Rechercher dans ce blog

Saturday, April 30, 2022

กรมการขนส่งทางราง เร่ง ร.ฟ.ท.เปิดทางคู่สายใต้ - กรุงเทพธุรกิจ

นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางคู่สายใต้ โดยระบุว่า โครงการดังกล่างถือเป็นอีกหนึ่งโครงข่ายทางรางที่สำคัญ เพราะจะเพิ่มศักยภาพในการเดินทางและการขนส่งสินค้าสู่ภาคใต้ เชื่อมต่อไปกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย และเขตพัฒนาพิเศษภาคใต้ (SEZ) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีความคืบหน้าการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง

โดยสถานะความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม - ชุมพร ระยะทาง 421 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 โครงการ ดังนี้
1. ช่วงนครปฐม - หัวหิน แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่
- สัญญาที่ 1 (นครปฐม - หนองปลาไหล) ระยะทาง 93 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 97.087%
- สัญญาที่ 2 (หนองปลาไหล - หัวหิน) ระยะทาง 76 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 94.828%

2. ช่วงหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 99.870%

3. ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่
- สัญญาที่ 1 (ประจวบคีรีขันธ์ - บางสะพานน้อย) ระยะทาง 88 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 85.073%
- สัญญาที่ 2 (บางสะพานน้อย - ชุมพร) ระยะทาง 79 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 87.128%

โดยถ้านับภาพรวมของผลการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ถือว่าแล้วเสร็จไปกว่า 92.813% คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการการเดินรถทางคู่สายใต้ได้บางช่วงเฉพาะในเส้นทางหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 70 กิโลเมตร ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากการก่อสร้างช่วงดังกล่าวแล้วเสร็จ และมีความพร้อมเปิดให้บริการแบบกึ่งอัตโนมัติ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทาง แก้ปัญหาความล่าช้าของรถไฟสายใต้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การเดินรถจะไวขึ้น เร็วขึ้น เช่น จากเดิมการเดินทางเส้นทางกรุงเทพฯ - หัวหิน ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง เหลือเพียงประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง 

"งานโยธาช่วงไหนแล้วเสร็จมีความพร้อมที่จะเปิดบริการแบบกึ่งอัตโนมัติได้ก่อน เราก็จะเร่งให้ทำการเปิด เพราะต้องการลดผลกระทบจากงานก่อสร้างรถไฟทางคู่สายนี้ที่ทำให้ประชาชนที่ใช้บริกาารถไฟสายใต้ต้องได้รับความเดือดร้อน ใช้เวลาเดินทางมากขึ้น โดยในอีก 2-3 เดือนหลังจากนี้ กรมฯ ได้เร่งรัดให้การรถไฟฯ ทยอยเปิดบริการรถไฟทางคู่ และเพิ่มความเร็วขบวนรถตลอดทั้งปีนี้ ก่อนจะเปิดเต็มรูปแบบในปี 2566 เมื่อมีการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณแล้วเสร็จ"

นอกจากนั้น การลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าครั้งนี้ ยังตรวจสอบการก่อสร้าง "สถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่ ซึ่งเป็นสถานียกระดับที่มีทางเดินใต้สถานีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นหนึ่งในงานก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วง นครปฐม - ชุมพร (ช่วงหนองปลาไหล - หัวหิน)

โดยสถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่นี้ เป็นโครงสร้างยกระดับ มีที่ทำการและที่พักคอยอยู่ชั้นล่าง ชานซาลาอยู่ชั้นบน การออกแบบยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสถานีเดิมที่ออกแบบตามสถาปัตยกรรมวิกตอเรีย ซึ่งมีคุณค่าความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ถัดจากสถานีหัวหินเดินไปทางทิศใต้ โดยปัจจุบันมีความคืบหน้างานก่อสร้าง 80% งานตกแต่งสถาปัตยกรรม 30% และงานระบบไฟฟ้าและเครื่องของสถานี 20% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2565 ส่วนอาคารสถานีเดิมยังคงอนุรักษ์ไว้ จะพัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และทางรถไฟที่ผ่านสถานีเดิมยังใช้งานอยู่ โดยไว้สำหรับขบวนรถสินค้าและขบวนรถพิเศษในโอกาสสำคัญ

ขณะเดียวกัน ขร.ได้ลงพื้นที่ตรวจประเมินสถานีรถไฟหัวหิน ภายใต้กิจกรรมประกวด “สถานีดีพร้อม” โดยมีการประเมินโดยรวมทั้งหมด 8 ด้านประกอบไปด้วย
1.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เช่น การให้บริการที่จอดรถ ทางเข้า - ออก ในการรองรับ การใช้บริการ การจำหน่ายบัตรโดยสาร
2. ด้านการเชื่อมต่อ (Connectivity) เช่น การเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น
3. ด้านข้อมูลการเดินทางและประชาสัมพันธ์ (Information) เช่น ป้ายบอกทิศทางในสถานี การติดประกาศ/การให้ข้อมูลในการเดินทาง
4. ด้านความปลอดภัย (Safety and Security) เช่น มาตรการป้องกัน COVID – 19 การติดตั้งกล้องวงจรปิด ไฟส่องสว่าง หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทางออกฉุกเฉิน
5. ด้านความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวก (Comfort) เช่น ห้องน้ำ ร้านค้า/อาหาร/เครื่องดื่ม ความสามารถในการรองรับผู้มาใช้บริการ
6. ด้านการออกแบบตามหลัก Universal Design เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ
7. ด้านการให้บริการ (Customer Care) เช่น กิริยามารยาทและความสุภาพของเจ้าหน้าที่
8. ด้านสุนทรียภาพ (Aesthetic) เช่น สุนทรียภาพ อัตลักษณ์ หรือการจัดการสิ่งแวดล้อมของสถานี

ซึ่งในช่วงเดือนเม.ย. - พ.ค.นี้ จะมีการเดินสายตรวจประเมินคุณภาพทุกสถานีที่เข้าร่วมประกวดจำนวนทั้งสิ้น 43 สถานี แบ่งเป็น กลุ่มสถานีรถไฟฟ้าในเมืองและชานเมือง จำนวน 28 สถานี และกลุ่มสถานีรถไฟ ทั่วประเทศ จำนวน 15 สถานี เพื่อคัดเลือกอย่างเข้มข้น หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาในเดือนมิถุนายน และตัดสินการประกวดและมอบรางวัลในเดือน ก.ค.นี้

Adblock test (Why?)


กรมการขนส่งทางราง เร่ง ร.ฟ.ท.เปิดทางคู่สายใต้ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

กรมราง ลงพื้นที่ติดตามงานก่อสร้างทางคู่สายใต้ โชว์คืบหน้าทุกเส้น มั่นใจแล้วเสร็จจะทำให้การเดินรถเร็วขึ้น - มติชน

นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ขร. ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางคู่สายใต้ ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่เป็น Project Pipeline ที่มีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานะความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร ระยะทาง 421 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 โครงการ ดังนี้

1.ช่วงนครปฐม – หัวหิน แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 (นครปฐม – หนองปลาไหล) ระยะทาง 93 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงานร้อยละ 97.087 และสัญญาที่ 2 (หนองปลาไหล – หัวหิน) ระยะทาง 76 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงานร้อยละ 94.828

2.ช่วงหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 76 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงานร้อยละ 94.828

3.ช่วงประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 (ประจวบคีรีขันธ์ – บางสะพานน้อย) ระยะทาง 88 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน ร้อยละ 85.073 และสัญญาที่ 2 (บางสะพานน้อย – ชุมพร) ระยะทาง 79 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงานร้อยละ 87.128

โดยถ้านับภาพรวมของผลการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ (ช่วงนครปฐม – ชุมพร) ถือว่าแล้วเสร็จไปกว่า 99.98% ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการการเดินรถทางคู่สายใต้ (นครปฐม – ชุมพร) ได้บางช่วงเฉพาะในเส้นทางที่มีระบบอาณัติสัญญาณเท่านั้น และจะเป็นการเดินรถระบบกึ่งอัตโนมัติจากต้นทาง กทม. มายังสถานีหัวหิน ซึ่งการเดินรถจะไวขึ้น เร็วขึ้น จากเดิมใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง เหลือเพียงประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยเดือนพฤษภาคมนี้จะมีการคืนทางเดินรถให้แก่ประชาชน และจะมึการเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นปี 2565 นี้

นอกจากนั้น ยังมีการก่อสร้าง “สถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่ ซึ่งเป็นสถานียกระดับที่มีทางเดินใต้สถานีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นหนึ่งในงานก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วง นครปฐม – ชุมพร (ช่วงหนองปลาไหล – หัวหิน)โดยสถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่นี้ เป็นโครงสร้างยกระดับ มีที่ทำการและที่พักคอยอยู่ชั้นล่าง ชานซาลาอยู่ชั้นบน การออกแบบยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสถานีเดิมที่ออกแบบตามสถาปัตยกรรมวิกตอเรีย ซึ่งมีคุณค่าความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ถัดจากสถานีหัวหินเดิไปทางทิศใต้ โดยปัจจุบันมีความคืบหน้างานก่อสร้างร้อยละ 80 งานตกแต่งสถาปัตยกรรมร้อยละ 30 และงานระบบไฟฟ้าและเครื่องของสถานีร้อยละ 20 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2565 ทั้งนี้อาคารสถานีเดิมยังคงอนุรักษ์ไว้ โดยมีแผนที่จะพัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และทางรถไฟที่ผ่านสถานีเดิมยังใช้งานอยู่ โดยไว้สำหรับขบวนรถสินค้าและขบวนรถพิเศษในโอกาสสำคัญ

จากนั้น นายพิเชฐ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจประเมินสถานีรถไฟหัวหิน ภายใต้กิจกรรมประกวด “สถานีดีพร้อม” โดยมีการประเมินโดยรวมทั้งหมด 8 ด้านประกอบไปด้วย

1) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เช่น การให้บริการที่จอดรถ ทางเข้า – ออก ในการรองรับ การใช้บริการ การจำหน่ายบัตรโดยสาร

2) ด้านการเชื่อมต่อ (Connectivity) เช่น การเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น

3) ด้านข้อมูลการเดินทางและประชาสัมพันธ์ (Information) เช่น ป้ายบอกทิศทางในสถานี การติดประกาศ/การให้ข้อมูลในการเดินทาง

4) ด้านความปลอดภัย (Safety and Security) เช่น มาตรการป้องกัน COVID – 19 การติดตั้งกล้องวงจรปิด ไฟส่องสว่าง หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทางออกฉุกเฉิน

5) ด้านความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวก (Comfort) เช่น ห้องน้ำ ร้านค้า/อาหาร/เครื่องดื่ม ความสามารถในการรองรับผู้มาใช้บริการ

6) ด้านการออกแบบตามหลัก Universal Design เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ

7) ด้านการให้บริการ (Customer Care) เช่น กิริยามารยาทและความสุภาพของเจ้าหน้าที่

8) ด้านสุนทรียภาพ (Aesthetic) เช่น สุนทรียภาพ อัตลักษณ์ หรือการจัดการสิ่งแวดล้อมของสถานี

ซึ่งในช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2565 นี้ จะมีการเดินสายตรวจประเมินคุณภาพทุกสถานีที่เข้าร่วมประกวดจำนวนทั้งสิ้น 43 สถานี แบ่งเป็น กลุ่มสถานีรถไฟฟ้าในเมืองและชานเมือง จำนวน 28 สถานี และกลุ่มสถานีรถไฟ ทั่วประเทศ จำนวน 15 สถานี เพื่อคัดเลือกอย่างเข้มข้น หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาในเดือนมิถุนายน และตัดสินการประกวดและมอบรางวัลในเดือนกรกฎาคม 2565 ต่อไป

กรมการขนส่งทางรางจะทำหน้าที่กำกับดูแล ติดตาม การดำเนินการต่างๆเพื่อพัฒนาการขนส่งทางรางให้ประชาชนได้รับการบริการที่ดีขึ้น ตรงเวลา และปลอดภัย

Adblock test (Why?)


กรมราง ลงพื้นที่ติดตามงานก่อสร้างทางคู่สายใต้ โชว์คืบหน้าทุกเส้น มั่นใจแล้วเสร็จจะทำให้การเดินรถเร็วขึ้น - มติชน
Read More

ประชาธิปัตย์ แก้ข้อบังคับพรรค เพิ่มหมวดต่อต้านละเมิด-คุกคามทางเพศ - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

ประชาธิปัตย์ แก้ข้อบังคับพรรค เพิ่มหมวดต่อต้านละเมิด-คุกคามทางเพศ  ประชาชาติธุรกิจ
ประชาธิปัตย์ แก้ข้อบังคับพรรค เพิ่มหมวดต่อต้านละเมิด-คุกคามทางเพศ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

Friday, April 29, 2022

สรุปหุ้นเด่นทางเทคนิค (29/04/65) - efinanceThai

WIN 1.98 / 2.10 , 2.22 Cut loss 1.94 กราฟกลับตัว Cup & handle และราคายืนเหนือเส้น EMA 10 วันต่อเนื่อง รวมถึง MACD + RSI ชี้ขึ้นเป็นสัญญาณเชิงบวก บล.ฟิลลิป หุ้น แนวรับ/แนวต้าน คำแนะนำ BCPG 13.00 / 13.50 Cut loss 12.00 ซื้อเก็งกำไร ณ ราคา ATO จากราคายังยืนเหนือเส้น EMA 75 ซึ่งเป็นแนวรับคอยประคองราคาไว้ และ MACD เดินหน้าในแดนขาขึ้น จึงคาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นไปได้ โดยขายทำกำไรแถว 13.00 บาทและ 13.50 บาท ใช้จุดถอยระยะสั้นตัดขาดทุนแถว 12.00 บาท PSH 14.10 / 14.70 Cut loss 12.60 ซื้อเก็งกำไร ณ ราคา ATO จากราคาปรับตัวลงมาที่แนวรับของกรอบแถว 12.90 บาทและแท่งแท่งเทียนล่าสุดทำรูปแบบกลับตัวขึ้นระยะสั้นจึงเป็นจังหวะซื้อเก็งกำไร โดยขายทำกำไรแถว 14.10 บาทและ 14.70 บาท ใช้จุดถอยระยะสั้นตัดขาดทุนแถว 12.60 บาท SPRC 11.30 / 12.00 Cut loss 10.30 ซื้อเก็งกำไร ณ ราคา ATO จากราคาผ่านเส้น Downtrend ขึ้นมาด้วยแท่งเทียนที่มี Momentum เชงิบวกในขณะที่กลุ่มเส้น EMA เรียงกันเป็นขาขึ้น จึงคาดว่าราคาจะขึ้นไปต่อได้ โดยขายทำกำไรแถว 11.30 บาทและ 12.00 บาท ใช้จุดถอยระยะสั้นตัดขาดทุนแถว 10.30 บาท

Adblock test (Why?)


