Rechercher dans ce blog

Monday, October 31, 2022

แม้เข้าชิง ACL! อุราวะ เรดฯ แยกทาง 'ริคาร์โด' - Goal.com

ปีศาจแดงแห่งเอเชีย แยกทางกับ ริคาร์โด โรดริเกวซ อย่างเป็นทางการ แม้พาทีมเข้าชิง ACL 2022

อุราวะ เรด ไดมอนด์ส สโมสรในศึกเจลีก ญี่ปุ่น แยกทางกับ ริคาร์โด โรดริเกวซ เฮดโค้ชชาวสเปน อย่างเป็นทางการ หลังจบฤดูกาล 2022

อดีตกุนซือบีจี ปทุมฯ พาอุราวะ เรดฯ ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022 อย่างไรก็ดีผลงานในเจลีกฤดูกาลนี้กลับสวนทาง เมื่อรั้งอันดับ 8 ของตาราง

ล่าสุด อุราวะ เรด ไดมอนด์ส แถลงการณ์เรื่องแยกทางกับ ริคาร์โด โรดริเกวซ อย่างเป็นทางการ เนื่องจากเจ้าตัวจะหมดสัญญากับทีมพอดี หลังจบฤดูกาล 2022 และไม่มีการต่อสัญญาใหม่ออกไป

"สโมสรต้องการแจ้งว่า อุราวะ เรด ไดมอนด์ส แยกทางกับ ริคาร์โด โรดริเกวซ หลังจบฤดูกาล 2022"

"นอกจากนี้ เราตกลงที่จะไม่ต่อสัญญาโค้ชและล่ามอย่าง นาโอสึกุ โอบาตา ที่ร่วมทำทีมกับ ริคาร์โด โรดริเกวซ"

"แผนการประเมินงาน 3 ปี ที่เราได้ทำมาตั้งแต่ปี 2020 และระบบใหม่สำหรับฤดูกาล 2023 จะแจ้งให้ทราบภายหลัง" แถลงการณ์ของอุราวะฯ

สำหรับ  ริคาร์โด โรดริเกวซ ย้ายจาก โทกุชิมา วอร์ติส มาคุมทัพอุราวะ เรด ไดมอนด์ส เมื่อปี 2020 โดยฤดูกาล 2021 พาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเอ็มเพอร์เรอร์ส คัพ พ่วงด้วยตำแหน่งโค้ชยอดเยี่ยมของเจลีก 1

Adblock test (Why?)


แม้เข้าชิง ACL! อุราวะ เรดฯ แยกทาง 'ริคาร์โด' - Goal.com
Read More

Sunday, October 30, 2022

เดือดซัด21ประตูสังเวย3แดง-ขอนแก่น ยูฯแยกทางโค้ชรายที่2ไทยลีก - สยามกีฬา

 เบื้องหลังศึกไทยลีกฤดูกาล 2022-2023 หลังจบแมตช์ 11 ประจำวันที่ 28-30 ตุลาคม 2565 โดยมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจดังนี้ 

-  8 คู่ ซัด 21 ประตู -

 - ค่าเฉลี่ยการทำประตู จาก 8 คู่ที่มีสกอร์เกิดขึ้น 21 ประตูนั้นอยู่ที่ 2.625 ประตูต่อ 1 เกม  

-  3 ใบแดง -

 -   มี 3 ใบแดง แนวรุก ของพีที ประจวบ เอฟซี  อย่าง ซามูเอล โรช่า ที่โดน ไป เกม เสมอ  ขอนแก่น ยูไนเต็ด 1-1  , อนุชิต เงินบุคคล ของ สุโขทัย เอฟซี เกมบุก เสมอ  ชลบุรี เอฟซี 1-1, ไฮน์ พโย วิน ของ ราชบุรี เอฟซี   เกม บุกเสมอ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี  1-1     

- แข้งนอกซัดเยอะกว่า -

 - จาก 21  ประตู ของ เกม 8 คู่ วีก 11 นั้นนักเตะนอกโชว์ยิงมากกว่าแข้งไทยเหมือนเดิม โดยแข้งต่างชาติซัดได้ 14 ประตู  ดังนี้ บาโบ้ มาร์คแลนดรี้ , ไอแซค ฮอนนี่ ( โปลิศเทโรฯ ) , บาร์รอส ทาร์เดลี่ ( หนองบัว พิชญ เอฟซี ),อมาดู ออตตาร่า ( ชลบุรี เอฟซี ), เปาโล คอนราโด้ ( บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ) , เฮนรี่ อานิเยร์ , ซาดอร์ มีร์ซาเยฟ , เอริค โจฮานน่า (เมืองทอง ยูไนเต็ด ) , แฮมิลตัน ซัวเรซ ( การท่าเรือ เอฟซี ) , เฟลิเป้ อโมริม ( ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ) , ไทรอนน์ กุสตาโว  ( นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ),อัลวิน ฟอร์เตส ( ราชบุรี เอฟซี )  คนละ 1 ประตู  มอสคิโต้ ( ลำปาง เอฟซี) 2 ประตู   

 นักเตะไทยยิง 6 คน ถวิล บุญสมบัติ ( ขอนแก่น ยูไนเต็ด ),สารัช อยู่เย็น ( บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ), เอกณัฎฐ์ คงเกตุ ( พีที ประจวบ เอฟซี ),ศราวุธ ธรฤทธิ์ ( สุโขทัย เอฟซี ),ปรเมศย์ อาจวิไล ( เมืองทอง ยูไนเต็ด ) ,ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา ( บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด )  

- หนองบัวฯทีมเดียวไร้แต้มนัดเยือน -

 -   "พญาไก่ชน" หนองบัว พิชญ เอฟซี  เป็นทีมเดียวที่เล่นนอกบ้านแล้วยังเก็บแต้มไม่ได้เลย 6 นัดแพ้รวด ได้ 4 เสีย 12 ประตู  

-ลำพูน แพ้รวดในถิ่น แถมยิงไม่ได้-  

 -  ลำพูนวอริเออร์ เป็นทีมเดียวที่แพ้รวดเกมในถิ่น กับการเล่นรังเหย้าจำเป็นที่ สมโภช 700 ปี จ.เชียงใหม่ โดย 4 นัด แพ้ 4 ยิงประตูไม่ได้เสีย 10 ประตู  

- 3 ทีมผู้เล่นน้อยกว่าแต่ฆ่าไม่ตาย  -

    มี 3 ทีมที่เล่น 10 คนและตามหลังไปก่อน 0-1 แต่ได้ผลเสมอ คือ พีที ประจวบ เอฟซี เล่น 10 คนตั้งแต่ ต้นเกม น. 4 เมื่อ ซามูเอล โรช่า โดนไล่ออกแต่ตีเสมอ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้ 1-1 เช่นเดียวกับ สุโขทัย เอฟซี อนุชิต เงินบุคคล โดนใบแดง ไล่ออก น. 56 แต่ตีเสมอ ชลบุรี เอฟซี ได้ 1-1,  ราชบุรี เอฟซี โดย ไฮน์ พโย วิน โดนไล่ออก น. 45+ 5 และ น. 85 โดน นำ 1-0 แต่บุกไปตีเสมอ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ได้ 1-1  

- 1 จุดโทษ  -

 -   มี 1 จุดโทษ เกม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เปิดบ้าน เสมอ ราชบุรีฯ 1-1 ได้จาก ไทรอนน์ กุสตาโว น. 85  

- ไม่แพ้แต่โดนตะเพิด  -

  คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ เปอร์ไรร่า กุนซือบราซิล ขอนแก่น ยูไนเต็ด เป็นกุนซือรายที่ 2 ต่อจาก มาโกะโตะ เทกุ ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ตกงานไป แม้จะพาทีมบุกไปเสมอ พีที ประจวบ เอฟซี 1-1 และก่อนหน้านี้เพิ่ง เสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-1 ได้ก็ตาม  

ข้อมูลโดย "สิงห์นก Hk vp 9"

Adblock test (Why?)


เดือดซัด21ประตูสังเวย3แดง-ขอนแก่น ยูฯแยกทางโค้ชรายที่2ไทยลีก - สยามกีฬา
Read More

ทางหลวงชนบทเผยสายทางอยุธยายังกระทบกว่า 11 สายทาง สั่งเร่งซ่อมแซม - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

ทางหลวงชนบทเผยสายทางอยุธยายังกระทบกว่า 11 สายทาง สั่งเร่งซ่อมแซม  ประชาชาติธุรกิจ
ทางหลวงชนบทเผยสายทางอยุธยายังกระทบกว่า 11 สายทาง สั่งเร่งซ่อมแซม - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

Saturday, October 29, 2022

ฝนหนักน้ำอ่างช้างแรกล้น พัดทางเบี่ยงเข้า อ.บางสะพานน้อย ขาดชั่วคราว - ไทยรัฐ

ฝนถล่ม 2 ชม. น้ำอ่างช้างแรกล้นสปิลเวย์ลงคลองช้างแรก ทำให้ทางเบี่ยงบริเวณสะพานช้างแรก หมู่ที่ 3 ต.ช้างแรก ถูกน้ำพัดขาด รถเข้าออก อ.บางสะพานน้อยไม่ได้ชั่วคราว ประสานผู้รับเหมาเร่งซ่อมอยู่

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักกว่า 2 ชม.ในพื้นที่อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเหตุให้น้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรีไหลลงอ่างเก็บน้ำช้างแรก ล้นสปิลเวย์ลงคลองช้างแรกทำให้ทางเบี่ยงบริเวณสะพานช้างแรก หมู่ที่ 3 ต.ช้างแรก ถูกน้ำพัดขาดทำให้รถทุกชนิดที่จะวิ่งเข้าออกตัวอำเภอไม่สามารถวิ่งได้ ส่วนทางสายรองซอยอยู่เจริญไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากน้ำที่ไหลผ่านล้นฝ่ายทดน้ำลงประมาณ 80 ซม.

ฝนหนักน้ำอ่างช้างแรกล้น พัดทางเบี่ยงเข้า อ.บางสะพานน้อย ขาดชั่วคราว

นายธีรวัฒน สุดจันทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ช้างแรก กล่าวว่า เนื่องจากมีฝนตกลงมาในพื้นที่หนักประมาณ 2 ชม. ประกอบกับมีฝนตกสะสมมาหลายวัน จึงทำให้ล้นออกมาจากอ่างเก็บน้ำช้างแรกจำนวนมากและเป็นเหตุให้ทางเบี่ยงชั่วคราวที่ใช้แทนสะพานที่กำลังก่อสร้างขาดเป็นเหตุให้รถที่ใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม บ้านปากคลอง ไม่สามารถใช้ได้ อีกทั้งเส้นทางรองที่ใช้วิ่งเข้าออกตัวอำเภอก็ไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากน้ำท่วมฝายสูงกว่า 80 ซม.

ฝนหนักน้ำอ่างช้างแรกล้น พัดทางเบี่ยงเข้า อ.บางสะพานน้อย ขาดชั่วคราว
ฝนหนักน้ำอ่างช้างแรกล้น พัดทางเบี่ยงเข้า อ.บางสะพานน้อย ขาดชั่วคราว

“คาดว่าน้ำจะลดระดับอย่างรวดเร็วเนื่องจากทุกหมู่บ้านทุกตำบลได้วางแผนการระบายน้ำให้ไหลลงทะเล เบื้องต้นประสานผู้รับเหมาเข้าซ่อมแซมทางเบี่ยงและให้รถยนต์เล็กวิ่ง รถจักรยานยนต์ผ่านสันอ่างเก็บน้ำช้างแรก ทะลุหมู่ 4 ต.ปากแพรก และไปเชื่อมต่อกับถนนสายเพชรเกษม-บ้านปากคลอง ตรงบ้านดอนบ่อน้ำ” นายธีรวัฒน์ กล่าว.

Adblock test (Why?)


ฝนหนักน้ำอ่างช้างแรกล้น พัดทางเบี่ยงเข้า อ.บางสะพานน้อย ขาดชั่วคราว - ไทยรัฐ
Read More

Friday, October 28, 2022

ประชุม APPF30 วันสุดท้าย จับตาแถลงการณ์ร่วมความมั่นคงทางไซเบอร์-ลดโลกร้อน - กรุงเทพธุรกิจ

        ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (APPF) ครั้งที่ 30  ซึ่งรัฐสภาไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 26 - 28 ตุลาคม ทั้งนี้ไฮไลต์สำคัญของการประชุมวันสุดท้าย คือ การประชุมเต็มคณะถึงการสร้างความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดย ประเด็นที่หยิบยกมาหารือ คือ ความร่วมมือ ด้านการลดภาวะโลกร้อน ภาวะเรือนกระจก ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ที่จะส่งผลการพัฒนาที่ยั่งยืนของมนุษย์ และการสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียว ใช้ทรัพยากร และ พลังงาน หมุนเวียน พร้อมสนับสนุนให้มีพื้นที่ทำเกษตรกรรมให้มาขึ้น เพื่อลดการใช้ก๊าซเรือนกระจก

         ทั้งนี้ตามกำหนดการ การประชุม APPF30 เวลา 14.00 น. จะมีการรายงานผลการประชุม APPF การรับรองข้อมติและแถลงการณ์ร่วม /การลงนามในแถลงการณ์ร่วม

         ทั้งนี้ นายกิตติ วะสีนนท์ ส.ว. ฐานะประธานการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างข้อมติและแถลงการณ์ร่วม เปิดเผยถึงร่างข้อมติและแถลงการณ์ร่วมว่า ประเทศไทยในหัวข้อความมั่นคงทางไซเบอร์ซึ่งได้รับการยอมรับและมีหลายประเทศให้การสนับสนุน เช่นออสเตรเลีย แคนาดา มาเลเซียและกัมพูชา  นอกจากนั้นยังมีหัวข้อเรื่องการจัดงบประมาณให้สอดคล้องกับองค์ประกอบของประเทศ  ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐสภาในแต่ละประเทศต้องให้ความสำคัญ และการให้ผู้หญิงได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียม รวมถึงการประชุมสมาชิกรัฐสภาสตรี ซึ่งประเทศไทยมีแพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ประธานการประชุม สมาชิกรัฐสภาสตรี เข้าร่วมประชุม

  

         นายกิตติ กล่าวด้วยว่าสำหรับ ข้อมติของคณะทำงานความร่วมมือในภูมิภาคเสนอให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคและสร้างความเข้าใจในความหลากหลายของวัฒนธรรม ส่วนด้านเศรษฐกิจมีการเสริมสร้างการเชื่อมโยงและการขยายประสิทธิภาพของเศรษฐกิจดิจิทัล ในเอเชียแปซิฟิก ส่วนด้านการเมืองและความมั่นคงมีข้อเสนอเรื่องรัฐสภากับการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์ โควิด-19  เพื่อให้มีการส่งเสริมประชาธิปไตยและสันติภาพและความมั่นคงร่วมกัน  รวมถึงการใช้พลังงานทดแทน หรือเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ที่จะทำให้บรรลุข้อตกลงความเป็นกลางทางคาร์บอน, เรื่องคาบสมุทรเกาหลี, การส่งเสริมบทบาทของรัฐสภาด้านการทูต เพื่อความมั่นคงในภูมิภาค 

 
           "ส่วนข้อมติของคณะการประชุมสมาชิกสภาสตรี คือการเสริมสร้างพลังให้กับสตรีที่จะเผชิญวิกฤตต่างๆในอนาคต และการสร้างความเข้มแข็งให้กับการเข้าร่วมของสตรีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 และการพัฒนาการให้บริการด้านสุขภาพ รวมถึงการเพิ่มโอกาสของการเข้าถึงการบริการสาธารณสุขปฐมมาภูมิทั้งนี้จากร่างข้อมติและแถลงการณ์ร่วมของการประชุมครั้งนี้ จะมีการติดตามผล โดยคณะเลขานุการประเทศเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้คือประเทศไทยร่วมกับเจ้าภาพการประชุมครั้งต่อไปคือฟิลิปปินส์" นายกิตติ กล่าว.

