ประชาธิปไตย และความเสมอภาคคือหัวใจของสหภาพยุโรป เพราะจะเป็นการเสริมสร้างความก้าวหน้าและความยืดหยุ่นต่อวิกฤติให้แก่สังคมของเรา ความเท่าเทียมทางเพศจะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่สันติภาพ ความมั่นคง ความเจริญทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืน.

Adblock test (Why?)


อียู-เท่าเทียมทางเพศ (1) - ไทยรัฐ
Read More

เปิดกลยุทธ์ CP ผ่าทางตัน จุดอิ่มตัวธุรกิจโทรคมไทย - กรุงเทพธุรกิจ

การควบรวมธุรกิจครั้งสำคัญในช่วงปลายปีเกิดขึ้นหลังจากที่ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และ กลุ่มเทเลนอร์ ประกาศสร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) โดยให้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค โดยจะปรับโครงสร้างธุรกิจสู่ “เทค คอมพานี”

เหตุผลสำคัญที่ “ศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการทรู คาร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชี้แจงถึงการเจรจากับเทเลนอร์ครั้งนี้ คือ ทรูและดีแทคไม่สามารถเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจและลูกค้าต่อไปได้จึงเป็นที่มาของแนวคิดการร่วมเป็นพันธมิตรกัน รวมทั้งการแข่งขันในสเต็ปถัดไปจะเป็นการแข่งขันระดับภูมิภาคและระดับโลก

ทรู คอร์ปอเรชั่น ถือเป็นอีกธุรกิจเรือธงของกลุ่มซีพี โดยในปี 2563 มีรายได้สัดส่วน 7% ของรายได้รวมกลุ่มซีพี 2.14 ล้านล้านบาท รองลงมาจากรายได้กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่มีสัดส่วน 58% และกลุ่มค้าปลีกที่มีสัดส่วน 28%

ยุทธศาสตร์สำคัญของซีพี ที่ “ธนินท์ เจียรวนนท์” วางแนวทางไว้ คือ การสร้างลงทุนแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเห็นได้จากธุรกิจอาหารที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์ม การแปรรูปอาหารและการค้าปลีก

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคาของทรู มีจุดเริ่มต้นจากการตัดสินใจเข้าประมูลสัมปทานโทรศัพท์บ้านเมื่อปี 2534 ในนาม บริษัท ซี.พี.เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทเทเลคอมเอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อร่วมทำธุรกิจมือถือกับบริษัท Orange ในนามบริษัททีเอ ออเรนจ์ จำกัด ก่อนที่ Orange จะถอนการลงทุนและขายหุ้นทั้งหมดให้ซีพี

การร่วมเป็นพันธมิตระหว่างซีพีและเทเลนอร์เกิดขึ้นท่ามกลางข่าวการถอนการลงทุนของเทเลนอร์ในภูมิภาคนี้ ถึงแม้เทเลนอร์จะปฏิเสธมาตลอด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความร่วมมือที่กำลังจะเกิดขึ้นจะสร้างโอกา่สใหม่ให้ซีพี

"พสุ เดชะรินทร์" คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ของซีพีครั้งนี้ ว่า กลยุทธ์การควบรวมจะทำให้ธุรกิจโทรคมนาคมของทรูมีความสมบูรณ์มากขึ้น จากปัจจุบันที่ประกอบด้วยธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเตอร์เน็ต ระบบชำระเงิน คอนเทนต์และโทรทัศน์ดิจิทัล โดยซีพีจะไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ แต่ดีลนี้จะช่วยพัฒนา “แพลตฟอร์ม” ให้ตอบโจทย์ลูกค้าหลายมิติ ซึ่งการควบรวมจะเป็นอีกวิธีการที่ทำให้แพลตฟอร์มธุรกิจโทรคมนาคมของซีพีเข้มแข็งขึ้นและสร้างอีโคซิสเต็มส์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อรองรับการพัฒนาธุรกิจในระยะยาว

อีกกลยุทธ์หนึ่งที่วิเคราะห์ได้จากการดีลครั้งนี้ คือ ทรูและดีแทคไม่สามารถขยายธุรกิจให้เติบโตในประเทศไทยได้มากกว่าในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องออกไปขยายตลาดนอกประเทศจากหลายข้อจำกัดหลายด้าน โดยเฉพาะจำนวนประชากรที่มี 68 ล้านคน ในขณะที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันมีมากกว่าจำนวนประชากร รวมถึงค่าบริการโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตในไทยที่มีการแข่งขันจนมาอยู่ในระดับที่ไม่สูง

"มองในเชิงธุรกิจเป็นเรื่องเมคเซ็นต์ที่ทั้ง 2 ราย จะจับมือกัน เพราะการแข่งขันเพื่อให้ตัวเองขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 เพียงลำพังนั้นเป็นไปได้ยาก จึงทำให้เบอร์ 2 และเบอร์ 3 ต้องมาจับมือกัน ซึ่งทั้ง 2 ราย คงไม่ใช่มองการรวมกันแค่เรื่องเครือข่ายสัญญาณเพียงอย่างเดียว แต่มองถึงการสร้างแพลตฟอร์มธุรกิจร่วมกัน”