สรุปหุ้นเด่นทางเทคนิค (29/04/65) - efinanceThai
Read More

Thursday, April 28, 2022

สรุปหุ้นเด่นทางเทคนิค (28/04/65) - efinanceThai

ปิดตลาด TFEX ช่วงเช้า วันที่ 28 เม.ย. 65 สินค้า SET50 Index Futures มีปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 69,020 สัญญา

28 เมษายน 2565 12:33

Adblock test (Why?)


สรุปหุ้นเด่นทางเทคนิค (28/04/65) - efinanceThai
Read More

Wednesday, April 27, 2022

เปิดลายแทงก่อสร้างถนน 10 ปี “ทางเลี่ยงเมือง-วงแหวน” รับเศรษฐกิจฟื้นตัว มีรูป - ไทยรัฐ

กรมทางหลวง เดินหน้าเต็มพิกัดก่อสร้างโครงข่ายถนนวงแหวน-ทางเลี่ยงเมืองกว่า 57 แห่งทั่วประเทศไทย ทำคลอดแอ็กชันแพลนระยะยาว 10 ปี ระหว่างปี 2568-2578 ทั้งโครงการระยะสั้น กลาง ยาว รวม 25 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับการขยายตัวของเขตเมืองในจังหวัดหลักๆทั่วประเทศ ช่วยผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตยั่งยืน

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า จากที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน และเขตเมือง ภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆพื้นที่ของประเทศ ส่งผลทำให้โครงข่ายถนนทางหลวงเดิมที่มีอยู่กว่า 53,000 กิโลเมตร (กม.) ทั่วไทย และที่กระจายไปในพื้นที่ชุมชนต้องรองรับการจราจรที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บางเส้นทาง หรือบางช่วงที่ต้องผ่านตัวชุมชน เขตเมืองจราจรติดขัด

ขณะที่กรมทางหลวงก่อสร้างขยายช่องจราจรเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนแบบเต็มเขตทางไปแล้ว ทำให้ปัจจุบันไม่สามารถเพิ่มช่องจราจรได้อีก ขณะที่ความต้องการในการเดินทางยังสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการเดินทาง รวมถึงบางครั้งมีปัญหาอุบัติเหตุ ทำให้ผู้ใช้ทางในชุมชนไม่ได้รับความปลอดภัย

แก้รถติดเขตชุมชน-รับขยายเมือง

“ปัจจัยดังกล่าว ทำให้กรมทางหลวงต้องวางแผนพัฒนาก่อสร้างทางเลี่ยงเมือง-วงแหวนรอบนอกในจังหวัดหลักๆของประเทศที่มีอัตราการเติบโตปริมาณจราจรสูง เพื่อแยกปริมาณการจราจรที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางผ่านพื้นที่เมืองออกมา ซึ่งถนนทางเลี่ยงเมื่อทำแล้วจะช่วยลดจราจรติดขัด ลดปัญหาอุบัติเหตุ รวมถึงช่วยรองรับการกระจายความเจริญลงสู่ท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน”

ข้อดีของการก่อสร้างทางเลี่ยง หรือวงแหวนรอบนอกเขตเมือง ทำให้ไม่ต้องเดินทางผ่านชุมชน หรือเมือง แต่ข้อเสียอาจมีอยู่บ้างที่โครงการทางเลี่ยงเมืองใช้เวลาก่อสร้างที่นาน 6-10 ปี เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ขีดเส้นขึ้นมาใหม่ ต้องมีการเวนคืนที่ดิน

ทั้งนี้ การก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองและถนนวงแหวน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีทางเลี่ยงเมืองและถนนวงแหวนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จทั่วประเทศ 50 แห่ง รวม 984.633 กม. แบ่งเป็น ภาคเหนือ 13 แห่ง ระยะทาง 281.024 กม., ภาคกลาง 13 แห่ง ระยะทาง 189.437 กม., ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 17 แห่ง ระยะทาง 339.095 กม., ภาคใต้ 7 แห่ง ระยะทาง 175.077 กม.

เดินหน้าทางเลี่ยงเมืองเพิ่ม 7 แห่ง

ขณะที่ทางเลี่ยงเมืองและถนนวงแหวนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จปี 2566-2567 มีจำนวน 7 แห่ง ระยะทางรวม 145.525 กม. แบ่งเป็นโครงการในภาคเหนือ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 แห่ง คือ ทางเลี่ยงเมืองเชียงของ จ.เชียงราย ระยะทาง 9.103 กม.วงเงินก่อสร้าง 1,044 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค.2567 ภาคกลางอยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 แห่ง คือ ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ด้านตะวันออก ตอนแยกทางหลวงหมายเลข 117-บรรจบทางหลวงหมายเลข 225 ระยะทาง 20 กม. วงเงินก่อสร้าง 3,196 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.2567

สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 แห่ง ระยะทางรวม 95.040 กม.ประกอบด้วย 1.วงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา วงเงินงบประมาณ 7,650 ล้านบาท แล้วเสร็จในเดือน ก.ย.2566, 2.ทางเลี่ยงเมืองหนองคาย (ด้านตะวันออก) วงเงินงบประมาณ 2,893 ล้านบาท แล้วเสร็จในเดือน ส.ค.2566 และ 3.ทางเลี่ยงเมืองบึงกาฬ วงเงินงบประมาณ 1,714 ล้านบาท แล้วเสร็จเดือน มี.ค.2566

ภาคใต้ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 แห่ง ระยะทางรวม 21.382 กม. ประกอบด้วย 1.ทางเลี่ยงเมืองปัตตานี วงเงินงบประมาณ 1,851 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2567 และ 2.ทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ด้านตะวันออก วงเงินงบประมาณ 569 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จ เดือน เม.ย.2566

เปิดแอ็กชันแพลน 10 ปีโครงข่ายอนาคต

สำหรับการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงในอนาคต นอกจากสร้างถนนเพิ่ม ขยายเลน บำรุงรักษาถนนที่มีอยู่แล้ว ยังต้องให้ความสำคัญการพัฒนาทางเลี่ยงเมืองเป็นอันดับต้นๆ เพราะการพัฒนาโครงข่ายทางเลี่ยงเมือง และวงแหวนรอบนอกเขตเมือง จะช่วยให้เกิดการขยายโครงข่ายถนนอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด

ดังนั้น จึงได้มีการศึกษาเพื่อจัดทำแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง (Action Plan) ระยะยาว 10 ปี ในปี 2568-2578 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณเขตเมือง แบ่งการศึกษาเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 ศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นของโครงการทางเลี่ยงเมืองในอนาคตที่มีศักยภาพ โดยพิจารณาปัญหาการจราจร แนวโน้มการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม แนวโน้มการพัฒนาเมือง โดยบูรณาการร่วมกับการวางผังเมือง หน่วยงานในท้องถิ่น และชุมชน ส่วนที่ 2 วิเคราะห์ความคุ้มค่า และจัดลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อทำแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมืองทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

“แผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง และถนนวงแหวนในอนาคตระยะ 10 ปีที่วางไว้ จะกระจายสร้างทั่วไทย ซึ่งโครงข่ายมีทั้งแนวใหม่และเสริมโครงข่ายเดิมให้สมบูรณ์ 25 แห่ง ระยะทางรวม 484.05 กม. แบ่งเป็นภาคเหนือ 7 แห่ง ระยะทาง 116.6 กม., ภาคกลาง 4 แห่ง ระยะทาง 116.7 กม., ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่ง ระยะทาง 119.6 กม., ภาคใต้ 7 แห่ง ระยะทาง 131.15 กม.

Adblock test (Why?)


เปิดลายแทงก่อสร้างถนน 10 ปี “ทางเลี่ยงเมือง-วงแหวน” รับเศรษฐกิจฟื้นตัว มีรูป - ไทยรัฐ
Read More

ปูตินขู่ตอบโต้ทางทหาร แบบสายฟ้าฟาด ประเทศที่ แทรกแซงศึกยูเครน - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

ปูตินขู่ตอบโต้ทางทหาร แบบสายฟ้าฟาด ประเทศที่ แทรกแซงศึกยูเครน  ประชาชาติธุรกิจ
ปูตินขู่ตอบโต้ทางทหาร แบบสายฟ้าฟาด ประเทศที่ แทรกแซงศึกยูเครน - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

Monday, April 25, 2022

GISTDA สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม 5ปี ทะลุ 1.1 หมื่นล้าน - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

GISTDA สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม 5ปี ทะลุ 1.1 หมื่นล้าน  ประชาชาติธุรกิจ
GISTDA สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม 5ปี ทะลุ 1.1 หมื่นล้าน - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ทางรอดกระดานเทรด “คริปโทฯ” สร้างอีโคซิสเต็มส์ - ควบรวมธุรกิจ - กรุงเทพธุรกิจ

หลังจาก บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ส่ง “กัลฟ์ อินโนวา” (Gulf Innova) ผนึก “Binance Capital Management” ตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเข้าถือหุ้นสัดส่วน 51% และเตรียมขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กลางปี 2565

ขณะที่ รูปแบบบริการบนแพลตฟอร์มในระยะแรกจะซื้อขายเหรียญแบบ Spot trading แต่อนาคตพิจารณาขยายฟีเจอร์อื่นในรูปแบบที่ Binance ให้บริการในต่างประเทศ เช่น Derivative และการ Staking เหรียญ แต่ต้องขออนุญาต ก.ล.ต.ก่อน โดยช่วงนี้เตรียมตั้งบริษัทร่วมทุน และมีการหารือกับพาร์ทเนอร์ในไทย เช่น เอไอเอส มีฐานลูกค้ากว่า 40 ล้านราย และธนาคารพาร์ทเนอร์ ที่มีฐานลูกค้าเป็นจำนวน เกี่ยวกับกระบวนการ KYC เพื่อให้สะดวกรองรับการเปิดบัญชีของลูกค้า ซึ่งต้องทำปฏิบัติหลักเกณฑ์ ก.ล.ต.

แน่นอนว่าศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (แพลตฟอร์มเทรดคริปโทฯ) ในไทยจะแข่งขันรุนแรง โดยผู้ให้บริการแต่ละรายยังคง “อุบแผนการปรับกลยุทธ์” เตรียมรับศึกใหญ่ในระยะข้างหน้า เพราะตลาดนี้แก้เกมกันได้ง่ายมาก 

คงต้องรอติดตาม “แพลตฟอร์มใหม่ระหว่างกัลฟ์กับไบแนนซ์” สุดท้ายแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะยังต้องใช้อีกระยะเวลาหนึ่งในกระบวนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน และขอใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมก่อน น่าจะเริ่มเห็นเจ้าอื่นๆ เตรียมรับศึกรายใหม่ ที่ใหญ่ที่จะเข้ามา  “ชิงมาร์เก็ตแชร์” เป็นเบอร์หนึ่ง 

“ซิปเม็กซ์”เนื้อหอมรุมเจรจา

นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดเอ็กซ์เชนจ์เทรดคริปโทเคอร์เรนซี คงต้องปรับตัวรองรับการแข่งขัน โดยคาดว่าจะเน้นการทำธุรกิจในหลากหลายรูปแบบมากขึ้น และมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของตัวเอง เช่น กลุ่มเวลธ์ ที่ต้องการข้อมูลแน่น, กลุ่มสายเทรด เน้นความเร็วและสิทธิประโยชน์ต่างๆ

ในส่วนการควบรวมธุรกิจระหว่างแพลตฟอร์มเทรดในประเทศด้วยนั้น ต้องบอกว่าเราก็มีคนมาคุยด้วยตลอด หลายคน และเราคุยกับทุกคน หากมีความคืบหน้าจะรีบแจ้งให้ทราบแน่นอน  

หนุนควบรวมแพลตฟอร์มเทรด

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า รูปแบบของการรับมือเพื่อให้อยู่รอดไม่หายไปจากตลาดนี้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถอยู่คนเดียวได้ต้องได้เห็นการควบรวมของแพลตฟอร์มเทรดในไทยในระยะถัดไป ส่วนกลยุทธ์รับการแข่งขันเชื่อว่าทุกเจ้ามีอยู่แล้ว เพียงแต่รอดูผู้เล่นใหม่ที่จะเข้ามาก่อนว่าเป็นอย่างไร 

อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนการทำธุรกิจนี้ไม่ได้สูงมาก ดังนั้นบางธุรกิจที่เข้ามาในตลาดนี้ก็อาจไม่ได้ต้องแพลตฟอร์มที่เป็นธุรกิจหลักต้องทำกำไร เพียงแค่มี "แพลตฟอร์มของตัวเอง    “ เป็น ” เครื่องมือหนึ่ง เพื่อนำไปตอบโจทย์ต่อยอดธุรกิจอื่นในอนาคตก็ได้เช่นกัน  