Adblock test (Why?)


ประชุม APPF30 วันสุดท้าย จับตาแถลงการณ์ร่วมความมั่นคงทางไซเบอร์-ลดโลกร้อน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

LEO เซ็น China Post จับมือ "เบาไทยฯ-ศรีตรังโลจิสติกส์" ต่อยอดขนส่งทางรางจีน-ลาว-ไทย : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ (Strategic Cooperation Agreement ) กับ China Post Yunnan (China Post) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน และลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท จำกัด และ บริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด โดยทั้ง 3 บริษัทฯ จะร่วมกันผลักดันและส่งเสริมการขนส่งด้วยระบบตู้สินค้า (Container) ในรูปแบบการขนส่งสินค้าทางรถไฟ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน (คุนหมิง) – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (เวียงจันทน์) – ประเทศไทย

สำหรับการเซ็นสัญญาการร่วมมือทางธุรกิจกับ China Post เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการขนส่งสินค้าทางรถไฟ และการดำเนินธุรกิจเรื่องซัพพลายเชนในการหาสินค้าจากประเทศไทยเพื่อไปขายใน e-Commerce Platform ของ China Post ในประเทศจีน นอกเหนือจากธุรกิจด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ได้มีความร่วมมือกันมาก่อนหน้านี้ อีกทั้ง LEO ซึ่งเป็น Exclusive Partner ของ China Post ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากทางรัฐบาลจีนให้เป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่มาช่วยทำการตลาดและขยายการบริการขนส่งสินค้าทางรถไฟ

ส่วนความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ ได้แก่ เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท และ ศรีตรังโลจิสติกส์ จะร่วมกันในการขยายธุรกิจการขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังประเทศจีนและลาวเพิ่มเติมจากการเป็นพันธมิตรกับ China Post โดยทาง เบาไทยฯ เป็นตัวแทนของ E – Commerce Platform ในระดับมณฑลใหญ่ๆ ในประเทศจีน เช่น ยูนนาน ฉงชิ่ง เฉิงตู ฯลฯ ซึ่งแต่ละมณฑลได้ดำเนินการขนส่งสินค้าจากประเทศจีนส่งออกมายังประเทศไทยผ่านเส้นทางรถไฟลาวจีน (LCR-LAOs China Railway) และยังสามารถผ่านแดนข้ามแดน (Cross Border) ไปยังประเทศที่ 3 ในเขตอาเซียน และภูมิภาค BIMSTEC

สำหรับ ศรีตรัง โลจิสติกส์ เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟครอบคลุมภายในประเทศไทยและผ่านแดนไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าที่มีการส่งออกสินค้าประเภทยางพาราจากทางภาคใต้, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยใช้การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ เช่น รถบรรทุก-รถไฟ-เรือชายฝั่ง

ทั้งนี้ ศรีตรังโลจิสติกส์ เป็นผู้ประกอบการการขนส่งทางรถไฟระดับตัวจริงที่มีประสบการณ์ในการขนส่งสินค้าทางรถไฟทั่วประเทศมานานมากกว่า 7 ปี และยังมีสัญญาในการใช้เส้นทางรถไฟในลักษณะสัญญาเช่าเหมาขบวน ( Block Train) โดยมีเปิดขบวนขนส่งสินค้าที่ทำสัญญาเช่าเหมาขบวน ไม่ต่ำกว่า 6 เส้นทางภายในประเทศไทย และ 2 เส้นทางระหว่างประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย

นายเกตติวิทย์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง LEO กับ เบาไทยฯ และ ศรีตรัง โลจิสติกส์นี้ จะเพิ่มความแข็งแกร่งและศักยภาพในการขนส่งสินค้าทางรางไปยังประเทศจีนให้กับทาง LEO เพราะจะทำให้มีสินค้าทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับกับประเทศจีนและมีรายได้ 2 ทาง และยังทำให้ LEO มีความใด้เปรียบในการใช้การขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังประเทศลาวเพื่อต่อขบวนรถไฟจีนในลาว ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนในการขนส่งที่ถูกกว่าบริษัทอื่นๆ ที่ต้องใช้รถบรรทุกเพื่อการขนส่ง รวมถึงการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Credit) อีกด้วย โดย LEO ก็จะรับทำหน้าที่ในส่วนของการวางแผนการตลาดและการขายสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ให้กับกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่มีจำนวนมากกว่า 1,400 รายและเครือข่ายทั่วโลกของบริษัทกว่า 190 ประเทศ

“บริษัทคาดว่าในปี 66 จะสามารถสร้างรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรางร่วมกับพันธมิตรทั้ง 3 บริษัทคือ China Post-เบาไทยฯ และศรีตรัง โลจิสติกส์ฯ ได้อย่างน้อยปีละ 200 ล้านบาท โดยตัวเลขดังกล่าวไม่ได้นับรวมถึงธุรกิจที่บริษัทจะดำเนินร่วมกับทาง Tengjun ที่เป็นพันธมิตรในประเทศจีนอีก 1 บริษัทที่มีการเซ็น MOU และสัญญาในการดำเนินธุรกิจร่วมกันเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา” นายเกตติวิทย์ กล่าวในที่สุด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 65)

Tags: , , ,

Adblock test (Why?)


LEO เซ็น China Post จับมือ "เบาไทยฯ-ศรีตรังโลจิสติกส์" ต่อยอดขนส่งทางรางจีน-ลาว-ไทย : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

Thursday, October 27, 2022

สหภาพยุโรปตั้งเป้า 'มลพิษเป็นศูนย์' ทั้งทางน้ำและอากาศ - ไทยโพสต์

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2565 กล่าวว่า คณะกรรมาธิการยุโรปสนับสนุนนโยบายผลักดันประชาคม 27 ชาติ สู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ให้คำมั่นจะผลักดันนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายภายในปี 2593 โดยมลพิษทั้งทางน้ำและทางอากาศของชาติสหภาพยุโรปจะต้องเป็นศูนย์

สหภาพยุโรปเชื่อว่า หากประวิงเวลาในการลดมลพิษนี้นานเท่าไร ต้นทุนของสังคมก็จะยิ่งสูงขึ้น ดังนั้นอีก 28 ปีนับจากนี้ ชาติสมาชิกยุโรปต้องร่วมมือกันทำให้สภาพแวดล้อมปลอดจากมลพิษที่เป็นอันตราย

นโบบายดังกล่าวต้องเริ่มที่การแก้ไขกฎหมายของสหภาพยุโรป รวมถึงออกคำสั่งควบคุมคุณภาพอากาศแวดล้อม และระเบียบการบำบัดน้ำเสียในเมือง

หลักการ "ผู้ก่อมลพิษจ่าย" จะถูกนำไปใช้กับสารมลพิษขนาดเล็กที่เป็นพิษในน้ำ ซึ่งคณะกรรมการฯกล่าวว่ามาจากยาและเครื่องสำอาง รวมทั้งข้อเสนอชดเชยสำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการละเมิดมาตรฐานคุณภาพอากาศของสหภาพยุโรป และผู้เดือดร้อนยังสามารถยื่นฟ้องต่อศาลยุโรปได้เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ แต่ละประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปจะมีอิสระในการกำหนดมาตรการเฉพาะของตนเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยคณะกรรมาธิการสงวนสิทธิ์ที่จะใช้บทลงโทษต่อผู้ก่อมลพิษ

สหภาพยุโรปกล่าวว่า มาตรฐานคุณภาพอากาศที่ตั้งเป้าไว้นั้นใกล้เคียงกับมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ทางเทคนิคอย่างเต็มที่ และแน่นอนว่าคำนึงถึงเศรษฐกิจสังคมเป็นสำคัญเช่นกัน.

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2565 กล่าวว่า คณะกรรมาธิการยุโรปสนับสนุนนโยบายผลักดันประชาคม 27 ชาติ สู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ให้คำมั่นจะผลักดันนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายภายในปี 2593 โดยมลพิษทั้งทางน้ำและทางอากาศของชาติสหภาพยุโรปจะต้องเป็นศูนย์

สหภาพยุโรปเชื่อว่า หากประวิงเวลาในการลดมลพิษนี้นานเท่าไร ต้นทุนของสังคมก็จะยิ่งสูงขึ้น ดังนั้นอีก 28 ปีนับจากนี้ ชาติสมาชิกยุโรปต้องร่วมมือกันทำให้สภาพแวดล้อมปลอดจากมลพิษที่เป็นอันตราย

นโบบายดังกล่าวต้องเริ่มที่การแก้ไขกฎหมายของสหภาพยุโรป รวมถึงออกคำสั่งควบคุมคุณภาพอากาศแวดล้อม และระเบียบการบำบัดน้ำเสียในเมือง

หลักการ "ผู้ก่อมลพิษจ่าย" จะถูกนำไปใช้กับสารมลพิษขนาดเล็กที่เป็นพิษในน้ำ ซึ่งคณะกรรมการฯกล่าวว่ามาจากยาและเครื่องสำอาง รวมทั้งข้อเสนอชดเชยสำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการละเมิดมาตรฐานคุณภาพอากาศของสหภาพยุโรป และผู้เดือดร้อนยังสามารถยื่นฟ้องต่อศาลยุโรปได้เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ แต่ละประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปจะมีอิสระในการกำหนดมาตรการเฉพาะของตนเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยคณะกรรมาธิการสงวนสิทธิ์ที่จะใช้บทลงโทษต่อผู้ก่อมลพิษ

สหภาพยุโรปกล่าวว่า มาตรฐานคุณภาพอากาศที่ตั้งเป้าไว้นั้นใกล้เคียงกับมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ทางเทคนิคอย่างเต็มที่ และแน่นอนว่าคำนึงถึงเศรษฐกิจสังคมเป็นสำคัญเช่นกัน.

Adblock test (Why?)


สหภาพยุโรปตั้งเป้า 'มลพิษเป็นศูนย์' ทั้งทางน้ำและอากาศ - ไทยโพสต์
Read More

Wednesday, October 26, 2022

"สามารถ" ห่วง "ชัชชาติ" ถึงทางตันแก้ปัญหาหนี้รถไฟฟ้า BTS - กรุงเทพธุรกิจ

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 27 ต.ค.2565 ว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2565 ได้ติดตามการประชุมของสภา กทม.เพื่อติดตามการทำงานของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ นายชัชชาติจะเสนอให้เก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวเท่าไหร่ ? และจะแก้ปัญหาหนี้สินอย่างไร ? หลังจากที่รอมานาน แต่สุดท้ายก็เหลว !

1. ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เสนออะไรให้สภา กทม. พิจารณา ?

ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ เสนอขอความเห็นจากสภา กทม. 2 ญัตติ ดังนี้

(1) อัตราค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-คูคต โดยเสนอให้เก็บ 15 บาทตลอดสาย ซึ่งจะทำให้ค่าโดยสารสูงสุด (รวมทั้งส่วนหลักและส่วนต่อขยาย) เท่ากับ 74 บาท หรือเก็บตามระยะทางตามสูตร 14+2X (ค่าแรกเข้า 14 บาท ค่าโดยสารเพิ่มขึ้นตามระยะทาง 2 บาทต่อสถานี แต่ค่าโดยสารรวมทั้งส่วนหลักและส่วนต่อขยายไม่เกิน 59 บาท)

(2) การแก้ปัญหาหนี้สิน โดยเสนอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนค่าก่อสร้างงานโยธาของส่วนต่อขยายที่ 2 ซึ่ง กทม. รับโอนมาจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นเงินประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท ถ้ารัฐบาลสามารถให้เงินสนับสนุนได้

ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติจะหาเอกชนมาร่วมลงทุนตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 แต่ถ้ารัฐบาลไม่สามารถให้เงินสนับสนุนได้ ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติก็ขอโอนรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมด (ทั้งส่วนหลักและส่วนต่อขยาย) ให้รัฐบาล

แต่อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภา กทม.ส่วนใหญ่เห็นว่าญัตติดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจของสภา กทม. จึงได้เสนอให้ถอนญัตติออกไป

2. มท. 1 ขอความเห็นจาก ผู้ว่าฯ ชัชชาติ

หลังจาก กทม. มีผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ และมีสภา กทม. ชุดใหม่ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือลงวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ถึงผู้ว่าฯ กทม. ขอทราบแนวทางการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเสนอ ครม. ต่อไป

เหตุที่ มท. 1 ขอความเห็นจากผู้ว่าฯ กทม. ก็เพราะว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 ผู้ว่าฯ กทม. (ในขณะนั้น) ได้มีหนังสือถึง มท. 1 ขอความเห็นชอบให้ขยายสัมปทานให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เป็นเวลา 30 ปี ตั้งแต่ปี 2572-2602

โดยมีเงื่อนไขให้ BTSC แบกภาระหนี้สินทั้งหมดที่ กทม. มีอยู่กับ BTSC และ รฟม. พร้อมกับแบ่งรายได้ให้ กทม. ไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท อีกทั้ง กำหนดให้ BTSC เก็บค่าโดยสารในอัตรา 15-65 บาท (สูงสุดไม่เกิน 65 บาท)

3. ผู้ว่าฯ ชัชชาติ จะเสนอความเห็นอะไรให้ มท. 1 ?