ด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการเจรจาเพื่อ Mergers and acquisitions หรือ M&A โดยกรณีของ “ทรู-ดีแทค” จะเป็นควบรวมแบบที่มีศักดิ์ศรีเท่ากันมีอำนาจการบริหารเท่ากันและถือสัดส่วนหุ้นเท่ากัน 

หากถ้าพิจารณาวิธีการที่จะขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นจะมี 3 วิธีการ คือ

1.การขยายธุรกิจด้วยตัวเอง

2.การทำ M&A

3.การหาพาร์ทเนอร์เพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น 

ทั้งนี้ การจะเลือกวิธีใดขึ้นกับความพร้อมของแต่ละบริษัท โดยท้ายที่สุดซีพีและเทเลนอร์เลือกใช้วิธีการ M&A 

"การควบรวมหรือการซื้อกิจการถือเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจเพราะไม่ได้มีแค่ซีพี ที่ใช้วิธีการควบรวมกิจการ ซึ่งล่าสุดได้ซื้อหุ้นของเทสโก้ในไทยและมาเลเซียหลังจากที่ถอนตัวจากการลงทุนในเอเชีย"

ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นบริษัทขนาดใหญ่ของไทยออกไปซื้อกิจการของบริษัทต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น เอสซีจี เซ็นทรัล กลุ่มไทยเบฟ ซึ่งมีเหตุผลส่วนหนึ่งเหมือนกัน คือ การทำตลาดในประเทศมีข้อจำกัดมากขึ้น แต่การเข้าไปซื้อกิจการได้จะต้องเป็นบริษัทที่มีความพร้อมด้านเงินทุนและบุคลากร รวมทั้งการทำธุรกิจข้ามชาติมีปัจจัย Geopolitics เข้ามาเกี่ยวข้องจึงทำให้มักจะเป็นบริษัทใหญ่ที่ทำเช่นนี้ได้

สำหรับ “เทคคอมพานี” คืออีกประเด็นที่ซีพีและเทเลนอร์ให้น้ำหนักกับการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจครั้งนี้ ซึ่งการจะทำให้ธุรกิจเติบโตมาขึ้นทำให้บิ๊กคอร์ปหมายแห่งในประเทศไทยประเทศเป้าหมายการเป็นเทคคอมพานี เพราะธุรกิจมือถือในประเทศไทยอยู่ในจุด “อิ่มตัว”

Adblock test (Why?)


เปิดกลยุทธ์ CP ผ่าทางตัน จุดอิ่มตัวธุรกิจโทรคมไทย - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

"กามา" รับไม่แฮปปี้ที่แยกทางบุรีรัมย์ , เปิดรับข้อเสนอทีมใหม่ - Goal.com

อเล็กซานเดร กามา กุนซือชาวบราซิล ยอมรับไม่เข้าใจที่ถูก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยกเลิกสัญญา หลังจบเกมบุกชนะ ลีโอ เชียงรายฯ 1-0 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 แซง ทรู แบงค็อกฯ เป็นแชมป์รีโว่ ไทยลีก ช่วงเลกแรก

กุนซือชาวบราซิล ถูก ปราสาทสายฟ้า ดึงกลับมาคุมทัพอีกครั้ง เมื่อช่วงกลางฤดูกาลที่ผ่านมา โดยพาทีมขยับจากอันดับ 10 มาจบอันดับ 2 ของตาราง ส่วนซีซั่นนี้ ก็พาทีมจบด้วยตำแหน่งแชมป์เลกแรก แต่ล่าสุดกลับถูกสโมสรยกเลิกสัญญาเป็นที่เรียบร้อย

กามา กล่าวถึงเรื่องนี้หลังจบเกมที่ เชียงราย ว่า “ก่อนอื่น ผมต้องขอบคุณบุรีรัมย์ ที่ให้โอกาสกลับมาทำทีมรอบสอง ขอบคุณแฟนๆ ที่ตามเชียร์เราตลอด”

“ผมทำงานในไทยมาเกือบ 8 ปี ผลงานไม่ดีที่สุดของผมคือการจบอันดับ 5 กับ เมืองทองฯ ส่วนครั้งนี้แม้ผมจะยังทำ บุรีรัมย์ ไม่ได้แชมป์ แต่เราก็เป็นจ่าฝูงเลกแรก ตามที่ทีม และ ผมต้องการได้”

“ผมไม่แฮปปี้ที่ต้องไป แต่ผมก็อยากขอบคุณ คุณเนวิน (ชิดชอบ) นักเตะ และ แฟนบอลบุรีรัมย์ ด้วย ตอนนี้ทีมต้องก้าวต่อไป ก็ไม่ต้องคิดมาก”

