Rechercher dans ce blog

Wednesday, May 31, 2023

ยังหวั่นใจประชาธิปไตยทางตัน - ไทยรัฐ

ยังไม่มีอะไรชัดเจน ผ่านการเลือกตั้ง 14 พ.ค. จนเข้าสู่เดือนใหม่แล้ว

ประชาธิปไตยไทยยังเต็มไปด้วยคำถาม แม้ประชาชนจะกาบัตรเลือกตั้งมีคำตอบให้แล้ว แถมบรรดาสื่อต่างประเทศก็โหมประโคมข่าวกันไปทั่วโลกว่า “เดอะทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล คือนายกฯคนใหม่ของประเทศไทย

แต่ทุกอย่างยังสงัดวังเวง ท่ามกลางข้อสงสัยที่ดังขึ้นเรื่อยๆ “พิธา” จะได้เป็นนายกฯมั้ย “ก้าวไกล” จะเป็นรัฐบาลรึเปล่า ตีคู่มากับกระแสข่าว “ดีลลับ” จัดตั้งรัฐบาลสารพัดสูตร บนสมการที่มี “เพื่อไทย” เป็นแกนนำ

และแน่นอนว่าไม่มีชื่อพรรคก้าวไกลอยู่ในรัฐบาลด้วย

พูดเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็ฮือฮาของขึ้นเมื่อนั้น โดยเฉพาะติ่งด้อมส้ม บ่อยๆก็กลายเป็นความหวาดระแวง

ตามฉากทัศน์ตรงหน้า ก้าวไกลขาดเพื่อไทยเหมือนขาดใจ เพราะไม่มีตัวเลือกอื่น

“มีลุงไม่มีเรา-ไม่เอาอนุทิน” ปิดทางตัวเอง เปิดทางประชาชน พูดหล่อๆได้แบบนั้น แต่เส้นทางการเมืองตีบตันคับแคบเหลือเกิน

ว่ากันตามเนื้อผ้าถ้าต้องต่อรองกันจริงๆ “ก้าวไกล” เสียเปรียบ “เพื่อไทย” ด้วยซ้ำ เพราะมีโอกาสออกซ้ายออกขวา ย้ายสมการได้หลายรูปแบบ

แต่ปัจจัยสำคัญที่ทั้ง 2 พรรคต้องชั่งใจ ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม นั่นคือเสียงประชาชนที่เทคะแนนให้มาอย่างล้นหลาม

พรรคเพื่อไทยคือพรรคที่สามารถพลิกเกมในหมากกระดานนี้ เรียกว่าเป็นพรรคตัวแปรเพียงพรรคเดียวเท่านั้น เพราะมีถึง 141 เสียง ถ้าปล่อยมือจากพรรคก้าวไกลไปตั้งรัฐบาลเอง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงสนับสนุนแน่นอน

ทุกขั้ว ทุกพรรค พร้อมจะเข้ามาจับมือร่วมเป็นรัฐบาล

ตอนนี้จึงเนื้อหอมสุดๆ ทุกพรรคทอดสะพานเช้าเย็น ไปดักพบ ดักรอ จนต้องตามข่าวกันวุ่นวาย

แต่อย่างว่าปัจจัยขวางคอ ชี้วัดไปถึงอนาคตพรรคเพื่อไทย คือบรรดาสาวกแฟนคลับ และประชาชนที่เลือกมา ชั่วโมงนี้แค่ทิ้งพรรคก้าวไกลไปก็ผิดแล้ว ไม่ต้องคิดว่าจะตั้งรัฐบาลกับใคร จับมือพรรคไหน นั่นยิ่งผิดเข้าไปใหญ่

ถ้าพรรคเพื่อไทยตัดสินใจแบบนั้นจะโดนประณามทันที เพราะช่วงหลังๆก่อนเลือกตั้ง ย้ำหนักแน่นว่าจะไม่จับมือกับพรรค “2 ลุง” เด็ดขาด และนั่นอาจมีหลายคนต้องรับผิดชอบคำพูดด้วยการลาออก

ไม่ต้องเดาว่าเลือกตั้งคราวหน้า “ก้าวไกล” จะชนะทิ้งขาด “เพื่อไทย” ไปอีกแค่ไหน

ชั่งน้ำหนักแล้วคงไม่ทำแบบนั้น และไม่กล้าทำแน่

ตราบใดที่ไม่ถูกบีบให้จนตรอก หรือจำเป็นจริงๆ ก็ไม่เห็นเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยจะปฏิบัติการพลิกขั้วย้ายข้างกระชากความรู้สึกคนไทยได้เลย จำเป็นต้องเล่นบทพระรองต่อไป

ทุกอย่างวัดกันด้วยเหตุผล รุ่นเดอะอย่าง “วันนอร์” นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ย้ำเตือนให้ช่วยกันเร่งทำความหวังประชาชนให้สำเร็จ เพราะเป็นสิ่งที่มีพลัง ถ้าผลักความหวังประชาชนออกไป พลังนั้นก็มากพอที่จะทำให้อะไรก็เกิดขึ้นได้

เห็นท่าทีของพรรคเพื่อไทยล่าสุด ก็น่าดีใจแทนแฟนคลับ บรรดาแกนตัวตึง นำโดย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ต่างฉีกยิ้มกันได้เต็มปากแล้ว

ส่งสัญญาณพร้อมเดินไปตามครรลองประชาธิปไตย สนับสนุนรัฐบาลก้าวไกลเต็มที่

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ยืนหยัดมั่นคงกับก้าวไกลเรื่อยมา ก็โชว์บทหวานจนขนลุกกันเกรียว โอบกอด “พิธา” พร้อมทำท่าซารางเฮโย “หัวใจไร้พรมแดน” ตามวัฒนธรรมเกาหลี

ปิดท้ายด้วยคำพูดเท่ๆ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เพื่อตั้งรัฐบาลของพี่น้องประชาชนให้ได้ ดีลลวง ดีลลับต่างๆ เพื่อไทยยืนยันจะเปลี่ยนเป็นดีลรักให้หมด”

สัญญาณเหล่านี้กำลังบอกทิศทางที่เดินไปอย่างที่ควรจะเป็น

ไม่มีอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไร

แต่ด้วยเวลาที่เหลืออีกนานถึงกลางเดือน ส.ค. กับการเมืองไทยที่สามารถพลิกเปลี่ยนได้ชั่วข้ามคืน

จึงยังไม่มีหลักประกันอะไรว่าประชาธิปไตยจะเป็นไปตามครรลอง

เพราะเส้นทางสายนั้นดูแล้วยังตีบตัน ต้องฝ่าอีกหลายด่าน!!!

ทีมข่าวการเมือง

Adblock test (Why?)


ยังหวั่นใจประชาธิปไตยทางตัน - ไทยรัฐ
Read More

ผ่าทางตัน!'ส.ว.จเด็จ'ปลุกผีตั้ง'รัฐบาลแห่งชาติ' - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

วันพุธ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566, 13.58 น.

ทุกอย่างเป็นไปได้เพื่อประโยชน์ประเทศ! ‘ส.ว.จเด็จ’ ชี้ตั้ง ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ทำได้ รวม ‘รทสช.-พปชร.’ ทำงานเพื่อมั่นคง อยู่ที่จะเอาหรือไม่ ปัดมองตัวเลือกแคนดิเดตนายกฯอื่น เสียบแทน ‘พิธา’

31 พฤษภาคม 2566 นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ที่ล่าสุดมติ 8 พรรคร่วมรัฐบาล จัดตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน ว่า ตนไม่มีข้อกังวลอะไร ตนดีใจที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ตนยืนยันต่อจุดยืนที่ไม่ลงมติให้พรรคก้าวไกลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพราะจุดยืนของการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งความคิดของตนนั้นมีส.ว.ที่คิดเหมือนกันไม่น้อย ส่วนกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลตั้งคณะทำงานตนไม่ก้าวล่วง เพราะมองว่าเป็นการเตรียมความพร้อมของพรรคการเมือง อีกทั้งหน้าที่ส.ว.มีหน้าที่เพียงเห็นชอบบุคคลที่เสนอชื่อให้เป็นนายกฯ เท่านั้น


เมื่อถามว่าขณะนี้ในกลุ่มส.ว.มีการพูดถึงแคนดิเดตจากพรรคชนะเลือกตั้งอับดับหนึ่งอาจไม่ได้เป็นนายกฯ  ได้มองตัวเลือกอื่นจากพรรคอันดับสองไว้หรือไม่ นายจเด็จ กล่าวว่า ตนไม่มองพรรคอื่น แต่ตนมีแนวคิดที่อยากเสนอในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ฐานะเป็นรองประธาน กมธ. ว่า สิ่งที่ตอบโจทย์การเมืองได้ตอนนี้ คือ รัฐบาลแห่งชาติ แต่ละพรรคนำข้อดีของตนเองร่วมทำงานเพื่อบ้านเมือง สร้างความแข็งแกร่งของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยโมเดลของตน คือ ให้ทุกพรรคนำส่วนที่ดีมาทำงานร่วมกัน ประสานประโยชน์ พุ่งเป้าไปที่ความมั่นคงของชาติ

เมื่อถามว่าขั้นตอนจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะตามกติกามีเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้  ทั้ง การโหวตนายกฯ นายจเด็จ กล่าวว่า  “สามารถงดเว้นการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราที่มีปัญหาได้ เพื่อเป็นทางออก ผมมองว่าการเมืองไทยไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปได้เพื่อประโยชน์ชาติ”

เมื่อถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลแห่งชาติจะถูกพูดถึงเมื่อมีความขัดแย้ง หรือปัญหา แต่ขณะนี้ไม่มีสัญญาณขัดแย้งใดๆ นายจเด็จ กล่าวว่า  “ไม่จำเป็นต้องให้เกิดความขัดแย้ง หรือรอให้เกิด การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม หากห้ามก็งดใช้ ผมเชื่อว่ามีหนทางทำได้ อยู่ที่จะทำหรือไม่”

เมื่อถามย้ำว่ากว่ารัฐบาลแห่งชาติ คือ การรวมทุกพรรค ทั้ง รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ เป็นรัฐบาลทั้งหมด ไม่มีฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายจเด็จ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ ให้นำส่วนที่ดีมารวมกันเพื่อรักษาประโยชน์ ประสานความคิด ไม่เบียดเบียน จะทำให้ประเทศไทยแข็งแกร่ง เจริญรุ่งเรือง

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมีจุดยืนและนโยบายมีลุง ไม่มีเรา จะทำให้โมเดลรัฐบาลแห่งชาติเกิดได้หรือ นายจเด็จ กล่าวว่า “คิดแบบนั้น จะไม่มีคุณ ไม่มีผม และไม่มีเรา ทางที่ดีต้องรวมกันเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทางการเมือง"

นายจเด็จกล่าวอีกว่า  รัฐบาลแห่งชาติเป็นข้อเสนอ ที่จะเสนอในกมธ. หากสังคมมีมุมมองอย่างไรพร้อมรับฟังและขณะนี้ยังมีเวลาจนกว่าจะตั้งรัฐบาลได้ช่วงเดือนส.ค.

-005

Adblock test (Why?)


ผ่าทางตัน!'ส.ว.จเด็จ'ปลุกผีตั้ง'รัฐบาลแห่งชาติ' - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More

"ส.ว.จเด็จ"มอง"รัฐบาลแห่งชาติ"ตอบโจทย์ ผ่าทางตันการเมืองไทย - ผู้จัดการออนไลน์

นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่าอยากเสนอแนวคิดในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ในฐานะเป็นรองประธาน กมธ.ว่า สิ่งที่ตอบโจทย์การเมืองได้ตอนนี้ คือ รัฐบาลแห่งชาติ แต่ละพรรคนำข้อดีของตนเองร่วมทำงานเพื่อบ้านเมือง สร้างความแข็งแกร่งของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยโมเดลของตนคือ ให้ทุกพรรคนำส่วนที่ดีมาทำงานร่วมกัน ประสานประโยชน์ พุ่งเป้าไปที่ความมั่นคงของชาติ

นายจเด็จ กล่าวว่า ทางที่ดีต้องรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทางการเมือง และว่า รัฐบาลแห่งชาติจะเป็นข้อเสนอใน กมธ. หากสังคมมีมุมมองอย่างไรก็พร้อมรับฟัง ขณะนี้ยังมีเวลาจนกว่าจะตั้งรัฐบาลได้ช่วงเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ สามารถงดเว้นการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราที่มีปัญหาได้ เพื่อเป็นทางออก ผมมองว่าการเมืองไทยไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปได้เพื่อประโยชน์ชาติ

การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเพราะมีความขัดแย้งหรือรอให้เกิด การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม หากห้ามก็งดใช้ ตนเชื่อว่ามีหนทางทำได้ อยู่ที่จะทำหรือไม่ โดยให้ทุกพรรคนำส่วนที่ดีของตนมารวมกันเพื่อรักษาประโยชน์ ประสานความคิด ไม่เบียดเบียน จะทำให้ประเทศไทยแข็งแกร่ง เจริญรุ่งเรือง

Adblock test (Why?)