เมื่อสภา กทม. โยนเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวกลับไปที่ฝ่ายบริหารของ กทม. ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ ควรพิจารณาทำหนังสือตอบ มท. 1 ไปตามแนวทางของท่านผู้ว่าฯ ดังกล่าวในข้อ 1 ข้างต้น ซึ่งผมมีความเห็นต่อแนวทางของท่านผู้ว่าฯ ดังนี้

(1) อัตราค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติจะเก็บ 15 บาทตลอดสาย ซึ่งจะทำให้ค่าโดยสารสูงสุดเท่ากับ 74 บาท หรือจะเก็บตามระยะทาง แต่ค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 59 บาท ก็ได้ แต่ท่านต้องยอมรับความจริงว่าไม่สามารถทำให้ค่าโดยสารถูกลงตามที่ท่านได้เคยหาเสียงไว้ว่าจะเก็บ 25-30 บาท ได้

(2) หากรัฐบาลช่วยสนับสนุนค่างานโยธาส่วนต่อขยายที่ 2 ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติจะเปิดประมูลใหม่หาเอกชนมารับสัมปทานเดินรถส่วนต่อขยายที่ 2 ตาม พรบ. ร่วมทุน 2562 ผมขอบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีเอกชนรายใดสนใจมารับสัมปทานแน่ เพราะจะขาดทุน ! หากจะเปิดประมูลใหม่ทั้งส่วนหลักและส่วนต่อขยายหลังสิ้นสุดสัมปทานในปี 2572 ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะยังติดสัญญาจ้าง BTSC ให้เดินรถจนถึงปี 2585

(3) หากรัฐบาลไม่ช่วยสนับสนุนค่างานโยธาส่วนต่อขยายที่ 2 ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติจะโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมดให้รัฐบาล ผมเห็นว่าแนวทางนี้ไม่ใช่เป็นการ “แก้ปัญหา” แต่เป็นการ “โยนปัญหาให้พ้นตัว” ถ้ารัฐบาลยอมรับข้อเสนอนี้ ก็น่าจะรับมาตั้งแต่สมัยท่านผู้ว่าฯ อัศวินแล้ว จะไม่ทำให้ปัญหาคาราคาซังมาจนถึงปัจจุบันนี้

และที่สำคัญการโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมดให้รัฐบาลจะเป็นการบั่นทอนขวัญและกำลังใจของบุคลากร กทม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรในสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ที่ได้พยายามปลุกปั้นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวจนสำเร็จเป็นรถไฟฟ้าโครงการแรกของประเทศไทย

4. ผู้ว่าฯ ชัชชาติถึง “ทางตัน” ?

เนื่องจากท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติตั้งธงไว้ตั้งแต่ตอนหาเสียงแล้วว่าจะไม่ขยายสัมปทานให้ BTSC จึงทำให้ท่านต้องเดินมาถึงทางตันในวันนี้ มีทางเดียวเท่านั้นที่ท่านจะผ่าทางตันได้ก็คือเปิดใจให้กว้าง ดูข้อดีข้อเสียในการขยายสัมปทานให้ BTSC ถ้าเห็นว่ามีข้อดีมากกว่าก็ตัดสินใจขยายสัมปทานให้ BTSC ทางเลือกอื่นไม่มีจริงๆ

ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้ กทม. มีหนี้สินพอกพูนขึ้นทุกวัน

รายงานข่าวจากรุงเทพมหานคร ระบุว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2565 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง มีการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.) โดย นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 4 ครั้งที่ 4 ประจำปี 2565 มีผู้ว่าฯ กทม. คณะผู้บริหาร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

นายวิรัตน์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ได้รับหนังสือด่วนที่สุดจาก ผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2565 เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว พร้อมหนังสือด่วนที่สุดจากกระทรวงมหาดไทย (มท.) เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2565

ทั้งนี้ ขอชี้แจงขั้นตอนการบรรจุญัตติเข้าสู่วาระการประชุมสภากรุงเทพมหานคร ซึ่งตนได้ปฏิบัติตามข้อบังคับทั้งหมด แต่บางญัตติเอกสารไม่ครบถ้วน จึงต้องขอเอกสารเพิ่มเติม ทำให้เสียเวลาต่อการบรรจุญัตติ โดยเฉพาะญัตติที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย จึงต้องขอรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาญัตตินั้นๆ หลายครั้งต้องประสานงานกับหน่วยงานภายนอก ไม่ได้เกี่ยวกับ กทม.ทำให้ต้องใช้เวลา จึงชี้แจงให้ฝ่ายบริหารรับทราบ

โดยนายชัชชาติ ในฐานะผู้ว่าฯ กทม. จะเสนอญัตติขอรับความเห็นจากสภากรุงเทพมหานคร เรื่อง แนวทางการเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต และช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ และญัตติขอรับความเห็นจากสภากรุงเทพมหานคร เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ต่อมา นายไสว โชติกะสุภา ส.ก. เขตราษฎร์บูรณะ ประธานคณะกรรมการการจราจรและขนส่ง ได้เสนอให้รวมทั้งสองญัตติเข้าด้วยกัน ดังนั้นที่ประชุมสภา กทม.จึงมีมติให้รวมทั้งสองญัตติเข้าด้วยกัน

อย่างไรก็ดีประเด็นดังกล่าว ส.ก. ได้ขออภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจของสภา กทม.

นายวิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ กล่าวว่า ขอหารือประธานสภา กทม. และผู้ว่าฯ กทม. เรื่องคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งใหญ่กว่าข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ทำให้เราไม่มีความสุข จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง

ทั้งนี้ควรให้ ส.ก.ชุดนี้ รู้รายละเอียดต่างๆ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้มากกว่านี้ ฝ่ายบริหารสามารถดำเนินการได้ ในการปรึกษาหารือกับ ส.ก. ญัตติดังกล่าวจะทำให้เป็นภาระกับ กทม. ถ้าไม่มีคำสั่ง คสช. จะไม่เกิดปัญหามาจนถึงทุกวันนี้ จึงเห็นว่าควรให้ถอนญัตติดังกล่าวออกไปก่อนแล้วค่อยกลับมาหารือกันใหม่อีกครั้ง

นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า ขอให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษารายละเอียดต่อไป

นายพีรพล กนกวลัย ส.ก.เขตพญาไท กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ควรเป็นญัตติ ควรเป็นการเสนอขอความเห็นเท่านั้น อีกทั้งเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นอำนาจหน้าที่ของสภา กทม.และผู้ว่าฯ กทม. จึงขอให้ถอนญัตติดังกล่าวออกไป และหากยังมีญัตติดังกล่าวอยู่ จะขอออกจากประชุม พร้อมกับเดินออกไปจากห้องประชุมทันที

หลังจากนั้นนายวิรัช ได้เสนอให้ถอนญัตติดังกล่าว โดยมีผู้รับรองถูกต้อง ทำให้ญัตติถูกถอนออกไป ส่งผลให้ญัตติของนายชัชชาติ ต้องตกไปโดยปริยาย จากนั้นประธานสภา กทม.ได้สั่งพักการประชุม และเมื่อเปิดประชุมอีกครั้งได้มีการพิจารณาวาระถัดไป

Adblock test (Why?)


"สามารถ" ห่วง "ชัชชาติ" ถึงทางตันแก้ปัญหาหนี้รถไฟฟ้า BTS - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ถาม-ตอบ : พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ | สุมาพร มานะสันต์ - กรุงเทพธุรกิจ

ปัญหาและที่มา

ปัญหาก่อนหน้านี้ คือ กฎหมายที่มีอยู่หลายฉบับกำหนดให้การปฏิบัติราชการหรือการติดต่อกับประชาชนต้องใช้สำเนาหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือจำกัดวิธีหรือรูปแบบในการติดต่อราชการเฉพาะการติดต่อด้วยตัวบุคคล ณ สถานที่ทำการ หรือนำส่งเอกสารต่าง ๆ ทางไปรษณีย์

อันเป็นผลให้หน่วยงานของรัฐไม่สามารถนำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการปฏิบัติราชการได้อย่างเต็มรูปแบบ (ซึ่งที่ผ่านมาบางหน่วยงานที่ไม่มีข้อติดขัดทางกฎหมาย และข้อจำกัดทางงบประมาณได้มีการนำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการแล้วบ้าง)

ดังนั้น ที่มาของ พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์ คือ การตรากฎหมายกลางเพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้การดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์มีผลสมบูรณ์ในทางกฎหมาย

        ใช้กับทุกหน่วยราชการหรือไม่?

       คำตอบ คือ “ไม่” โดย พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์จะใช้กับหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงาน ยกเว้น

(๑) รัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด (๒) หน่วยงานของรัฐในฝ่ายนิติบัญญัติ (๓) หน่วยงานของรัฐในฝ่ายตุลาการ (๔) องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ (๕) องค์กรอัยการ และ (๖) หน่วยงานอื่นของรัฐที่กำหนดในกฎกระทรวง

อย่างไรก็ดี พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้กำหนดห้ามการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้น เช่น หน่วยงานฝ่ายตุลาการก็สามารถออกข้อกำหนดของศาลว่าด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ของตนเองได้

และหากประสงค์จะอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ก็สามารถเสนอให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาได้ (ม. ๔ วรรคสอง)

ถาม-ตอบ : พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ | สุมาพร มานะสันต์ 

ทั้งนี้ สำหรับหน่วยงานที่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายฉบับนี้ เช่น ราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น จะต้องใช้ พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์กับทุกหน่วยในหน่วยงาน โดยไม่อาจเลือกปฏิบัติเพียงบางส่วนของกฎหมาย หรือให้มีผลใช้บังคับเฉพาะเพียงบางหน่วยในหน่วยงานได้

 ประชาชนใช้วิธีการอิเล็กทรอนิกส์ในกระบวนการใดได้บ้าง?

         พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์กำหนดให้ประชาชนสามารถยื่นคำขอ จ่ายเงิน หรือติดต่อราชการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยให้ถือว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ของรัฐจะปฏิเสธไม่รับคำขอนั้นเพียงเพราะเหตุที่ผู้ขออนุญาตใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ (เว้นแต่เป็นเรื่องที่เป็นการดำเนินการเฉพาะตัว ดังที่จะกล่าวในหัวข้อถัดไป)

ประชาชนยื่นคำขอโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกเรื่องหรือไม่?

         คำตอบ คือ “ไม่ทุกเรื่อง” กล่าวคือ ในหลักการทั่วไป เรื่องใดก็ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องขออนุญาต ผู้ขออนุญาตสามารถเลือกยื่นคำขอ รวมถึงส่งเอกสารหลักฐานประกอบคำขอโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้

โดยมีข้อยกเว้นว่า พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์ จะไม่ใช้กับการขออนุญาตที่ผู้ยื่นคำขอจะต้อง “ดำเนินการเป็นการเฉพาะตัว” เช่น การสมรส การหย่า การรับบุตรบุญธรรม การขอมีบัตรประจำตัวประชาชน และการขอออกหนังสือเดินทาง เป็นต้น

เมื่อหน่วยงานรัฐประสงค์จะตรวจสอบความถูกต้องของบัตรประชาชนต้องทำอย่างไร?

          ในกรณีที่หน่วยงานรัฐ (ผู้อนุญาต) ประสงค์จะตรวจสอบความถูกต้องของบัตรประจำตัวประชาชนที่ประชาชนได้ยื่นประกอบการขออนุญาต ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ หรือ ผู้อนุญาต ในการตรวจสอบความถูกต้อง

ถาม-ตอบ : พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ | สุมาพร มานะสันต์ 

โดยให้ติดต่อกับสำนักทะเบียนกลางตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรเพื่อดำเนินการตรวจสอบ และให้เป็นหน้าที่ของนายทะเบียนประจำสำนักทะเบียนกลางที่จะตรวจสอบและแจ้งผล ทั้งนี้ ให้กระทำโดยพลันผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์

ประชาชนสามารถแสดงใบอนุญาตแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้หรือไม่?

“ได้” หากเอกสารประเภทนั้นไม่ได้ถูกประกาศกำหนดในกฎกระทรวงให้ต้องแสดงตัวจริงเท่านั้น

ดังนั้น ในหลักการ กฎหมายกำหนดให้ประชาชนที่ต้องแสดงใบอนุญาตหรือเอกสารหลักฐานต่าง ๆ สามารถแสดงเป็นภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นก็ได้ (เช่น การแสดงภาพใบอนุญาตที่ถ่ายเก็บไว้ในอุปกรณ์สื่อสาร)

หรือในกรณีที่เป็นผู้ประกอบการที่ต้องปิดใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยตามข้อกำหนดของกฎหมาย ก็สามารถแสดงใบอนุญาตนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ทั้งนี้ อาจต้องพิจารณาข้อกำหนดในการปิดใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานที่ให้ใบอนุญาตประกอบด้วย

           ในทางกลับกัน หน่วยงานของรัฐผู้อนุญาต ย่อมมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลการอนุญาตที่เป็นปัจจุบันให้ประชาชนสามารถตรวจสอบผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยสะดวกและไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน

ถาม-ตอบ : พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ | สุมาพร มานะสันต์ 

การติดต่อหรือยื่นคำขอทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือเอาวันและเวลาราชการใด?

           หากประชาชนได้ส่งคำขอหรือติดต่อทางอิเล็กทรอนิกส์ถึงหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับข้อความดังกล่าวตามวันและเวลาที่คำขออนุญาตหรือการติดต่อนั้นได้เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานของรัฐหรือของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น เว้นแต่ หากเป็นการส่งนอกเวลาราชการ หรือนอกเวลาทำการของหน่วนงานดังกล่าว ให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐได้รับข้อความอิเล็กทรอนิกส์นั้น ในวันและเวลาทำการถัดไป

ใช้บังคับเมื่อไร?

การบังคับใช้จะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กล่าวคือ 1) กลุ่มที่มีผลใช้บังคับทันที ได้แก่ (1) มาตรา 12 เรื่อง การพิจารณาอนุญาต (2) มาตรา 15 วรรคสอง เรื่อง การติดต่อ หรือส่งเรื่องถึงกันในระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกัน

(3) มาตรา 19 เรื่องการจัดทำกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ และ (4) มาตรา 22 เรื่องการเร่งรัดให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐประกาศกำหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประชาชนในการติดต่อราชการ

2) กลุ่มที่ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 ม.ค. 2566 ได้แก่ มาตราอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น

ท้ายที่สุด ที่ผู้เขียนเล่ามาทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักการภายใต้ พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวปัจจุบันมีผลใช้บังคับเพียงบางส่วน เนื่องจากอยู่ระหว่างการเตรียมการของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์

ดังนั้น ผู้ศึกษาเรื่องดังกล่าวควรติดตามเนื้อหาของกฎหมายลำดับรอง รวมถึงประกาศของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เกี่ยวกับการนำกระบวนทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ปฏิบัติราชการและบริการประชาชนต่อไป.

คอลัมน์ Legal Vision : นิติทัศน์ 4.0 

ดร.สุมาพร (ศรีสุนทร) มานะสันต์

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

กระทรวงการคลัง

Adblock test (Why?)


ถาม-ตอบ : พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ | สุมาพร มานะสันต์ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Tuesday, October 25, 2022

ลุยสร้างทางเลี่ยงเมือง "ศรีบุญเรือง" วงเงิน 1822 ล้าน - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


ลุยสร้างทางเลี่ยงเมือง "ศรีบุญเรือง" วงเงิน 1822 ล้าน - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

นายกฯ ปลื้มมาถูกทาง! เศรษฐกิจไทยฟื้นต่อเนื่อง - ไทยโพสต์

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ มั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง นักลงทุนไทยและต่างชาติเชื่อมั่น ขอรับการส่งเสริมการลงทุนช่วง 9 เดือน 1,247 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4.4 แสนล้านบาท

26 ต.ค.2565 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มั่นใจว่าแนวนโยบายของรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทย กำลังดำเนินไปตามแผนและอย่างเป็นระบบ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เริ่มคลี่คลายแล้ว ถึงแม้ราคาพลังงานและเชื้อเพลิงยังคงมีความผันผวนสูง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเป็นที่เฝ้าระวัง ไม่เพียงเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นในแนวทางเดียวกันทั่วโลก โดยในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนครั้งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ได้รับทราบรายงานสถิติการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2565 ซึ่งมีโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้วมูลค่ารวมกว่า 4.4 แสนล้านบาท

นายอนุชายังกล่าวถึงสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2565 ว่า มีโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1,247 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8% และมูลค่ารวม 439,090 ล้านบาท ลดลง 14% เนื่องจากปีที่แล้วมีโครงการขนาดใหญ่ในกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้ายื่นขอรับการส่งเสริมหลายโครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท โดยหากพิจารณาจากสถิติการออกบัตรส่งเสริม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงกับการลงทุนจริงมากที่สุด จะพบว่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการออกบัตรส่งเสริม 1,101 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17% และมูลค่ารวม 357,552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% เป็นสัญญาณว่าในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จะมีการลงทุนเกิดขึ้นจริงมากขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือน คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย มีมูลค่ารวม 286,699 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีมูลค่ารวม 275,624 ล้านบาท โดยการลงทุนจากจีน มีเงินลงทุนมากที่สุด 45,024 ล้านบาท ตามด้วยไต้หวัน 39,256 ล้านบาท และญี่ปุ่น 37,591 ล้านบาท โดยมูลค่าการลงทุนจากจีนและไต้หวัน ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าการลงทุนใน 2 สาขานี้ จะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพื้นที่เป้าหมาย EEC มีการขอรับส่งเสริมจำนวน 376 โครงการ เงินลงทุนรวม 246,655 ล้านบาท คิดเป็น 56% ของการลงทุนทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในจังหวัดระยองและชลบุรี นอกจากนี้ มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ จำนวน 234 โครงการ เพิ่มขึ้น 86% และมีเงินลงทุน 15,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรที่ทันสมัยและนำระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สอดรับกับสังคมผู้สูงวัย รองลงมาคือ การลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนหรือการประหยัดพลังงาน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการลดคาร์บอนของโลก

“นายกฯ ได้เน้นย้ำ ถึงการให้พิจารณาสิทธิประโยชน์ด้านอื่น ๆ ควบคู่สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ที่ให้การส่งเสริมการลงทุนในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนไทยได้พิจารณาตัดสินใจในการขยายธุรกิจ อีกทั้ง เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น รวมไปถึงการให้ความสำคัญในการสนับสนุนส่งเสริม Startup SMEs และวิสาหกิจชุมชนของไทย ให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาขับเคลื่อนประเทศในอนาคต และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอีกด้วย” นายอนุชากล่าว

Adblock test (Why?)


นายกฯ ปลื้มมาถูกทาง! เศรษฐกิจไทยฟื้นต่อเนื่อง - ไทยโพสต์
Read More

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ พิพากษาลงโทษผู้ละเมิดสิทธิบัตรของพานาโซนิคกว่าแสนชิ้น - ผู้จัดการออนไลน์



ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดง เลขที่ อ.562/2565 ซึ่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท ไพบูลย์กิจธนา จำกัด และกรรมการบริหารอีก 2 ราย ในฐานความผิดร่วมกันละเมิดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ “แผ่นเพลตสำหรับอุปกรณ์เดินสาย” และ “เต้ารับไฟฟ้า” ของพานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น แห่งประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งสิ้น 125,200 ชิ้น  
 
โดยปรากฏข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในคดีนี้ว่า พนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 3 ในคดี และจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันละเมิดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ “แผ่นเพลตสำหรับอุปกรณ์เดินสาย” และ “เต้ารับไฟฟ้า” ของพานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น โดยร่วมกันมีไว้เพื่อขายแก่บุคคลทั่วไป ซึ่งแผ่นเพลตสำหรับอุปกรณ์เดินสายจำนวน 10,200 ชิ้น และ “เต้ารับไฟฟ้า” จำนวน 115,000 ชิ้น ที่มีผู้ผลิตขึ้นโดยละเมิดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของ พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นแผ่นเพลตสำหรับอุปกรณ์เดินสายและเต้ารับไฟฟ้าที่ละเมิดสิทธิบัตร ทั้งนี้ มิได้กระทำการเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา วิจัย และไม่ได้รับการยกเว้นใดๆ ตามกฎหมาย โดยคำพิพากษาระบุให้จำเลยทั้ง 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร และลงโทษปรับพร้อมทั้งริบของกลางเพื่อทำลายตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

สำหรับคดีข้างต้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) โดยการสอบสวนสืบสวนจนกระทั่งมีการขอหมายค้นต่อศาลฯ และนำกำลังเข้าทำการตรวจและยึดสินค้าที่ละเมิดสิทธิบัตรของพานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น ดังกล่าวได้ของกลางจำนวนกว่าแสนชิ้น ณ สถานที่ตั้งของผู้กระทำความผิด ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเมื่อวันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 โดยการปฏิบัติการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และเดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด
 
ทั้งนี้ การละเมิดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของบุคคลอื่นที่ได้รับความคุ้มครองในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการผลิตและขาย หรือแม้กระทั่งเพียงการขายสินค้าที่ละเมิดเพียงอย่างเดียวนั้น ถือเป็นความผิดทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญา อีกทั้ง ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นโดยการละเมิดสิทธิบัตร อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า และด้วยเหตุดังกล่าว ผู้บริโภคจึงควรศึกษารายละเอียดข้อมูล และมาตรฐานต่างๆ ของสินค้าอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ผู้ค้าปลีก ผู้จัดจำหน่าย และผู้ขายที่ประกอบการขาย หรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ละเมิดสิทธิบัตร หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อขายหรือจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดสิทธิบัตรนั้น ต้องระวางโทษตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องภายใต้กฎหมายสิทธิบัตรไทย ดังนั้น ผู้ค้าปลีก ผู้จัดจำหน่าย และผู้ขายจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าได้ทำการขายสินค้าของแท้ที่จัดหาจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษ และเพื่อปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้สินค้าและประชาชนทั่วไป
 

Adblock test (Why?)


ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ พิพากษาลงโทษผู้ละเมิดสิทธิบัตรของพานาโซนิคกว่าแสนชิ้น - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

กทม.เปิดกิจกรรมทางน้ำในสวนลุมพินี ช่วงแรกบริการฟรีทุกวัน - ผู้จัดการออนไลน์


Photo: สำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.
กทม.เปิดกิจกรรมทางน้ำ พายเรือคายัค จักรยานน้ำ และซับบอร์ด ที่บึงน้ำ สวนลุมพินี ส่งเสริมการออกกำลังกาย

Photo: สำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.
เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.65) นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมทางน้ำ ณ บึงน้ำ สวนลุมพินี เขตปทุมวัน โดยกล่าวว่า กิจกรรมทางน้ำเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมและได้รับความสนใจจากประชาชน สามารถทำร่วมกันในครอบครัวส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี ส่งเสริมให้เกิดการออกกำลังกาย ประชาชนมีสุขภาพที่ดี และเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติด

Photo: สำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.
กรุงเทพมหานครเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดกิจกรรม จึงจัดกิจกรรมทางน้ำขึ้น ประกอบด้วย พายเรือคายัค จักรยานน้ำ และซับบอร์ด เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ สร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวและชุมชน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร

Photo: สำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.

Photo: สำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.
ทั้งนี้ กิจกรรมทางน้ำ ณ บึงน้ำ สวนลุมพินี ดำเนินตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้านพื้นที่สาธารณะ การยกระดับศูนย์กีฬา ศูนย์สร้างสุขทุกวัย ศูนย์เยาวชน ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ซึ่งสวนลุมพินีมีบึงน้ำขนาดใหญ่ สถานที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง จึงสามารถให้บริการกิจกรรมทางน้ำได้


โดยในช่วงแรกเปิดให้บริการฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 09.00-18.00 น. บริการรอบละ 40 นาที ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมต้องสวมเสื้อชูชีพตลอดเวลาระหว่างทำกิจกรรม

Photo: สำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


Adblock test (Why?)


กทม.เปิดกิจกรรมทางน้ำในสวนลุมพินี ช่วงแรกบริการฟรีทุกวัน - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

ถึงเวลาแยกทาง!กูรูเชื่อ คล็อปป์ อำลา ลิเวอร์พูล ซีซั่นนี้ - สยามกีฬา

คล็อปป์ เข้ามารับงานกุนซือทีม หงส์แดง ตั้งแต่ปี 2015 แต่ซีซั่นนี้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์มีผลงานไม่สู้ดีตั้งแต่ออกสตาร์ต และไม่มีท่าทีว่าจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้หลังจากพวกเขากำชัยได้แค่สี่จาก 11 นัด และมีแต้มตามหลัง อาร์เซน่อล ทีมจ่าฝูงไกลลิบถึง 12 แต้ม

ซ้ำร้าย เกมล่าสุดในลีก ลิเวอร์พูล ยังเสียหน้ายับที่ออกไปแพ้ ฟอเรสต์ ทีมรองบ่อน 1-0 ซึ่งยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาของสโมสรมากขึ้นไปอีกต่อฟอร์มการเล่นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

จากผลงานที่ตกต่ำของ เร้ด แมชีน เชอร์วู้ด ซึ่งเคยผ่านงานคุมทีม สเปอร์ส และ แอสตัน วิลล่า ลงความเห็นว่า คล็อปป์ น่าจะคุมทีม ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้เป็นซีซั่นสุดท้าย

"เราได้เห็นปัญหาของ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ทั้งๆที่พวกเขาคุ้นเคยกับการได้ลุ้นคว้าแชมป์ พวกเขาไม่มีทางได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ดังนั้นนักเตะจะเหลือแรงจูงใจอะไรอีก?" เชอร์วู้ด เอ่ยเมื่อ 25 ต.ค.

"สโมสรคงบอกว่าพวกเขาไม่อาจหลุดออกจากถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับนักเตะที่ต้องต่อสู้เพื่อคว้าแชมป์ และได้เห็นว่ามันอยู่ห่างไกลออกไปผมคิดว่ามันเป็นงานยากสำหรับพวกเขา"

"ผมไม่คิดว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะอยู่ที่นี่ในซีซั่นหน้า ผมคิดว่าน่าจะมีการพูดคุยกันแล้ว ผมไม่แน่ใจว่า คล็อปป์ จะพาทีมกลับมามีลุ้นคว้าแชมป์ได้อีกครั้งหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจเลยจริงๆ"

"ประวัติศาสตร์บอกว่าเขาทำไม่ได้ เขาเป็นโค้ชที่ดี และสร้างความมุ่งมั่นให้กับทีม แต่ตอนนี้พวกเขาต้องต่อสู้เพื่ออันดับท็อปโฟร์เท่านั้น หากพวกเขาพลาดท็อปโฟร์ มันก็จะต้องเป็นการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ทั้งหมด"

"ผมไม่คิดว่าเขาจะถูกไล่ออก แต่มันน่าจะมีการเจรจากันระหว่างสองฝ่ายซึ่งเห็นตรงกันว่า คล็อปป์ พาทีมมาไกลที่สุดแล้วเท่าที่เขาสามารถทำได้ และพวกเขาจะเริ่มต้นความท้าทายครั้งใหม่"

Adblock test (Why?)