กุนซือมากแชมป์ชาวบราซิล ยังกล่าวถึงอนาคตการทำงานหลังจากนี้ว่า “ผมได้ยินข่าวลือที่เกิดขึ้นตามสื่อต่างๆ แต่ผมขอพูดความจริง ตอนนี้ผมยังไม่ได้รับข้อเสนอจากทีมไหนเลย ผมยังไม่รู้จะไปไหน และ ไม่ได้เตรียมตัวที่จะต้องออกจากที่นี่”

อ่านบทความต่อด้านล่าง

“แต่หากผมได้รับข้อเสนอจากทีมที่ตกเป็นข่าว ผมเชื่อว่าจะพาทีมไปเป็นแชมป์ได้ แต่ตอนนี้อนาคตผมยังไม่รู้จะไปที่ไหน หากไม่มีข้อเสนอผมจะกลับบราซิล เพราะไม่ได้เจอลูกสาวมา 2  ปีครึ่ง แต่หากมีข้อเสนอที่ดีก็จะอยู่เมืองไทยต่อ”

“แต่ตอนนี้ที่แน่ๆ ผมไม่เข้าใจเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราจบด้วยจ่าฝูง แต่ผมกลับต้องออกจากทีม” กามา ปิดท้าย

สำหรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เตรียมแต่งตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ อดีตกุนซือสมุทรปราการ ซิตี้ มาเข้ามาคุมทัพแทนในช่วงเลกสอง ที่จะกลับมาแข่งขันกันวันที่ 8 มกราคม 2564

Adblock test (Why?)


"กามา" รับไม่แฮปปี้ที่แยกทางบุรีรัมย์ , เปิดรับข้อเสนอทีมใหม่ - Goal.com
Read More

รู้ทันโรค! แพทย์เผย ผายลมทาง'องคชาต'เกิดขึ้นได้ เสี่ยงติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ - ข่าวสด

รู้ทันโรค! แพทย์เผย ภาวะผายลมหรืออุจจาระทางอวัยวะเพศชายสามารถเกิดขึ้นได้ ทว่าเสี่ยงติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ดร.การัน ราจ ศัลยแพทย์ประจำระบบสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ประเทศอังกฤษและผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในการแบ่งปันภูมิปัญญาทางการแพทย์บนแพลตฟอร์มติ๊กต็อก @dr.karanr

ดร. การัน เผยโรคหายากที่สามารถเกิดขึ้นกับคุณผู้ชายนั่นก็คือ อวัยวะเพศผายลม หรือมีลมออกมาทางองคชาต หลังจากมีผู้ติดตามตั้งคำถาม “ผู้ชายสามารถผายลมทางอวัยะเพศได้หรือไม่”

“เป็นไปได้ที่จะผายลมผ่าน ‘ท่อปัสสาวะ’ ทว่าอากาศในปัสสาวะอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะสุขภาพที่ค่อนข้างไม่ดีและมีความผิดปกติอย่างมหันต์ “

ภาพจาก dr.karanr

วิดีโอแสดงภาพที่บันทึกไว้ระหว่างการผ่าตัดซึ่งมีสารสีเหลืองแปลก ๆ ถูกผลักผ่านกระเพาะปัสสาวะของบุคคล โดยสารสีเหลืองดังกล่าวคือผายลมและอุจจาระจะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะจากลำไส้ใหญ่

ซึ่งดร.การันอธิบายว่า ภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นได้หากร่างกายมีการเชื่อมต่อที่ผิดปกติระหว่างลำไส้กับกระเพาะปัสสาวะ ถึงแม้ว่าภาวะดังกล่าวจะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นยาก แต่สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากภาวะลำไส้อักเสบ มะเร็ง หรือการฉายรังสี

ภาวะปัสสาวะมีอากาศ (Pneumaturia) การถ่ายอุจจาระ และผายลมจากอวัยะเพศอาจเป็นเรื่องเลวร้ายได้ เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTIs) ทางเดินระหว่างลำไส้ใหญ่และกระเพาะปัสสาวะ

เฮลท์ไลน์รายงาน เนื่องจากปัสสาวะมีลมเป็นอาการของภาวะอื่น ๆ และไม่ใช่อาการที่เกิดขึ้นเองทั้งหมดอาจมาพร้อมกับอาการดังต่อไปนี้ เช่น แสบร้อนขณะปัสสาวะ ปัสสาวะลำบาก หรือ ปัสสาวะเปลี่ยนสี

นับตั้งแต่วิดีโอดังกล่าวถูกแชร์ มีการรับชมวิดีโอมากกว่า 287,000 ครั้ง และผู้ชมกล่าวว่าพวกเขารู้สึกสยดสยองกับภาวะดังกล่าว

“ยินดีต้อนรับสู่เรื่องราวของสิ่งที่ฉันปรารถนาว่าฉันจะไม่เคยรู้” “โปรดเขียนว่าคำเตือนในครั้งต่อไป เพราะฉันไม่พร้อมสำหรับการได้รับรู้สื่งนี้!” “ปลดล็อกความกลัวใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว” “ฉันไม่คิดว่าภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ชายด้วย”

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการกังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งโรคหายากอย่างอุจจาระทางองคชาต หลั่งอสุจิทางทวาร สามารถอ่านได้ที่ (คลิก)

@dr.karanrReply to @blakeyd1999 💨🍆##learnontiktok ##schoolwithdrkaran♬ Runaway by Kanye Piano – Henry Cantu

ขอบคุณที่มาจาก Tiktok Healthline

Adblock test (Why?)