สุดท้ายในตลาดนี้อาจมีหลากหลายแพลตฟอร์มไม่จำเป็นต้องเหลือแค่ 1-2 ราย เหมือนอย่างธุรกิจเทเลคอมที่มีต้นทุนที่สูงกว่ามาก และมีการแข่งขันที่ดุเดือดกว่า อีกทั้งแนวทางการกำกับดูแลตลาดคริปโทฯ ในไทยเชื่อว่าโอกาสการผ่อนปรนลงค่อนข้างที่จะยาก และจะมีเพิ่มเติมเข้ามามากขึ้น ตราบเท่าที่ประเทศอื่นๆ ยังไม่ทำ ยกเว้นในหลายประเทศเริ่มทำ ก็จะกลายเป็นแรงกดดันหน่วยงานกำกับไทยมากขึ้น 

ปั้นอีโคซิสเต็มส์ดิจิทัลแอสเสทในไทย 

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ตั้งเป้าหมาย “ขยายมาร์เก็ตแชร์” ในไทยหลายวิธี ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยเรียนรู้จากสิ่งที่ผ่านมา และเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าคนไทยให้ได้มากที่สุด เพราะสุดท้ายอยู่ที่ลูกค้าเป็นผู้เลือกใช้บริการ โดยไม่สนใจแบรนด์ เช่น  ขอแค่ให้เป็นแพลตฟอร์มที่เทรดเหรียญได้เร็วกว่า  

นอกจากนี้ ได้เปิดตลาดนอกประเทศได้ แต่เรามองว่าขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสม เพราะตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่โดนยึดจากผู้เล่นรายใหญ่ เช่น FTXexchange, Coinbase หรือ Binance

ขณะเดียวกัน ได้เปิดโอกาสเจรจาพันธมิตรรายใหม่ตลอด ซึ่งโฟกัสตลาดไทยเป็นหลัก เพราะในไทยเรามีจุดแข็ง ที่สามารถแข่งขันได้ ทั้งในเรื่องของเสถียรภาพ ความปลอดภัย และที่สำคัญเราถือเป็นผู้เล่นรายหนึ่งที่ปลุกปั้นตลาดนี้ขึ้นมาในไทยตั้งแต่ยังไม่มีกฎหมาย

ด้วยเป้าหมายสูงสุดของเราในการทำธุรกิจนี้คือ เป็นผู้กำหนด หรือ Key Player ที่กำหนดอีโคซิสเต็มส์สินทรัพย์ดิจิทัลให้เกิดขึ้นในประเทศไทย มากกว่าการเป็นยูนิคอร์น เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า เมื่อทำธุรกิจจุดหนึ่ง สุดท้ายแล้ว ก็สามารถเป็นยูนิคอร์นได้อยู่แล้ว จึงไม่ได้กดดันว่าต้องไปถึงจุดนั้นเร็วหรือช้า แต่ต้องการให้ภาคธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 5% ของจีดีพี  เพราะมองว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยผูกกับการท่องเที่ยวมากเกินไป เมื่อมีวิกฤติเข้ามาเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากภาคการท่องเที่ยวมาก

แต่หากสร้างนักพัฒนาคนไทยที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เหมือนนักพัฒนาในซิลิคอนวัลเลย์  แม้มีวิกฤติคนเหล่านี้ก็ยังทำงานได้ และสามารถให้บริการคนทั่วโลก โดยที่คนเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเดินทางมาเมืองไทย สามารถช่วยสร้างเศรษฐกิจไทยได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการท่องเที่ยวอย่างเดียว ซึ่งเราในฐานะภาคเอกชนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ก็จะค่อยๆ พัฒนาอีโคซิสเต็มส์ส่วนนี้ให้เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต   

“ทีโอดี”ชี้อีก 3 ปีเหลือรายใหญ่ 3 รายที่มีกำไร 

นายพีรเดช ตันเรืองพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ อัพบิต ในฐานะประธานสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดผู้ให้บริหารศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทยระยะข้างหน้า คาดว่า น่าจะมีการควบรวมกันเอง หรือหาพาร์ทเนอร์ต่างธุรกิจที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก เช่น ธุรกิจแบงก์หรือเทเลเคอม หรือหาพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ และในระยะ 3 ปีข้างหน้า คาดว่าผู้เล่นในตลาดที่มีกำไร เพียง 3 รายใหญ่ จากปัจจุบันมี 7-8 ราย

พร้อมกันนี้จะเห็นการแข่งขันการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาในตลาด ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ได้ และการแข่งขันค่าธรรมเนียมยังคงอยู่

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์

Adblock test (Why?)


ทางรอดกระดานเทรด “คริปโทฯ” สร้างอีโคซิสเต็มส์ - ควบรวมธุรกิจ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Sunday, April 24, 2022

เก๋งเสียหลักชนเสาไฟ พุ่งตกข้างทางดับ 3 เจ็บ 1 สลดสาวตายทั้งกลม - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


เก๋งเสียหลักชนเสาไฟ พุ่งตกข้างทางดับ 3 เจ็บ 1 สลดสาวตายทั้งกลม - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

หุ้นรับเหมาผลงานแจ่มสวนทางอุตฯ กำไรโต 122 - 202% - Post Today

นักวิเคราะห์มองนักลงทุนประเมินหุ้นผู้ประกอบการรับเหมาต่ำเกินจริง หลังจากที่กำไรโต 122 - 202%

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินว่า ช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็นกลุ่มที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ เห็นตรงกันว่า “ไม่ค่อยน่าสนใจลงทุน” เพราะโครงการภาครัฐมีกำไรน้อย-ล่าช้า แถมมีการปิดไซต์ก่อสร้างจากโควิด จนมาถึงปัญหาด้านต้นที่สูงขึ้น

โดยปี 2564 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง 27 บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 2,346 ล้านบาท ลดลงเฉลี่ย 69% จากปี 63 โดยมีถึง 13 บริษัทกำไรลดลงตั้งแต่ 7 - 2,125% ทั้งนี้มี 9 บริษัทมีผลขาดทุน ซึ่ง 5 บริษัทพลิกขาดทุนในปี 64 และมี 1 บริษัทขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปี 63 ขณะที่มี 3 บริษัทขาดทุนลดลง

อย่างไรก็ตามเมื่อดูเป็นรายตัวพบว่ามี 6 บริษัทที่กำไรสุทธิเติบโตสวนกลุ่มอุตสาหกรรมระดับ 122 - 202 % ซึ่งถือว่ามีความน่าสนใจ ในแง่การปรับตัวต่อปัจจัยลบต่างๆ ที่รุมเร้า ประกอบด้วย

ทั้งนี้มี 2 บริษัทรับเหมาที่กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่

บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง (CIVIL) หุ้นรับเหมาก่อสร้างน้องใหม่ ที่ประกาศกำไร 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 122% จากปี 63 และเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี (62-63-64) สาเหตุมาจากการรับรู้รายได้ถึง 5,063 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

"ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า ปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 20-30% หรือแตะ 6,000 - 6,500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือแล้ว 1.57 หมื่นล้านบาท รับรู้ปีนี้ถึงปี 67 ยังไม่รวมงานใหม่ที่จะเข้ามาต่อเนื่องทดแทนที่ส่งมอบไปในปีนี้ คาดว่าสิ้นปี 65 จะมีงานในมือระดับ 1.5 - 2 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนงานมาจากภาครัฐ 95% ซึ่งคาดว่าจะทยอยเปิดประมูลต่อเนื่อง ตามนโยบายรัฐที่เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนปัจจัยเสี่ยงด้านราคาวัสดุก่อสร้างที่ผันผวน มีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนการทำงานให้สอดรับกับสถานการณ์ต้นทุนต่างๆ ที่ผันแปร ส่วนโควิดมองว่าคลี่คลายดีขึ้นมากแล้ว ซึ่งบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องเหมาะสม จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนักช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ CIVIL เป็น Construction Tech ที่มุ่งเน้นการพัฒนาบริการจัดการงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีการก่อสร้างสมัยใหม่ มีความปลอดภัย สามารถใช้งานได้จริงและเหมาะสมกับงาน เพื่อสร้าง Economy of Speed หรือ การมีระยะเวลาการก่อสร้างที่ชัดเจนและรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มอัตราการทำกำไรให้อยู่ในระดับสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในและภายนอกจากพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้าง S-Curve ให้กับธุรกิจในอนาคต

บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น (SRICHA) มีกำไรสุทธิปี 64 ที่ 342 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบไม่ต่ำกว่า 5 ปี และเติบโตต่อเนื่องถึง 141% จากปี 63 ที่ทำได้ 142 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากการรับรู้รายได้รับเหมาเพิ่มขึ้นถึง 62% และรายได้จากงานบริการเพิ่มขึ้นถึง 23% จากปีก่อน

โดยปี 64 มีรายได้รวม 2,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 55% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 13.86% จากปี 63 ที่ 9.08% สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการจัดการมาร์จิ้น

ขณะที่มี 4 บจ.พลิกกำไรก้าวกระโดด ที่ผลการดำเนินงานปี 64 พลิกมีกำไรจากปี 63 ขาดทุน ประกอบด้วย

บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) พลิกมีกำไรมูลค่าสูงสุด 320 ล้านบาท จากปี 63 ขาดทุนระดับ 837 ล้านบาท จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้งานล่าช้าส่งผลต่อการรับรู้รายได้ ขณะเดียวกันรายได้จากส่วนงานให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ก็ลดลง นอกจากนี้มีรายจ่ายการด้อยค่าสินทรัพย์หลายรายการ และมีค่าเสียหายจากคดีความ รวมถึงมีประมาณการหนี้สินระยะยาว

แต่ในปี 64 มีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นหลังโควิดคลี่คลายทำให้ส่งมอบงานได้เป็นปกติ ขณะเดียวกันบริษัทย่อยมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรับรู้รายได้ถึง 136 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 201% ที่สำคัญไม่มีรายการพิเศษเหมือนปี 63 ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว คือ รายจ่ายการด้อยค่าสินทรัพย์, ค่าเสียหายจากคดีความ และประมาณการหนี้สินระยะยาว

บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) พลิกมีกำไร 153 ล้านบาท จากปี 63 ขาดทุน 441 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่บริษัทได้ปรับกลุยทธ์ควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร ส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นเป็น 8.5% จากปี 63 ที่ 1.1% ขณะเดียวกันมีการรับรู้รายได้โครงการต่างๆ เพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย จึงทำให้ผลประกอบการพลิกมีกำไร

บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) พลิกมีกำไร 153 ล้านบาท จากปี 63 ขาดทุน 194 ล้านบาท เพราะโควิด-19 ทำให้การส่งมอบงานขนาดใหญ่ล่าช้า กระทบการรับรู้รายได้ แต่ปี 64 สถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้กลับมาส่งมอบงานได้ปกติ ขณะเดียวกันมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 63 ถึง 565% รวมถึงมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายการขายและบริหารปี 64 อยู่ที่ 161 ล้านบาท แต่ปี 63 อยู่ที่ 278 ล้านบาท

บมจ.บางกอก เดค-คอน (BKD) พลิกกำไร 92 ล้านบาท จากปี 63 ขาดทุน 90 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้พิเศษจากการขายหุ้น "โกลด์ ชอร์ส" ที่ดำเนินธุรกิจน้ำประปา ทำให้รับรู้กำไรถึง 99 ล้านบาท และมีกำไรจากการยกเลิกสัญญา 15 ล้านบาท

"นุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า ปี 65 ผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะธุรกิจกลับมาดำเนินได้ปกติเหมือนก่อนโควิด-19 แล้ว โดยมีงานในมือรอรับรู้รายได้กว่า 1.7 พันล้านบาท พร้อมเตรียมเจาะตลาดโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงลูกค้าบ้านเศรษฐีที่มีกำลังซื้อสูง

Adblock test (Why?)


หุ้นรับเหมาผลงานแจ่มสวนทางอุตฯ กำไรโต 122 - 202% - Post Today
Read More

รัสเซียโจมตีคลังเก็บอาวุธทางภาคใต้ยูเครน - ข่าวไทยพีบีเอส

กองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีคลังเก็บอาวุธที่ได้รับมาจากชาติตะวันตก ในเมืองโอเดสซาทางภาคใต้ของยูเครน ขณะที่ผู้นำยูเครนประกาศว่าจะยุติการเจรจาสันติภาพทันที หากรัสเซียยังเดินหน้าสังหารทหารและพลเรือนในเมืองมารีอูโพล

วันนี้ (24 เม.ย.2565) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในเมืองโอเดสซา เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังจากรัสเซียยิงขีปนาวุธ 2 ลูก โจมตีพื้นที่ทางการทหารและอาคารที่พักอาศัย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 คน และบาดเจ็บอีก 18 คน ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ส ยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตได้

กระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธความแม่นยำสูง โจมตีคลังเก็บอาวุธ ที่ได้รับมาจากสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรป ในเมืองโอเดสซา

ขณะที่อาคารสูงอย่างน้อย 4 ชั้น ในเมืองคาร์คีฟทางภาคตะวันออกของยูเครน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังจากอาคารแห่งนี้ ตกเป็นเป้าการโจมตี จนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้

ผู้นำยูเครนแถลงข่าวในสถานีรถไฟใต้ดิน

ด้านโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน จัดการแถลงข่าวภายในสถานีรถไฟใต้ดินกรุงเคียฟต่อหน้าสื่อมวลชนหลายสำนัก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ผู้นำยูเครนเปิดเผยว่า แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาและลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา จะเดินทางเยือนกรุงเคียฟในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น นอกจากนี้ยังยื่นคำขาดว่าจะยกเลิกการเจรจาสันติภาพ ในกรณีที่รัสเซียสังหารทหารและพลเรือนยูเครนในเมืองมารีอูโพล หรือจัดการลงประชามติแยกตัวเป็นอิสระในพื้นที่ใดก็ตาม

อ่านข่าวอื่น ๆ 

ผู้นำรัสเซียยกเลิกแผนบุก-สั่งล้อมโรงงานเหล็กยูเครน

เซี่ยงไฮ้สั่งกักตัวย่านหรู-ย้ายชุมชนรับมือโควิด

เปิดภาพ! ชาวเมียนมาต่อคิวซื้อน้ำมัน-รัฐบาลปัดขาดแคลนเชื้อเพลิง

Adblock test (Why?)