ถึงเวลาแยกทาง!กูรูเชื่อ คล็อปป์ อำลา ลิเวอร์พูล ซีซั่นนี้ - สยามกีฬา
Read More

ทหารเมียนมาโจมตีทางอากาศกลางานคอนเสิร์ต ตาย-เจ็บเพียบ - ช่อง 7HD

วันนี้ (25 ต.ค. 65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุโจมตีทางอากาศระหว่างการแสดงคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นโดยชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ที่มีความขัดแย้งกับรัฐบาลทหารเมียนมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คน ตามการรายงานของกลุ่มต่อต้าน ประชาชนและสื่อพม่า ขณะที่ทาง BBC รายงานว่า กลุ่มข่าวกะฉิ่นกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 80 คน และบาดเจ็บ 100 คน

โดยการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นในคืนวันอาทิตย์ (23 ต.ค. 65) ที่ผ่านมา ในรัฐกะฉิ่น ที่อยู่ทางภาคเหนือของเมียนมา ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต รวมถึงนักร้อง และเจ้าหน้าที่ของกองทัพกะฉิ่นอิสระ (KIA) ตามการรายงานของสื่อ ที่อ้างคำกล่าวของพยานซึ่งระบุว่าการโจมตีดังกล่าวมาจากเครื่องบิน 3 ลำ

ทางโฆษกของ KIA กล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายที่การเฉลิมฉลองครบรอบ 62 ปี การก่อตั้งองค์กรอิสรภาพกะฉิ่น (KIO) ที่เป็นฝ่ายการเมืองของกองทัพกะฉิ่น ซึ่ง KIA ต่อสู้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ทศวรรษเพื่อเอกราชที่มากขึ้นของชาวกะฉิ่น และได้สนับสนุนการต่อต้านการปกครองของรัฐบาลทหารภายหลังการรัฐประหารเมื่อปีก่อน และยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง

ด้านรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) พันธมิตรของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร กล่าวว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อการสูญเสียชีวิต และเรียกร้องให้สหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศเข้าแทรกแซงและหยุดยั้งความโหดร้ายอย่างเร็วที่สุด โดยกองทัพก่อการร้ายจงใจก่อเหตุสังหารหมู่อีกครั้งด้วยการทิ้งระเบิดทางอากาศที่มุ่งเป้าที่งานคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ของประชาชน การกระทำของกองทัพก่อการร้ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน”
นอกจากนี้ สหประชาชาติได้กล่าวประณามกองทัพเมียนมาหลายครั้ง โดยกล่าวหาว่ากองทัพก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากการเสียชีวิตของพลเรือน แต่รัฐบาลทหารกล่าวว่าปฏิบัติการของพวกเขามุ่งเป้าที่ผู้ก่อการร้าย

และทางองค์กรสิทธิมนุษยชน (Human Rights Watch) ได้ประณามการกระทำของกองทัพเมียนมา และเรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศมีมติที่บังคับใช้การห้ามขนส่งอาวุธ และอย่างน้อยที่สุด เรื่องโหดร้ายนี้ควรถูกส่งต่อไปยังศาลระหว่างประเทศ เนื่องจากเห็นได้ชัดว่า "อาชญากรรมสงครามกำลังเกิดขึ้น"

ด้านทางกองทัพเมียนมาอ้างว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียง "ข่าวลือ" แต่ไม่ได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิต แต่กล่าวเพียงว่า มีเพียงสมาชิก KIA และ "ผู้ก่อการร้าย" เท่านั้นที่ถูกสังหาร

ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมีกำหนดประชุมในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมในเมียนมาร์จำนวน 457 แห่ง ได้เรียกร้องให้มีจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำอาเซียนให้ยกเลิก "ฉันทามติ" 5 ประเด็นและทำงานร่วมกับผู้นำพลเรือนและ NUG แทน

Adblock test (Why?)


ทหารเมียนมาโจมตีทางอากาศกลางานคอนเสิร์ต ตาย-เจ็บเพียบ - ช่อง 7HD
Read More

เจฟ ยูไนเต็ด ประกาศแยกทางกับอดีตกุนซือเมืองทองฯ - สยามกีฬา

เจฟ ยูไนเต็ด อิชิฮาร่า ชิบะ ทีมในศึกฟุตบอลเจลีก 2 แห่งประเทศญี่ปุ่น ประกาศแยกทางกับ ยุน จอง ฮวาน กุนซือชาวเกาหลีใต้ อดีตเคยคุมทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ยุน จอง ฮวาน กุนซือชาวเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยหลังแยกทางกับทีมเจฟ ยูไนเต็ด อิชิฮาร่า ชิบะ ว่า " ถึงผมจะเสียใจแต่ย้อนอดีตไม่ได้ ผมเองหวังว่าทุกคนในทีมจะเล่นฟุตบอลต่อไปได้อีกนาน และกลายเป็นฟุตบอลที่ดี และช่วยทำผลงานที่ดีให้กับทีม"

สำหรับ ยุน จุง ฮวาน  เข้ามาคุมทีม เจฟ ยูไนเต็ด อิชิฮาร่า ชิบะในปี 2020 ปีแรกที่เช้ามาคุมทีม จบอันดับที่ 14 ของตาราง ปี 2021 จบอันดับ 8 และปี 2022 จบอันดับที่ 10

ที่มาของภาพ : เจฟ ยูไนเต็ด อิชิฮาร่า ชิบะ

Adblock test (Why?)


เจฟ ยูไนเต็ด ประกาศแยกทางกับอดีตกุนซือเมืองทองฯ - สยามกีฬา
Read More

เตือน ! มิจฉาชีพใช้ Bot สุ่มเลขบัตรเครดิต... - Droidsans

พวกมิจฉาชีพนี่ก็ไม่เคยหยุดหย่อนกันสักทีนะคะ หากลลวงต่าง ๆ เพื่อมาหลอกผู้เสียหายให้ได้ทุกทาง อย่างล่าสุดคนร้ายใช้การสุ่มเลขบัตรเครดิต /เดบิต ของเราไปทำการชำระเงินในการทำธุรกรรมออนไลน์ เรามาดูกันว่าจะมีวิธีรับมืออย่างไรได้บ้าง

ทางโฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาแจ้งเตือนประชาชนให้รู้เท่าทันถึงอาชญากรรม และมิจฉาชีพเพื่อให้เราป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อในรูปแบบใดก็ตาม เพราะครั้งนี้คนร้ายมากับกลลวงแบบใหม่ค่ะ ซึ่งไม่มีใครคาดคิดเลยว่ามันจะทำแบบนี้ได้ ?! แต่มันทำได้จริงและส่งผลกระทบต่อเหยื่อหลายราย

มิจฉาชีพใช้โปรแกรมอัตโนมัติ หรือที่เราเรียกว่า Bot สุ่มหาข้อมูลเลขหน้าบัตร และตัวเลข 3 หลักหลังบัตร 

ในการทำธุรกรรมออนไลน์ และสั่งซื้อสินค้าในราคาต่ำ ๆ ที่เราแทบจะไม่รู้ตัวเลย ซิ่งสิ่งที่พวกแก๊งมิจฉาชีพสั่งจะเป็นสินค้าออนไลน์ในเว็บไซต์ต่างประเทศ และเกมออนไลน์อื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เพราะบางทีสินค้าพวกนี้เราไม่ต้องกรอกรหัส  OTP เลยมีช่องโหว่เพิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ

ถึงแม้ว่าปัจจุบันทางธนาคารต่าง ๆ อย่างธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยได้การเพิ่มมาตรการในการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเข้มงวดแล้วก็ตาม โดยเร่งควบคุมการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง โดยเฉพาะรายการธุรกรรมจากต่างประเทศ ถ้าพบว่ามันผิดแปลกไปทางธนาคารจะทำการระงับการใช้บัตรและแจ้งให้ลูกค้าทราบทันทีค่ะ

คำแนะนำในการรับมือ

  1.  ให้หมั่นตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรมของบัตรดังกล่าวด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบรายการธุรกรรมที่น่าสงสัยและท่านไม่ได้เป็นผู้ทำธุรกรรมดังกล่าว ขอให้รีบแจ้งไปยังธนาคารเจ้าของบัตรทราบ เพื่อดำเนินการตรวจสอบ และยกเลิกธุรกรรมดังกล่าวโดยเร็ว
  2. หากมีการเปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรศัพท์หรือช่องทางการติดต่อ แนะนำให้ท่านแจ้งข้อมูลกับทางธนาคารเจ้าของบัตร เพื่อให้ทางธนาคารสามารถติดต่อสอบถามถึงรายการธุรกรรมที่ผิดปกติ และระงับการใช้บัตรของท่านได้ทันท่วงทีสุดท้ายนี้หากพวกเราประชาชนได้รับความเสียหายจากรายการธุรกรรมที่ผิดปกติ จากบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ท่านสามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  3. สติค่ะ ที่สำคัญต้องใจเย็น ๆ แล้วไล่ลำดับความผิดปกติโทรไปแจ้งที่ธนาคารได้ทุกสาขาโดยตรง

ยังไงก็ตามให้ทุกคนระมัดระวังตัวกันไว้นะคะ เพราะที่ผ่านมามีแก๊งมิจฉาชีพมากมายที่กำลังหาวิธีการใหม่ ๆ ในการขโมยเงินพวกเรา อย่างเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะใช้ Bot มาสุ่มเลขมันไม่ได้อึ้ง ทึ่งอะไรแต่แค่รู้สึกว่าเราก็ระวังตัวกันทุกวิถีทางแล้วยังจะมีกลลวงใหม่ ๆ ได้ตลอด

ที่มา : กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

Adblock test (Why?)


เตือน ! มิจฉาชีพใช้ Bot สุ่มเลขบัตรเครดิต... - Droidsans
Read More

STI คว้า 2 งานใหญ่ “โครงการก่อสร้างทางรถไฟ” กว่า 800 ลบ. ดันแบ็กล็อกทะลุ 4.80 พันล้าน - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้ประกอบธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมงานโครงการขนาดใหญ่เร่งเปิดประมูลตามแผนการลงทุนของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง สนับสนุนโอกาสกลุ่มบริษัทเดินหน้ารับงานใหม่ ดัน Backlog พีคทำนิวไฮ ล่าสุด บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC (บริษัทย่อย) โดย นายไพบูลย์ โชคไพรสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลงนามในสัญญาเป็นที่ปรึกษาบริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้าง 2 โครงการ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ โดย AEC เป็น Lead Firm ในการบริหารโครงการ และรับผิดชอบงานควบคุมการก่อสร้าง งานโยธาและระบบราง สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย – งาว

อีกทั้งลงนามเป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ – มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด – มุกดาหาร – นครพนม โดยรับผิดชอบงานควบคุมงานก่อสร้าง งานโยธา และระบบราง สัญญาที่ 2 ช่วงบ้านไผ่ – หนองพอก โดยทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าโปรเจ็กต์รวมกันกว่า 1.5 แสนล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าของค่าจ้างที่ปรึกษาที่ AEC ได้รับมูลค่า 824 ล้านบาท

ทั้งนี้สนับสนุนให้ปัจจุบันกลุ่มบริษัท STI มีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 4,800 ล้านบาท เสริมศักยภาพการรับรู้รายได้ในระยะยาว พร้อมย้ำแผนการพัฒนาคมนาคมทางราง ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (ปี 2558-2578) ขณะที่กระทรวงคมนาคมวางแผนอัดเมกะโปรเจกต์ในปี 2565 มูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท ส่งสัญญาณบวกให้ STI เดินเครื่องเต็มสูบประมูลโครงการขนาดใหญ่ ผลักดัน STI เป็นอีกหุ้นแห่งอนาคต

Adblock test (Why?)


STI คว้า 2 งานใหญ่ “โครงการก่อสร้างทางรถไฟ” กว่า 800 ลบ. ดันแบ็กล็อกทะลุ 4.80 พันล้าน - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
Read More

Monday, October 24, 2022

"พระเอกดัง" เกรท แฉเดือด พฤติกรรมส่อคุกคามทางเพศ อุทาหรณ์ระวังห้องน้ำปั้ม - คมชัดลึก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สุดจะทนพฤติกรรม สำหรับพระเอกดัง เกรท วรินทร ที่เจอหนุ่มส่อแววคุกคาม ถึงขั้นกับออกมาโพสต์ระบายความรู้สึก และเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริเวณห้องน้ำปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ขณะที่ชาวเน็ตต่างเห็นใจ และชี้บอกว่า กลุ่มคนเหล่านี้มักเลือกเหยื่อที่ดูดี

เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอกับตัวบ้างสำหรับพฤติกรรมของคนบางกลุ่มที่ส่อคุกคามทางเพศ โดยเฉพาะบริเวณห้องน้ำปั๊มน้ำมัน ที่เคยทีข่าวกันไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ทว่าล่าสุดเกิดขึ้นกับพระเอกดังอย่าง "เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์" ที่เรื่องนี้เดือดมากจนต้องออกมาโพสต์ข้อความเล่าผ่านทางทวิตเตอร์แบบเดือด เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ให้ทราบว่า เพศชายเองก็ เกิดส่อเรื่องคุกคามทางเพศเช่นกัน 

โดยรายละเอียด "เกรท วรินทร" เล่าถึงพฤติกรรมที่ หนุ่มผู้น่าส่งสัยทำกับตนเอง ก่อนที่จะสังเกตเห็นแล้ว รีบหนีออกจากจุดนั่นและเฝ้าสังเกตการกระทำ

"พระเอกดัง" เกรท แฉเดือด พฤติกรรมส่อคุกคามทางเพศ อุทาหรณ์ระวังห้องน้ำปั๊ม

เรื่องที่ "เกรท วรินทร" เล่าลงในทวิตเตอร์ @Great_rider10 บอกว่า  "ทุกคน เรากำลังเดือดปุดๆเลย เข้าห้องน้ำปั๊มครับ ยืนทำธุระ มีผู้ชายพุ่งมายืนทำธุระข้างๆ แต่เรารู้สึกถูกคุกคามทางสายตา อย่างรุนแรงแบบไม่ปกติ เราเดินไปล้างมือเค้ามาล้างมือต่อในทันที แบบไม่น่าเป็นไปได้ เราเลยรีบเดินมาที่รถ คิดทบทวนหรือว่าเราคิดไปเอง และตั้งใจมองไปที่หน้าห้องน้ำ"