รู้ทันโรค! แพทย์เผย ผายลมทาง'องคชาต'เกิดขึ้นได้ เสี่ยงติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ - ข่าวสด
Read More

นายกฯตู่ “ใจร้อน หรือใจลอย กับแรงกดดันทางการเมือง - คมชัดลึก

เดือนพฤศจิกายน ไม่รู้เป็นเพราะ "ใจร้อน" หรือ "ใจลอย" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงเดินสะดุดบ่อย จนเกือบหัวทิ่มมาสอง-สามครั้งแล้ว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์อ้างว่า "ใจร้อน" คิดโน้นคิดนี้หลายเรื่อง และยืนยันว่าสุขภาพ ร่างกายยังแข็งแรงดี
     

แต่ปมหนึ่งที่ต้องคิดคือ จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนหมดวาระของสภา 4 ปี ในเดือนมีนาคมปี 2566 หรือจะยุบสภาก่อน
     

ประเด็นยุบสภาก่อนหมดวาระมาจากการที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มีการแก้ไขกติกาการเลือกตั้งใหม่ โดยกำหนดให้ ส.ส.มี 500 คน เป็น ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน จากเดิม ส.ส.เขตมี 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อมี 150 คน นอกจากนี้ยังกำหนดให้ใช้บัตรสองใบในการเลือกตั้ง คือเลือกพรรคกับเลือกคนให้แยกกัน

ปมเกี่ยวกับ "กฎหมายลูก" 2 ฉบับที่จะต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ คือ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง

ซึ่งยังทีรายละเอียดวิธีการนับคะแนน มีรายละเอียดเกี่ยวกับเบอร์ผู้สมัคร จะใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศ หรือเขตใครเขตมัน หรือจังหวัดใครจังหวัดมัน และรายละเอียดเกี่ยวกับการคำนวณคะแนนที่แต่ละพรรคจะมี ส.ส.ควรเขียนไว้ในกฎหมาย ไม่ใช่ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ไปคิดเอง ทำเอง และที่สูตรคิดให้มีบัตรเขย่ง มี ส.ส.จากพรรคจิ๋ว ที่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ เข้ามาในสภา
     

พรป.ทั้งสองฉบับ กกต.ยกร่างไว้ก่อนแล้ว เวลานี้อยู่ในขั้นตอนการทำความเห็นจากประชาชน ซึ่งเมื่อเสร็จจากทำความเห็นจากประชาชนแล้ว ก็จะส่งให้ ครม.พิจารณา ซึ่ง ครม.ก็จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฏีกาพิจารณาก่อนส่งให้สภาผู้แทนราษฏรให้ความเห็นชอบ

ส่วนพรรคฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ก็ยกร่างกฎหมาย พรป.ทั้งสองฉบับเสร็จแล้วเช่นเดียวกัน เตรียมเสนอเข้าประกบของ กกต. แต่ยังไม่เห็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ซึ่งน่าจะยึดฉบับของ กกต.เป็นหลัก
     

ประเด็นคือ ขบวนการออกกฎหมายทั้งสองฉบับจะใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะแล้วเสร็จ


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลด้านกฎหมายยืนยันว่าน่าจะเรียบร้อยในเดือนกรกฎาคม 2565 แต่ไม่ได้อธิบายถึงกรอบเวลาว่าต้องทำอะไร ช่วงไหนบ้าง

ขณะที่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ยืนยันว่าเพียง 4 เดือนก็จบแล้ว

หากนับจากเดือนธันวาคม 2564 ไปยังมีนาคม 2565 ก็น่าจะเรียบร้อยแล้วเท่ากับชี้ให้เห็นว่าเดือนมีนาคม-เมษายน 2565 จะเป็นหมุดหมายสำคัญทางการเมือง


คำถามก็คือ ธงของเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ปักโดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กับธงของเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งขีด โดยพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล อย่างไหนจะมีความเป็นไปได้กว่า

คำถามนี้คำตอบที่ทิ่มแทงไปนังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะจะเป็นเงื่อนเวลาในการใช้กติกาใหม่ในการเลือกตั้ง

โดยสากลเมื่อมีการแก้ไขกติกาการเลือกตั้งแล้ว ก็ควรจะยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งตามกติกาใหม่ ซึ่งอันนี้อาจเป็นเหตุให้ พล.อ.ประยุทธ์เดินสะดุดบ่อยหลังมีการประกาศและบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 แก้ไขเพิ่ม เติม พ.ศ.2564 ออกมาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นั่นเท่ากับเป็นสัญญาณอันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง

ฝ่ายเสนาธิการ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจเก่งในเรื่องการเตะถ่วง หน่วงดึงเวลาต่างๆในทางการเมือง เช่น หน่วงเหนี่ยวเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น จัดการเลือกตั้งทีละขยัก จนถึงป่านนี้ 8 ปีผ่าน กทม.ยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ เมืองพัทยาก็เช่นกัน ไม่มีใครให้คำตอบอะไรได้เลย

พล.อ.ประยุทธ์ อาจเล่นบทเช่นนั้นได้ในห้วง 5 ปีแรกหลังรัฐประหารเมื่อเดือน พฤษภาคม 2557 เพราะมี ม. 44 อยู่ในมือ แต่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็มิใช่แล้ว

นับจากเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปจึงเป็นห้วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตกอยู่ในสภาวะทางการเมืองยิ่งอีกครั้ง สัญญาณอันสะท้อนถึงแรงกดดันอย่างต่อเนื่องและรุนแรงยิ่งขึ้นเป็นลำดับ ถึงขั้นใจลอยเดินสะดุดครั้งแล้วครั้งเล่า


คำตอบของการเลือกตั้งจึงอยู่ที่เดือนมีนาคม-เมษายน และ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ควรใช้ยุทธวิธี “ยื้อ”อีกต่อไป
 #นายหัวไทร #มากกว่าข่าว

Adblock test (Why?)


นายกฯตู่ “ใจร้อน หรือใจลอย กับแรงกดดันทางการเมือง - คมชัดลึก
Read More

มาโน่ วางทางบอลสู้ศึก ซูซูกิ ทีมไทยลีกอยากได้ โจนาธาน- เจนภพ ติดทีมชาติ - ข่าวสด

ความเคลื่อนไหวของทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ภายใต้การวางเกมของ มาโน่ โพลกิ้ง โดยมี “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีม เตรียมทำศึกฟุตบอล “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ที่ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5 ธ.ค.64 – 1 ม.ค.65

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ล่าสุด มาโน่ โพลกิ้ง เผยถึงเรื่องเวลาการเตรียมทีมที่มีเวลารวมตัวกันค่อนข้างน้อย “ผมปรารถนาที่จะให้มันต่างไปจากนี้ ให้มีเวลานานกว่านี้ ในการช่วยงานของผมในฐานะโค้ช แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วก็ต้องตามนั้น เราเปลี่ยนแปลงตรงนั้นไม่ได้ ดังนั้นเราไม่ควรที่จะคิดย้อนกลับไป”


เทรนเนอร์ชาวบราซิลเชื้อสายเยอรมนี กล่าวอีกว่า “ตอนนี้เราต้องมองไปข้างหน้า นี่คือสิ่งที่เรามี เราจะวางแผนให้มันออกมาดีกว่านี้ได้อย่างไร “เราจะมีเวลาซ้อมแค่ 3 เซสชั่นที่สิงคโปร์ ที่ไทยเรามีเวลาซ้อม 2 วันซึ่ง 2 วันนี้สำหรับการฟื้นฟูร่างกาย เราต้องระวังไม่ให้นักเตะเกิดอาการบาดเจ็บ เพราะพวกเขาเพิ่งผ่านเกมในช่วงสุดสัปดาห์มา แต่เราจะมีการพูดคุยถึงรูปแบบการเล่น ดูวิดีโอ ดูสิ่งสำคัญ เราพยายามจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์สูงสุดเท่าที่จะทำได้” เฮดโค้ชวัย 45 ปี กล่าว


ทั้งนี้นักเตะทั้ง 24 คน ไม่รวม 6 แข้งที่จะตามมาสมทบทีมภายหลัง เตรียมที่จะเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดแบบ RT-PCR ในวันที่ 29 พ.ย.64 ที่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก่อนจะเข้ารายงานตัวที่โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ เวลา 15.00 น. และจะลงฝึกซ้อมในวันที่ 30 พ.ย.64 ก่อนจะเดินทางไปสิงคโปร์ในวันที่ 1 ธ.ค.64 ตามลำดับ

Sport Fyn สื่อประเทศเดนมาร์ก รายงานว่า มีสโมสรในไทยลีกอยากได้ โจนาธาน เข็มดี กองหลังลูกครึ่ง “ไทย-เดนมาร์ก” โดยมีการยื่นข้อเสนอเพื่อขอซื้อตัวแนวรับรายนี้แล้ว ด้านต้นสังกัดของนักเตะ อย่าง โอบี โอเดนเซ่ ตั้งค่าตัว 1 ล้านยูโร (ประมาณ 38 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญา

สำหรับ โจนาธาน เข็มดี เพิ่งมารับใช้ทีมชาติไทยในการแข่งขันฟุตบอลยู-23 ปีชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่ มองโกเลีย มีส่วนช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายที่ อุซเบกิสถาน ในปีหน้า นอกจากนี้ โจนาธาน เข็มดี เพิ่งถูกเรียกติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ในการลุยศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่สิงคโปร์อีกด้วย


ข่าวจากสมาคมฟุตบอลฯ เรียก เจนภพ โพธิ์ขี จาก โปลิศ เทโร เอฟซี ร่วมทัพช้างศึกลุยสิงคโปร์ หลัง ปกรณ์ เปรมภักดิ์ แนวรุกการท่าเรือได้รับบาดเจ็บต้องถอนตัว จากการที่ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ แนวรุกของสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ได้รับบาดเจ็บจากเกมที่ต้นสังกัดบุกชนะ หนองบัว พิชญ เอฟซี 1-0 ในศึกไทยลีกนัดสุดท้ายของเลกแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พ.ย.64 ที่ สนามพิชญ สเตเดี้ยม จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ช่วง 20 นาทีแรกของเกม ล่าสุด ปกรณ์ จำเป็นต้องขอถอนตัวจากชุดนี้ด้วยอาการบาดเจ็บที่หายไม่ทันแน่นอน ทำให้ทาง มาโน่ โพลกิ้ง เรียกตัว เจนภพ โพธิ์ขี แนวรุกวัย 25 ปีที่โชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมทำไปแล้ว 6 ประตูในไทยลีกช่วงที่ผ่านมา เข้ามาเสียบแทน

ขณะเดียวกันทางสโมสรโปลิศ เทโร เอฟซี ได้ออกมาขอแสดงความยินดีผ่านแฟนเพจหลักของสโมสรกับ “เจนภพ โพธิ์ขี” อวยพรขอให้เจ้าตัวประสบความสำเร็จ กับการติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ในครั้งนี้
สำหรับโปรแกรมของทีมชาติไทย กลุ่ม เอ วันที่ 5 ธ.ค.64 พบ ติมอร์ เลสเต เวลาไทย 16.30 น., วันที่ 11 ธ.ค.64 พบ พม่า 19.30 น., วันที่ 14 ธ.ค.64 พบ ฟิลิปปินส์ 16.30 น. และวันที่ 18 ธ.ค.64 พบ เจ้าภาพสิงคโปร์ 19.30 น. ถ่ายทอดสด ช่อง 7 HD

Adblock test (Why?)


มาโน่ วางทางบอลสู้ศึก ซูซูกิ ทีมไทยลีกอยากได้ โจนาธาน- เจนภพ ติดทีมชาติ - ข่าวสด
Read More

แผ่นดินไหว เขย่าเปรู ขนาด 7.5 ทางเหนือของเมืองบาร์รังกา - คมชัดลึก

ศูนย์แผ่นดินไหวยุโรป-เมดิเตอร์เรเนียน (EMSC) ระบุว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.5 ขึ้นที่ทางตอนเหนือของเปรู เมื่อช่วงเวลา 17:52น.ที่ผ่านมา (ตามเวลาในประเทศไทย)

แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นทางเหนือ ห่างจากเมืองบาร์รังกา (Barranc) เมืองชายฝั่งของจังหวัด บาร์รังกา (Barranc)ในเขต ลิม่า (Lima) ประเทศเปรู 45 กิโลเมตร ที่ระดับความลึก 80 กิโลเมตร ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

แผ่นดินไหว เขย่าเปรู ขนาด 7.5 ทางเหนือของเมืองบาร์รังกา

Adblock test (Why?)


แผ่นดินไหว เขย่าเปรู ขนาด 7.5 ทางเหนือของเมืองบาร์รังกา - คมชัดลึก
Read More

Saturday, November 27, 2021

กทม. เปิด 4 ช่องทาง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 31 ธ.ค. 64 - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

  1. กทม. เปิด 4 ช่องทาง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 31 ธ.ค. 64  ประชาชาติธุรกิจ
  2. กทม. เปิด 4 ช่องทาง กลุ่มเสี่ยงรับ "วัคซีนไข้หวัดใหญ่" ฟรีถึง 31 ธ.ค.64  กรุงเทพธุรกิจ
  3. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี กทม.เปิดลงทะเบียนผ่าน 4 ช่องทาง ถึง 31 ธ.ค.นี้  ฐานเศรษฐกิจ
  4. กทม. เปิด 4 ช่องทาง 10 กลุ่มเสี่ยง! ลงทะเบียนฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ฟรีถึงสิ้นปี  สยามรัฐ
  5. ดูเรื่องราวจากทุกช่องทางใน Google News

กทม. เปิด 4 ช่องทาง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 31 ธ.ค. 64 - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

กทม. เปิด 3 ช่องทางลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด ทุกกลุ่ม ทุกสัญชาติ - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