รัสเซียโจมตีคลังเก็บอาวุธทางภาคใต้ยูเครน - ข่าวไทยพีบีเอส
Read More

ผงะ! พบศพหนุ่มใหญ่นอนตายปริศนา ศาลาริมทางหน้าวัด - บ้านเมือง

วันอาทิตย์ ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2565, 10.46 น.

ร.ต.อ. วิโรจน์ โครงกาพย์รอง สว.(สอบสวน)สภ. จุน จ.พะเยา  รับแจ้งเหตุมีคนนอนเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ใกล้ศาลาที่พักริมทาง บริเวณหน้าวัดปัจฉิมวาส หมู่13 ต.หงส์หิน อ.จุน จ.พะเยา หลังรับแจ้งรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.จุนและชุดกู้ภัยกวนอู ,ข่าวสารกู้ภัย ไทยแลนค์

ที่เกิดเหตุพบร่างนายสุทัด ต่างใจ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 268 บ้านสักทุ่ง หมู่ที่3 ต.หงส์หิน อ.จุน จ.พะเยา  นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าศาลาริมทางหน้าวัดปัจฉิมวาส ในสภาพนอนหงายสวมกางเกงขายาวสีเทาเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงิน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์นิติเวช ได้เข้าทำการตรวจชันสูตรพลิกศพ ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด และตรวจหาเชื้อ covid19 ไม่พบเชื้อจึงได้นำร่างผู้เสียชีวิตส่ง รพ.จุน เพื่อทำการชันสูตรศพก่อนมอบให้กับทางญาติ มันไปจัดการตามประเพณีจะไป

จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่าได้พบผู้เสียชีวิตนั้นนอนเสียชีวิตตั้งแต่เวลา 17.00 นจึงได้ทำการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และทางญาติผู้เสียชีวิต ได้บอกคนเสียชีวิตมีโรคประจำตัวเป็นโรคตับ  การเสียชีวิตทางญาติไม่ติดใจแต่อย่างใด ทางชุเกู้ภัยจึงได้ทำการบรรจุศพและมอบให้ญาติไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป สำหรับการเสียชีวิต แพทย์ลงความเห็น เกิดระบบหัวใจล้มเหลวและโรคประจำตัว 

Adblock test (Why?)


ผงะ! พบศพหนุ่มใหญ่นอนตายปริศนา ศาลาริมทางหน้าวัด - บ้านเมือง
Read More

Saturday, April 23, 2022

ความคุ้มครองทางสังคมของ "แรงงานนอกระบบ" ในไทย | TDRI - กรุงเทพธุรกิจ

 จุดเริ่มต้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากความยากจน และขยายไปสู่การจัดหาความมั่นคงทางรายได้และการคุ้มครองแรงงานจากการว่างงาน ซึ่งรวมถึงสิทธิประโยชน์ของประกันสังคม การแทรกแซงตลาดแรงงาน และการเชื่อมโยงไปยังเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals) ของกลุ่มแรงงานที่มีนายจ้าง

สำหรับความคุ้มครองทางสังคมของประเทศไทยกำเนิดขึ้นในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง (Asian Financial Crisis) ปี 2540 มุ่งเน้นการนำโครงข่ายความคุ้มครองทางสังคม (Social Safety Nets) มาใช้ในการพัฒนาสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของประชาชนในขณะนั้น หลังการเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งประเทศไทยได้มีการทบทวน พัฒนาหรือเสริมความแข็งแกร่งแก่ระบบความคุ้มครองทางสังคมของประเทศมากขึ้น  

ปัจจุบันประเทศไทยมีระบบความคุ้มครองทางสังคม 2 รูปแบบ ได้แก่ 

(1) สวัสดิการทางสังคม (Social Assistance หรือ Social Welfare) เป็นระบบที่ภาครัฐเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนเป็นหลัก ไม่มีการร่วมจ่ายเงินสมทบ (Non-contributory) ใด ๆ จากประชาชน ผ่านการจัดสรรสวัสดิการขั้นพื้นฐาน (Basic Social Services) ที่ไม่เป็นรูปของตัวเงินให้แก่ประชาชน

 เช่น โครงการเรียนฟรี 15 ปี และประกันสุขภาพถ้วนหน้า และความช่วยเหลือทางสังคม (Social Assistance) มีการสนับสนุนในรูปของตัวเงิน เช่น โครงการอุดหนุนบุตร เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพคนพิการ และเงินบรรเทาภัยพิบัติ เป็นต้น 

 (2) ประกันสังคม (Social Insurance) เป็นระบบที่ประชาชนจะต้องมีการร่วมสมทบเงินมีทั้งกรณีภาคบังคับและภาคสมัครใจ เช่น แรงงานในระบบจะกลายเป็นผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมมาตรา 33 ต้องสมทบเงินรายเดือนเป็นกรณีภาคบังคับ

สำหรับประกันสังคมภาคสมัครใจได้มีการผลักดันจากภาครัฐให้ครอบคลุมไปยังแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีสวัสดิการรองรับในหลายมิติ เช่น ประกันสังคมมาตรา 40

การเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจในอดีตที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นการเปิดเผยความเปราะบางของสังคมในหลายมิติ แต่ยังคงทิ้งบทเรียนสำคัญที่ท้าทายสำหรับภาครัฐ ในการรับมือและวางแผนจัดการกับระบบสวัสดิการสำหรับประชาชนหากเกิดวิกฤตเช่นเดียวกันในอนาคต รวมถึงปัญหาพื้นฐานที่สำคัญคือ สวัสดิการหรือคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น 

จากการระบาดของ COVID-19 ทำให้เห็นว่า ยังมีผู้สูงอายุจำนวนมากอาศัยอยู่คนเดียวตามลำพังหรืออยู่อาศัยกับผู้สูงอายุรุ่นเดียวกันมากขึ้น และยากที่จะเข้าถึงสวัสดิการต่าง ๆ ในขณะนั้น โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบที่กำลังจะกลายเป็นผู้สูงอายุในอนาคตยังไม่ได้รับความคุ้มครองทางสังคมเพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างมีคุณภาพ  

ความคุ้มครองทางสังคมของ "แรงงานนอกระบบ" ในไทย | TDRI

ทีดีอาร์ไอทำการสำรวจความคิดเห็นแรงงานนอกระบบภายใต้ชุดสวัสดิการเดิมที่มีอยู่พบว่า ประชาชนไม่มีความพึงพอใจต่อสวัสดิการแบบเดิมรวมถึงประกันสังคมมาตรา 40 

หลังจากนั้นมีการนำเสนอชุดสวัสดิการรูปแบบใหม่ ที่มีการออกแบบสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้น 

ชุดสวัสดิการรูปแบบใหม่นี้ เป็นสวัสดิการรูปแบบประกันสังคม (Social Insurance) ที่คำนึงถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐานของเงินบำนาญและการดูแลระยะยาวเป็นหลัก โดยจำลองเงินบำนาญจำนวน 3,000 บาทต่อเดือนเป็นอย่างต่ำเพื่อให้มีความเพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับเส้นความยากจนระดับประเทศ และความคุ้มครองของการดูแลระยะยาว  

สิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ เงินปันผลเพื่อสร้างแรงจูงใจและเป้าหมายในการออม โดยเห็นถึงผลตอบแทนของการสมทบในทุก ๆ ปี การเข้าถึงวัคซีนในโรคอุบัติใหม่ และเงินชดเชยการนอนโรงพยาบาล เพื่อสนับสนุนลักษณะการประกอบอาชีพของแรงงานนอกระบบ ที่ได้รับเงินตอบแทนไม่คงที่หรือเป็นรายได้รายวัน 

ความคุ้มครองทางสังคมของ "แรงงานนอกระบบ" ในไทย | TDRI

ชุดสวัสดิการรูปแบบใหม่สร้างความพึงพอใจ และประชาชนสนใจเข้าร่วมกองทุนกว่าร้อยละ 65  ชุดสวัสดิการรูปแบบใหม่กำหนดระยะเวลาในการสมทบ 20 ปี โดยการกำหนดเงินสมทบมูลค่า 1,000 บาทต่อเดือน และ 2,000 บาทต่อเดือน อยู่ระหว่างค่าเฉลี่ยเงินออมของกลุ่มตัวอย่าง อีกทั้ง มูลค่าปัจจุบันของเงินออม (Present Value) ในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าลดลง

อย่างไรก็ตาม ความยั่งยืนทางการคลังของรัฐบาลในอนาคต เป็นประเด็นที่ทีดีอาร์ไอทำการวิเคราะห์ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ภาครัฐมีการกู้ยืมเงินเพื่อใช้แก้ปัญหาด้านสาธารณสุขและฟื้นฟูเศรษฐกิจ 

อีกทั้งได้รับแรงกดดันจากการเข้าสู่สังคมสูงอายุและหนี้สาธารณะที่สะสมมาตั้งแต่อดีตทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มสูงขึ้นจนใกล้ถึงกรอบเพดานที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 60 ในปี 2564 รัฐบาลจำเป็นต้องปรับเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 70 การปรับเปลี่ยนนโยบายการคลังเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนความไม่ยั่งยืนทางการคลัง 

จากการประเมินฉากทัศน์สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ด้วยการตั้งข้อสมมติการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเชื่อมโยง 3 ปัจจัย ได้แก่ ดอกเบี้ยนโยบาย อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ และสัดส่วนเงินสดก่อนชำระหนี้ต่อ GDP 

ในฉากทัศน์หนี้ปกติที่การดำเนินนโยบายไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จะเกินกรอบเพดานที่ตั้งไว้ตั้งแต่ ปี 2576 เป็นต้นไป หรือความยั่งยืนทางการคลังเริ่มส่งสัญญาณไปในทิศทางที่ไม่ดี  

ในกรณีที่เพิ่มชุดสวัสดิการรูปแบบใหม่ โดยให้รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณทั้งหมด รัฐบาลจำเป็นต้องจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อรักษาความยั่งยืนทางการคลัง ช่องทางการจัดเก็บรายได้ที่เหมาะสมคือ การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 10 ทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณสองแสนล้านบาท  

อย่างไรก็ตาม การใช้รูปแบบการร่วมจ่ายเงินสมทบระหว่างรัฐบาลและผู้เข้าร่วมโครงการ น่าจะเป็นทางออกที่ส่งผลดีต่อภาระทางการคลังของภาครัฐ และเป็นการส่งเสริมด้านการออมให้กับผู้เข้าร่วมโครงการที่เป็นกลุ่มแรงงานนอกระบบ

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการการจัดทำนโยบายและมาตรการและวิเคราะห์ภาระทางการคลังต่อชุดสวัสดิการเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมสูงอายุของแรงงานนอกระบบ ทำการสำรวจทัศนคติของแรงงานนอกระบบของไทย สนับสนุนโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
คอลัมน์ วาระทีดีอาร์ไอ
อลงกรณ์ ฉลาดสุข
อุษณีย์ ศรีจันทร์
กันต์ ธีระพงษ์
นักวิจัย ฝ่ายวิเคราะห์ตลาดแรงงาน
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) 

Adblock test (Why?)


ความคุ้มครองทางสังคมของ "แรงงานนอกระบบ" ในไทย | TDRI - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ทภ.2 ขอโทษเหยื่อทหารโพสต์ อนาจารคุกคามทางเพศ พร้อมฟันวินัย-อาญา - กรุงเทพธุรกิจ

23 เม.ย.2565 พล.ต.สมบัติ จินดาศรี รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะ โฆษกกองทัพภาคที่ 2  กล่าวถึงกรณีมีทหารหน่วยหนึ่งโพสข้อความอนาจาร ลักษณะคุกคามทางเพศ จนทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่ามีกำลังพลได้กระทำพฤติกรรมดังกล่าวจริง โดยผู้กระทำความผิดคือ ส.อ. นพนิติ ชุมนา ตำแหน่ง พลขับรถ สังกัด กองพันทหารม้าที่ 6 กรมทหารม้าที่ 6 (ม.6 พัน6 ) ได้โพสผ่านแอพพลิเคชันไลน์ ไปยังผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 21 เม.ย.65 

จากเหตุดังกล่าว ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยต้นสังกัด ดำเนินการทันที คือ 1. ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ข้อเท็จจริง และดำเนินการทางวินัยต่อไป 2. นำ ส.อ.นพนิติ ไปพบผู้เสียหาย เพื่อขอโทษคู่กรณี และ 3.ปัจจุบัน ผู้บังคับหน่วยของกำลังพลดังกล่าว ได้ประสานกับ นายภัทรินทร์ (น้องใบเตย)เพื่อทำความเข้าใจ และชี้แจงการดำเนินการของหน่วย พร้อมทั้งขอโทษที่มีกำลังพลของหน่วยประพฤติไม่เหมาะสม ซึ่งนายภัทรินทร์ มีความเข้าใจ ในการดำเนินการของหน่วย และไม่ติดใจดำเนินคดี

สำหรับ ส.อ.นพนิติ ได้ยื่นใบลาออกจากราชการ ตั้งแต่ เดือน มี.ค. 2565 ที่ผ่านมาปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดำเนินการด้านเอกสารที่หน่วยต้นสังกัด 

“กองทัพภาคที่ 2 ขอแสดงความเสียใจ และขอโทษต่อผู้เสียหาย จากการที่กำลังพลของหน่วย ประพฤติไม่สมควร ซึ่งที่ผ่านมา หน่วยได้เน้นย้ำต่อกำลังพลทุกระดับในเรื่องการให้เกียรติและการรักษาภาพลักษณ์ต่อบุคคลภายนอก รวมถึงความเหมาะสมในการโพสต์ข้อความสื่อออนไลน์ต่างๆ ในโลกโซเชียลมา”โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าว

พล.ต.สมบัติ กล่าวอีกว่า กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยจะไม่มีการปกปิด หรือให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิดแต่อย่างใด 

Adblock test (Why?)