"ส.ว.จเด็จ"มอง"รัฐบาลแห่งชาติ"ตอบโจทย์ ผ่าทางตันการเมืองไทย - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Tuesday, May 30, 2023

คอลัมน์การเมือง - ทางเดินของ 'พิธา' ในเขาวงกต - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

แม้ “พรรคก้าวไกล” จะชนะการเลือกตั้ง ได้จำนวน สส. มากที่สุด แต่ก็ทิ้งห่างพรรคลำดับสอง อย่าง “พรรคเพื่อไทย” เพียงแค่ 10 คน และไม่ได้มี “เสียงข้างมาก” ชนิดไม่ต้องไปรวมกับใครก็ตั้งรัฐบาลได้ ยังไม่นับกติกาประหลาดที่ถูกแทรกเข้ามาโดยเครือข่ายของ คสช. ที่เติม “บทเฉพาะกาล” ให้ สว. มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีอีก ยิ่งทำให้ “โอกาสการเป็นนายกรัฐมนตรี” ของ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตกอยู่ในสภาพ “ใกล้ตา ไกลตีน” คือ เหมือนอยู่ใกล้ๆ แต่ไปไม่ถึงสักที

1) ปัญหาเริ่มต้นที่ “เงื่อนไข” ของพรรคก้าวไกลเอง ที่เล่นบท “สุดโต่ง-ทะลุเพดาน” มาโดยตลอด แม้จะได้ “มวลชน” สนับสนุนมหาศาล แต่ก็ได้ “ศัตรู” รอบทิศเช่นเดียวกัน


2) ความผยอง ลำพอง และหลงเคลิ้มไปว่าตัวเองได้ “ฉันทามติ” จากการเลือกของประชาชน แล้วไป “ตีความ” เอาเอง ว่า ตนต้องได้เป็นรัฐบาล หัวหน้าพรรคต้องได้เป็นนายกฯ โดยลืมไปว่า ได้ สส.มากที่สุด แต่ยัง “ไม่มากพอ” จึงต้องเข้าสู่ “กระบวนการจัดตั้งรัฐบาล” ให้สำเร็จ ด้วยการเชิญและชวนพรรคการเมืองอื่นๆ มาสนับสนุน

3) พรรคที่จะสนับสนุนพรรคก้าวไกลได้อย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง คือ พรรคเพื่อไทย แต่อีกมุมหนึ่ง พรรคเพื่อไทยก็มี “โอกาสจัดตั้งรัฐบาล” ได้ไม่แพ้พรรคก้าวไกล แถมมีโอกาสตั้งได้ง่ายกว่าด้วย

4) ไม่มีกฎหมายหรือกติกาใดกำหนดว่า ต้องให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ 1 เพียงพรรคเดียวเท่านั้นที่สามารถ “ตั้งรัฐบาล” ได้ เพราะหลักการจัดการเลือกตั้ง คือ ให้ประชาชนตัดสินว่า ในเขตของตนอยากให้ใครเป็น “ผู้แทน” ไม่ได้ให้ประชาชน “เลือกรัฐบาล” หรือ “เลือกนายกรัฐมนตรี” โดยตรง เป็นแค่ ผลพลอยได้ หากพรรคการเมืองนั้นๆ “มีเสียงมากพอ”

5) พรรคก้าวไกลมิได้ “มีเสียงมากพอ” จึงต้องเข้าสู่ “การเจรจา” ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ขึ้นอยู่กับ “ปัจจัย” หลายประการ ทั้งตัวบุคคลผู้นำในการเจรจาตัวผู้ประสานการเจรจา เงื่อนไขในการเจรจา และท่าทีในการเจรจา

6) บุคลากรของพรรคก้าวไกลรวมถึงกองเชียร์ เป็นบุคคลที่สังคมมองว่า “ไม่ค่อยมีมารยาท” ลำพอง เหิมเกริมหลงตัวเอง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้จักกาลเทศะ มั่นใจในตัวเองสูง เจ้าอารมณ์ และมีท่าทีส่วนลึกเป็นเผด็จการ นั่นทำให้ “แรงหนุน” ทั้งจากฝ่ายการเมือง และฝั่งกองเชียร์อื่นๆ ไม่มี

7) ยิ่งพิธาออกแอ๊กชั่น ประเภท เรียกตัวเองว่า “ว่าที่นายกรัฐมนตรี” ขอพบกับองค์กรต่างๆ เชิญหน่วยงาน
นั้นหน่
วยงานนี้มาร่วมประชุม คนยิ่งรู้สึกว่า กำลังนั่งมอง “เด็กที่รออะไรไม่เป็น” หรือไม่ก็เห็นเป็น “สุนัขที่ฉี่จองที่” ประกาศเขตแดนของตัวเอง ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอะไรแน่นอน

8) แน่นอน สังคมยังจับตาดูด่านแรก คือ พรรคก้าวไกล จะปล่อยเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ ในเขาวงกตของพิธา ยังต้องฝ่าด่านว่า สว. จะโหวตหนุนหรือเปล่า คนร่วมพรรคจะ “แทงข้างหลัง” หรือ “เตะตัดขา” ไหม สำคัญที่สุด คือเรื่อง “หุ้นไอทีวี”

9) คนกันเองอย่าง นายสมบัติ ทองย้อย หัวหน้าการ์ดม็อบไทยไม่ทน ผู้ต้องโทษคดี ม.112 โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องหุ้น ไอทีวี ว่า บางคนที่บอกว่า ไหนวะช่องทีวี ไม่เห็นออกอากาศเลย เด็กบางคน ยังไม่รู้จักช่องนี้เลย ประเด็นคือ เขาไม่ได้ออกอากาศก็จริง แต่ บ.เขายังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม นั่นคือ บ.ยังไม่ปิด การถือหุ้น จะมากหรือน้อยก็ถือว่า ถือหุ้นอยู่ ตอนนี้ก็อยู่ที่การตีความว่าจะเป็น บวกหรือลบ แค่นั้นเอง แต่ดูทรงแล้ว รอดยาก

10) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐธรรมนูญระบุบทบัญญัติเกี่ยวกับการถือครองหุ้นมีเจตนารมณ์อย่างไร ว่า ตนไม่ทราบ เดี๋ยวถ้าตนตอบไป ก็อาจไม่ถูก เรื่องประเด็นนี้ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ชี้ขาดแล้วกัน โดยในรัฐธรรมนูญเขียนไว้สั้นๆ เท่านั้น ไม่ได้บอกว่ากี่หุ้น และไม่ได้บอกว่าต้องเป็นสื่อขนาดไหน โอเปอเรตคือดำเนินการอยู่หรือไม่ แต่ถ้าดูคำวินิจฉัยเก่าๆ ของศาลรัฐธรรมนูญ ก็อาจเห็นทิศทางได้เหมือนกัน เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยตัดสินเรื่องนี้มาแล้วหลายคดี

เมื่อถามว่ากรณีถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะต้องรีบทำให้เสร็จก่อนถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือเป็นเรื่องระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับศาลรัฐธรรมนูญ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ กกต.กับศาลรัฐธรรมนูญ คือ ด่านที่ 1 กกต. ด่านที่ 2 ไปศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามย้ำว่า ถ้ากกต.เห็นด้วย ก็ไปศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ หรือถ้าไม่เห็นด้วย ก็สามารถปัดตกได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่

เมื่อถามว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องไต่สวนฉุกเฉินก่อน หรือให้เป็นไปตามกระบวนการ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรแปลกประหลาด

“แต่เมื่อศาลรับเรื่อง มีสิทธิสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ เช่น เมื่อคราวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เลือกนายกฯกันตอนนั้น อยู่ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. แต่ตัดสินออกมาในเดือน พ.ย.” นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามว่าแต่กรณีนี้ กกต.จะต้องรับรองเป็นสส.ก่อนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่

เมื่อถามอีกว่านายวิษณุมองว่าห้วงเวลาที่จะตัดสินออกมาจะอยู่ในช่วงไหน จะกระทบกับการเลือกนายกฯหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนตอบไม่ถูก เพราะกกต.ยังไม่ได้ทำอะไรเลย

เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลฎีกาสั่งคืนสิทธิให้นายชาญชัยอิสระเสนารักษ์ อดีตผู้สมัคร สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กรณีถือหุ้นเอไอเอส ที่ไปลงทุนเกี่ยวกับบริษัทสื่อสามารถนำมาเทียบเคียงได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เทียบได้ แต่ประเด็นก็ต่างกัน ถ้ากรณีนายชาญชัยบริษัทแม่ไปถือหุ้นในบริษัท เป็นโฮลดิ้ง คอมพานี แต่ก็ต้องเอามาดูด้วยกันหมด

11) ประเด็นนี้ ยังจะไปพันกับการเลือก “ประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วย ซึ่งล่าสุด 30 พ.ค.66 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงความเหมาะสมของตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า หากดูชื่อตอนนี้ของพรรคก้าวไกลมีชื่อนายณัฐวุุฒิ บัวประทุม กับนายธีรัจชัยพันธุมาศ ส่วนพรรคเพื่อไทย เป็นชื่อของนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องตกลงกัน แต่ในข้อเท็จจริงประธานสภาฯ จะอายุน้อยหรือมากไม่สำคัญ แต่ต้องมีประสบการณ์ ถ้าคนไม่มีประสบการณ์ เป็นไม่ได้ หากเป็น สส.มาแค่สมัยเดียวคงลำบาก ดังนั้น ส่วนตัวจึงมองว่านพ.ชลน่าน เหมาะสมเพราะเป็น สส.มา 7 สมัยแล้ว

“เจ้าหน้าที่สภาฯเขาอยากให้ผมเป็นประธานสภาฯนะ บอกจะได้จัดการ สส.ได้ เพราะผมมีความเด็ดขาด ผมบอกผมเป็นไม่ได้ ผมเป็นแค่สมัยเดียวเองประสบการณ์ยังไม่พอ ยังไม่เก๋าพอ นี้ก็มาเทียบ 3 คนนี้ สส.ใหม่ของก้าวไกล หมอชลน่าน เป็น สส.มา 7 สมัยแล้ว เคยเป็นรัฐมนตรีแล้ว เคยเป็นผู้นำฝ่ายค้าน อันไหนเก๋ากว่ากัน มันต้อง
มีคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์จริงๆ
 ไม่ใช่ใครก็ได้ ไม่งั้นก็เชิญใครมาก็ได้ถูกมะ ผมยังถอยเลย ผมยังไม่ยอมเป็นเลย” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ระบุว่า เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันระหว่างพรรคก้าวไกล กับเพื่อไทย ซึ่งเรื่องนี้ยังมีเวลา พร้อมมองว่า ประธานสภาฯต้องเป็นกลางในการปฏิบัติ เพราะเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ตำแหน่งนี้จึงมีความสำคัญ ถ้าทั้งสองพรรคตกลงกันได้ก็เป็นเรื่องที่ดี และตามหลักเกณฑ์จะต้องเป็น บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีหลักจริยธรรม มีแค่ 3 หลักเกณฑ์นี้ ไม่มีอายุมากอายุน้อย ส่วนกระแสข่าวว่าพรรคประชาชาติจะเก้าอี้มีรัฐมนตรี 1 เก้าอี้นั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุย แต่พรรคประชาชาติ มี สส. 9 คน

แต่พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ต่อจากเดิม เล่นบทเฉยไว้ ซึ่งเข้าใจว่า เป็นเรื่องที่สองพรรคนี้ต้องไป “หาทางตกลงกัน” เพื่อให้ได้ข้อยุติ เพราะยิ่งนำมาถกเถียงกันภายนอก ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการ “ตกลงกันไม่ได้”

12) ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพ่วงตำแหน่งประธานรัฐสภาไปด้วยนั้น สำคัญอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง คือ จะต้องเป็นผู้นำชื่อ “นายกรัฐมนตรี” ขึ้นกราบบังคมทูลต่อองค์พระประมุข ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว น่าสนใจและน่าติดตามว่า โดยธรรมเนียมปฏิบัติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ผ่านมา การจะนำความใดๆ ขึ้นกราบบังคมทูลนั้น จะดูกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน เป็นที่ยุติแล้ว กรณี “คุณสมบัติ” ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หากปัญหาเรื่อง “ถือหุ้นสื่อยังไม่เคลียร์” จะเป็นอย่างไร? และนี่เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ก้าวไกลต้องการเก้าอี้ “ประธานสภา” มาอยู่กับตนด้วยใช่ไหม? เพราะกังวลว่า ประธานที่มาจากพรรคอื่น อาจยึดธรรมเนียมปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

แต่ยังไม่ต้องคิดมาก

ด่านแรกที่ต้องผ่านก็คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรับรองสถานภาพ สส. ให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือไม่

อย่างไรก็ตาม การโหวตเลือกนายกฯ ยังคงเดินหน้าไปได้ เพราะนายกฯ ไม่ต้องเป็น สส. แค่เป็นผู้ที่มีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอไว้กับ กกต. เท่านั้น นั่นแปลว่า พิธามีโอกาสได้รับการโหวตเป็นนายกฯ ได้แน่ๆ

กระนั้นก็ตาม จะมีผลตามมาในภายหลัง หากพบว่า พิธามีความผิดจากการ “ถือหุ้นสื่อ” จะมีผลให้เขา “ถูกตัดสินทางการเมือง” ต้องพ้นจากตำแหน่ง (ถ้ามี) อันจะเป็นผลให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นไปทั้งคณะด้วย

จึงต้องลุ้นว่า ที่ประชุมร่วมสองสภาจะมีมติอย่างไร หากวันนั้น มีการเสนอชื่อ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เพียงชื่อเดียว จะเป็นเหตุให้ สว. ขอ “งดออกเสียง” ด้วยเหตุผลว่า คุณสมบัติยังไม่เคลียร์และอาจมีปัญหาตามมาในภายหลังได้หรือเปล่า?