กทม. เปิด 3 ช่องทางลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด ทุกกลุ่ม ทุกสัญชาติ  ประชาชาติธุรกิจ
กทม. เปิด 3 ช่องทางลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด ทุกกลุ่ม ทุกสัญชาติ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

มติชนมติครู : โรงเรียนแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการ - มติชน

โรงเรียนแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการ (The School of Partnership for Excellence) เป็นโรงเรียนที่มีที่ตั้งที่แน่นอน โรงเรียนเป็นหุ้นส่วนระหว่างโรงเรียนกับแหล่งทรัพยากรของชุมชน โรงเรียนยังเน้นการบูรณาการด้านวิชาการ สุขภาพ บริการชุมชน พัฒนาเยาวชน พัฒนาชุมชน และสัญญาชุมชน (Community engagement) อันจะนำไปสู่การปรับปรุงการเรียนของนักเรียน การทำให้ครอบครัวแข็งแรง และชุมชนที่มีสุขภาพที่ดีที่สุด

ที่สำคัญ โรงเรียนควรนำเสนอหลักสูตรที่เฉพาะเหมาะสมแก่นักเรียนแต่ละคน (a personalized curriculum) อีกด้วย โดยหลักสูตรต้องเน้นการเรียนรู้โลกที่เป็นจริง (real world learning) และสามารถให้นักเรียนแก้ปัญหาได้ นอกจากนั้นโรงเรียนจะต้องเป็นศูนย์กลางของชุมชน เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียน โรงเรียนเปิดสอนตลอดวัน-ทุกวัน-ถึงตอนเย็น

โรงเรียนที่เป็นเลิศ หรือยอดเยี่ยมทางวิชาการนั้น ต้องเปิดโอกาสให้บุคคล และส่วนอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วม ได้แก่ เด็ก, เยาวชน, ครอบครัว, ชุมชน, ส่วนงาน (หน่วยงาน) และบริษัทเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ และพัฒนาทางวิชาการและกิจกรรมอื่นๆ ของโรงเรียน ทั้งนี้ เพื่อจูงใจให้เด็กพร้อมที่จะเข้าเรียนในโรงเรียน โรงเรียนควรสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้เกิดขึ้น, หาวิธีการว่าจะทำอย่างไรนักเรียนจึงมีความผูกพันกับโรงเรียน

หลักการสอนของโรงเรียนเป็นเลิศทางวิชาการ หลักการสอน หรือปรัชญาหารสอนของโรงเรียนเป็นเลิศทางวิชาการประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่ 1.พุทธิพิสัย (Cognitive Domain) 2.จิตพิสัย (Affective Domain) และ 3.ทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) รายละเอียดของหลักทั้ง 3 ประการ มีดังนี้

1.พุทธิพิสัย : เป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวกับสติปัญญา ความรู้ ความคิด หรือพฤติกรรมทางด้านสมองของบุคคล ซึ่งทำให้มีความฉลาด มีความสามารถในการคิดเรื่องต่างๆ ได้ พฤติกรรมด้านนี้ยังแบ่งออกเป็นพฤติกรรมย่อยๆ อีก 6 ระดับ คือ ความจำ หรือรู้ และจดจำ ความเข้าใจ นำไปใช้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่า

2.จิตพิสัย : เป็นพฤติกรรมทางด้านจิตใจ ซึ่งเกี่ยวกับค่านิยม ความซาบซึ้ง ทัศนคติ ความเชื่อ และคุณธรรม พฤติกรรมของผู้เรียนด้านนี้จะไม่เกิดขึ้นทันทีทันใด ดังนั้น การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนฅจึงต้องใช้วิธีปลูกฝัง จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และสอดแทรกสิ่งที่ดีงามอยู่ตลอดเวลา เพื่อทำให้พฤติกรรมของผู้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ที่พึงประสงค์ พฤติกรรมด้านจิตพิสัยนี้ ประกอบด้วย พฤติกรรมย่อย 5 ระดับ คือ การรับรู้ การตอบสนอง การเกิดค่านิยม การจัดระบบ และบุคลิกภาพ

3.ทักษะพิสัย : เป็นพฤติกรรมที่บอกถึงความสามารถในการปฏิบัติงานได้อย่างคล่องแคล่ว เกิดความชำนิชำนาญ ซึ่งสามารถแสดงออกได้โดยตรง โดยมีเวลา และคุณภาพของงานเป็นเครื่องชี้ระดับของทักษะ พฤติกรรมด้านทักษะพิสัย ยังแบ่งออกเป็นทักษะย่อยได้อีก คือการรับรู้ การลงมือปฏิบัติทำตามความถูกต้อง ความชัดเจนต่อเนื่องในการปฏิบัติ และแสดงพฤติกรรมเป็นประจำ เป็นอัตโนมัติ จนกลายเป็นธรรมชาติที่เคยชิน