ทภ.2 ขอโทษเหยื่อทหารโพสต์ อนาจารคุกคามทางเพศ พร้อมฟันวินัย-อาญา - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Friday, April 22, 2022

ฟังทางนี้!!คลังเปิดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ - กรุงเทพธุรกิจ

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้กำหนดคุณสมบัติสำหรับผู้ที่สามารถลงทะเบียนรับสวัสดิการรัฐเพิ่มเติม (บัตรคนจน) รอบใหม่ปี 2565 ซึ่งกระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนในเร็วๆนี้ โดยบุคคลที่เข้าข่ายต้องมีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

บุคคลที่เข้าข่ายไม่ได้รับสิทธิ คือ

ภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ (เว้นแต่บุคคลดังกล่าวได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ สมาชิกวุฒิสภา

ในส่วนของรายได้นั้น ผู้ลงทะเบียนต้องมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง รายได้เฉลี่บของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 ต่อคนต่อปี ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมรายได้ของผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียนหารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว

สำหรับทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และ ตราสารหนี้ภาครัฐ โดยทรัพย์สินทางการเงินของผู้ลงทะเบียนมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวผู้ลงทะเบียนมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณทรัพย์สินทางการเงินของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมมูลค่าทรัพย์สินทางการเงินของผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียนหารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว

ด้านอสังหาริมทรัพย์นั้น ผู้ลงทะเบียนต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ดังนี้ 1.ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง(บ้านพร้อมที่ดิน) กรณีที่อยู่อาศัยอย่างเดียว บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา , ห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร

กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่

2.ที่ดินแยกที่อยู่อาศัย ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่ ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่

นอกจากนี้ จะต้องไม่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือมีหนังสือดังกล่าว แต่เมื่อรวมกับกรณีที่อยู่อาศัยและที่ดินข้างต้น จะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่ หรือ 10 ไร่ แล้วแต่กรณี ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง

ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนที่มีรายชื่อเป็นเกษตรกรตามฐานข้อมูลของหน่วยงานของรัฐหรือได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้ถือว่าผู้ลงทะเบียนใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร

สำหรับอสังหาริมทรัพย์ของผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน จะต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์หรือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง(บ้านพร้อมที่ดิน) ในกรณีอยู่อาศัยอย่างเดียวนั้น กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวแยกจากกัน ไม่ว่า จะเป็นบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา

กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา

กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดแยกจากกันไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร

กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมกันไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร

กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือ ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่

สำหรับที่ดินแยกที่อยู่อาศัยนั้น ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่ ในกรณีที่ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่

ต้องไม่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือมีหนังสือดังกล่าว แต่เมื่อรวมกับอสังหาริมทรัพย์ข้างต้นจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่ หรือ  20 ไร่ แล้วแต่กรณี ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง

ทั้งนี้ หากมีผู้ลงทะเบียนหรือสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียนอย่างน้อย 1 คน มีรายชื่อเป็นเกษตรกรตามฐานข้อมูลของหน่วยงานรัฐหรือได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรให้ถือว่าผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียนใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร

นอกจากนี้ ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีบัตรเครดิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง และต้องไม่มีหนี้สินสำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และ วงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท

Adblock test (Why?)


ฟังทางนี้!!คลังเปิดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

แบงก์กำไรพุ่งถ้วนหน้า วิกฤต 'รัสเซีย-ยูเครน' กระทบทางอ้อม - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

แบงก์กำไรพุ่งถ้วนหน้า วิกฤต 'รัสเซีย-ยูเครน' กระทบทางอ้อม  ประชาชาติธุรกิจ
แบงก์กำไรพุ่งถ้วนหน้า วิกฤต 'รัสเซีย-ยูเครน' กระทบทางอ้อม - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

คดีทางเพศตัวเลขพุ่ง แต่ยอดจริง “พีคยิ่งกว่า” - ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ประเด็นล่วงละเมิดทางเพศกำลังเป็นกระแสสังคม หลังจากมีข่าวฉาวอดีตนักการเมืองนามสกุลดังและอดีตรองหัวหน้าพรรคใหญ่เอี่ยวคดีคุกคามทางเพศ มีเหยื่อหญิงสาวนับสิบรายทะยอยเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนข้อเท็จจริงเป็นเช่นไรอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม 

และหลังกรณีดังกล่าวตกเป็นข่าวครึกโครมเกิดคำถามตามมาว่า เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ทำไมผู้ถูกกระทำเพิ่งออกมาแสดงตัว ซึ่งหากพิจารณาอิงตามมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม ระบุว่ากว่าที่ผู้เสียหายจะยอมเปิดใจเปิดเผยออกมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อาจเพราะถูกข่มขู่ หวาดกลัว หรือผู้กระทำมีอำนาจทางสังคม เป็นคนใกล้ชิด รวมทั้ง หากเปิดเผยความจริงออกไปครอบครัวจะเสียใจ
สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่าผู้หญิงในทุกสังคมต้องเผชิญปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และความรุนแรงทางเพศต่อเนื่อง โดยประเทศไทยมีสถิติความรุนแรงต่อผู้หญิงสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ตามข้อมูลระว่าผู้หญิงถูกละเมิดทางเพศ ถูกกระทำความรุนแรงทางร่างกายหรือจิตใจ ไม่น้อยกว่า 7 คนต่อวัน และมีสถิติผู้หญิงที่เข้ารับการบำบัดรักษา แจ้งความร้องทุกข์ประมาณปีละ 30,000 คน 

สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เปิดเผยา ร้อยละ 87 ของคดีการถูกล่วงละเมิดทางเพศไม่เคยถูกรายงาน และจากการสำรวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อผู้หญิง และบุคคลในครอบครัวของไทยระดับประเทศ พบความรุนแรงต่อผู้หญิงและบุคคลในครอบครัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34.6 ในปี 2560 เป็นร้อยละ 42.2 ในปี 2563 โดยประเภทความรุนแรงสูงสุด คือ ความรุนแรงทางด้านจิตใจ คิดเป็นร้อยละ 32.3 รองลงมา คือ ความรุนแรงทางร่างกายร้อยละ 9.9 และความรุนแรงทางเพศร้อยละ 4.5

และหากย้อนสำรวจข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับสถิติคดีข่มขืนเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552 - 2556 โดยเฉลี่ย 4 ปี ตำรวจมีการรับแจ้งความคดีข่มขืน 4,000 คดีต่อปี หรือ ทุก 2 ชั่วโมงต่อคดี และคาดการณ์ว่าอาจมีคดีข่มขืนจริงเกิดขึ้นกว่า 30,000 คดีต่อปี หรือทุก 15 นาทีต่อคดี เท่ากับว่ามีเหยื่อถูกข่มขืนไม่ได้เข้าแจ้งความมากถึงร้อยละ 87 ขณะที่ตัวเลขการนำคนผิดมาลงโทษทำได้เพียง 2,400 คดีต่อปี

โดยปี 2552 มีเหตุข่มขืนเกิดขึ้นมากถึง 4,895 ราย มีการจับกุมผู้กระทำผิดได้เพียงครึ่งเดียว หรือประมาณ 2,457 ราย ขณะที่ตั้งแต่ปี 2553 - 2556 ตัวเลขรับแจ้งมีเหยื่อถูกข่มขืนลดลงมาเรื่อยๆ โดยในปี 2553 มีการรับแจ้งเหตุ 4,400 ราย ปี 2554 รับแจ้งเหตุ 3,800 ราย ปี 2555 รับแจ้ง 3,572 ราย และปี 2556 รับแจ้ง 3,276 ราย ส่วนสถิติการจับกุมตลอด 4 ปี ยังไม่สามารถนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้ทั้งหมด

มีการศึกษาเรื่องรูปแบบพฤติกรรมการกระทำความผิดทางเพศ พบว่าการพัฒนาพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศของผู้ต้องหาแต่ละคนจะแตกต่างกัน ทั้งอายุ ภูมิหลัง บุคลิกภาพ ความเชื่อ ทัศนคติ และทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งการเลี้ยงดู, ประสบการณ์ในวัยเด็ก, ประสบการณ์การเรียนรู้จากการกระทำในครั้งก่อน, ความคาดหวังทางการรับรู้, สิ่งเร้าจากสภาพแวดล้อม, ความเชื่อ, และการพิจารณาชั่งน้ำหนักถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ สำเร็จ หรือล้มเหลว เป็นต้น

บทความเรื่อง “การข่มขืน” บางส่วนเกิดจากปัญหาทางอารมณ์จริงหรือ? ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ RAMA Channel อธิบายว่า จากการวิเคราะห์สาเหตุหรือแรงจูงใจที่ทำให้เกิดปัญหา พบว่า การเลี้ยงดูถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างพื้นฐานนิสัยให้กับเด็ก นำไปสู่การดำเนินชีวิต หรือการกระทำต่อผู้อื่น โดยในกลุ่มคนที่ก่อเหตุข่มขืนผู้อื่น อาจต้องมองย้อนกลับไปถึงพื้นฐานครอบครัวในตัวบุคคลนั้นว่าเป็นอย่างไร มีการเลี้ยงดูแบบไหน หรือเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบใด อาจเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ทะเลาะกัน ใช้ความรุนแรงต่อกัน หรือพ่อแม่ที่อาจใช้ความรุนแรงต่อตัวลูก เช่น ดุด่าว่ากล่าวด้วยถ้อยคำที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึก การทุบตี การใช้กำลัง รวมถึงการใช้อารมณ์ เป็นต้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความรุนแรงทางด้านอารมณ์ให้กับตัวบุคคล ซึ่งนำไปสู่การสร้างปัญหาในที่สุด

สรุปได้ว่าส่วนหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการก่อเหตุก็ คือ ปัญหาทางด้านอารมณ์ บุคคลเหล่านั้นอาจมีอารมณ์ที่รุนแรง อันเกิดจากพฤติกรรมความก้าวร้าวที่มาจากการเลี้ยงดูของครอบครัว หรือการซึมซับความรุนแรงในสังคมที่ตัวเองเป็นอยู่ บางรายอาจมีปัญหาทางด้านสมอง ขาดสติปัญญาในการตัดสินใจ จึงทำอะไรลงไปโดยไม่คิดให้รอบคอบนัก และทั้งหมดนี้คือปัญหาที่แท้จริงและนำไปสู่การสร้างปัญหา

ขณะที่ในมุมของเหยื่อผู้ถูกกระทำ สร้างบาดแผลในจิตใจอาจเผชิญกับภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง หรือ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) เพราะผ่านเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างร้ายแรง ก่อให้เกิดมีความเครียดทางด้านจิตใจชนิดรุนแรงมาก ต้องทนทุกข์ทรมาน ส่งผลกับการใช้ชีวิตประจำวัน

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์  โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่าถึงประเด็นการคุกคามทางเพศ หรือ Sexual Harassment ในปัจจุบัน เกิดขึ้นบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นด้วยคำพูด ด้วยท่าทาง สัมผัสทางร่างกาย โดยการกระทำต่างๆ นั้น การคุกคามทางเพศนั้นมีทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การพูดจาลวนลามผู้หญิง หรือชาย การแอบสัมผัสร่างกาย โดยที่ผู้ถูกสัมผัสไม่ยินยอม หรือการแสดงความคิดเห็นรวมถึงการสนทนาในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หรือ การแอบถ่ายคลิปผู้อื่นไปใช้ในทางเสียหาย อาจเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือโรงเรียน ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอันตรายแก่ร่างกายและกระทบกระเทือนจิตใจของผู้เสียหายได้

ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช. ก.) เปิดเผยว่าคดีข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศ และความรุนแรงต่อผู้หญิง สถิติการเกิดเหตุมักจะต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องด้วยผู้เสียหายมักจะไม่มาแจ้งความ ซึ่งปัญหานี้เป็นเหมือนกันในหลายประเทศทั่วโลก อาจด้วยหลายสาเหตุปัจจัย เช่น ถูกข่มขู่ กลัวเสียชื่อเสียง

ทั้งนี้ กรณีผู้เสียหายในคดีข่มขืนเหตุการณ์ล่วงเลยมาเป็นปีแล้วเพิ่งมาแจ้งความนั้น ส่งผลต่อการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ พยานหลักฐานจากผู้เสียหาย พยานหลักฐานจากผู้ต้องหา พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบกับความเห็นของเเพทย์ที่ได้ตรวจร่างกาย สามารถนำมาใช้ในกระบวนการตามกฎหมายได้ การเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจร่างกายผู้เสียหาย การตรวจร่างกายผู้ต้องหา หรือการเก็บพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุ มักจะต้องเก็บพยานหลักฐานให้เร็วที่สุด เพื่อให้พยานหลักฐานสูญหายไปน้อยที่สุด

แม้เหตุการณ์การถูกกระทำความผิดทางเพศล่วงเลยมานานเเล้ว การเก็บพยานหลักฐานจากตัวบุคคลอาจจะทำได้ยากขึ้น เนื่องจากอาจจะมีการเปลี่ยนทางด้านร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเพศ สารคัดหลั่ง หรือบาดแผลต่างๆ แต่ในส่วนของพยานหลักฐานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความการแชทพูดคุย ภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ กล้องวงจรปิด พยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ พยานหลักฐานแวดล้อมต่างๆ เหล่านี้ยังคงเป็นพยานหลักฐานที่เป็นสำคัญในการนำไปประกอบในการดำเนินคดีให้ศาลพิจารณาได้เช่นกัน

พล.ต.ท.จิรภพ ยกตัวอย่างคดีล่วงละเมิดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคดีที่มีลักษณะคล้ายกับคดีอดีตนักการเมืองดังที่กำลังตกเป็นจำเลยสังคมในเวลานี้ โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2560 The New York Times และ The New Yorker ได้รายงานว่ามีผู้หญิงหลายสิบคนกล่าวหานายฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) อดีตโปรดิวเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงฮอลลีวู้ด ว่าถูกข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศในช่วงระยะเวลาอย่างน้อยสามสิบปี ต่อมาก็ได้มีเหยื่อที่ทำงานในวงการภาพยนตร์กว่า 80 รายก็ได้กล่าวหานายฮาร์วีย์ ไวน์สตีน เพิ่มเติม ถึงการล่วงละเมิดทางเพศ โดยไม่ได้รับความยินยอม

โดยศาลสูงของนครลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้มีการลงโทษจำคุกนายฮาร์วีย์ ไวน์สตีน เป็นเวลา 23 ปี ในคดีข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อในระหว่างปี 2547-2556 รวมทั้งสิ้น 11 คดี โดยหากการพิจารณาคดีพบการกระทำความผิดกับเหยื่อรายอื่นๆ อีก ศาลก็จะมีการตัดสินลงโทษเพิ่มเติม จากกรณีดังกล่าวได้วางบรรทัดฐานของการพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศในประเทศสหรัฐอเมริกาไว้ได้อย่างน่าสนใจ

Adblock test (Why?)