และหากการโหวตพิธาไม่ผ่าน พรรคเพื่อไทยจะมีท่าทีอย่างไร จะรวบรวมเสียงเสนอชื่อนายกฯ ในการประชุมรอบถัดมา และจัดตั้งรัฐบาลเองหรือไม่ รัฐบาลที่เพื่อไทยตั้งจะมีก้าวไกลหรือเปล่า

พรรคเพื่อไทยจะเล่นบท “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” หรือพลิกล็อกที่สุด คือ พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายกฯ โหวตแข่งกับพิธาตั้งแต่นัดแรก!!

รอดูกัน

Adblock test (Why?)


คอลัมน์การเมือง - ทางเดินของ 'พิธา' ในเขาวงกต - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More

NOSTRA ปักหมุด 106 ที่พักริมทางทั่วไทย จับมือกรมทางหลวงรับหยุดยาว - ผู้จัดการออนไลน์



NOSTRA ปักหมุด 106 ที่พักริมทางทั่วไทย จับมือกรมทางหลวงรับหยุดยาว หวังอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่เดินทางช่วงฤดูฝน

NOSTRA ผู้ให้บริการข้อมูลแผนที่ดิจิทัล โลเกชันคอนเทนต์ และแอปพลิเคชัน NOSTRA โดยบริษัท โกลบเทค จำกัด ประกาศร่วมมือกับกรมทางหลวง นำ ข้อมูลตำแหน่งจุดบริการที่พักริมทางทั่วไทย มาแสดงบนแผนที่เพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนด้านความปลอดภัยในการขับขี่ยานพาหนะบนทางหลวง เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการขยายตัวในภาคเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมไปถึงการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่งผลให้เกิดการเดินทางและการขนส่งสินค้าในประเทศเพิ่มมากขึ้น

"โดยเฉพาะในส่วนของรถบรรทุกขนส่งสินค้า รถโดยสารขนาดใหญ่ที่จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด มาตรา 103 ทวิ พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 กำหนดให้ในการปฏิบัติหน้าที่ขับรถในรอบ 24 ชั่วโมง ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถปฏิบัติหน้าที่ขับรถติดต่อกันเกิน 4 ชั่วโมงนับแต่ขณะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ขับรถ แต่ถ้าในระหว่างนั้นผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถได้พักติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง ให้ปฏิบัติหน้าที่ขับรถต่อไปได้อีกไม่เกิน 4 ชั่วโมงติดต่อกัน กรมทางหลวงจึงได้จัดให้มีจุดบริการที่พักริมทาง หรือจุดพักรถบรรทุก เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการจราจรสาธารณะทางบก โดยผู้ขับขี่สามารถจอดหรือหยุดพักรถ ณ จุดบริการที่พักริมทางนี้ ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดจากความเมื่อยล้า และความอ่อนเพลียของผู้ขับขี่ได้" NOSTRA ระบุ

NOSTRA มองว่าในขณะนี้ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน และยังตรงกับช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง ทำให้มีประชาชนบางส่วนวางแผนจะเดินทางท่องเที่ยว หรือใช้เส้นทางสัญจรต่างๆ ทั่วประเทศ จำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง เพิ่มความความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ด้วยเหตุนี้ NOSTRA จึงได้ร่วมกับกรมทางหลวง นำข้อมูลตำแหน่งจุดบริการที่พักริมทางทั่วไทยมาแสดงบนแผนที่ดิจิทัล NOSTRA จำนวน 106 แห่งทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางบนทางหลวง รวมถึงเพื่อให้บริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในการเดินทางที่สามารถจอดแวะพักรถ พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งศาลาที่พัก รวมถึงห้องน้ำสะอาดให้บริการกับผู้ใช้ทาง ซึ่งข้อมูลที่แสดงบนแผนที่ NOSTRA จะประกอบด้วย ข้อมูล Location จุดบริการพักรถและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับประชาชน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ และยังมีตำแหน่งจุดท่องเที่ยวใกล้เคียงแนะนำให้นักท่องเที่ยว ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลสถานที่ เพื่อนักท่องเที่ยวสามารถแวะเดินทางท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง วางแผนการเดินได้อย่างง่ายดาย เพิ่มความสะดวกให้ประชาชนมากที่สุด


จุดที่พักริมทางที่สำคัญ ประกอบด้วย 1.จุดบริการที่พักริมทางหนองรี 1 (มุ่งหน้ามาบตาพุด) ประกอบด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นจุดจอดรถ ห้องน้ำ น้ำดื่ม และกาแฟไว้บริการประชาชน นอกจากนี้ ยังมีที่เที่ยวสำหรับคนที่ไม่อยากเดินทางไกลจากกรุงเทพฯ เช่น ชายหาดบางแสน เขาสามมุข และมหาธาตุเจดีย์มิ่งโมลีศรีบูรพา (เห็นวิว 360 องศาของเมืองชลบุรี)

2.สถานีตรวจสอบน้ำหนักแก่งคอย (ขาเข้า) สระบุรี โดยเฉพาะมวกเหล็ก ที่มีจุดพักรถ และห้องน้ำไว้บริการประชาชน และยังอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำซับปลากั้ง อ่างเก็บน้ำที่มีธรรรมชาติที่สายงาม เหมาะสำหรับสายแคมปิ้งโดยเฉพาะ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ที่มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย รวมไปถึงพระมหาธาตุเจดีย์ศรีป่าสัก ที่มีจุดเด่นคือ ถ้ำนาคา ที่เนรมิตขึ้นมาจากฝีมือมนุษย์ ก่อนเข้าสู่ตัวถ้ำจะมีบันไดขึ้นไปด้านบนเพื่อให้ผู้มาเยี่ยมเยือนได้สักการบูชาพระธาตุอินแขวนสีทอง แห่งประเทศพม่าแบบจำลอง

3.จุดบริการที่พักริมทางบรรทุก เพชรบูรณ์ (ขาออก) นอกจากจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนแล้ว ยังใกล้สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเพชรบูรณ์ให้ความเคารพศรัทธากันมาอย่างช้านาน ตั้งอยู่ตรงจุดเชื่อมต่อระหว่าง 3 ภูมิภาค คือ เหนือ อีสาน และกลาง และวนอุทยานน้ำตกธารทิพย์ หรือชื่อเรียกอีกนัยหนึ่งว่า "น้ำตกหมูบูด" เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี

ข้อมูลจุดบริการที่พักริมทางทั้ง 106 จุดทั่วไทย ประชาชนสามารถดูข้อมูลทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ NOSTRA Map 


Adblock test (Why?)


NOSTRA ปักหมุด 106 ที่พักริมทางทั่วไทย จับมือกรมทางหลวงรับหยุดยาว - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Monday, May 29, 2023

ชาวบ้านบุ โคราช สุดทนปัญหาซ้ำซากน้ำท่วมอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ - สยามรัฐ

วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ชาวบ้านได้นำป้ายเขียนข้อความ “ห้ามลงทางชำรุด !!” มาตั้งขวางเส้นทางเข้าอุโมงค์ทางลอดรถไฟบ้านบุ หมู่ที่ 1 ต.ตลาด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการรถไฟทางคู่ ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ภายในตัวอุโมงค์ พบน้ำฝนไหลท่วมสูงเฉลี่ย 20-30 เซนติเมตร ส่งผลให้รถยนต์ขนาดเล็กและรถจักรยานยนต์ไม่สามารถแล่นผ่านได้ ต้องเลี่ยงใช้ทางต่างระดับสะพานเกือกม้าความสูงประมาณ 10 เมตร ข้ามทางรถไฟ เพื่อเดินทางเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันของชาวบ้านที่ต้องออกไปทำงาน ส่งบุตรหลานและทำธุระในตัวเมือง นครราชสีมา ซึ่งมีจำนวนยานพาหนะสัญจรผ่านเฉลี่ยต่อวันหลายพันคัน  

ทั้งนี้ถือเป็นปัญหาซ้ำซากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เจ้าของโครงการดังกล่าวไม่สามารถแก้ปัญหาได้เป็นรูปธรรม ซึ่งมีสาเหตุจากการสำรวจออกแบบของบริษัทที่ปรึกษาไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับระดับความสูงต่ำของพื้นที่และเส้นทางการไหลของน้ำฝน โดยไม่เคยสอบถามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และชาวบ้านรวมทั้งพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำอยู่ระดับสูงกล่าวจุดต่ำสุดของช่วงที่น้ำไหลผ่าน นอกจากนี้เครื่องสูบน้ำมีปัญหาขัดข้องบ่อยครั้ง สร้างความวิตกกังวลไม่มั่นใจในความปลอดภัยหากเกิดฝนตกหนัก น้ำฝนไหลท่วมระบายไม่ทันถ้าเครื่องสูบน้ำเสียก็ต้องรอให้ เจ้าหน้าที่ รฟท. มาแก้ไขซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมง

ด้าน นายเฉลิม อายุ 67 ปี ชาวบ้านบุ ต.ตลาด อ.เมือง ผู้ใช้เส้นทางสัญจรเป็นประจำ เปิดเผยว่า ทางรอดไม่สามารถใช้งานได้มา 2 วัน เนื่องจากฝนตกในพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมขังประกอบกับเครื่องสูบน้ำขัดข้องไม่สามารถระบายน้ำได้ทันท่วงที ทำให้เดือดร้อนในการสัญจรต้องขึ้นสะพานเกือกม้าเพิ่มระยะทางในการสัญจร ล่าสุดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาหลังฝนตกหนักน้ำฝนไหลท่วมสูงกว่า 1 เมตร และได้เร่งสูบน้ำออกทำให้ปริมาณน้ำลดลงแต่ก็ยังสัญจรผ่านไม่ได้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุง แก้ไขประสิทธิภาพในการระบายน้ำให้ดีกว่านี้

Adblock test (Why?)


ชาวบ้านบุ โคราช สุดทนปัญหาซ้ำซากน้ำท่วมอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ - สยามรัฐ
Read More

Sunday, May 28, 2023

ติดดินสุดๆ "โกสินทร์" นั่งขายผักผลไม้ข้างทาง คนแซวพ่อค้าหล่อมาก - Sanook

เป็นถึงดาวร้ายระดับแถวหน้า สำหรับนักแสดงหนุ่ม โก-โกสินทร์ ราชกรม ที่สร้างชื่อเสียงฝากฝีมือการแสดงผ่านผลงานมาแล้วหลายเรื่อง จนแฟนๆ ให้การยอมรับ แต่เมื่อแอบส่องมุมชีวิตส่วนตัว จึงได้เห็นไลฟ์สไตล์ชีวิตเป็นหนุ่มหล่อเรียบง่าย ตั้งใจขยันทำงาน แถมยังมีครอบครัวที่อบอุ่นมากด้วย

ล่าสุดในอินสตาแกรมส่วนตัว โกสินทร์ ได้โพสต์ภาพตัวเองปูถุงกระสอบ นำผักผลไม้มาวางขายข้างทางชิลๆ พร้อมเขียนแคปชั่นว่า ผลผลิตเล็กๆ น้อยๆ จากสวน ตะไคร้ ใบมะกรูด ขนุน

ทำเอาแฟนๆ ต่างเข้ามาคอมเมนต์แซว และชื่นชมพ่อค้ากันเป็นแถว อาทิ พ่อค้าหล่อเกิน, ไม่เลือกงานไม่ยากจนครับ, เอาขนุนครึ่งลูกขายยังไงค๊าาาาา, ดีมากหนูทำทุกอย่างให้ชีวิตไม่ว่าง มีความสุขจะตาย, ขอพิกัด พ่อค้าหล่อ หน่อยค่า, ขอพิกัดค่ะ จะไปเหมาผัก, เหมาเบิดๆ ๆ, น่ารักดี ฯลฯ

Adblock test (Why?)