"พระเอกดัง" เกรท แฉเดือด พฤติกรรมส่อคุกคามทางเพศ อุทาหรณ์ระวังห้องน้ำปั๊ม

แน่นอนว่าจากนั้นก็มีชาวเน็ตในโลกออนไลน์ที่เห็นโพสต์ของพระเอกดัง ก็เข้ามาแสดงความเห็นมากมาย อาทิ

  • เคยอ่านคำแนะนำผชช. ในสถานการณ์ไม่ปกติเขาแนะนำให้มองตาอีกฝ่ายแล้วหาโอกาสชวนคุย จะทำให้ความกล้าก่อเหตุลด%ลง เคยลองนำไปใช้ตอนเที่ยวคนเดียวแล้วรู้สึกได้ผล ถ้าเป็นพฤติกรรมถ้ำมองมันเป็นอันนึงที่จิตแพทย์แนะนำให้ไปปรึกษา ชวนเค้าคุย แล้วถ้ามีโอกาสแนะนำสายด่วน1323เลยค่ะ เขาจะได้คลายปมในใจ
  • ขนาดผู้ชาย ยังกลัวๆๆ แล้วถ้าเป็นผู้หญิง...แค่ถูกคนอื่น มอง ก้อแอบบหลอนเบาๆๆ ตามปั้ม เยอะมากๆๆ เฮีย
  • ผู้หญิงก็กลัวเหมือนกันไม่ชอบให้ใครอยู่ใกล้ตอนเข้าห้องน้ำอ่ะ เป็นต้น 

ต่อมาข้อความของพระเอกหนุ่ม "เกรท" ที่โพสต์ลงทวิตเตอร์อีกครั้ง ระบุว่า "เราเห็น เค้าเดินเข้าเดินออกหลายรอบมาก แล้วก็มายืนหน้าห้องน้ำ แล้วก็เข้าไปอีก คือผิดปกติอ่ะ เรานี่ใจเดือดเลย แต่พอดีมีสติ เราก็เลยคิดว่า “อ๋อ วันนี้เค้าอาจจะดื่มน้ำไปเยอะมากๆก็ได้เลยฉี่บ่อย” เออ เราคิดได้แบบนี้ก็สบายใจล่ะ ก็เลยมาทวิตเล่าให้ฟัง #แต่ยังคงกำหมัดแน่น "

"พระเอกดัง" เกรท แฉเดือด พฤติกรรมส่อคุกคามทางเพศ อุทาหรณ์ระวังห้องน้ำปั๊ม

ทั้งนี้ในทวิตดังกล่าวยังมีคนมาเล่าประสบการณ์ที่เจอ ที่พบเห็นจากพฤติกรรมส่อคุกคามให้ทราบเพิ่มเติมด้วย เช่น

  • จากใจคนทำงานในห้างและร้านอยู่ใกล้ห้องน้ำค่ะ ห้องน้ำชายคือมีเยอะค่ะ ทั้งเหลือบๆ เจาะรู ชะโงกหน้า โรคจิตจะเลือกเหยื่อหน่วยก้านดีๆ เดินตามตั้งแต่ก่อนเข้าห้องน้ำนู่นเลย ตามยันเข้าห้องน้ำแล้วก็ตามออกมาค่ะ ปจบ.เข้าห้องน้ำทีระแวงทุกครั้งค่ะ #ระวังตัวดีดีเน้อออ
  • พวกคุกคามทางเพศนี่ไม่เลือกจริงๆ โดนกันถ้วนหน้าทุกเพศทุกวัย หรือว่ากฎหมายบ้านเราไม่แรงพอ คนพวกนี้ถึงได้ใจทำกันอยู่เรื่อยๆ
  • ลงบันทึกประจำวันไว้หน่อยไหมคะ เผื่อเขาไปลงมือกับใคร จะได้มีหลักฐานไว้ เป็นต้น 

ซึ่งการออกมาพูดของ "เกรท วรินทร" ในครั้งนี้นอกจากจะเพื่อระบายความในใจแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ก็ต้องระวังตัวเองไว้ สะท้อนไปที่การจัดการห้องน้ำสาธารณะ หรือ ตามปั๊มต่าง ๆ ที่อาจจะต้องเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น  

"พระเอกดัง" เกรท แฉเดือด พฤติกรรมส่อคุกคามทางเพศ อุทาหรณ์ระวังห้องน้ำปั๊ม

"พระเอกดัง" เกรท แฉเดือด พฤติกรรมส่อคุกคามทางเพศ อุทาหรณ์ระวังห้องน้ำปั๊ม

"พระเอกดัง" เกรท แฉเดือด พฤติกรรมส่อคุกคามทางเพศ อุทาหรณ์ระวังห้องน้ำปั๊ม

ขอบคุณภาพจาก : @Great_rider10

ติดตามข่าวสาร คมชัดลึก อื่นๆ ได้ที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

Adblock test (Why?)


"พระเอกดัง" เกรท แฉเดือด พฤติกรรมส่อคุกคามทางเพศ อุทาหรณ์ระวังห้องน้ำปั้ม - คมชัดลึก
Read More

"บิสโตร เอเชีย" เสริมแกร่งพอร์ต F&B กรุยทางผงาด "ช้างใหญ่" แห่งไทยเบฟ - กรุงเทพธุรกิจ

กว่า 1 ปีที่ผ่านมา "ไพศาล อ่าวสถาพร" รับภารกิจปลุกปั้น "บิสโตร เอเชีย" และเวลานี้กำลังเข็นไพลอตโปรเจกต์ต่างๆ ออกสู่ตลาดเปิดเกมรุกเต็มตัว! ด้วยปรากฎการณ์ใหม่ๆ เป็นทางเลือกให้ลูกค้า สร้างสีสัน เขย่าคู่แข่งบรรดาร้านอาหาร ภัตตาคารระดับพรีเมียม ไปด้วยในตัว

พอร์ตธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ภายใต้อาณาจักร "บิสโตร เอเชีย" เวลานี้ครอบคลุมทั้งอาหารไทย จีน ตะวันตก เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) แม้สาขาจะน้อย แต่มาก! ในเชิงมูลค่าทีเดียว 

สะท้อนได้ชัดเจน จากผลประกอบการพลิกจากขาดทุนตลอดห้วง 7-8 ปีที่ผ่านมา กลับมาเป็น "บวก" และมีทิศทางที่ดีแบบยกพอร์ตทีเดียว Bottom Line ของตัวเลขที่ดีขึ้นชัดเจนนั้น เป็นทั้งพลังและความท้าทายต่อก้าวรุกนำพา 6 แบรนด์ในมือเติบโตต่อเนื่อง

"บิสโตร เอเชีย" มีทั้งแบรนด์เก่าแก่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมายาวนาน แบรนด์แกะกล่องภายใต้ไอเดียและนวัตกรรมใหม่ ประกอบไปด้วย บ้านสุริยาศัย (BAAN SURIYASAI) ไฮด์ แอนด์ ซีค แอทธินี (HYDE & SEEK Athenee) หม่าน ฟู่ หยวน (MAN FU YUAN) โซ อาเซียน (SO Asean Café & Restaurant) สโมสรราชพฤกษ์ (Rajpruek Club) และ ศูนย์อาหารฟู้ด สตรีท (Food Street)  นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบริการจัดเลี้ยง อีกด้วย 

“ธุรกิจต้องโตต่อ! สร้างพอร์ตแบบโออิชิ แต่เน้นมูลค่าในความเป็นตลาดพรีเมียม วางเป้าหมาย (ก่อนเกษียณ) อยากผลักดันยอดขายทะยานสู่ 2,000-3,000 ล้านบาท ใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ บิสโตร เอเชีย ขยับสู่ช้างใหญ่...ให้กับไทยเบฟในอนาคตต่อไป”

ไพศาล อ่าวสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด บริษัทในเครือไทยเบฟ กล่าวถึงเป้าหมายและความท้าทายของการเคลื่อนทัพใหญ่ในครั้งนี้ให้เติบโตสอดรับไปกับ "Passion 2025" ของไทยเบฟ ที่ประกอบไปด้วย 

"Build"  สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ผ่านทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับ และเพิ่มตลาดที่น่าสนใจ 

"Strengthen"  เพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลัก เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในระดับอาเซียน "Unlock"  นำศักยภาพของบริษัทมาก่อให้เกิดมูลค่าสูงสุด ทั้งมุมทรัพยากรภายในและเครือข่ายพันธมิตร

ไพศาล อ่าวสถาพร ย้อนความว่า ออกสตาร์ท บิสโตร เอเชีย กับการดูแลแบรนด์ที่มีผลประกอบการเป็นลบ!  หากแต่ทยอยปลดล็อกข้อจำกัดก่อนฟื้นทำกำไร! และผลักดัน 6 แบรนด์ในมือเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน เรียกว่าสวนกระแสกำลังซื้อและเศรษฐกิจชะลอตัวในห้วงวิกฤติโควิด-19 

เครื่องมือสำคัญ นั่นคือ การปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งเมนูอาหารให้เข้ากับตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์และลูกค้าเป้าหมาย! ที่ลงลึกแต่ละแบรนด์ให้แตกต่างไปตาม “ทำเล” ช่วงเวลาเปิดบริการ เช่น หากร้านอยู่ในอาคารสำนักงาน จะมีชั่วโมงการขายสั้น เสาร์-อาทิตย์ ปิดบริการ จับลูกค้าได้เฉพาะมื้อกลางวัน ฉะนั้นจะต้องเน้นทำยอดขายช่วงเวลากลางวันให้ได้มากที่สุด 

“ช่วง 6 เดือนแรกเน้นปรับเปลี่ยน วางโครงสร้างการทำงาน บริหารจัดการใหม่ เพื่อพลิกรายได้ให้กลับมาเป็นบวกให้ได้!”

เมื่อเป้าหมายชัด "Pain Point" ที่มีถูกแก้ไขไปทีละเปลาะ พร้อมๆ กับการเพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะ บริการดีลิเวอรี่ การแตกไลน์ ต่อยอด จากแบรนด์ที่แข็งแรง ผ่าน ชุดของขวัญ จัดเลี้ยง แม้กระทั่งบริการ "เชฟเทเบิ้ล" เป็นการเพิ่มแวลู สร้างมูลค่าเพิ่ม นำสู่ยอดขายที่พุ่งทะยาน!

"บิสโตร เอเชีย" เสริมแกร่งพอร์ต F&B กรุยทางผงาด "ช้างใหญ่" แห่งไทยเบฟ

เป็นที่มาของความสำเร็จก้าวแรกของ "บิสโตร เอเชีย" พลิกกำไรได้ภายใน 7 เดือน โดยผลประกอบการเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา เติบโตกว่า 280% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2563 และสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด 29% ขณะที่ผลประกอบการปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.2564-ก.ย.2565) เติบโตถึง 76%

เมื่อหยุดเลือดไหล! ถึงเวลาเดินหน้าขุมพลัง! ทั้งหมดเคลื่อนทัพบุกตลาดอย่างต่อเนื่อง  

ล่าสุด ส่งเรือธง ฟู้ด สตรีท (Food Street) ศูนย์อาหารดิจิทัล โดยมีสาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เป็นต้นแบบ ในการขยายเครือข่าย วางแผนเปิดบริการที่โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) ปลายปี 2567

ปัจจุบัน ฟู้ดสตรีท ให้บริการ 4 สาขา นอกเหนือจากศูนย์ฯ สิริกิต์ ได้แก่ เดอะสตรีท รัชดา, CW Tower และ สาขาอาคารไทยเบฟสำนักงานใหญ่ ที่ยังอยู่ในรูปแบบเก่า 

"บิสโตร เอเชีย" เสริมแกร่งพอร์ต F&B กรุยทางผงาด "ช้างใหญ่" แห่งไทยเบฟ

ฟู้ด สตรีท จะเป็น โชว์เคส "ฟู้ดสตรีทดิจิทัล" ที่มาเขย่าเกมพลิกโฉมหน้าธุรกิจ "ศูนย์อาหาร" ในเมืองไทยอีกเช่นกัน 

ฟู้ด สตรีท  ถูกสร้างขึ้นเป็นหนึ่งตัวจักรสำคัญขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในเครือ ภายใต้แพลตฟอร์มศูนย์อาหารแนวใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน!  โดยมี สาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดบริการเมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พื้นที่ 900-1,000 ตร.ม.เป็นแฟลกชิพและต้นแบบของประสบการณ์ใหม่ ที่ได้นำระบบ “ดิจิทัล” มาใช้เต็มรูปแบบผ่านตู้ “คีออส” ที่ลูกค้าสามารถเลือกเมนูอาหาร และสั่งจากตู้แล้วไปรับที่ร้านที่เลือกไว้ได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเข้าคิวสั่งหน้าร้าน

ตู้คีออสนี้ยังรองรับการชำระเงินได้ทุกระบบทั้งแอพพลิเคชั่น คิวอาร์โค้ด รวมทั้งอาลีเพย์ วีแชทเพย์ แรบบิทเพย์ และบัตรเครดิตต่างๆ รองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับโลกของดิจิทัล ช่วยแก้ Pain Point โดยเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์ประชุม และมักประสบปัญหา “การใช้เงินสด” ขณะที่ลูกค้าชาวไทยไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวเพื่อ “แลกบัตร”  ไม่ต้องเสียเวลารอคิวที่หน้าร้านอาหารอีกด้วย

“การทำฟู้ดคอร์ท ในปัจจุบัน ต้องมีแบรนด์ และใช้แบรนด์เป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า เป็นเรื่องสำคัญ แม้การทำฟู้ด คอร์ท จะดูเหมือนแค่การนำร้านอาหารชื่อดัง อร่อยๆ มารวมอยู่ในศูนย์ แต่ลึกลงไปแล้ว การสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ทั้งจากบริการใหม่ๆ ร้านค้า หรือแม้แต่การดีไซน์ บรรยากาศ จะเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง"