คดีทางเพศตัวเลขพุ่ง แต่ยอดจริง “พีคยิ่งกว่า” - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Thursday, April 21, 2022

วันนี้วันอะไร วันทรัพย์สินทางปัญญาโลก ตรงกับวันที่ 26 เมษายน - TNN Online

“วันทรัพย์สินทางปัญญาโลก” ตรงกับวันที่ 26 เมษายนของทุกปี เป็นวันที่รณรงค์ให้คนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา

รู้หรือไม่ ทุกวันที่ 26 เมษายนเป็น “วันทรัพย์สินทางปัญญาโลก” ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก ซึ่งมีฐานะเป็นองค์กรระหว่างประเทศภายใต้องค์การสหประชาชาติ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513

ขณะที่สมาชิกในองค์กรเล็งเห็นว่า ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเรื่องที่สำคัญแต่ประชาชนทั่วไปยังขาดความรู้ และไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมไปถึงละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงได้จัดตั้งวันทรัพย์สินทางปัญญาโลกขึ้นเพื่อให้ประชาชนคนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา

ทรัพย์สินทางปัญญาคืออะไร 

ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึง ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพย์สินอีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น นาฬิกา รถยนต์ โต๊ะ 

ทรัพย์สินทางปัญญาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 

  ลิขสิทธิ์

  ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม 

ลิขสิทธิ์ (Copyright) หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะกระทำการใด ๆ กับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น ไม่ว่างานดังกล่าวจะแสดงออกในรูปแบบอย่างใด โดยประเภทของงานอันมีลิขสิทธิ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ได้แก่

1.1) วรรณกรรม (รวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์)

1.2) นาฏกรรม

1.3) ศิลปกรรม

1.4) ดนตรีกรรม

1.5) โสตทัศนวัสดุ

1.6) ภาพยนตร์

1.7) สิ่งบันทึกเสียง

1.8) งานแพร่เสียงแพร่ภาพ

1.9) งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ

นอกจากนี้กฎหมายลิขสิทธิ์ยังให้ความคุ้มครองถึงสิทธิของนักแสดงด้วย ทั้งนี้การคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่

ครอบคลุมถึงความคิด ขั้นตอน กรรมวิธี ระบบ วิธีใช้ วิธีทำงาน แนวความคิด หลักการ การค้นพบ ทฤษฎีทาง

วิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์

ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial Property) หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่เกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ ความคิดสร้างสรรค์นี้อาจ เป็นความคิดในการประดิษฐ์คิดค้น ซึ่งอาจจะเป็นกระบวนการหรือเทคนิคในการผลิต ที่ได้ปรับปรุงหรือคิดค้นขึ้นใหม่ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เป็นองค์ประกอบและรูปร่างของตัวผลิตภัณฑ์ 

ที่มาข้อมูลhttp://www.ipthailand.go.th/

ที่มาภาพ : AFP

Adblock test (Why?)


วันนี้วันอะไร วันทรัพย์สินทางปัญญาโลก ตรงกับวันที่ 26 เมษายน - TNN Online
Read More

“พาณิชย์” เซ็น MOU จุฬาฯ ดันใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ - ผู้จัดการออนไลน์



“สินิตย์” เป็นประธานลงนาม MOU ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมมือกันส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ เผยเตรียมช่วยชี้เป้าแนวโน้มเทคโนโลยี ก่อนนำไปพัฒนาเป็นผลงานใหม่ และใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านทรัพย์สินทางปัญญา ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ ว่า การลงนามใน MOU ครั้งนี้เป็นการจับมือกันระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมกันสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ และนักวิจัย นักประดิษฐ์ไทย โดยใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ

สำหรับแนวทางความร่วมมือ กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะสนับสนุนนักวิจัย นักประดิษฐ์ นิสิต และผู้ประกอบการไทยในเครือข่ายของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ โดยจะช่วยในการจัดทำรายงานวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยีจากฐานข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยรู้แนวโน้มเทคโนโลยีโลก ทิศทางการพัฒนาสินค้า และสามารถนำมาใช้ในการวิจัย พัฒนา และประดิษฐ์คิดค้นผลงานทรัพย์สินทางปัญญาใหม่ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ต่อไป

นอกจากนี้ จะช่วยสนับสนุนผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่มีการประดิษฐ์คิดค้นแล้วในเชิงพาณิชย์ โดยมีผลงานทรัพย์สินทางปัญญาที่โดดเด่น เช่น นวัตกรรมเคลือบพื้นผิวทุกชนิดที่มีความต้านทานการกัดกร่อน การพัฒนาคุณภาพน้ำบาดาลให้ดื่มได้ เท้าเทียมช่วยเหลือคนพิการในการเคลื่อนไหว และนาโนแคลเซียมคาร์บอเนตในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางช่วยปกป้องผิว เป็นต้น

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศที่มีศักยภาพ ทั้งด้านทรัพยากรบุคคล และมีผลงานวิจัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด อีกทั้งมีเครือข่ายผู้ประกอบการที่เข้มแข็งกว่า 300 บริษัท ด้วยความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้มีการคิดค้นทรัพย์สินทางปัญญาใหม่ๆ แต่ยังจะช่วยต่อยอดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดประโยชน์ในทางเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น

Adblock test (Why?)


“พาณิชย์” เซ็น MOU จุฬาฯ ดันใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Wednesday, April 20, 2022

PDPA ทางเลือกทางรอด ไปต่อได้หรือไม่ | ศุภวัชร์ มาลานนท์ - กรุงเทพธุรกิจ

รวมถึงข้อกังวลที่กฎหมายลำดับรองต่าง ๆ ยังไม่ออกมาใช้บังคับอีกด้วย ซึ่งก็เป็นเสียงสะท้อนที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้ความสำคัญและควรพิจารณาอย่างรอบด้าน ผู้เขียนในฐานะนักวิชาการจึงขอแสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางออกร่วมกัน ดังนี้

(1) PDPA เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายที่เป็นระเบียบใหม่ของโลก การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรฐานสากล เป็นประเด็นที่จะถูกนำมาเป็นข้อกำหนดและเงื่อนไขเพื่อกีดกันทางการค้าได้ในอนาคต 
 

การใช้บังคับของกฎหมายที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ๆฟจะช่วยส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยในภาพรวม หนึ่งในมาตรฐานสูงสุด ณ ขณะนี้ได้แก่ GDPR ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป ที่เป็นต้นแบบสำคัญของ PDPA ของไทย ดังนั้น การมีสภาพบังคับของ PDPA จึงเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ในแง่ของการมีกฎหมายที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล

(2) GDPR ใช้บังคับในเขตเศรษฐกิจยุโรปและสหภาพยุโรปรวม 30 ประเทศ หากรวมกับ UK GDPR ด้วย (แม้ว่าจะ Brexit แล้วแต่ยังใช้กฎหมายที่เป็นฉบับเดียวกับ GDPR ในเชิงเนื้อหา) จะรวมเป็น 31 ประเทศที่ใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน GDPR จึงกลายเป็นกฎหมายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ณ ขณะนี้

เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดในการที่ประเทศอื่นๆ นอกสหภาพยุโรปจะได้รับประโยชน์หรือไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการใช้บังคับ GDPR อย่างเข้มงวดของสหภาพยุโรป คือ การที่ประเทศเหล่านั้น (รวมถึงประเทศไทย) มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ 
 

เห็นได้ชัดเจนจากการที่ข้อมูลจากยุโรปประสบปัญหาทางกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถส่งหรือโอนไปที่สหรัฐอเมริกาได้ตามปกติ สร้างผลเสียหายทางเศรษฐกิจต่อผู้ประกอบการจำนวนมาก รวมทั้งที่อยู่ในห่วงโซ่การให้บริการด้วย 

อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดี Schrems I และ Schrems II จนสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาเพิ่งสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันในเรื่อง EU-US Data Transfer ได้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2656   

PDPA ทางเลือกทางรอด ไปต่อได้หรือไม่ | ศุภวัชร์ มาลานนท์

แน่นอนว่าสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบภายในของตนเองหลาย ๆ ประการเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานในด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป

(3) นอกสหภาพยุโรป มีอีกหลาย ๆ ประเทศที่นำหลักการของ GDPR ไปตราเป็นกฎหมายภายในของตนเอง ทั้งที่สำเร็จแล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการ อาทิ ออสเตรเลีย บราซิล ชิลี จีน อินเดีย อิสราเอล ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ สวิสเซอร์แลนด์ หรือแม้แต่รัฐแคลิฟอร์เนียและเวอร์จิเนียของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ฯลฯ ซึ่งจำนวนน่าจะอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 20 ประเทศ/รัฐ

ที่กล่าวมาทั้งข้างต้น เพื่อชี้ให้เห็นว่า PDPA เป็นส่วนหนึ่งของระเบียบใหม่ของโลกในด้านการค้าและการลงทุนที่อย่างไรเสียประเทศไทยก็ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้

PDPA ทางเลือกทางรอด ไปต่อได้หรือไม่ | ศุภวัชร์ มาลานนท์
สำหรับประเด็นความไม่พร้อมต่าง ๆ ผู้เขียนมีความเห็น ดังนี้

(1) ในสหภาพยุโรป การใช้บังคับ GDPR ก็มีความไม่พร้อมหลายส่วน แม้ว่าจะให้เวลาปรับตัวก่อนกฎหมายใช้บังคับ 2 ปี ส่วนไทยตอนนี้ต้องนับว่ามีเวลาปรับตัวมาเกือบ 3 ปีแล้ว 100% compliance/readiness คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

(2) “Because it’s the law” เพราะว่าเป็นกฎหมาย และเป็น “Accountability” ของผู้บริหาร คือเหตุผลหลักที่องค์กรต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปและทั่วโลกตอบว่าทำไมจึงปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนั้น กฎหมายจึงต้องเริ่มมีสภาพบังคับ เพื่อให้ทุกองค์กรรู้ว่าต้องปรับตัว ส่วนจะเริ่มบังคับอย่างไรเพื่อลดหรือบรรเทาผลกระทบจากความไม่พร้อมหรือความไม่ชัดเจนบางส่วนของตัวกฎหมายเอง เป็นเรื่องที่ควรได้รับการอภิปรายสาธารณะด้วยเหตุผลและความจำเป็น

ผู้เขียนมีข้อเสนอเพื่อลดผลกระทบที่เห็นว่าเป็นกรณีเร่งด่วน ดังนี้
(1) เลื่อนการบังคับใช้หมวด 6 “ความรับผิด” และหมวด 7 “บทกำหนดโทษ” ของกฎหมายออกไป เพื่อสื่อสารไปยังทุกส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุดว่า “กฎหมายใช้บังคับ” ต้องปรับตัวและปรับกระบวนการ 

PDPA ทางเลือกทางรอด ไปต่อได้หรือไม่ | ศุภวัชร์ มาลานนท์

แต่บทกำหนดโทษจะยังไม่มีสภาพบังคับ เพื่อให้ผู้ประกอบการไม่ต้องกังวลว่าที่ดำเนินการมานั้นถูกหรือผิด แต่ขอให้ทำและเริ่มปรับกระบวนการใช้ข้อมูลให้สอดคล้องกับกฎหมาย

(2) แม้จะมีการเลื่อนตามข้อ (1) แต่ยังคงอำนาจตามมาตรา 89 และ 90 ไว้เพื่อให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมีอำนาจในการตักเตือน สอบสวนและสั่งให้แก้ไขในกรณีที่พบว่ามีการกระทำผิด แต่กรณีนี้ค่าปรับสูงสุดจะไม่เกิน 500,000 บาท ตามที่มาตรา 89 กำหนด 

แต่ถ้าปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมแล้ว ก็ไม่มีความรับผิด การคงอำนาตตามมาตรา 89 และ 90 ไว้ จะทำให้กฎหมายเริ่มถูกใช้และมีสภาพบังคับบางส่วนและเป็นช่องทางให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยังคงใช้สิทธิร้องเรียนและได้รับการเยียวยาผลกระทบจากการปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมายได้

(3) ตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมาย เพื่อทำหน้าที่สอบสวนและวินิจฉัยการกระทำความผิด กำหนดขั้นตอนการร้องเรียน และเกณฑ์ในการกำหนดค่าปรับ

(4) กำหนดมาตรการเฉพาะสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ทางออกแบบนี้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายก็มีเวลาที่จะทำกฎหมายลำดับรองต่าง ๆ  ให้รอบคอบ รัดกุม และเหมาะสมมากยิ่งขึ้น (คณะกรรมการฯ เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2565) เอกชนมีเวลาปรับตัวไม่ต้องกลัวบทลงโทษ และประชาชนอย่างน้อยยังเหลือช่องทางร้องเรียนเพื่อให้มีการสอบสวนการกระทำความผิดและสั่งให้แก้ไขได้ ส่วนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายก็มีเครื่องมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอยู่

อย่างไรก็ตาม การเลื่อนการบังคับใช้หมวด 6 และหมวด 7 ควรมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสปรับตัวและเตรียมความพร้อม โดยต้องไม่ลืมว่า PDPA คือกฎหมายว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน 

ประชาชน คือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลยังไม่มีสภาพบังคับ และยังคงอาจถูกละเมิดสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบต่าง ๆ กรณีนี้ คงเป็นเรื่องไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งสำหรับประชาชนในฐานะเจ้าของสิทธิ.