ติดดินสุดๆ "โกสินทร์" นั่งขายผักผลไม้ข้างทาง คนแซวพ่อค้าหล่อมาก - Sanook
Read More

Toyota Gazoo Racing Team Thailand เปิดฤดูกาลมาราธอนทางเรียบ 7 ชม. “RAAT Thailand Endurance International ... - ผู้จัดการออนไลน์



“Toyota Gazoo Racing Team Thailand” ทีมแข่งรถที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จอย่างสูงของวงการมอเตอร์สปอร์ต ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดทีมสู้ศึกรถยนต์ทางเรียบโชว์ผลงานสุดแกร่งคว้าแชมป์อันดับ 2 และ 3 ในรายการมาราธอน “RAAT Thailand Endurance International Championship 2023” เรซเปิดฤดูกาลไปแบบสุดมันส์ ด้าน Thailand Super Series ลงแข่งด้วยรถ Yaris E-Fuel Carbon Neutral ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในระหว่างวันที่ 25-28 พฤษภาคม 2566

ออกสตาร์ทความมันส์ในสุดสัปดาห์รายการในประเทศ Toyota Gazoo Racing Team Thailand มีนัดลงสนามถึง 2 รายการ เริ่มจากสนามเปิดฤดูกาลของมาราธอนทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทยในรายการ “RAAT Thailand Endurance International Championship 2023” ส่งเหล่านักแข่งรุ่นใหม่รวมแชมป์จากโตโยต้า วันเมคเรซ มาผนึกกำลังลงแข่งในระดับอาชีพ ลงสนามในรุ่น Touring Car ใช้รถ Toyota 86 รวม 2 คัน โดยรถหมายเลข 19 นำทีมโดย ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ, อัครพงษ์ อัคนีนิโรธ และกฤษฎิ์ วสุรัตน์ ได้กริดสตาร์ทในอันดับที่ 1 ออกสตาร์ทไม้แรกเป็นการขับของ อัครพงษ์ ผ่านไป 1 ชม. รถเปลี่ยนไปอยู่ในลำดับที่ 2 ก่อนเข้าพิทเปลี่ยนตัวส่งต่อให้ ณัฐพงษ์ ลงสนาม พี่ใหญ่ลงหวดไล่อันดับจนสามารถกลับขึ้นมาครองลำดับที่ 1 ได้ ส่งต่อให้ กฤษฎิ์ ลงสนามก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจนจบการแข่งขัน 7 ชั่วโมงไปแบบบีบหัวใจคนดู จบการแข่งขันไปคว้าอันดับ 2 ของรุ่น Touring Car และอันดับ 2 แบบ Overall รวม 207 รอบสนาม

ด้านรถหมายเลข 20 ขับโดย ธัญชนก เจริญสุขะวัฒนะ, ณ ดล วัฒนธรรม และชิบะ เคนทาโร่ ควอลิฟายด์ได้กริดสตาร์ทในอันดับ 7 คันนี้สู้เต็มที่ โดย นัทจัง-ธัญชนก ลงสนามก่อนเป็นคนแรก ก่อนส่งให้ ชิบะ เคนทาโร่ และปิดท้ายด้วย ณ ดล ที่ผนึกกำลังช่วยกันไล่อันดับจนสามารถจบการแข่งขันได้ในอันดับ 3 ของรุ่น Touring Car และอันดับ 3 แบบ Overall รวม 204 รอบสนาม

ด้านการแข่งขันแบบ Sprint Race รายการ “Thailand Super Series 2023” ที่มาเป็นซัพพอร์ตเรซเฉพาะกลุ่มรถไม่ใช่ซูเปอร์คาร์ ( Non SuperCar) เป็นการลงสนามในเรซที่ 3-4 ของ ณ ดล วัฒนธรรม นักแข่งคนล่าสุดของทีม ดีกรีแชมป์ปี 2022 จากรายการโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต ในรุ่น Thailand Super Compact ใช้รถหมายเลข 19 Toyota Yaris E-Fuel Carbon Neutral รถยนต์ที่พัฒนาให้สามารถใช้พลังงานเชื้อเพลิงซึ่งมีค่าความเป็นกลางทางคาร์บอนลงสนาม โดยครั้งนี้ ณ ดล ควอลิฟายด์ออกสตาร์ทในลำดับที่ 15 และทำผลงานจบในอันดับที่ 13

หลังจบการแข่งขัน คุณสุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีมและนักแข่งสังกัดโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์ กล่าวว่า “เป็นการแข่งขันที่สนุกและได้ลุ้นมากครับ อีเว้นท์นี้ตั้งใจส่งทีมนักแข่งรุ่นใหม่เป็นการรวมแชมป์จากโตโยต้า วันเมคเรซ ทั้ง อัครพงษ์, กฤษฎิ์, ธัญชนก และ ณ ดล ให้ได้ลงสนามเป็นนักแข่งหลักในเกม ซึ่งทั้ง 4 คน ก็ทำเต็มที่และยังสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมคว้าถ้วยรางวัลให้กับทีมได้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราได้สร้างนักแข่งรุ่นใหม่เข้าสู่เส้นทางมอเตอร์สปอร์ตในระดับอาชีพครับ”

แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ต ติดตามชมและเชียร์ “Toyota Gazoo Racing Team Thailand” ที่จะมีโปรแกรมลงสนามแข่งขันรายการต่อไปในเทศกาลความเร็ว Bangsaen GrandPrix 2023 ในวันที่ 27 มิถุนายน -2 กรกฎาคม 2566 ณ สนามเลียบชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ร่วมติดตามชมภาพการแข่งขันของทีมเพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ Instagram: ToyotaGazooRacingTeamThailand


Adblock test (Why?)


Toyota Gazoo Racing Team Thailand เปิดฤดูกาลมาราธอนทางเรียบ 7 ชม. “RAAT Thailand Endurance International ... - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

"ณัฐวุฒิ" ลั่น หนุน พิธา นั่งนายกฯ ไม่มีทางอื่น 2 พรรคต้องเดินไปด้วยกัน - มติชน

“ณัฐวุฒิ” ลั่น หนุน พิธา นั่งนายกฯ ไม่มีทางอื่น 2 พรรคต้องเดินไปด้วยกัน ชี้อย่ามัวงัดข้อต่อกรกัน อีกฝ่ายที่เงียบเพราะรอจังหวะขย้ำ

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดว่า “การเลือกตั้งจบลงแล้ว แต่การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่จบ ปรากฏความเคลื่อนไหวทั้งในทางที่เป็นจริง และข่าวลับ ลือ ลวง มากมายในสถานการณ์

หนึ่งในนั้นคือการยื่นข้อเรียกร้องของกองเชียร์พรรคเพื่อไทยกลุ่มหนึ่ง ขอให้พรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ประกาศชัดว่านี่เป็นความเห็น ความต้องการในกลุ่มของพวกเขา และพร้อมเคารพต่อการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะตรงกับข้อเรียกร้องหรือไม่

แน่นอนว่าผมไม่เห็นด้วยกับประเด็นนี้ แต่ผมก็เห็นความจริงด้วยว่า กลุ่มที่มายื่นหนังสือเป็นพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมา และเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยตัวจริง การไม่เห็นด้วยนี้ จึงยืนอยู่บนความเข้าใจ และเคารพในความคิด ความรู้สึกของพวกเขา

การไม่เป็นพรรคอันดับ 1 ในการเลือกตั้งเป็นความสูญเสีย ผิดหวัง และบาดเจ็บครั้งใหญ่ ที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยเจอ แต่เราต้องผ่านมันไปให้ได้ ด้วยสติ ปัญญา ความตระหนักรู้ในสถานการณ์ และความศรัทธาเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เพื่อจะกลับมายืนในที่เดิมที่เคยยืนมาตลอดอีกครั้ง

พรรคเพื่อไทยเผชิญผ่านหลากหลายวิกฤตการณ์ ทุกครั้งเราเอาชนะทุกอุปสรรค ทุกคู่ต่อสู้ ด้วยแนวทางประชาธิปไตย เราเคยสูญเสียอำนาจรัฐเพราะถูกรัฐประหาร สูญเสียกระทั่งพรรคที่เรารักเพราะถูกยุบทำลาย และทุกครั้งเราก็กลับมา

เราเคยสูญเสียอะไรไปมากมาย แต่เราไม่เคยสูญเสียจุดยืนประชาธิปไตย

การพลัดหลงจากชัยชนะในครั้งนี้ เป็นด่านทดสอบสำคัญ ว่าพรรคเพื่อไทยจะผ่าตัดใหญ่ตัวเอง เดินหน้าสู่ความเป็นสถาบันทางการเมือง หรือจะเป็นเพียงเรือร้างอัปปางลง กลางคลื่นลมความเปลี่ยนแปลง
หากหัวใจยังไม่หมดแรงฝัน ก็ขอให้รวมพลังกันลุกขึ้นยืน และทำหน้าที่สำคัญที่สุดของเราวันนี้ คือปกป้องชัยชนะของประชาชน

ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล สนับสนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน แข่งกันทำงานอย่างสร้างสรรค์ รอวันให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้งในสนามเลือกตั้ง

ไม่มีเกมอื่น ไม่มีทางเดินอื่น สองพรรคต้องเดินไปด้วยกัน สิ่งที่ยังเห็นต่าง ให้ไปจบในวงเจรจา ถ้าปล่อยมือกัน เท่ากับปล่อยมือจากประชาชน

ผมไม่ได้มองโลกสวย เพราะโลกที่ผมสู้มามันเจ็บปวด แต่ผมเชื่อว่าโลกแห่งความเป็นจริง ที่คนส่วนใหญ่ต้องการคือแบบนี้

หากจะขัดใจกองเชียร์ไปบ้าง ก็ขอให้เชื่อว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่ทุ่มเททำทุกอย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดก็ต้องยืดอกรับ ทั้งที่ในใจก็บอบช้ำไม่น้อยไปกว่าทุกท่าน

สำหรับผู้สนับสนุนของ 2 พรรคหลัก ที่ผลักอกกันอยู่ในโลกออนไลน์ จริงอยู่ว่าหลายคนยืนตรงข้ามกันมาแต่ต้น แต่ก็จริงเช่นกันว่าอีกหลายคน เคยกิน นอน ถูกเขาไล่ฆ่ากลางถนน แม้วันนี้จะไม่ใช่คนพรรคเดียวกันแล้ว ก็ขอให้นึกถึงวัน เวลา ที่เรากอดคอต่อสู้มาด้วยกัน

สิ่งใดที่เคยเจ็บ คำใดที่เคยช้ำร่วมกัน จากการถูกเหยียบย่ำโดยฝ่ายตรงข้าม ละวางไว้บ้างเถิด อย่าได้นำมาใช้ต่อกัน พลังฝ่ายเผด็จการที่เงียบอยู่ เขาไม่ได้ยอมแพ้ แต่รอวัน เวลา จังหวะจะไล่ขย้ำ

แล้วจะใครเสียอีกที่เป็นเป้าหมายถูกกระทำ นอกจากเราผู้เป็นเพื่อนร่วมตายที่เคยต่อสู้เคียงข้างกัน

Adblock test (Why?)


"ณัฐวุฒิ" ลั่น หนุน พิธา นั่งนายกฯ ไม่มีทางอื่น 2 พรรคต้องเดินไปด้วยกัน - มติชน
Read More

Toyota Gazoo Racing Team Thailand เปิดฤดูกาลมาราธอนทางเรียบ 7 ชม. “RAAT Thailand Endurance International ... - ผู้จัดการออนไลน์



“Toyota Gazoo Racing Team Thailand” ทีมแข่งรถที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จอย่างสูงของวงการมอเตอร์สปอร์ต ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดทีมสู้ศึกรถยนต์ทางเรียบโชว์ผลงานสุดแกร่งคว้าแชมป์อันดับ 2 และ 3 ในรายการมาราธอน “RAAT Thailand Endurance International Championship 2023” เรซเปิดฤดูกาลไปแบบสุดมันส์ ด้าน Thailand Super Series ลงแข่งด้วยรถ Yaris E-Fuel Carbon Neutral ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในระหว่างวันที่ 25-28 พฤษภาคม 2566

ออกสตาร์ทความมันส์ในสุดสัปดาห์รายการในประเทศ Toyota Gazoo Racing Team Thailand มีนัดลงสนามถึง 2 รายการ เริ่มจากสนามเปิดฤดูกาลของมาราธอนทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทยในรายการ “RAAT Thailand Endurance International Championship 2023” ส่งเหล่านักแข่งรุ่นใหม่รวมแชมป์จากโตโยต้า วันเมคเรซ มาผนึกกำลังลงแข่งในระดับอาชีพ ลงสนามในรุ่น Touring Car ใช้รถ Toyota 86 รวม 2 คัน โดยรถหมายเลข 19 นำทีมโดย ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ, อัครพงษ์ อัคนีนิโรธ และกฤษฎิ์ วสุรัตน์ ได้กริดสตาร์ทในอันดับที่ 1 ออกสตาร์ทไม้แรกเป็นการขับของ อัครพงษ์ ผ่านไป 1 ชม. รถเปลี่ยนไปอยู่ในลำดับที่ 2 ก่อนเข้าพิทเปลี่ยนตัวส่งต่อให้ ณัฐพงษ์ ลงสนาม พี่ใหญ่ลงหวดไล่อันดับจนสามารถกลับขึ้นมาครองลำดับที่ 1 ได้ ส่งต่อให้ กฤษฎิ์ ลงสนามก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจนจบการแข่งขัน 7 ชั่วโมงไปแบบบีบหัวใจคนดู จบการแข่งขันไปคว้าอันดับ 2 ของรุ่น Touring Car และอันดับ 2 แบบ Overall รวม 207 รอบสนาม