ฟู้ด สตรีท  ไม่เพียงเข้ามาช่วยแก้ Pain Point ให้ลูกค้าเท่านั้น  แต่เข้ามาช่วยยกระดับความสามารถหรือทักษะในการใช้เทคโนโลยีให้กับพนักงาน นำสู่การเปิดสาขาใหม่ และเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจที่ยังเปิดกว้างค่อนข้างมาก

สำหรับ "ฟู้ด สตรีท" สาขาศูนย์ฯสิริกิติ์ ให้ความสำคัญกับการเลือกร้านอาหาร การดีไซน์บรรยากาศ ฉีกแนวไปจากทั่วไปที่เป็นลานนั่งโล่งๆ โดยทำเป็นโซนนิ่ง แบ่งเป็น 4 โซน คือ “ละเมียด-ละมัย-จี๊ดจ๊าด-จัดจ้าน” เลือกใช้สีหรือการดีไซน์ให้เข้ากับโซนให้อารมณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนกับการนั่งในฟู้ด คอร์ท ทั่วไป ที่เหมือนกันหมด ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น

พร้อมความหลากหลายของเมนูอาหาร ตั้งแต่ข้าวราดแกงไปจนถึงหูฉลาม ในราคาที่จับต้องได้ง่าย  มีไฮไลต์ร้านอาหารมิชลิน สตาร์  ร้านเพ้ง คั่วไก่ และร้านราดหน้า 40 ปี ศาลเจ้าพ่อเสือ  โดยร้านค้าแบ่งเป็น 2 ส่วน คือร้านประจำ 18 ร้านค้า และอีก 8 ร้านค้าที่เป็นร้านค้าหมุนเวียนตามฤดูกาล เปลี่ยนทุก 3 เดือน

อย่างไรก็ดี เวลานี้ "บิสโตร เอเชีย" ยังอยู่ระหว่างศึกษา “โรบอต คุ้กกิ้ง” เพื่อรับมือกับปัญหาต้นทุนและ "เชฟ" ขาดแคลน

"อะไรที่ต้องพึ่งเชฟควรต้องใช้โรบอตที่มีความเสถียรในการปรุงรสชาดอาหาร โดยเฉพาะอาหารจีนยากสุด! นับเป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องเตรียมพร้อม"  

ไพศาล ย้ำว่า บิสโตร เอเชีย ไม่เพียงมุ่งขยายเครือข่ายร้านอาหารตาม “จังหวะ” และ “โอกาส”  ซึ่งจะมีการพัฒนาแบรนด์ใหม่ต่อเนื่อง หากแต่ยังมุ่งสร้างรายได้และสร้างแบรนด์แข็งแกร่งผ่านธุรกิจแห่งอนาคต ได้แก่ แพ็คเกจฟู้ด, กิ๊ฟบาสเก็ต และฟู้ดแฮมเปอร์ เรียกว่าต่อยอดทั้งเชิงคุณค่าและมูลค่าได้อย่างงาม 

ขณะเดียวกัน การเดินหน้าของธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารต้องเติมเต็มซึ่งกันและกันระหว่าง “อาหาร” และ “เครื่องดื่ม” ในเครือไทยเบฟ เป็นทั้งการ "ซินเนอร์ยี" ของพลังธุรกิจในเครือและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งไปพร้อมๆ กัน     

ในเร็วๆ นี้ บิสโตร เอเชีย เตรียมเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ลำดับที่ 7 ในสไตล์ยูโรเปี้ยนฟู้ดที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ปักหมุดศูนย์ฯ สิริกิติ์ พร้อมเสิร์ฟก่อนการประชุม "APEC 2022"

ท้ายที่สุด แต่ยังไม่สุดท้าย แม่ทัพแห่งบิสโตร เอเชีย "ไพศาล อ่าวสถาพร" ย้ำว่า ตลาดต่างประเทศเป็นอีกเป้าหมายใหญ่ของ "บิสโตร เอเชีย" ว่าที่ช้างใหญ่แห่งไทยเบฟ  

Adblock test (Why?)


"บิสโตร เอเชีย" เสริมแกร่งพอร์ต F&B กรุยทางผงาด "ช้างใหญ่" แห่งไทยเบฟ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Sunday, October 23, 2022

หอการค้าแนะผนึกเวียดนามสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจแทนเปิดหน้าชน - กรุงเทพธุรกิจ

เศรษฐกิจของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตในปี 2565 แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และความตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลก รวมถึงต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มมากยิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ตามเวียดนามควบคุมสถานการณ์จนถึงปัจจุบันได้ ใน 8 เดือนแรกของปี 2565 ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) เพิ่มขึ้นเพียง 2.58 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ 4%

ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามไตรมาสที่ 2 การเติบโตของ GDP อยู่ที่ 7.7% ซึ่งเป็นการเติบโตรายไตรมาสสูงที่สุดในรอบ 10 ปี ในขณะที่ไตรมาส 3 ขยายตัวถึง 13.67% รวมทั้งในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564

สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานประธานสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม กล่าวว่า ด้านการส่งออกเติบโตได้ดีท่ามกลางภาวะการค้าโลกที่ตกต่ำ โดยช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกมีรายได้ 250,800 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอยังคงเติบโตในช่วงหลังของปี 2565 เนื่องจากข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามลงนาม

ทั้งนี้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะลดลง หากราคาอาหารและเชื้อเพลิงในตลาดโลกลดลงและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานจะดีขึ้นในระยะสั้น คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามจะอยู่ที่ประมาณ 3.3 - 3.8% ในปี 2565

ส่วนอัตราเงินเฟ้อในเวียดนามยังไม่ถึงจุดสูงสุด เนื่องจากเวลาล่าช้าและคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอีกจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งรัฐบาลได้ควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ดีผ่านการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันและการควบคุมปริมาณอาหาร การควบคุมนั้นมีประสิทธิภาพสูงต่อราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการขนส่ง ราคาอาหาร และราคาวัสดุก่อสร้างคิดเป็น 90% ของ CPI ที่เพิ่มขึ้น

หอการค้าแนะผนึกเวียดนามสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจแทนเปิดหน้าชน

เมื่อวิเคราะห์ประเทศไทย-เวียดนาม พบว่า ประเทศเวียดนามมีจำนวนประชากรมากกว่า 98 ล้านคน ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่ต่ำ ซึ่งหมายความมีความต้องการในการอุปโภคบริโภคที่สูงมาก เป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการลงทุน นอกจากนี้ มีจำนวนแรงงานมากที่เรียกว่า “Golden Population Structure” คือมีจำนวนประชากรทีอายุต่ำกว่า 30 เป็นจำนวนมากกว่า 45%

ขณะเดียวกันอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำที่ต่ำกว่าประเทศไทยดูเหมือนจะเป็นที่ดึงดูดต่อนักลงทุนชาวต่างชาติ แต่ถ้านับผลประโยชน์และค่าใช้จ่ายรวมในทุกด้าน ต้นทุนในด้านแรงงานก็ไม่ถือว่าได้เปรียบต่อการจ้างแรงงานในประเทศไทย และยังต้องพัฒนาฝีมีแรงงานให้มีทักษะมากขึ้น ในขณะที่เรามีความพร้อมในด้านฝีมือแรงงานที่มากกว่า

ด้านความน่าสนใจต่อการลงทุนและการค้าในประเทศก็นับว่ามีหลายปัจจัยที่สนใจ เช่น Ecosystems ที่พร้อม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทีมีการจัดการที่ดีมีคุณภาพ ในสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะสมการการอยู่อาศัย ประกอบกับวัฒนธรรมในการกินการอยู่ที่มีเสน่ห์ก็ถือว่าช่วยดึงดูดลงทุนและนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่มีความต่อเนื่องของเรา ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของสินค้าและต้นทุนในการแข่งขันที่มากขึ้นด้วย นอกจากนี้การที่เราเป็นศูนย์กลางของประเทศจีนและอินเดียทำให้เรามีโอกาสในการสร้าง “Value Chain Connectivity” ที่จะให้เกิดโอกาสสำคัญต่อการลงทุนและการค้าเป็นอย่างมาก

นายสนั่น กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องในทุกระดับและมีความแน่นแฟ้นมากขึ้นในทุกมิติ จนถึงปัจจุบัน ทั้ง 2 ประเทศตกลงยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง (Strengthened Strategic Partnership) เมื่อปี ค.ศ.2019 ซึ่งสะท้อนว่าผลประโยชน์ของเราที่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งในด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและประชาชน ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับเวียดนามมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพสูงของอนุภูมิภาคลุ่มน้าโขง มีองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่สามารถเกื้อหนุนกันได้เป็นอย่างดี

ด้านการลงทุน ในบรรดาผู้ลงทุนต่างประเทศในเวียดนาม ไทยลงทุนสูงเป็นอันดับ 8 แต่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มผู้ลงทุนจากอาเซียน โดยมูลค่าการลงทุนสะสมสูงกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ ในอุตสาหกรรมหลากหลายสาขา แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ขณะเดียวกันเริ่มเห็นการลงทุนของเวียดนามในไทยเพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาการลงทุนของเวียดนามในไทยมีมูลค่ารวมกว่า 140 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ แนวทางความร่วมมือที่ไทยและเวียดนามที่ควรให้ความสำคัญในระยะต่อไป เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนไปพร้อมกัน คือ ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยง 3 ด้าน หรือ “Three Connects” ประกอบด้วย 

1.การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ปัจจุบันสินค้าที่ไทยและเวียดนามค้าขายกัน กว่าครึ่งหนึ่ง เป็นสินค้าขั้นกลางน้า (intermediate goods) สาหรับป้อนอุตสาหกรรมการผลิตทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ซึ่งห่วงโซ่อุปทานในระบบการผลิตของทั้งสองประเทศเชื่อมโยงกันอยู่แล้วอย่างใกล้ชิด ดังนั้น ไทยและเวียดนามจึงควรเร่งให้เกิดการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมที่เกื้อกูลกัน ให้มีระบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ ปิโตรเคมี อาหาร ชิ้นส่วนเครื่องจักร และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และลดต้นทุนการผลิต แล้วเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ โดยการเร่งรัดการอานวยความสะดวกทางการค้าและลดอุปสรรคทางการค้าในทุกด้าน เพื่อให้สินค้าและปัจจัยการผลิตระหว่างสองประเทศสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น

สำหรับการขนส่งสินค้า ทั้ง 2 ฝ่ายควรเร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะทางบก อาทิ เส้นทางหมายเลข 9 และหมายเลข 12 และเส้นทางหมายเลข 1 ซึ่งเชื่อมโยงไทยกับเวียดนามผ่าน สปป. ลาว และกัมพูชา รวมทั้งควรหาแนวทางลดระยะเวลาการดาเนินการที่จุดผ่านแดน โดยเฉพาะสำหรับสินค้าเกษตรซึ่งเน่าเสียง่าย

2.การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานราก ในทุกวิกฤติทางเศรษฐกิจ กลุ่มที่มักจะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรกแต่ฟื้นตัวได้เป็นอันดับท้าย ๆ คือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งเป็นแท้จริงแล้วคือจักรกลสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งไทยและเวียดนาม ดังนั้น ไทยและเวียดนามจึงควรสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับท้องถิ่นของทั้งสองประเทศได้ติดต่อสัมพันธ์กันมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางในการประกอบธุรกิจ

นอกจากนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์เมืองคู่มิตร (Sister Cities) กับไทยมากที่สุดเป็นอันดับต้น โดยส่วนใหญ่เป็นจังหวัดในภาคอีสานของไทย ซึ่งมีความใกล้ชิดกับเวียดนามทั้งในทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม ทั้ง 2 ฝ่ายจึงน่าจะใช้กรอบความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ ในการส่งเสริมการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างภาคอีสานของไทยกับเวียดนาม เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นของทั้งสองประเทศ และช่วยกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนโดยตรง

3.การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การเติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันไทยกำหนดให้การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model: BCG) เป็นวาระแห่งชาติ โดยภาคเอกชนไทยได้เริ่มนำแนวคิดดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการประกอบธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนทั้งในด้านการใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีอย่างไม่ก่อให้เกิดโทษต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน เวียดนามก็มียุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียว (Green Growth Strategy) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และเร่งพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้น ทุกภาคส่วนของทั้งสองประเทศควรร่วมมือกันในด้านมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตอย่างยั่งยืนให้เกื้อหนุน สอดคล้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ประเทศของเราทั้งสองประเทศสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อย่างดีที่สุด

“ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงทั้ง 3 ด้านดังกล่าวจะสนับสนุนให้ภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศสามารถใช้ศักยภาพและโอกาสที่มีอยู่ได้เต็มที่ และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเวียดนามให้เข้มแข็งขึ้น

Adblock test (Why?)


หอการค้าแนะผนึกเวียดนามสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจแทนเปิดหน้าชน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย” - กรุงเทพธุรกิจ

Global Wellness Institute (GWI) ประเมินว่า ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)ของโลกมีแนวโน้มเติบโตจาก 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020 เป็น 11 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 20.9%

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

  • 8 Wellness สร้างสุขแบบองค์รวม

วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.)จัด “DPU Wellness Showcase” เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2565 นำเสนอกิจกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์แพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก สุขภาพและความงาม การประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงการเปิดศูนย์“DPU Wellness Center” ซึ่งจะเป็นศูนย์ Wellness ครบวงจร ที่เป็นทั้งแหล่งการเรียนการสอน การให้บริการ Wellness และการศึกษาวิจัย

ผศ.ดร.นพ.พัฒนา เต็งอำนวย คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มธบ.กล่าวว่าอุตสาหกรรม Wellness มีอัตราการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ถือมีความพร้อมในหลายๆ มิติ ไม่ใช่เพียงมิติของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเท่านั้น

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

องค์รวมของ Wellness จะมีทั้งหมด 8 มิติ ประกอบด้วย

  • Physical Health ความสุขสมบูรณ์ด้านร่างกายและสุขภาพ
  • Emotional Health ความสุขสมบูรณ์ด้านอารมณ์
  • Intellectual Health ความสุขสมบูรณ์ด้านสติปัญญา
  • Spiritual Health ความสุขสมบูรณ์ด้านจิตใจ
  • Social Health ความสุขสมบูรณ์ด้านสังคม
  • Environmental Health ความสุขสมบูรณ์ด้านสิ่งแวดล้อม 
  • Financial Health ความสุขสมบูรณ์ด้านการเงิน
  • Occupation Health ความสุขสมบูรณ์ด้านอาชีพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

"ธุรกิจ Wellness" โตก้าวกระโดด W9 แนะลงทุนเทรนด์ที่น่าสนใจยุคโควิด

อยากทำธุรกิจWellness & Healthcareต้องรู้อะไรบ้าง

โมเดลธุรกิจ“ศูนย์Wellness” ใช้กัญชากัญชงดูแลสุขภาพ

เศรษฐกิจ “เวลเนส” เมกะเทรนด์ลงทุน “อีอีซี”

  • ดูแลสุขภาพ เปลี่ยนวิถีชีวิตชะลอวัยชรา

ผศ.ดร.นพ.พัฒนา กล่าวการรักษาโรคเรื้อรังเป็นการรักษาผลตรวจทางห้องปฎิบัติเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่นเดียวกับการรักษาด้วยการใช้ยาต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น คนไทยต้องเข้าใจปัญหาสุขภาพของตนเองและตระหนักว่าแพทย์ที่ดีที่สุด คือตัวเราเอง และดูแลสุขภาพอย่างถูกต้องตั้งแต่วันนี้

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

 “การดูแลสุขภาพของตนเอง เปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อชะลอวัยชราสามารถปฎิบัติได้ ดังนี้ กินข้าวให้ช้าลงและดื่มน้ำให้มากขึ้น เลี้ยงน้ำ RO ควรดื่มน้ำแร่บ้าง งดสูบบุหรี่ จำกัดอาหารที่มีแคลอรี่สูง เช่น ไขมัน เหล้า และแป้ง(กินน้อยแก่ช้า กินมากแก้เร็ว) เลือกอาหารแป้งที่มีกากใย เช่น มัน แครอท ธัญพืช (น้ำตาลคือยาพิษ) ทานผักสดและผลไม้ที่สะอาดปลอดสารพิษ ผลไม้มีวิตามินสูง หยุดหาข้ออ้างในการออกกำลังกาย ใช้น้ำมันรำข้าวและน้ำมันมะกอกในการประกอบอาหาร ไม่ควรกินยาถ้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะยาพาราเซตามอล ลดความเครียด พักผ่อนให้ตระหนักเสมอว่าคุณคือหมอของตัวคุณเอง” ผศ.ดร.นพ.พัฒนา กล่าว

  • ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเติบโต2เท่า

ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ฟื้นฟูความงามเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) เป็นสาขาที่เติบโตเป็น 2 เท่าในปี 2573 คาดว่าจะเป็น 1.59 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากปี 2563 ที่มีมูลค่าราว 4.36 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

 ไทยควรจะส่งเสริม Wellness tourism ในการดึงดูดเข้ามาเที่ยวในประเทศ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว แต่รวมถึงกลุ่มที่มีประชุม สัมมนาต่างๆในประเทศ ควรจะทำให้โรงแรม การบริการสปา การดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรเกิดขึ้นจริงในทุกพื้นที่ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทุกคนจะมาท่องเที่ยว มาดูแลสุขภาพ และได้รับสุขภาพที่ดีกลับประเทศของเขาไป

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

  • Wellness Industry นวัตกรรมสีเขียว

ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่ารัฐบาลได้ให้การสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโดยได้มีการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจสุขภาพอันดามัน ทำให้กลุ่มจังหวัดภาคใต้ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ระนอง เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ที่สามารถรักษาผู้ป่วยโรคซับซ้อน การผ่าตัดแปลงเพศ สปาและแหล่งน้ำพุร้อนระดับโลก การดูแลนักท่องเที่ยวทางทะเล เป็นต้น

รวมถึงกำหนดแนวทางพัฒนาต้นแบบ Wellness Industry ด้วยนวัตกรรมสีเขียว และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์โดยใช้พืชกัญชา กัญชง และสมุนไพรเศรษฐกิจ ผลักดันศูนย์กลางกัญชาโลกในรูปแบบโลกเสมือนจริง ปักหมุดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนทางการแพทย์

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

  • โอกาสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไทย

“จุดแข็งของประเทศ คือ มีอัตราค่ารักษาพยาบาลถูกกว่าเมื่อเทียบกับคุณภาพ มีเอกลักษณ์เฉพาะในผลิตภัณฑ์การให้บริการ ภาครัฐเข้ามากำหนดนโยบายเพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่ในส่วนของจุดอ่อน เรายังขาดเข้าใจอย่างถูกต้องของหน่วยงาน ขาดการประสานขององค์กรภาครัฐและเอกชน ขาดบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและขาดการบริหารงานอย่างเป็นระบบ”ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ กล่าว

     การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของโลกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่มีภาวะความเครียดมากมาย ทุกคนต่างแสวงหาวิธีการผ่อนคลาย ซึ่ง Wellness เป็นแนวทางการรักษาที่ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพของทุกคนนั่นถือเป็นโอกาสของประเทศไทย ยิ่งขณะนี้ชนชั้นกลางมีการขยายตัวและมีรายได้ที่สูงขึ้น ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น ฉะนั้น หากผู้ประกอบการไทยสามารถดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้ามาได้มากจะเป็นการเพิ่มรายได้เข้าประเทศอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

  • “DPU Wellness Center”แห่งแรกในมหาวิทยาลัยไทย

1 พ.ย.2565 นี้ ศูนย์ “DPU Wellness Center” จะเริ่มให้บริการแก่ประชาชนและให้นักศึกษาได้เข้าไปฝึกปฎิบัติเกี่ยวกับการเรียนการสอนของวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ รวมถึงศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟู  

ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมธบ.กล่าวว่าการเปิดศูนย์ DPU Wellness Center นอกจากจะเป็นการฉลองมหาวิทยาลัยครบรอบ 55 ปี ในเดือนพฤษภาคม 2566 แล้ว ยังเป็นการฉลองครบรอบ 11 ปี ของหลักสูตรเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่งมธบ. ถือเป็น 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยเอกชนที่ได้ความสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องของ Wellness ตอบสนองความต้องการของโลก

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

“เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ได้เปิดการเรียนการสอนเกี่ยวกับ Anti-Aging และ Wellness ในคณะวิทยาศาสตร์ 5 ปีต่อมาได้เปลี่ยนจากคณะวิทยาศาสตร์ มาเป็นวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ เพื่อเปิดเรียนรู้และการทำวิจัยเกี่ยวกับ Wellness อย่างครบวงจร ซึ่ง Wellness เป็น 1 ใน 3 Themes หลักของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนแนวทางการศึกษา เพราะถือหัวใจสำคัญและตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ”ดร.ดาริกา กล่าว

ประเทศไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนประเทศใน 3 ส่วนสำคัญ คือ Digital Economy Green Economy และ Care Economy

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

มธบ.มีความพร้อมทั้งด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตบุคลากรตอบโจทย์อุตสาหกรรม Wellness “วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ" จึงเกิดขึ้น เพื่อพัฒนาบุคลากรด้าน Wellness ที่มีทั้งความรู้ ปฎิบัติงานได้ และสามารถทำงานวิจัยได้ คนที่มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญ แพทย์ต้องการดูแลสุขภาพองค์รวม

 “หน้าที่ของมหาวิทยาลัย คือการผลิตและพัฒนาคนให้สอดรับกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และกำลังคนของประเทศ ซึ่งไทยยังขาดแคลนบุคลากรด้าน Wellness รวมถึงงานวิจัยด้านนี้ก็มีจำนวนจำกัด การเปิดศูนย์ DPU Wellness Center จึงเป็นแหล่งฝึกปฎิบัติการสำหรับนักศึกษา รวมถึงเป็นแหล่งศึกษาวิจัยร่วมกับเครือข่ายต่างๆของมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชน” อธิการบดี มธบ. กล่าว

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

  • Wellness จิ๊กซอร์คุณภาพชีวิตดี

ผศ.นพ.มาศ ไม้ประเสริฐ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนา และผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพและหลักสูตรเวชศาสตร์ความงาม มธบ. บรรยายพิเศษ เรื่อง Wellness จิ๊กซอร์ชิ้นสำคัญ สำหรับระบบสาธารณสุข ว่า สถานการณ์ Wellness ในประเทศไทย กำลังเติบโตอย่างมากมาย และเป็นโอกาสทางธุรกิจของประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศไทย

เวชศาสตร์ชะลอวัย และ Wellness มีพื้นฐานที่มาที่ไปจากวิทยาศาสตรการแพทย์ จับต้องได้และทำได้จริง และน่าจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญของ Primary Health Care, Functional Family Medicine, True Preventive Medicine ที่จะเป็นแกนหลักที่นำไปสู่ TRUE HEATH FOR ALL

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

“Wellness เป็นศาสตร์ที่ไม่ใช่แพทย์ก็สามารถเรียนได้ และ Wellness ถือเป็นจิ๊กซอร์สำคัญ ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้น เพราะWellness เป็นการปรับปรุงวิถีชีวิตรอบด้าน”ผศ.นพ.มาศ กล่าว

การที่ทางมหาวิทยาลัยเปิดศูนย์ DPU Wellness Center จะทำให้เป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกปฎิบัติแก่นักศึกษา บุคคลภายนอก ผู้ที่สนใจก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ และเข้ามาใช้บริการได้ รวมถึงบุคคลากรที่อยู่ในแวดวง Wellness เข้ามามีส่วนร่วมได้ เพราะศูนย์ดังกล่าวจะเป็นโมเดลที่ทำให้ทุกคนเกิดไอเดียในการป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพของตนเอง

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

  • โอกาสตลาดศัลยกรรมความงาม

“อุตสาหกรรมความงาม” ซึ่งมีอัตราการเติบโต 5-15% ทุกๆ ปี ขณะเดียวกัน สารลดเลือนริ้วรอย หรือ Botolinum toxin type A นับว่าได้รับความนิยมในกลุ่ม “เวชศาสตร์ความงาม” อันดับหนึ่งในไทย”(Aesthetic Medicine) รองลงมา คือ ฟิลเลอร์ , กลุ่มที่ใช้พลังงาน เช่น อัลเธอร่า (Ulthera) เน้นผิวหนังให้ตึง และ สุดท้าย คือ ร้อยไหม

กสิกิจ พ่วงภิญโญ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด ในฐานะผู้นำเข้ายาและเครื่องมือแพทย์จากทั่วโลก  กล่าวว่าปัจจุบัน ความนิยมการใช้“สารลดเลือนริ้วรอย”หรือBotolinum toxin type A เพื่อความงามในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 20% ในทุกปีและยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ที่เข้าคลินิกความงามเพิ่มมากขึ้น

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

ทั้งนี้การใช้สารลดเลือนริ้วรอยนั้น ควรดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม แม้วิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการปิดคลินิกเสริมความงามทำให้การใช้บริการ เหลือเพียง 40% และคาดว่ากลับมา 100% ในปีหน้า เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจทั่วโลก

รศ.นพ.ธันวา ตันสถิต ผู้ก่อตั้งและอดีตผู้อำนวยการ ศูนย์ฝึกผ่าตัด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวเพิ่มเติมว่าเวชศาสตร์ความงาม แต่ก่อนเราดูแลแค่ผู้สูงอายุที่ต้องการย้อนวัย (Reverse Aging) แต่ปัจจุบัน เริ่มมาดูแลในการป้องกัน คนไข้ส่วนใหญ่อายุน้อยลง วัยรุ่นเข้าใจเรื่องการปรับรูปหน้า โดยเฉพาะก่อนเข้าทำงาน นิยมปรับรูปหน้าเพื่อสมัครงาน ขณะเดียวกัน ผู้ชายเริ่มสนใจมากขึ้นเช่นกัน

ปัจจุบันแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามในไทยและต่างประเทศ หันมาเน้น “คลีน บิ้วตี้” เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรต่อโลก หรือนำไปรีไซเคิล กันมากขึ้นเพื่อลดโลกร้อน

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

พญ.กุลชมาษร ลิขิตอิศรา ประธานคณะผู้บริหารคลินิกความงาม”มูตาน พาวิลเลี่ยนเวลเนส เซ็นเตอร์” กล่าวว่าธุรกิจความงามแม้จะมีการแข่งขันที่สูง แต่ก็เป็นตลาดที่ใหญ่มากมีการเติบโตปีล่ะไม่น้อยกว่า 20 % มีมูลค่าตลาดรวม (ก่อนเกิดโควิด) สูงถึงปีละเกือบ 40,000 ล้านบาท

แม้ในช่วงโควิดจะซบเซาลงไปบ้างแต่ก็กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่โควิดเริ่มคลี่คลายลง  เนื่องจากที่ตั้งย่านศรีวรา ทาวอินทาวน์ จะสามารถรองรับลูกค้าจีนที่นิยมเข้ารับบริการคลินิกความงามและตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีจะขยายสาขาเพิ่ม 2-3 แห่ง และจะขยายสาขาไปเปิดสาขาที่จีนด้วย

ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย”

ขณะที่ พญ.ฉัตรษร ลิขิตอิศรา  กล่าวว่าเรื่องความงามเป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกวัยพร้อมที่จะจ่ายเพื่อดูและตัวเองให้สวยงามดูดีอยู่เสมอ คนไข้ที่มาใช้บริการ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงอายุ 40-55 ปีเป็นกลุ่มวัยทำงานที่กำลังมีการเติบโตหรือผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ หรือเป็นคุณแม่ที่มีธุรกิจ โดยอันดับต้นๆ มีปัญหาใต้ตาไม่ว่าจะเป็นใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตา หรือถุงใต้ตา

Adblock test (Why?)


ปี2573ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต2เท่า โอกาสทางธุรกิจของ“ประชาชนไทย” - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

นักวิชาการ มธ. เสนอกลไกทางเลือกแก้ PM 2.5 - ไทยโพสต์

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ แนะ ควรให้ ‘อำนาจสั่งการ’ คกก.อากาศสะอาด ดำเนินมาตรการข้ามหน่วยงาน พร้อม ‘บูรณาการงบประมาณ’ ตามภารกิจ...