คอลัมน์ Tech, Law and Security 
ศุภวัชร์ มาลานนท์
IAPP FIP, CIPM, CIPP/E /US /A, Certified DPO
บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มจธ. 

Adblock test (Why?)


PDPA ทางเลือกทางรอด ไปต่อได้หรือไม่ | ศุภวัชร์ มาลานนท์ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

สงครามที่ไม่มีทางถอย - ไทยรัฐ


สงคราม รัสเซีย–ยูเครน ที่ปรากฏความสูญเสียของมวลมนุษยชาติอย่างชัดเจน ชีวิตพลเรือนของชาวยูเครน ต้องสังเวยภัยสงครามไปเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ เมืองบูชา และที่ มาริอูโปล ที่ถูก กองทัพรัสเซีย โจมตีอย่างหนัก เปโตร แอนเดรุสเซนโก ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโปล ประกาศสู้ตาย ถึงรัสเซียประกาศจะไว้ชีวิตถ้ายอมวางอาวุธ แต่กองกำลังยูเครนย้ำว่า เราจะตั้งรับกันต่อไป และจะสู้ให้ถึงที่สุด

มีการยืนยันจาก ส.ส.เมืองโอเดสซา ที่ต่อสู้กันอย่างหนักอีกเมือง ยืนยันว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างแท้จริง คาดว่าจะมีคนมากกว่า 20,000 คน ถูกสังหารในเมืองท่าแห่งนี้ รวมแล้วการเสียชีวิตของพลเมืองยูเครนจากสงครามครั้งนี้น่ากลัวกว่าการระบาดของโควิด-19 มากมายนัก ที่เกิดจากการทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ด้วยกัน

สงครามยูเครน รัสเซีย กลายเป็นสงครามเย็น ที่ต้องบังคับให้เลือกข้างโดยปริยาย มองเผินๆอาจไม่มีอะไรมาก แต่ชนวนระเบิดที่ซ่อนเอาไว้ด้านใน จะเป็นสงครามที่น่ากลัวกว่า สงครามโลก ที่ผ่านมาด้วยซ้ำ เพราะการพัฒนาด้านอาวุธที่ไร้ขีดจำกัด การไม่มีกฎเกณฑ์ในการทำสงครามอีกต่อไป และความเห็นแก่ตัวของคนบนโลกนี้ที่มากขึ้นกว่าในอดีตนั่นเอง

การโหนกระแสและแสวงหาผลประโยชน์จากสงคราม ดูจะเป็นเรื่องที่สำคัญกว่ามนุษยธรรมไปแล้ว ผู้นำแต่ละประเทศก็ต้องการโหนกระแส เพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ให้นานที่สุด

การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ที่อาสาเป็นทูตสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน มีคะแนนนำได้ 9 ล้านกว่าคะแนน หรือร้อยละ 27.6 คู่แข่ง มารีน เลอ แปน ได้ 8 ล้านกว่าคะแนน ฌอง–ลุค เมลองชอง ได้ 7 ล้านกว่าคะแนน ถือว่า มาครง ยังทิ้งห่าง รอดูคะแนนรอบสองอีกทีในวันที่ 24 เม.ย.นี้ จาก คณะกรรมการเลือกตั้งที่มีรอบชิงดำระหว่างผู้สมัครที่มีคะแนนสูงสุดในสองอันดับแรก ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดไปจากความคาดหมาย มาครง ก็จะเป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศสที่อยู่ในตำแหน่งติดต่อกันสองสมัยในรอบ 20 ปี

ปากีสถาน ศรีลังกา มีปัญหาเรื่องของวิกฤติผู้นำขั้นดุเดือดบ้านเราจุดประทัดยักษ์ทางการเมืองเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยกันไปแล้ว รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะจัดทัพรับวิกฤติอย่างไรเป็นอีกเรื่อง

แต่ในโลกยุคดิจิทัล งมหาเข็มในมหาสมุทรเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ดังนั้นเราจะรับมือกับ สถานการณ์โลกล้อมประเทศ ได้ แค่ไหน อย่างไร

มีข่าวว่า ฟูมิโอะ คิชิดะ จะมาเยือนไทยและประเทศอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย หรือเวียดนาม ในช่วงต้น พ.ค.นี้ เป็นการเยือนครั้งแรก หลังจากที่รับตำแหน่งนายกฯญี่ปุ่น อ้างเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือตามนโยบาย เอเชีย-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง หรือที่ญี่ปุ่นอยู่ในกลุ่มประเทศ ที่ต่อต้านการครอบงำประชาธิปไตย ในภูมิภาคนี้ ซึ่งมี สหรัฐฯ เป็นตัวตั้งตัวตี คงไม่ต้องไปเดาที่มาที่ไปให้เมื่อยตุ้ม

ประเด็นสำคัญก็คือ ท่าทีต่อการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ไม่ว่าจะตอบคำถาม ก ข ค หรือ ง หรือถูกทุกข้อ ก็จะเป็นข้อผูกมัดที่มีผลกระทบต่อประเทศไทยในอนาคตทั้งสิ้น.

Adblock test (Why?)


สงครามที่ไม่มีทางถอย - ไทยรัฐ
Read More

'พิษโควิด-สงครามยูเครน'ดันราคาอาหารริมทางเอเชียพุ่ง - กรุงเทพธุรกิจ

‘พิษโควิด-สงครามยูเครน’ดันราคาอาหารริมทางเอเชียพุ่ง ขณะเจ้าของร้านผักดองกิมจิบอกว่าจำเป็นต้องขึ้นราคาแม้ในอดีตกิมจิจะเป็นอาหารที่มีราคาไม่แพงและเสิร์ฟเคียงกับอาหารหลักโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

 Street Food หรือ อาหารริมทาง ที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคเอเชียเพราะมักมีรสชาติถูกปากผู้คนส่วนใหญ่ และมีราคาเข้าถึงง่าย แต่เสน่ห์ในเรื่องนี้กำลังถูกท้าทายจากภาวะกดดันทางเศรษฐกิจ ที่เป็นผลพวงมาจากการระบาดของโควิด-19 และสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครน

บรรดาผู้ประกอบการอาหารริมทางทั่วเอเชีย ต่างออกมาสะท้อนความคิดเห็นและการรับมือต่อสถานการณ์ราคาอาหารที่กำลังพุ่งสูงขึ้น อย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เริ่มจากร้านอาหารหม้อไฟอย่าง“หม่าฮอง” ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เจ้าของธุรกิจอธิบายว่า ปีนี้กำไรของทางร้านลดลงประมาณ 20% ตั้งแต่เปิดกิจการเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ราคาเนื้อวัวยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50% ส่วนต้นทุนราคาวัตถุดิบสำคัญอื่นๆ ก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นไปพร้อมกัน

หม่า เจ้าของร้าน บอกว่า แม้ต้นทุนต่างๆ จะปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่ทางร้านของเขายังคงขายราคาเดิม และเขาไม่ได้เผชิญปัญหานี้โดยลำพัง เพราะผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารทั่วกรุงปักกิ่งของจีน ต่างต้องอดทนรับมือกับผลกระทบหลายด้านที่บีบคั้นในขณะนี้

ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งจากการระบาดของโควิด-19 และการขาดแคลนสินค้าจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกที่ตึงตัวดันต้นทุนราคาสินค้ารวมถึงอาหารให้ปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และล่าสุด สถานการณ์บุกยูเครนของรัสเซียได้กดดันให้ราคาสินค้าทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นไปอีก

เวลานี้ผู้ประกอบการภัตตาคารและร้านอาหารริมทางทั่วเอเชียกำลังเผชิญกับทางเลือกอันยากลำบาก ระหว่างการคงราคาอาหารเดิมเอาไว้และสูญเสียกำไรที่เคยได้ กับการปรับขึ้นราคาอาหารแต่ต้องสูญเสียฐานลูกค้าไป

ธุรกิจบางแห่งอาจยังพยุงราคาไว้ได้ แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่จะสามารถตรึงราคาต่อจานให้เท่าเดิม หลายแห่งจำเป็นต้องตัดสินใจปรับราคาขายให้สูงขึ้น

“มูฮัมหมัด อิลยาซ” พ่อครัวร้านข้าวหมกบิรยานี (Biryani) ที่นครการาจี ประเทศปากีสถาน บอกว่า ทุกวันนี้้ราคาของเมนูดังกล่าว อยู่ที่ประมาณ 400 รูปีปากีสถาน หรือประมาณ 74 บาทต่อปริมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมาแล้วเกือบเท่าตัว

อิลยาซ ระบุด้วยว่า ตั้งแต่เป็นพ่อครัวมา 15 ปี ช่วงเวลานี้ราคาข้าวและเครื่องเทศต่างๆ พุ่งสูงขึ้นมากเสียจนคนที่ยากจนในปากีสถานจะไม่สามารถซื้อหามารับประทานได้เหมือนที่ผ่านมา

 ส่วนที่เกาหลีใต้ “ชอย ซุน ฮวา” เจ้าของร้านผักดองกิมจิบอกว่า เธอไม่มีทางเลือกและจำเป็นที่จะต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้น แม้ในอดีตกิมจิจะเป็นอาหารที่มีราคาไม่แพงนักและมักจะเสิร์ฟเคียงกับอาหารหลักโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

แต่ด้วยภาวะเงินเฟ้อในเกาหลีใต้ ที่สูงที่สุดในรอบ 12 ปี ส่งผลให้วัตถุดิบหลักของกิมจิอย่างผักกาดขาว มีราคาต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างมาก จนทุกวันนี้ลูกค้าบางคนถึงกับพูดเชิงหยอกล้อว่า กิมจิแทบจะมีค่าดั่งทองคำ และร้านต่างๆมักจะจำกัดปริมาณ

ขณะที่ธุรกิจบางแห่งเลือกที่จะตรึงราคาขายแต่ลดปริมาณอาหารต่อจานให้น้อยลง เพื่อรับมือกับราคาต้นทุนที่สูงขึ้น “ชารูล ไซนูลลา” ที่มีร้านอาหารริมทางในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เล่าว่า แทนที่จะเพิ่มราคาขาย หรือเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพลดลง ทางร้านของเขาเลือกที่จะลดปริมาณอาหาร เพื่อชดเชยกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ในมุมของลูกค้าประจำของร้านอาหารริมทาง อย่างเช่น “สตีเฟน ชาง” ลูกค้าประจำของร้าน “จัสท์ นูดเดิลส์” ร้านบะหมี่ในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เขาต้องปรับการใช้ชีวิตและพิจารณาการใช้จ่ายมากขึ้น ด้วยการลดจำนวนการทานอาหารนอกบ้าน และเลือกทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน

เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาอาหารที่ปรับสูงขึ้นนี้ ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบของราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ที่กำลังสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อวิถีการกินของคนเอเชีย

แต่ไม่ใช่แค่เอเชียเท่านั้นที่ราคาอาหารริมทางแพงขึ้น ในสหรัฐก็เจอปัญหาต้นทุนวัตถุดิบหลายอย่างแพงขึ้นเช่นกัน จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต รวมทั้งการทานอาหารนอกบ้านของชาวอเมริกันไปด้วย   

ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวรอยเตอร์/อิปซอส เมื่อเดือนมี.ค.บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคในสหรัฐมีแผนจะปรับลดการใช้จ่ายในการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารและการรับชมภาพยนตร์ลง หากราคาน้ำมันยังคงพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากการบุกยูเครนของรัสเซียส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ผลสำรวจดังกล่าวระบุว่า ผู้ใหญ่ชาวสหรัฐประมาณ 54% คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารนอกบ้านลง หากราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นจนแตะระดับ 6-7 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ขณะที่ 49% ระบุว่าจะลดการใช้จ่ายในการรับชมภาพยนตร์และความบันเทิงอื่น ๆ ลง และมี 60% ระบุว่าจะไม่ขับรถไปที่ไกล ๆ เพื่อทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ

นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจ 47% ระบุว่า จะลดการใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ภายในบ้าน หากราคาน้ำมันยังคงแพงขึ้น

สหรัฐและชาติพันธมิตรตอบโต้การบุกยูเครนของรัสเซียด้วยการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงการที่สหรัฐห้ามนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งการคว่ำบาตรทำให้เศรษฐกิจรัสเซียปั่นป่วน

แต่ผู้บริโภคสหรัฐเองก็ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันที่สูงอยู่แล้วสูงขึ้นอีกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในครัวเรือน
 

Adblock test (Why?)