ด้านรถหมายเลข 20 ขับโดย ธัญชนก เจริญสุขะวัฒนะ, ณ ดล วัฒนธรรม และชิบะ เคนทาโร่ ควอลิฟายด์ได้กริดสตาร์ทในอันดับ 7 คันนี้สู้เต็มที่ โดย นัทจัง-ธัญชนก ลงสนามก่อนเป็นคนแรก ก่อนส่งให้ ชิบะ เคนทาโร่ และปิดท้ายด้วย ณ ดล ที่ผนึกกำลังช่วยกันไล่อันดับจนสามารถจบการแข่งขันได้ในอันดับ 3 ของรุ่น Touring Car และอันดับ 3 แบบ Overall รวม 204 รอบสนาม

ด้านการแข่งขันแบบ Sprint Race รายการ “Thailand Super Series 2023” ที่มาเป็นซัพพอร์ตเรซเฉพาะกลุ่มรถไม่ใช่ซูเปอร์คาร์ ( Non SuperCar) เป็นการลงสนามในเรซที่ 3-4 ของ ณ ดล วัฒนธรรม นักแข่งคนล่าสุดของทีม ดีกรีแชมป์ปี 2022 จากรายการโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต ในรุ่น Thailand Super Compact ใช้รถหมายเลข 19 Toyota Yaris E-Fuel Carbon Neutral รถยนต์ที่พัฒนาให้สามารถใช้พลังงานเชื้อเพลิงซึ่งมีค่าความเป็นกลางทางคาร์บอนลงสนาม โดยครั้งนี้ ณ ดล ควอลิฟายด์ออกสตาร์ทในลำดับที่ 15 และทำผลงานจบในอันดับที่ 13

หลังจบการแข่งขัน คุณสุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีมและนักแข่งสังกัดโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์ กล่าวว่า “เป็นการแข่งขันที่สนุกและได้ลุ้นมากครับ อีเว้นท์นี้ตั้งใจส่งทีมนักแข่งรุ่นใหม่เป็นการรวมแชมป์จากโตโยต้า วันเมคเรซ ทั้ง อัครพงษ์, กฤษฎิ์, ธัญชนก และ ณ ดล ให้ได้ลงสนามเป็นนักแข่งหลักในเกม ซึ่งทั้ง 4 คน ก็ทำเต็มที่และยังสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมคว้าถ้วยรางวัลให้กับทีมได้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราได้สร้างนักแข่งรุ่นใหม่เข้าสู่เส้นทางมอเตอร์สปอร์ตในระดับอาชีพครับ”

แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ต ติดตามชมและเชียร์ “Toyota Gazoo Racing Team Thailand” ที่จะมีโปรแกรมลงสนามแข่งขันรายการต่อไปในเทศกาลความเร็ว Bangsaen GrandPrix 2023 ในวันที่ 27 มิถุนายน -2 กรกฎาคม 2566 ณ สนามเลียบชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ร่วมติดตามชมภาพการแข่งขันของทีมเพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ Instagram: ToyotaGazooRacingTeamThailand


Adblock test (Why?)


Toyota Gazoo Racing Team Thailand เปิดฤดูกาลมาราธอนทางเรียบ 7 ชม. “RAAT Thailand Endurance International ... - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Friday, May 26, 2023

กู้เงินออมสิน 100,000 บาท ทางออนไลน์ ผ่อนนาน 3 ปี ปลอดหลักประกันเลยเหรอ - Sanook

กู้เงินออมสิน 100,000 บาท ทางออนไลน์ ผ่อนนาน 3 ปี ดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน ปลอดหลักประกัน ที่แท้เป็นแบบนี้เหรอ

ตามที่มีการโฆษณาเรื่องออมสินปล่อยสินเชื่อเงินด่วน วงเงิน 100,000 บาท ผ่านเพจ บริการสินเชื่อ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีที่มีผู้ให้เผยแพร่ข้อมูลว่าออมสินปล่อยสินเชื่อเงินด่วน วงเงิน 100,000 บาท ผ่านเพจ บริการสินเชื่อ ทางธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อความที่เพจ บริการสินเชื่อ ไม่ใช่เพจธนาคารออมสินและไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับธนาคาร เพจดังกล่าวได้แอบอ้างนำชื่อและโลโก้ธนาคารออมสิน ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและยังแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง

ธนาคารจึงขอแจ้งให้ประชาชนที่พบเห็นเพจใช้ชื่อและโลโก้ตลอดทั้งนำชื่อผลิตภัณฑ์หรือสีอัตลักษณ์ของธนาคารออมสินไปตั้งโปรไฟล์ เชิญชวนให้กู้เงิน โปรดอย่าได้หลงเชื่อขอให้ตรวจสอบข้อมูลกับทางธนาคารให้ชัดเจนก่อน

เนื่องจากธนาคารไม่มีนโยบายให้บริการเงินกู้ผ่านทางเฟซบุ๊ก แอปพลิเคชันไลน์ และ Messenger อีกทั้งธนาคารได้ยกเลิกการส่ง SMS และ e-mail แนบลิงก์ให้ลูกค้าทุกกรณีแล้ว

wow

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือประชาชนให้งดแชร์หรือส่งต่อข้อมูลที่เป็นเท็จไปในช่องทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ และเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกสื่อโซเชียลโพสต์ข้อมูลหลอกลวง และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th หรือหากมีข้อสงสัยข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ธนาคารออมสิน โปรดสอบถาม GSB Contact Center โทร.1115

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อความที่เพจ บริการสินเชื่อ ไม่ใช่เพจธนาคารออมสินและไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับธนาคาร เพจดังกล่าวได้แอบอ้างนำชื่อและโลโก้ธนาคารออมสิน ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและยังแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง

Adblock test (Why?)


กู้เงินออมสิน 100,000 บาท ทางออนไลน์ ผ่อนนาน 3 ปี ปลอดหลักประกันเลยเหรอ - Sanook
Read More

"กรมทะเลชายฝั่ง" พบเครือข่ายทางทะเล ส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่า ปกป้องอันดามัน - ไทยรัฐ

"กรมทะเลชายฝั่ง" สัญจรพบปะพี่น้องเครือข่ายทางทะเล "พังงา-ระนอง" แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ส่งเสริมการมีส่วนร่วม เพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน พร้อมปกป้องทะเลอันดามัน

วันที่ 26 พ.ค. 2566 นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) เผยว่า ปัจจุบันกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการร่วมคิด ร่วมทำ ผ่านแนวทางการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ รวมทั้งการปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทยซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญทั้งต่อระบบนิเวศและมีความสำคัญทั้งในฐานะเป็นแหล่งสร้างอาหาร แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้อย่างมหาศาล

แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่ามีการทำลายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งโดยเจตนาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นจำนวนมาก ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของกรมฯ มีไม่เพียงพอต่อการดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งประเทศ จึงจำเป็นจะต้องอาศัยพลังของเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการพิทักษ์รักษาดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยตามแนวทางรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่ได้รับรองสิทธิและเสรีภาพการมีส่วนร่วมของประชาชนในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ขณะที่เครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดและได้รับผลกระทบโดยตรงจากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดที่ต้องการให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเอง โดยกรมฯ ได้พัฒนาศักยภาพเครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาแนวคิดร่วมกันในการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกรมฯ ได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการจัดประชุมภาคีชุมชนชายฝั่ง อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 7 ในพื้นที่จังหวัดพังงา และระนอง โดยมี

ทางด้าน นายประถม รัสมี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 พร้อมด้วย เครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลทั้ง 2 จังหวัด เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมภูงา ตำบลตากแดด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เพื่อรับฟังความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในการนำมาพัฒนาความรู้ในทางนโยบาย ระเบียบ กฎหมาย ข้อมูลระดับพื้นที่ สภาพระบบนิเวศ แหล่งทรัพยากร การจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นของชุมชน

อีกทั้งเป็นฐานข้อมูลสำหรับพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งปัจจุบันจังหวัดระนองมีจำนวนเครือข่ายชุมชนชนชายฝั่ง 21 กลุ่ม/546 คน และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล 786 คน ส่วนจังหวัดพังงามีจำนวนเครือข่ายชุมชนชายฝั่ง 42 กลุ่ม/1,227 คน และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล 1,302 คน โดยส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง การแปรรูปอาหารทะเลและป่าชายเลน เกษตรกรรม การเพาะปลูกพืชต่างๆ เป็นต้น

จากจำนวนเครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลข้างต้นนั้น ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ในพื้นที่ กรมฯ จึงเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อสร้างเครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล โดยการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน รวมถึงเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ กรมฯ ได้เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ปรับตัวสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ โดยตั้งเป้าหมาย 10 ปี เพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน 300,000 ไร่ พร้อมกับเชิญชวนพี่น้องเครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อมีส่วนร่วมในการดูแลผืนป่าชายเลนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นต่อไป.

Adblock test (Why?)


"กรมทะเลชายฝั่ง" พบเครือข่ายทางทะเล ส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่า ปกป้องอันดามัน - ไทยรัฐ
Read More

Thursday, May 25, 2023

TrueMoney ดึง 'ลิซ่า' ปรับภาพสู่ซูเปอร์แอปทางการเงิน - ผู้จัดการออนไลน์



TrueMoney ดึง ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ปรับภาพสู่การเป็นซูเปอร์แอปทางการเงิน ครอบคลุมจ่าย ออม และลงทุน ให้คนไทยเข้าถึงทุกเรื่องการเงินให้ง่ายที่สุด หวังเพิ่มฐานลูกค้าจากปัจจุบันมีการใช้งานกว่า 27 ล้านคน

น.ส.มนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ทุกวันนี้ ทรูมันนี่ได้พลิกโฉมการใช้จ่ายของผู้คนให้เป็นมากกว่าแอปสำหรับจ่ายหรือโอน แต่เป็นแอปที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคนในทุกวัน

โดยมีฐานผู้ใช้งานในปัจจุบันกว่า 27 ล้านคน และเป็นแอปทางการเงินที่เป็นที่รู้จักสูงสุดอันดับหนึ่ง จึงมุ่งมั่นที่จะทลายทุกข้อจำกัดเดิมๆ ของทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะมีจุดเริ่มต้นที่ต่างกันอย่างไรก็สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายและครบ

ด้วยการนำเสนอบริการใน 3 กลุ่ม ได้แก่ บริการในกลุ่มใช้จ่าย ทั้งการจ่ายออนไลน์ ออฟไลน์ โอนเงิน ใช้จ่ายต่างประเทศ และวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง บริการในกลุ่มการเงินอย่างการออม ลงทุน ประกัน และสิทธิประโยชน์หลากหลาย และบริการสนับสนุนธุรกิจ สนับสนุน SME และผู้ประกอบการรายย่อย


ทั้งนี้ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ ล่าสุด ทรูมันนี่ได้ดึงศิลปิน K-Pop ระดับโลกอย่าง ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เพื่อร่วมถ่ายทอดจุดยืนของแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณา “ทรูมันนี่ เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ที่บินไปถ่ายทำถึงประเทศเกาหลีใต้

ภายในโฆษณาบอกเล่าถึงความเป็นไปได้ในชีวิตที่ทรูมันนี่มอบให้ผู้คนผ่านบริการทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องการสตาร์ทธุรกิจเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแม้จะมีทุนน้อย คนรุ่นใหม่ที่มีฝันและเปี่ยมไปด้วยพลังความสามารถซึ่งทำให้ความสำเร็จไม่ถูกจำกัดด้วยอายุ และคนที่มองหาโอกาสและความรู้ด้านการเงินเพื่อเริ่มหนทางสู่อิสระในชีวิตที่จะได้ทำตามใจฝัน โดยมี ลิซ่า พาผู้ชมไปสัมผัสความเป็นไปได้ของผู้คนเหล่านี้และผลลัพธ์ที่มีทรูมันนี่เป็นผู้ช่วยให้เป็นไปได้จริง

นางอนัณทินี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่ทรูมันนี่ ทำการสื่อสารอย่างยิ่งใหญ่ระดับประเทศ โดยลิซ่าถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น น่ารัก เป็นกันเอง อีกทั้งยังมีความสามารถและความทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานจนเป็นที่รักของคนไทยและผู้คนทั่วโลก

“การดึง ลิซ่า มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์นั้นจะสะท้อนพลังและความเป็นไปได้ที่มากกว่าในชีวิตสำหรับทุกคน และตรงกับสิ่งที่ ทรูมันนี่ต้องการมอบให้ คือ การช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างความเป็นไปได้ตามแบบฉบับของตัวเองและผลักดันทุกเป้าหมายในชีวิตให้เป็นไปได้มากกว่าที่เคยผ่านบริการทางการเงินของเรา”

โดยในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีในปีนี้ ทรูมันนี่ ยังเตรียมจัดเต็มแคมเปญสมนาคุณสุดพิเศษครั้งใหญ่กว่าที่เคย รวมไปถึงสิทธิพิเศษอีกมากมายสำหรับผู้ใช้ทรูมันนี่ตลอดทั้งปี พร้อมกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์ให้เหล่าแฟนด้อมของลิซ่าได้ร่วมสนุกเร็วๆ นี้ ขอให้รอติดตาม

Adblock test (Why?)