องค์ประกอบที่ทำให้โรงเรียนเป็นเลิศทางวิชาการ มีความเจริญรุ่งเรือง ประกอบด้วย 1.ยึดแบบแผนตามประเพณีนิยม (Conventional School Model) 2.พันธกรณี 3 ประการ 3.เน้น 3C และ 4.พัฒนาด้านต่างๆ มีรายละเอียด ดังนี้

1.ยึดแบบแผนประเพณีนิยม : โรงเรียนต้องยึดแบบประเพณีนิยมของไทย โดยถ่ายทอดไปยังเด็ก ชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ประเพณี หรือธรรมเนียมการปฏิบัติที่ดีงามของคนไทย ได้แก่ ผู้น้อยต้องมีความเคารพผู้ใหญ่ ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ หรือผู้มีอาวุโส ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้น้อย หรือผู้มีอาวุโสน้อยกว่า, นักเรียนในโรงเรียนจะต้องเรียนรู้ กระทำตัวเป็นผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเพณีไทยเป็นกิจกรรมทางสังคมของคนไทย ที่ถือปฏิบัติกันสืบต่อมา เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นระเบียบแบบแผน ที่กำหนดขึ้นถือเป็นลักษณะเฉพาะของคนกลุ่มนั้นๆ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนาธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

2.พันธกรณี 3 ประการ : ประกอบด้วยพันธกรณี 3 ประการ ได้แก่ ก) พันธะทางวิชาการ (engaging instruction) คือ การกระทำข้อผูกพันทางวิชาการกับหน่วยงานทางการศึกษาอื่นๆ เช่น การทำ MOU ด้านการฝึกงานของนักศึกษาอาชีวศึกษากับบริษัทเอกชนยานยนต์ การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้านมาช่วยสอน หรือพัฒนาด้านวิชาการต่างๆ ให้แก่โรงเรียน ข) พันธกรณีทางชุมชน (Community engaging) ได้นำโรงเรียนสู่ชุมชน เป็นศูนย์กลางวิชาการให้แก่ชุมชน เช่น สอนการใช้คอมพิวเตอร์แก่ประชาชน เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้แก่เด็ก และประชาชนในชุมชน ค) พันธกรณีทางครอบครัว (Family engaging) ได้แก่ ความเกี่ยวข้องผูกพันกับผู้ปกครองนักเรียน ได้แก่ การออกไปเยี่ยมบ้านของนักเรียนต่างๆ เช่น การระบาดของ Covid-19) และการเชิญผู้ปกครองนักเรียนมาร่วมกิจกรรมของโรงเรียน เป็นต้น

3.เน้น 3C : ประกอบด้วย ก) เรียนต่อขั้นวิทยาลัย (College) ข) แนวทางอาชีพ (Career path) และ ค) ความเป็นพลเมืองดี (Citizen ship) อธิบายรวมทั้ง 3 ข้อได้ว่า โรงเรียนแห่งความเป็นเลิศ จะต้องมุ่งสอนเน้นให้นักเรียนได้เรียนต่อในขั้นวิทยาลัย (ซึ่ง College ในบางประเทศ หมายถึง การศึกษาระดับที่เด็กจบการศึกษาภาคบังคับอายุเกิน 16 ปี) เทียบของไทย คือ เด็กที่จบ ม.3 แล้วโรงเรียนสนับสนุนให้เรียนต่อถึง ม.6 หรือเทียบเท่าระดับ ปวช.ดังนั้น หลักสูตร ม.6 จึงต้องเน้นวิชาชีพมากกว่าวิชาการ และที่สำคัญ หลักสูตร ปวช.ในโรงเรียนอาชีวศึกษา จึงต้องตอบสนองสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเน้นด้าน IT (ไอที) ที่ทันสมัยทันความก้าวหน้าของโลก

สำหรับความเป็นพลเมืองที่ดีนั้น โรงเรียนต้องเป็นแหล่งสร้างสรรค์คุณธรรม มุ่งสอนให้เด็กมีลักษณะ ดังนี้

1.เคารพสิทธิ และเสรีภาพของตนเองและผู้อื่น 2.มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในครอบครัวในชุมชนและประเทศชาติ 3.มีใจกว้าง มีเหตุผล รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 4.มีคุณธรรม และจริยธรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน และ 5.มีจิตสาธารณะ คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว

และ 4.พัฒนาด้านต่างๆ : มีการพัฒนาด้านต่างๆ ได้แก่ ก) ด้านสุขภาพอนามัย และพัฒนาด้านสังคม ข) พัฒนาเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 8 ขวบ (early childhood development) และ ค) พัฒนาเยาวชน (youth development) เป็นต้น

Adblock test (Why?)


มติชนมติครู : โรงเรียนแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการ - มติชน
Read More

นักวิชาการ มธ. เสนอกลไกทางเลือกแก้ PM 2.5 - ไทยโพสต์

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ แนะ ควรให้ ‘อำนาจสั่งการ’ คกก.อากาศสะอาด ดำเนินมาตรการข้ามหน่วยงาน พร้อม ‘บูรณาการงบประมาณ’ ตามภารกิจ...