'พิษโควิด-สงครามยูเครน'ดันราคาอาหารริมทางเอเชียพุ่ง - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

แผนที่โชว์ “รัสเซีย” รุกคืบทางตะวันออก “ยูเครน” สำเร็จ - กรุงเทพธุรกิจ

ในวันนี้ สำนักข่าวบีบีซี รายงานสถานการณ์รัสเซีย - ยูเครน ล่าสุดว่า 

-รัสเซียยังคงสร้างกองกำลังขยายพื้นที่ไปตามแนวรบทางตะวันออกในระยะ 300 ไมล์

-กองกำลังยูเครนพยายามต้านกำลังรุกไล่จากกองทัพรัสเซียในภูมิภาคดอนบาส

-รัสเซียเรียกร้องให้ชาวยูเครนที่เหลือในเมืองมาริอูโปล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ยอมจำนนอีกครั้ง

แผนที่แสดงกองทัพรัสเซียเข้าควบคุมพื้นที่ในประเทศยูเครน 

แผนที่โชว์ “รัสเซีย” รุกคืบทางตะวันออก “ยูเครน” สำเร็จ

รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 แต่ขณะนี้ กองกำลังรัสเซียได้ถอนกำลังออกจากกรุงเคียฟ เมืองหลวง รวมทั้งเมืองทางตอนเหนือของยูเครน แล้วถอยหล่นกลับไปยังเบลารุส และรัสเซียแล้ว

อย่างไรก็ตาม การโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซียในทางตะวันออกของยูเครนได้เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากที่รัสเซียกลับมาโฟกัสแถบพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง และพยายามเข้าควบคุมให้สำเร็จ

Adblock test (Why?)


แผนที่โชว์ “รัสเซีย” รุกคืบทางตะวันออก “ยูเครน” สำเร็จ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix - กรุงเทพธุรกิจ

Netflix Original นำเสนอ ซีรีส์ เนื้อหาเข้มข้น Anatomy of a Scandal เมื่อนักการเมืองล่วงละเมิดทางเพศ เรื่องถึงชั้นศาลที่ต่อสู้กันด้วย “คำกล่าวอ้าง” ของแต่ละฝ่าย ไม่มีพยานในเหตุการณ์ ไม่มีกล้องวงจรปิด คณะลูกขุนพึงพิจารณาจากความน่าเชื่อถือและความสมจริง

โซฟี ไวท์เฮาส์ ภรรยานักการเมืองหนุ่มอนาคตไกล เจมส์ ไวท์เฮาส์ เป็นถึงรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ชีวิตแต่งงานมีความสุข ลูกสองคน ครอบครัวสุขสันต์สมบูรณ์แบบ แต่แล้ววันหนึ่งในงานปาร์ตี้ เจมส์ รับโทรศัพท์แจ้งข่าวร้าย เมื่อหนึ่งในคณะทำงานของเขา โอลิเวียร์ ลิททัน ฟ้องเขาข้อหา ล่วงละเมิดทางเพศ

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix    เจมส์ ไวท์เฮาส์ จำเลยข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ (Credit: Netflix)

รมต.มหาดไทย หลุดจากตำแหน่งอย่างรวดเร็ว (แต่ชั่วคราว) ในช่วงต่อสู้คดีในชั้นศาล โซฟี อยู่เคียงข้างสามีตลอด หนังย้อนอดีตสู่ชีวิตนักศึกษาที่ “อ็อกซ์ฟอร์ด” เจมส์ เป็นดาวเด่น หล่อ เรียนเก่ง ฐานะดี เคียงคู่กับเพื่อนรักที่ปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ภาพฉายชัดความเกาะเกี่ยวพันระหว่างเพื่อนรักที่ต่อมาเป็นนักการเมืองอภิสิทธิ์ชนในวงสังคมอังกฤษ

เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเมื่อเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ไม่มีพยานแวดล้อม ไม่มีกล้องวงจรปิด มีเพียงผู้ตกเป็นจำเลย และโจทก์ผู้ฟ้อง โอลิเวียร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยทำงานกับเจมส์ โอลิเวียร์ฟ้องว่าท่านรัฐมนตรี “ข่มขืน” เธอในลิฟต์ และยอมรับว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันนาน 5 เดือน เมื่อยุติความสัมพันธ์ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็มาเจอกันในลิฟต์และในที่สุดเจมส์ก็ ล่วงละเมิดทางเพศ จนเป็นเหตุต้องกล่าวโทษ

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix    โอลิเวียร์ ฟ้องรัฐมนตรีที่เคยเป็นชู้กันมา 5 เดือน

หนังพาคนดูย้อนอดีตสู่วัยรุ่น เจมส์กับทอม เซาเธิร์น ที่ปัจจุบันเป็นนายกฯ อังกฤษ เป็นคู่หูคู่เรียนสมัยอยู่อ็อกซ์ฟอร์ด รวมถึงโซฟี ภรรยาของเขาด้วย ทั้งคู่เป็นหนุ่มเนื้อหอม และมั่นใจว่าสาว ๆ ทุกคนหมายปอง หนุ่มหล่อ เรียนเก่ง รวย ไม่มีอะไรที่ต้องการแล้วไม่ได้

เหมือนคนดูเป็นหนึ่งในคณะลูกขุน เมื่อทนายความของทั้งสองซักฟอกโจทก์และจำเลย สถานการณ์เริ่มตึงเครียด โซฟี ใกล้สติแตกเมื่อต้องมานั่งฟังชู้รักบรรยายบทรักกับสามี เธอยังคงเชื่อในเจมส์ว่าเป็นคนดี เป็นพ่อที่น่ารักของลูก จะผิดก็ตรงตำแหน่งสูงจึงถูกผู้ไม่หวังดีใส่ร้าย เลยกลายเป็นข้อโต้แย้งว่าสามีก็แค่ผิดพลาดชั่วขณะ

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix   เคท ทนายฝ่ายโจทก์

เจมส์ยอมรับว่าทำผิดศีลธรรมข้อหานอกใจภรรยา แต่ไม่ผิดข้อหา ล่วงละเมิดทางเพศ และไม่เคยกระทำการรุนแรงใด ๆ ต่อสตรี

การดำเนินเรื่องรวดเร็ว สลับภาพแฟลชแบ็คย้อนอดีตสู่วัยเรียน นอกจากวิธีตัดภาพย้อนอดีตแล้วยังซ้อนภาพเข้าไปเสมือนคนดูเข้าไปอยู่ในห้วงเวลานั้น โซฟีเริ่มสับสนว่า สามีเธอเป็นคนดีจริงหรือไม่ ถ้าจะผิดก็ข้อหาผิดศีลข้อ 3. แต่ไม่ผิด (ใช่มั้ย) เมื่อฝ่ายหญิงยินยอมพร้อมใจ

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix   โซฟี ไวท์เฮาส์ ยังเชื่อสามีได้อีกหรือไม่

ทนายความของทั้งสองฝ่าย พยายามหาข้ออ้างว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ใช่การ "ข่มขืน" หรือ "สมยอม" เมื่อจำเลยยอมรับว่าทำผิดฐานชู้สาวแต่ไม่เคย “ข่มขืน” หลักฐานมีเพียงภาพถ่ายที่จำเลยบันทึกไว้หลังเหตุการณ์ในลิฟต์ รอยฟกช้ำตามร่างกายซึ่งจำเลยอธิบายว่า คือการแสดงความเร่าร้อนในขณะที่มีความสัมพันธ์อย่างแนบชิด คนดูรู้สึกตึงเครียดไปด้วยจากการซักไซร้ไล่ต้อนพยาน (โจทก์และจำเลย) โดยเฉพาะโจทก์ที่ต้องอธิบายว่าการ “ข่มขืน” ทำอย่างไร แค่ไหน...

ถ้าคุณเป็นลูกขุนจะเชื่อใคร โจทก์ผู้เสียหายถูก ล่วงละเมิดทางเพศ แต่ยอมรับว่าเป็นชู้กับนักการเมืองชื่อดังที่แต่งงานแล้วถึง 5 เดือน ทว่ารู้สึกยอมกันไม่ได้เมื่อถูก “ข่มขืน”

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix     นักการเมืองรักครอบครัวไม่เคยล่วงละเมิดใคร ? (Credit: Netflix)

หรือเชื่อรัฐมนตรีภาพลักษณ์ดี ไม่เคยด่างพร้อย สารภาพว่าผิดเพราะนอกใจภรรยาแต่ไม่เคยล่วงละเมิดใคร ระหว่างการไต่สวนก็เกิดอีกหลายเงื่อนงำให้คนคิดตาม ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของเจมส์กับทอม (นายกฯ) โซฟีและเคท ทนายของโอลิเวียร์ และอีกหนึ่งข้อสงสัยว่าเจมส์สมัยอยู่อ็อกซ์ฟอร์ดเคยล่วงละเมิดทางเพศนักศึกษาคนหนึ่ง

ในที่สุดคำตัดสินก็ออกมาแต่เรื่องไม่จบแค่นั้น ความเกี่ยวพันระหว่างโซฟีกับเคทยังเป็นปริศนา น่าสงสัยที่เมื่อท่านรัฐมนตรีพ้นผิดยังสามารถกลับไปรับตำแหน่งเดิม จะผิดก็ฐานคบชู้ ซึ่งถ้าเป็นบ้านเราหรือบ้านอื่นเมืองอื่นคงพ้นทุกตำแหน่ง

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix    จะเชื่อผู้หญิงที่ยอมรับว่าเป็นชู้กับสามีคนอื่นหรือเชื่อนักการเมือง

อีกตัวอย่างคือ บิล คลินตัน กับ โมนิก้า ลูวินสกี้ คงจำกันได้ เรื่องฉาวโฉ่ขนาดนี้ท่านก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศได้ น่าฉงนกับประเทศที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยเสียจริง...

ครั้งหนึ่ง ทนายเคท พูดกับลูกทีมของเธอว่า เชื่อมั้ยกฎหมายอังกฤษเพิ่งยอมรับบทลงโทษ “สามีที่ข่มขืนภรรยา” เมื่อปี 1991 นี่เอง ในขณะที่ในอีกหลายประเทศบทลงโทษนี้ไม่เคยบัญญัติไว้

ดาราทุกคนแสดงเยี่ยมไร้ข้อกังขา Rupert Friend รับบทเจมส์ ไวท์เฮาส์ หนุ่มหล่อจากซีรีส์ Homeland, Hitman ฯลฯ Sienna Miller รับบทโซฟี ภรรยาผู้ซื่อสัตย์และรักสามี Michelle Dockery รับบททนายฝ่ายโจทก์ เคท วู้ดครอฟต์ พลิกบทจากคุณหญิงแมรี่ผู้สูงศักดิ์ใน Downton Abbey เธอพูดอังกฤษชัดเป๊ะ และ Naomi Scott นางเอกจาก Aladdin รับบท โอลิเวียร์

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix     นิยายขายดีของ Sarah Vaughan (Credit: amazon.com)

หนังสร้างจากนิยายของ Sarah Vaughan นักเขียนแนวจิตวิทยา อาชญากรรม และเรื่องฉาว ๆ ของนักการเมือง กำกับโดย David E.Kelley นักเขียน และผู้สร้างภาพยนตร์ มีผลงานทั้งภาพยนตร์และซีรีส์

โดยซีรีส์เรื่องดังล่าสุด ได้แก่ Goliath, Big Little Lies, The Undoing สามเรื่องหลังควรดู นอกจากนี้ยังร่วมเขียนบทกับนักเขียนบทชื่อดัง Millissa James Gibson ที่เขียนบท House of Cards ซีรีส์ดังเรื่องราวการช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกัน แนวเสียดสีการเมืองอย่างเจ็บแสบ

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix    (Credit: Netflix)

ก่อนคดีจะตัดสิน โซฟี ถามแนนนี่ (พี่เลี้ยงเด็ก) ที่อยู่กับครอบครัว “ไวท์เฮาส์” มาหลายปี เพื่อขอคำยืนยัน...โซฟีพูดว่า เธอก็รู้ว่าเจมส์เป็นคนดี รักครอบครัว รักลูก เขาไม่ใช่คนที่กระทำเรื่องรุนแรง โซฟีถามว่า He’s a goodman ใช่มั้ย... คำตอบที่ได้จากแนนนี่คือ Yes, he’s a man.

เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix Anatomy of a Scandal

กำกับ : David E.Kelly

จากหนังสือ : Anatomy of a Scandal ของ Sarah Vaughan

เขียนบท : David E.Kelly, Mellisa James Gibson

นักแสดง : Sienna Miller, Rupert Friend, Michelle Dockery

เผยแพร่ : Original Netflix ลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอน ๆ ละ 43-48 นาที (เริ่ม 15 เม.ย.2022)

Adblock test (Why?)


เมื่อนักการเมือง "ล่วงละเมิดทางเพศ" ซีรีส์เข้มข้น "Anatomy of a Scandal" จาก Netflix - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

"สันติ" โต้ข่าวหนี้ท่วม ยันรัฐมีความเข้มแข็งทางการเงิน-การคลัง - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

"สันติ" โต้ข่าวหนี้ท่วม ยันรัฐมีความเข้มแข็งทางการเงิน-การคลัง  ประชาชาติธุรกิจ
"สันติ" โต้ข่าวหนี้ท่วม ยันรัฐมีความเข้มแข็งทางการเงิน-การคลัง - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

นักวิชาการ มธ. เสนอกลไกทางเลือกแก้ PM 2.5 - ไทยโพสต์

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ แนะ ควรให้ ‘อำนาจสั่งการ’ คกก.อากาศสะอาด ดำเนินมาตรการข้ามหน่วยงาน พร้อม ‘บูรณาการงบประมาณ’ ตามภารกิจ...