TrueMoney ดึง 'ลิซ่า' ปรับภาพสู่ซูเปอร์แอปทางการเงิน - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

อาจารย์หมอจุฬาฯ แนะแนวทางเสริมพลังป้องกันโรค! - ไทยโพสต์

หมอธีระวัฒน์แนะแนวทางเสริมพลังป้องกันโรคแถมสู้โควิด ทั้งเรื่องอาหารการกินมือเช้า การใช้ประโยชน์จากแสงแดด และการออกกำลังกาย

25 พ.ค.2566 - ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “เสริมพลังป้องกันโรคแถม สู้โควิดได้” ระบุว่า ในปี 2023 นี้หลังจากที่ผ่านมาสามปีอยู่ท่ามกลางโควิด เราได้รับบทเรียนมากมาย ทั้งนี้ ทั้งหลายทั้งปวงประดามีพิสูจน์แล้วว่าอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะช่วยปกป้องชีวิตของเราได้

หลักฐานที่เราเห็นทั้งในประเทศไทยเองและจากประเทศต่างๆ พิสูจน์ให้เห็นว่าต้นทุนสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือเรื่องของโรคประจำตัวที่จำเป็นต้องตรวจตราสม่ำเสมอว่ามีอะไรโผล่ขึ้นมาจะได้ป้องกันได้ทันท่วงที และถ้าเกิดไปแล้วต้องควบคุมให้ดีที่สุดให้กลับกลายเป็นคนปกติ และในขณะเดียวกันเราสามารถเสริมเพิ่มพลังของเราเองได้ โดยที่จะสามารถสู้กับโควิดไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์หลักสายพันธุ์ย่อยสายพันธุ์ควบรวม

พลังที่เราสามารถแสวงหาได้นั้นพิสูจน์แล้วในทางกลไกวิทยาศาสตร์ว่าเพิ่มปราการด่านหน้าในการต่อสู้กับอันตรายที่เข้าร่างกายเชื้อโรคต่างๆ ไม่จำกัดว่าจะเป็นโควิดหรือเป็นไวรัสชนิดอื่นหรือแม้แต่แบคทีเรียก็ตามด้วย อาหาร แดด ออกกำลัง ไม่เสียสตางค์ ด้วย

ในเรื่องของโควิดนั้นเรามีทุนที่สะสมอยู่แล้วจาก ประการแรกคือเราได้วัคซีนคนละสามเข็มแล้วแถมติดตามธรรมชาติไปด้วย และ 608 เปราะบาง อาจจำเป็น เข็มกระตุ้น

ประการที่สอง เรากินยารักษา ได้ทันทีที่มีอาการแม้ 2 ขีดยังไม่ขึ้น เช่นด้วยฟ้าทะลายโจร ซึ่งเป็นสมุนไพรไทย และประกาศให้ใช้ได้จากกระทรวงสาธารณสุขในการรักษาโควิด และแม้แต่บริษัทยา อาหาร ของสหรัฐก็มีออกมาจำหน่าย โดยอ้างอิงถึงสรรพคุณที่มีการใช้มาเป็นร้อยเป็นพันปี และเป็น แอนโดรกราโฟไลท์ ขนาด 60-80 มิลลิกรัมต่อเม็ด ด้วยซ้ำ

เหล่านี้เป็นที่น่ากังวลว่าขณะที่คนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันอาจละเลยที่จะเห็นความสำคัญของสมุนไพร ต่างๆและในที่สุดแล้วเราอาจจะเสียสิทธิบัตรไปและกลับกลายเป็นต้องซื้อยาจากต่างประเทศที่มีตัวยาสำคัญจากสมุนไพรของเรา

ประการที่สาม เรื่องของอาหารการกิน ชนิดประเภทของอาหารและจะกินเมื่อใดตอนไหน จะได้ประโยชน์สูงสุด (ไทยรัฐสุขภาพหรรษา หมอดื้อ กินเร็วตั้งแต่เช้า ตายช้า 27 พ.ย.2565) นั่นก็คือลักษณะการ ฉัน ของพระภิกษุ ช่วงไม่เกินเที่ยง เปรียบ เสมือน IF (intermittent fasting) ที่รู้จักกันในปัจจุบัน แบบ early eater ทานช่วงเช้า ระยะเวลา 6 ชั่วโมง (ดีกว่า ทานบ่าย เย็น กลางคืน แล้วไปอดเช้า )

ดังที่มีการพิสูจน์ ขั้นลึกจนถึงระบบ biometric ต่างๆ และแน่นอนเข้าใกล้มังสวิรัติ อด ลด แป้ง กินปลา สัตว์น้ำได้ งดเนื้อสัตว์บกทั้งสิ้น หรือน้อยสุด ผักผลไม้กากไยวันละครึ่งกิโล ถั่ว ได้ไม่อั้นโดยเฉพาะถั่วที่มีเปลือกแข็ง แอลมอนด์เป็นต้น กาแฟดำหรือใส่น้ำตาลน้อยวันละสองถึงสามแก้ว ทั้งนี้ดูด้วยว่าควรจะทานเท่าไรในแต่ละคนซึ่งถ้ามีใจสั่น ก็หยุดอยู่เท่านั้น

ประการที่สี่ แดด เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่พิสูจน์มาตลอด (สุขภาพหรรษา 21 ส.ค.2565) จนกระทั่งถึงปลายปี 2022 มีรายงานทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ชีให้เห็นถึงสิ่งที่เพิ่มพลังของมนุษย์เราจากแสงแดด ทั้งนี้โดยที่แสงนั้นมีโซล่าสเปกตรัม (solar spectrum) เป็นส่วนที่มองเห็น (visible light) 39% อยู่ในคลื่นระหว่าง 400 nm จนถึง 760 nm และส่วนที่มองไม่เห็น 7% เป็นอัลตราไวโอเลต ยูวีเอ ยูวีบี และยูวีซี (UVA UVB UVC) อยู่ระหว่าง 290 ถึง 400 nm และอีก 54% เป็นอินฟราเรด ไออาร์เอ ไออาร์บี และ ไออาร์ซี (IRA IRB IRC) โดยอินฟราเรดนี้สามารถทะลุผ่านผิวหนังในชั้นต่างๆลึกลงไปถึงชั้นไขมันและในเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกลงไปอีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคลื่นความถี่ และทำให้รับรู้สึกเป็นความร้อน แม้จะไม่เห็นแสงจ้าก็ตามโดยอินฟราเรดนั้นสามารถผ่านชั้นเมฆต่างๆได้ อินฟราเรดที่สำคัญคือส่วนที่เป็น NIR (near infrared) 760-1400nm

รายงานที่เกี่ยวข้องกับโควิดโดยการใช้แสงเป็นการรักษา (photo biomodulation therapy) ใน วารสาร Photonics (MDPI) 23 กันยายน 2022 และ วารสาร photo chemistry and photo biology 5 ธันวาคม 2022
ในรายงานแรก ได้รวบรวมรายงานต่างๆ ในการใช้รักษาการอักเสบในปอด ความผิดปกติของการรับรสและกลิ่น ในคนป่วย ความผิดปกติที่โครงสร้างใบหน้าปากและริมฝีปาก และการศึกษาในสัตว์ทดลอง

ในรายงานที่สองนั้น เป็นการใช้แสง อินฟราเรดแอลอีดี (infrared LED) ในผู้ป่วยโควิดที่มีปอดบวม ได้รับ ออกซิเจนแต่ไม่ใส่ท่ออายุระหว่าง 50 ถึง 80 ปีและดัชนีมวลกายน้อยกว่า 30 ไม่มีมะเร็งไม่แพ้แสง และเป็นการศึกษา แบบ สุ่ม (prospective descriptive, single blinded, randomized, and longitudinal trial) โดยผู้ป่วยเหล่านี้ ทุกคนจะได้รับการรักษาแบบมาตรฐานเหมือนกัน ใส่เสื้อกั๊ก ขนาด 300 infrared LED (GaAIAs,940nm) 0.02W total optical power 6W และมี ค่าเฉลี่ยของ power density =0.0029 W/ตารางเซนติเมตร โดยขนาดของเสื้อกั๊กนั้นเป็น 36 ซม X58 ซม ครอบคลุมพื้นผิว 2088 ตารางเซนติเมตร
ทั้งนี้แบ่งออกเป็นกลุ่มที่ใส่เสื้อกั๊กที่เปิด และที่ปิดแสง เป็นเวลา7 วัน

ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มผู้ป่วย 30 รายก็ตามแต่กลุ่มที่ได้รับการรักษา มีความรุนแรงของอาการทางปลอดมากกว่า ด้วยซ้ำ(pneumonia severity index 97.1 vs 85.3 ) ผลของการรักษาพบว่า ความสมบูรณ์ของการทำงานของปอดและหัวใจดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ ทั้ง ความต้องการออกซิเจนความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดปริมาณอากาศที่หายใจ แรงดันของการหายใจเข้าและออก (oxygen flow intake, partial oxygen saturation, tidal volume, Maximum inspiratory and expiratory pressure, respiratory frequency) และหัวใจทำงานหนักน้อยลงทั้งชีพจรและความดันโลหิตที่ดีขึ้น จำนวนของเม็ดเลือดขาว ดีขึ้น อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ จำนวน นิวโตรฟิลที่ลดลงและลิมโฟไซท์ที่เพิ่มขึ้น และระยะเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลสั้นลงถึง 4 วัน และอาการกลับเป็นปกติเร็วขึ้น

การรักษาโดยการใช้แสงจากเสื้อกั๊กนี้แท้จริงมีแนวคิดหรือรากฐานมาจากการที่ทราบว่าแสงแดดให้ประโยชน์อย่างมากมายนอกจากที่จะช่วยสร้างวิตามินดีและเห็นได้ชัดเจนจากคนในทวีป แอฟริกา ที่แม้ยากจน ขาดแคลนอาหารและยาและได้รับวัคซีนโควิดน้อยมาก โดยในบางพื้นที่ไม่ได้เลยแต่ทั้งทวีปกลับไม่มีปัญหาจากโควิดตั้งแต่เริ่มระบาดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ การลงทุนในการเพิ่มพลังสุขภาพทำได้ตั้งแต่ตากแดดเองและเมื่อเกิดเจ็บป่วย การนำแนวคิดการรักษา ดังข้างต้นขยายผลศึกษาในกลุ่มขนาดใหญ่ขึ้นน่าจะเป็นสิ่งที่ควรกระทำ ทั้งนี้เป็นการรักษาที่ถูกมาก และเสริมกับการรักษาปัจจุบันที่มีอยู่ให้ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ประการที่ห้าได้แก่การออกกำลัง ทั้งนี้ทำได้ง่ายทุกอายุตากแดดด้วยโดยการเดินให้ได้วันละ 10,000ก้าว หรือถ้าไม่มีเวลาจะออกกำลังแบบเข้มข้นในวันสุดสัปดาห์ ที่เรียกกันเล่นๆว่า นักรบสุดสัปดาห์ (weekend warrior) ก็ได้ผลทางสุขภาพเช่นกัน (สุขภาพหรรษา 28 สค 2565 และ 29 พ.ค.2565)

ในข้อสาม สี่และห้านั้น เป็นสิ่งที่หาได้เอง ไม่ได้เสียสตางค์เสียเงินทอง และนอกจากที่จะสู้กับโควิดได้เก่งขึ้นนั้นกลับทำให้สุขภาพแข็งแรงจากโรคไม่ติดต่อและรวมถึงโรคของเส้นเลือดหัวใจและสมองและมะเร็ง แต่ที่สำคัญก็คือต้องลงทุนด้วยตัวเองคงไม่มีทางลัดอื่นนะครับ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อครอบครัวสังคมและระบบสาธารณสุขของประเทศไทยจะได้ยังยืนต่อไป

Adblock test (Why?)


อาจารย์หมอจุฬาฯ แนะแนวทางเสริมพลังป้องกันโรค! - ไทยโพสต์
Read More

ตาสว่าง! หนุ่มเมาหนักนอนบนทางเดินชั้น 2 ก่อนร่วงตกพื้นฟันหัก ตัดสินใจเลิกเหล้าทันที - ผู้จัดการออนไลน์



นาทีชีวิต หนุ่มเมาหนักนอนหลับบนทางเดินชั้น 2 กลิ้งไปหลิ้งมาทำร่วงตกชั้น 1 ฟันหัก 2 ซี่ สุดท้ายตัดสินใจจะเลิกเหล้าไปตลอดชีวิต

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ผู้ใช้ TikTok @big_narueset ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาวกว่า 1 นาที โดยเหตุการณ์ดังกล่าวสามารถบันทึกได้จากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นวินาทีชีวิตของชายรายหนึ่งซึ่งคาดว่ามีอาการมึนเมาแล้วนอนที่ทางเดินบริเวณชั้น 2 ซึ่งติดกับบันไดโดยใส่เพียงกางเกงขาสั้น นอนพลิกไปมา จากนั้นเจ้าตัวก็ร่วงลงมาจากชั้นที่ 2 ลงสู่พื้นอย่างแรง หน้ากระแทก ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปเคาะห้องขอความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ทางผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า "อย่าปล่อยให้คนเมาอยู่เพียงลำพัง"

อย่างไรก็ตาม ผู้โพสต์เข้ามาคอมเมนต์ว่า ชายคนนี้ได้รับบาดเจ็บฟันหัก 2 ซี่ รวมทั้งตั้งใจจะเลิกดื่มเหล้าไปตลอดชีวิต โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวมีผู้เข้าชมแล้วกว่า 7 ล้านครั้ง


Adblock test (Why?)


ตาสว่าง! หนุ่มเมาหนักนอนบนทางเดินชั้น 2 ก่อนร่วงตกพื้นฟันหัก ตัดสินใจเลิกเหล้าทันที - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

จับแล้วเพื่อนบ้านตัวตึง คู่กรณี "โก้ ธีรศักดิ์" อาละวาดสาดฉี่ ส่ง รพ. ตรวจอาการทางจิต - Sanook

จับแล้วเพื่อนบ้านมหาภัย อาละวาดสาดฉี่ คู่กรณี "โก้ ธีรศักดิ์" ขึ้นโรงพักยังป่วนไม่หยุด ตำรวจส่งตรวจปัญหาทางจิต

วันนี้ (24 พ.ค. 66) พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เปิดเผยว่า วันนี้ ตำรวจสายตรวจ สน.วังทองหลาง ได้รับแจ้งเหตุ ว่า หญิงสาวป่วยจิตเวช อายุ 48 ปี ที่เป็นเพื่อนบ้านมหาภัย คู่กรณีกับ โก้ ธีรศักดิ์ นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ได้ก่อเหตุอาละวาดอีกครั้ง โดยได้นำแกลลอนบรรจุของเหลว สีเหลืองขุ่น คล้ายปัสสาวะ ราดบริเวณทางเข้าบ้าน

และตัวอาคารบ้านของเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง ภายในซอยรามคำแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร รวมถึงสาดใส่ตัวเพื่อนบ้าน เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหาย โดยทางประชาชนเพื่อนบ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ร่วมกัน ควบคุมตัวและนำส่งมายัง สน.วังทองหลาง

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ทำการสอบปากคำ หญิงสาวผู้ก่อเหตุ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ และมีการพูดจาเสียงดังเอะอะโวยวาย ก่อความวุ่นวายบนโรงพัก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พูดคุยกับมารดาของผู้ก่อเหตุ ซึ่งก็ได้รับความยินยอมให้นำตัวผู้ก่อเหตุ ไปตรวจหาสาเหตุอาการป่วยทางจิตเวช โดยได้นำตัวไปตรวจร่างกายเบื้องต้นที่โรงพยาบาลกลางแล้ว เพื่อพิจารณาส่งตัวไปตรวจพิสูจน์ความผิดปกติ อาการป่วยทางจิต ที่สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา ต่อไป

Adblock test (Why?)


จับแล้วเพื่อนบ้านตัวตึง คู่กรณี "โก้ ธีรศักดิ์" อาละวาดสาดฉี่ ส่ง รพ. ตรวจอาการทางจิต - Sanook
Read More

Wednesday, May 24, 2023

“นก สินจัย” แสดงจุดยืนทางการเมือง เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ Save 112 - ผู้จัดการออนไลน์



กำลังเป็นกระแสร้อนแรงในสังคมไทย กับเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำท่ามกลางเสียงอีกด้านที่กังวลเรื่องของกฎหมาย 112 ที่พรรคก้าวไกล ออกมายืนยันว่าไม่ยกเลิก แต่แค่ปรับเปลี่ยนข้อกฎหมายให้เข้ากับยุคสมัยเท่านั้น ซึ่งก็มีคนบันเทิงออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้กันมากมายในมุมมองที่แตกต่างกัน

ล่าสุดนักแสดงรุ่นใหญ่ “นก สินจัย เปล่งพานิช” ก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนในประเด็นนี้ ด้วยการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์อินสตาเเกรม “Save 112” ท่ามกลางกระแสการเมืองที่ร้อนแรงในตอนนี้

Adblock test (Why?)


“นก สินจัย” แสดงจุดยืนทางการเมือง เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ Save 112 - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Tuesday, May 23, 2023

กระบะเสียหลัก ชนทางเบี่ยง-พลิกคว่ำบนด่วนศรีรัช สลด คนขับตกมาดับสนิท - ไทยรัฐ

หนุ่ม 30 ควบกระบะเสียหลัก ชนทางเบี่ยง บนทางด่วนศรีรัช รถพลิกคว่ำพังยับ ร่างกระเด็นตกทางด่วนดับสลด ตำรวจคาดขับเร็ว-หรืออาจหลับในเป็นเหตุ

เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 24 พ.ค.66 พ.ต.ท.รพีพงษ์ จิตต์บุญธรรม (สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักชนทางเบี่ยงบนทางด่วน คนขับกระเด็ดตกลงมาเสียชีวิตด้านล่าง เหตุเกิดบนทางด่วนศรีรัช ช่วงทางลงถนนงามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังรับแจ้งเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบศพ นายจักรพงศ์ สุจริตศรีชัยกุล อายุ 30 ปี เป็นชาวกรุงเทพมหานคร เสียชีวิตอยู่ใต้ทางด่วน สวมเสื้อยืดคอปกสีดำ นุ่งกางเกงสแล็คสีดำ ไม่สวมรองเท้า สภาพมีบาดแผล กระโหลกศรีษะยุบ แขนและขาซ้ายหักหลายท่อน ตรวจสอบในร่างกายพบบัตรพนักงาน บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป นอกจากนี้บนทางด่วนตรวจสอบพบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ 2 ประตู สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร สภาพพลิกคว่ำเสียหายทั้งคัน มีร่องรอยชนเข้ากับทางเบี่ยงลงทางด่วน

จากการสอบสวนคาดว่า นายจักรพงศ์ (ผู้ตาย) ขับรถมาด้วยความแล้วเกิดเสียหลัก หรืออาจจะหลับใน จึงทำให้ชนเข้ากับทางเบี่ยงลงจากทางด่วน จนรถพลิกคว่ำแล้วกระเด็นออกมาจากรถตกลงมาเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะติดต่อญาติผู้ตาย และขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนทางด่วน เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้งพร้อมส่งศพไปผ่าชันสูตร ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ต่อไป

Adblock test (Why?)


กระบะเสียหลัก ชนทางเบี่ยง-พลิกคว่ำบนด่วนศรีรัช สลด คนขับตกมาดับสนิท - ไทยรัฐ
Read More

เห็นชอบถกกรอบควบคุมพลาสติกทางทะเล ส่งผู้แทนไทยร่วมที่ปารีส 28 พ.ค.นี้ - ไทยรัฐ

ครม.เห็นชอบท่าทีไทยถกกรอบมาตรการด้านมลพิษจากพลาสติกและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ตามข้อมติสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ผู้แทนไทยเข้าร่วม 6 คน ที่กรุงปารีส 28 พ.ค.-2 มิ.ย. นี้ 

วันที่ 23 พ.ค. 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบกรอบการเจรจาและท่าทีของประเทศไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการจัดทำมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านมลพิษจากพลาสติกรวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล ครั้งที่ 2 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 28 พ.ค.-2 มิ.ย. 66

สำหรับการเจรจาระหว่างรัฐบาลฯ เกิดขึ้นจากที่ประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEA) ซึ่งเป็นเวทีการประชุมสหประชาชาติระดับสูงที่สุดในการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของโลก ที่มีประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ ผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วม 

โดยในการประชุม UNEA เมื่อเดือนมี.ค. 65 ได้มีการรับรองข้อมติ “ยุติมลพิษจากพลาสติก : ด้วยมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ” พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลฯ ขึ้นเพื่อเจรจาและจัดทำมาตรการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการเจรจาจะมีทั้งหมด 5 ครั้ง ซึ่งครั้งแรก มีขึ้นเมื่อ 26 พ.ย.-2 ธ.ค. 65 ที่สาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัย กำหนดจัดทำมาตรการให้แล้วเสร็จในปี 2567 เสนอรับรองมาตรการที่เสร็จสมบูรณ์ในการประชุมผู้แทนรัฐบาลรัฐสมาชิก (Diplomatic Conference) ภายในปี 2568

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในการประชุมครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 28 พ.ค.-2 มิ.ย. จะมีวาระที่จะต้องมีการรับรองและข้อตัดสินใจสำคัญ อาทิ 1) ข้อกำหนดและขอบเขตของร่างมาตรการ 2) บัญชีรายชื่อพลาสติกบางประเภทที่มีปัญหาและเป็นอันตรายมากที่ควรได้รับการยกเลิก ลด หรือจำกัดการผลิต การใช้งานและการได้รับการจัดการที่เหมาะสม 3) บัญชีรายชื่อสารอันตรายที่เติมแต่งในพลาสติกที่ควรได้รับการยกเลิกการผลิตและการใช้งาน 4) ข้อเสนอบทบัญญัติของมาตรการ เป็นต้น

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาร่างกรอบการเจรจาและท่าทีของไทยแล้ว เห็นว่ามีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตการเจรจาในประเด็นต่างๆ และเป็นเอกสารภายในของไทยที่เป็นกรอบท่าทีสำหรับการประชุมดังกล่าว ยังไม่ใช่การจัดทำสนธิสัญญาใหม่ จึงไม่มีประเด็นพิจารณาเกี่ยวกับการทำหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ครม.ยังได้รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลฯ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศ รวม 6 คน โดยมี น.ส.ธีราพร วิริวุฒิกร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการจัดการกากของเสียและสารอันตราย กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย

Adblock test (Why?)


เห็นชอบถกกรอบควบคุมพลาสติกทางทะเล ส่งผู้แทนไทยร่วมที่ปารีส 28 พ.ค.นี้ - ไทยรัฐ
Read More

มุกใหม่…มิจฉาชีพอ้างเป็นกรมการขนส่?... - Droidsans

มุกใหม่มาอีกแล้ว…มิจฉาชีพปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมการขนส่ง โทรหาเหยื่อให้ยืนยันทะเบียนรถยนต์ พร้อมบอกรายละเอียดทุกอย่างตรงเป๊ะจนเหยื่อหลงเชื่อ จากนั้นก็ให้ติดตั้งแอปเพื่อหลอกดูดข้อมูล ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกขอย้ำเตือนอีกครั้งว่าไม่เคยมีนโยบายโทรหาประชาชนเพื่อตรวจสอบความเป็นเจ้าของรถค่ะ

ข้อมูลจากทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า BOATJAe ได้ออกมาเตือนภัยให้ระวังกลลวงใหม่ของมิจฉาชีพ ซึ่งได้มิจฉาชีพโทรมาให้เจ้าของแอคเคาท์ยืนยันทะเบียนรถ และความน่ากลัวคือมิจฉาชีพบอกรายละเอียดส่วนตัวตรงเป๊ะจนทำให้หลงเชื่อเลยว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง ๆ

และก็เข้าตามรูปแบบเดิมคือมีการแอดไลน์เพื่อพูดคุยรายละเอียด จากนั้นก็ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันซึ่งมีหน้าตาต่าง ๆ จริงจังเหมือนมาจาก Official เลย แต่ให้ไปโหลดผ่าน Chrome

ตัวอย่างแอปของมิจฉาชีพ

หลังจากที่โหลดแอปเสร็จและกดยืนยันข้อมูลไปได้แปปเดียว มือถือก็ล็อคทันที หน้าจอแอปกดออกไม่ได้ ขึ้นหน้าจอว่าระบบกำลังยืนยันข้อมูล กรุณาอย่าเพิ่งใช้โทรศัพท์ ในขณะนั้นเองเจ้าของทวิตเตอร์ดังกล่าวไหวตัวทัน รีบถอดซิมและปิดเครื่องทันที จึงยังไม่เกิดความเสียหายขึ้น ถือเป็นเคสที่โชคดีมาก ๆ เลยค่ะ

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้มิจฉาชีพได้เคยปลอมตัวเป็นกรมการขนส่งทางบก หลอกให้เหยื่อโอนเงินค่าต่ออายุและทำใบขับขี่ออนไลน์มาแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้ทางกรมการขนส่งทางบกก็ได้ออกมาเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้างเป็น เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก และอย่าโหลดแอปพลิเคชันหรือกดลิงก์ที่มิจฉาชีพส่งมาเด็ดขาด

และทางกรมการขนส่งทางบกเองก็ได้ออกมายืนยันว่าไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่โทรตรวจสอบความเป็นเจ้าของรถ, โหลดแอปพลิเคชัน หรือเข้าลิงก์เพื่อยืนยันข้อมูลส่วนตัวแต่อย่างใด และถ้าหากมีมิจฉาชีพมาแอบอ้างแบบดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน 1584 ได้ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ

ที่มา : ทวิตเตอร์ BOATJAe, กรมการขนส่งทางบก

Adblock test (Why?)


มุกใหม่…มิจฉาชีพอ้างเป็นกรมการขนส่?... - Droidsans
Read More

ทางเข้า บขส.3 จังหวัดขอนแก่น มืดและวังเวงจนดูน่ากลัว วอนเจ้าหน้าที่ซ่อมไฟถนนให้ที - ไทยรัฐ

  • ไม่ปลอดภัย - ประชาชนเข้าไปใช้บริการใน สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดขอนแก่น (บขส.3) ถนนเลี่ยงเมือง ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น แค่ช่วง 1 ทุ่ม ทางเข้ามืดและ วังเวงมาก จนดูน่ากลัวพื้นที่ภายในสถานีแสงสว่างน้อยถนนไม่มี เส้นจราจร บริเวณวงเวียนก็มืดรถสวนทางมองไม่เห็น หวั่นจะเกิด อุบัติเหตุ เฉี่ยวชน มีคนสอบถามไปได้ความว่าสายไฟถนนโดน ขโมย แต่ก็สงสัยทำไมปล่อยมืดนานเกินไปไม่ซ่อมเสียที...
  • คัดค้าน - ชาวบ้าน ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย เรียกร้องให้ทางอำเภอและจังหวัด เข้ามาตรวจสอบโครงการก่อสร้าง โรงงานไฟฟ้า พลังงานขยะในพื้นที่ เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ แจ้งข้อมูล และขั้นตอนในการก่อสร้าง แม้ทำ ประชาคม ไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ชาวบ้านในพื้นที่รอบโครงการส่วนใหญ่ไม่รู้ข้อมูลและมีการ ข่มขู่ ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยจนต้องไปแจ้งความดำเนินคดี...
  • กลิ่นฉี่โชย - คนใช้สะพานลอย เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต จ.ปทุมธานี บ่นมาว่าบนสะพานลอยมีแต่ขยะ สกปรกมาก คนเร่ร่อนใช้เป็นที่หลับนอน บางวันนอนใส่ กางเกงใน ตัวเดียว และฉี่บนสะพานส่งกลิ่น เหม็นโชย จนต้องรีบเดินข้ามไวๆ กลางคืนมืดมาก น่ากลัว จนไม่อยากใช้สะพาน ทั้งที่อยู่ใกล้ เทศบาลนครรังสิต แท้ๆ วอนช่วยดูแลให้ประชาชนใช้สะพานได้สะดวกปลอดภัยด้วย...
  • ขยะเกลื่อน - ข้างถนนในซอย คู้บอน 38 เขตคลองสามวา กทม. มี คนมักง่าย เอาขยะมาทิ้งไว้เต็มไปหมด ทิ้งไว้นานจนหญ้าขึ้น ปกคลุม จนมิด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีรถเข้ามาไถป่าหญ้าแล้วคุ้ยเอา กองขยะ ลอยขึ้นมากองไว้ข้างทางเกลื่อนไปหมด ชาวบ้านในซอยสัญจรไปมาเห็นแล้ว อนาถใจ ในความมักง่าย ขอให้ เขตคลองสามวา ช่วยจัดการให้สะอาดทีมีแต่คนบ่น...

[email protected] 
โทร.0-2127-1000 กด 2
แฟกซ์ 0-2272-1333
จันทร์-เสาร์ 09.00-17.00 น. เว้นวันอาทิตย์

Adblock test (Why?)


ทางเข้า บขส.3 จังหวัดขอนแก่น มืดและวังเวงจนดูน่ากลัว วอนเจ้าหน้าที่ซ่อมไฟถนนให้ที - ไทยรัฐ
Read More

Monday, May 22, 2023

ปูด'ลุงป้อม'ไขก๊อก? เปิดทางส.ส.'พปชร.'โยกซบ'เพื่อไทย' - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

วันจันทร์ ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2566, 17.09 น.

"บิ๊กป้อม"สั่ง"สันติ"แจงข่าวลือไขก๊อกหัวหน้าพรรค เปิดทางส.ส.โยกซบ"เพื่อไทย"

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต่อกระแสข่าวลือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค จะสละสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.ไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย (พท.) นั้น ปรากฏว่า หลังจากเกิดกระแสข่าวลือดังกล่าว ทาง พล.อ.ประวิตร มอบหมาย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค แถลงชี้แจงเรื่องนี้ในวันที่ 23 พ.ค.66 ทันที ขณะที่ช่วงบ่ายวันที่ 22 พ.ค.ทางเจ้าหน้าที่พรรค พปชร.ได้ส่งกำหนดการเพื่อเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมสัมภาษณ์ประเด็น “ทิศทางการขับเคลื่อนพรรค พปชร.หลังการเลือกตั้งภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร” โดยจะมีนายสันติ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้แถลงในวันที่ 23 พ.ค.เวลา 13.00 น.ที่สำนักงานพรรค พปชร.


- 006

Adblock test (Why?)


ปูด'ลุงป้อม'ไขก๊อก? เปิดทางส.ส.'พปชร.'โยกซบ'เพื่อไทย' - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More

ลือ! 'ประวิตร' เตรียมลาออกหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดทาง ส.ส. ย้ายพรรค - Thaiger ข่าวประเทศไทย

ลือสนั่น ประวิตร เตรียมลาออกหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดทางให้ ส.ส. ย้ายพรรค ด้านแกนนำพรรคชี้มีความเป็นไปได้

จากกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สวุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ย้ายออกจากพรรคนั้น

ล่าสุดนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กับพีพีทีวีว่า ตนไม่มีข่าวเลย เพราะอยู่ห่างจากพรรคเยอะ และยังไม่ได้คุยกับสมาชิกพรรคคนอื่นเลย

แต่กระแสข่าวนี้มีความเป็นไปได้ ต้องเรียนตรงไปตรงมาว่า ในฐานะคนนอกมองว่า พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคเฉพาะกิจ พร้อมที่จะแตกตลอดเวลา และเปราะบางมาก เมื่อไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ พรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีวันเดินไปได้ และเมื่อไม่มี พล.อ.ประวิตร พรรคพลังประชารัฐก็ไปยาก นี่คือความจริงในทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงข่าวลือนี้ว่าเมื่อ พล.อ.ประวิตรลาออก จะเป็นการเปิดทางให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐไปซบพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นไปได้ มีน้ำหนักสูง ส่วนเรื่องกระแสข่าวไปดีลที่ฮ่องกงนั้นตนไม่รู้ตรงนั้น เพียงแต่ว่าบุคคลที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐหลายคนมาจากพรรคเพื่อไทยทั้งนั้น เป็นไปได้ที่จะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย

Photo of Nateetorn S.

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศจบจากวารสารศาสตร์ ธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์ชั้นนำของประเทศ เจาะหลายประเด็นทั้งนอกและในประเทศ ตั้งแต่การเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจ และอัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ยังมีสนใจในมวยปล้ำ รถสูตรหนึ่ง และเก็บรถของเล่นเป็นงานอดิเรก

Adblock test (Why?)


ลือ! 'ประวิตร' เตรียมลาออกหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดทาง ส.ส. ย้ายพรรค - Thaiger ข่าวประเทศไทย
Read More

Sunday, May 21, 2023

รวบพ่อเล้าวัย 17 ชักชวนเพื่อนค้าบริการทางเพศแบบสวิงกิ้ง - Sanook

ตํารวจ ดส. จับกุมพ่อเล้าวัย 17 ปี ชักชวนเพื่อนชาย-หญิง ค้าบริการทางเพศแบบสวิงกิ้งกลางกรุง สอบประวัติพบเคยถูกจับคดีค้ามนุษย์

พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.ดส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล รอง ผกก.ดส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ท.จักรี นารีผล สว.กก.ดส. นำกำลังชุดชป.1 กก.ดส.บช.น. เข้าจับกุมผู้ต้องหาเป็นชาย อายุ17 ปี ความผิดฐาน “ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์มิชอบจากการค้าประเวณี โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี” พร้อมช่วยเหลือเยาวชนชาย รวม 3 ราย โดยสามารถจับกุมภายในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซอยบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากฝ่ายสืบสวน กก.ดส.บช.น. รับแจ้งจากสายลับว่าผู้ต้องหา มีการลักลอบค้าประเวณีเด็กทั้งชายและหญิง อายุไม่เกิน 18 ปี อยู่ที่โรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงวางแผนล่อซื้อบริการทางเพศ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก พร้อมได้ตกลงซื้อบริการทางเพศในราคาคนละ 700 บาท และค่าเป็นธุระจัดหาผู้ให้บริการทั้งหมด 1,500 บาท

เมื่อถึงเวลานัดหมายสายลับได้เดินทางไปพบกับผู้ต้องหาที่โรงแรมดังกล่าว ตามที่ได้ตกลงกันไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้เคียง ก่อนพบว่า มีผู้ต้องหาและผู้ให้บริการอีกจํานวน 4 ราย อายุตั้งแต่ 14-19 ปี โดยให้บริการในลักษณะสวิงกิ้ง หรือ เซ็กซ์หมู่ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวก่อนควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวน

เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา โดยนําเงินส่วนต่างที่ได้รับ ไปใช้จ่ายและเที่ยวเตร่เท่านั้น

ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดี ค้ามนุษย์มาแล้ว 1 ครั้ง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Adblock test (Why?)


รวบพ่อเล้าวัย 17 ชักชวนเพื่อนค้าบริการทางเพศแบบสวิงกิ้ง - Sanook
Read More

Friday, May 19, 2023

ไผ่ พาทิศ เข้าพิธีอุปสมบทเรียบง่าย ได้ฉายาทางธรรม สุทธิมโน - ไทยรัฐ

เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เรียบร้อยแล้ว สำหรับพระเอกหนุ่มหน้าตี๋ ไผ่ พาทิศ พิสิฐกุล ที่ถือฤกษ์ดีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ได้ฉายาทางธรรมว่า "สุทธิมโน" แปลว่า "ผู้มีจิตใจที่บริสุทธิ์"

ซึ่งในอินสตาแกรม @paipartith ได้โพสต์ภาพบรรยากาศพิธีอุปสมบทที่เป็นไปอย่างอบอุ่นเรียบง่าย โดยมีคนในครอบครัว ตลอดจนเพื่อนสนิท รวมถึงแฟนสาวอย่างนางเอกสาววิก 3 น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ มาร่วมพิธีด้วย พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า “สุทธิมโน (ผู้มีจิตใจที่บริสุทธิ์) ขอบคุณญาติโยมทุกท่าน และขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดจงคุ้มครองท่านทั้งหลายให้พบแต่ความสุขความเจริญ เทอญ สาธุ”

ท่ามกลางคอมเมนต์จากคนในวงการบันเทิงรวมถึงแฟนๆ ที่ต่างพร้อมใจอนุโมทนาสาธุกันอย่างถ้วนหน้า บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ.

Adblock test (Why?)


ไผ่ พาทิศ เข้าพิธีอุปสมบทเรียบง่าย ได้ฉายาทางธรรม สุทธิมโน - ไทยรัฐ
Read More

ทางสองแพร่งของ 'พิธา' - ไทยโพสต์

ชาติพัฒนากล้า ๒ เสียง

ถ้า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" กัดฟันดึงภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล เป็นอันปิดดีล

แต่ภูมิใจไทยมีเงื่อนไข ไม่สนับสนุน นายกรัฐมนตรี ที่มีนโยบายแก้ไข หรือ ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒

พลังประชารัฐ กับ รวมไทยสร้างชาติ คงจะยาก เพราะก้าวไกลเองมีเงื่อนไข ไม่เอา "ลุง"

ประชาธิปัตย์ แม้จะเป็นปลาคนละน้ำ แต่ไม่ใช่ลุง ไม่เอากัญชา แต่ก็ติดที่ห้ามแก้ ม.๑๑๒ ตามแนวทางของก้าวไกลเหมือนกัน

ชาติไทยพัฒนา โดย วราวุธ ศิลปอาชา ตอกฝาโลงไปแล้ว ไม่เอาพรรคที่ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  

ส่วน ชาติพัฒนากล้า ถ้าได้ไปก็บวกเป็น ๓๑๖ เสียง ยังขาดอีก ๖๐

สรุปแล้ว เมื่อหันมาทางสภาผู้แทนราษฎร โอกาสที่ "พิธา" จะตั้งรัฐบาลได้ ดูริบหรี่เต็มทน เพราะเงื่อนไขของก้าวไกลเอง

ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก ปกติการจัดตั้งรัฐบาล พรรคการเมืองวิ่งกันตีนขวิด อยากร่วมรัฐบาลกันทั้งนั้น แต่มาคราวนี้ ติดหล่ม ม.๑๑๒ ที่ก้าวไกล เป็นคนขุดไว้

หลายพรรคปฏิเสธที่จะร่วมรัฐบาลกับก้าวไกล

มีอะไรซ่อนอยู่ข้างหลังหรือเปล่า?

บางคนไม่เข้าใจว่าการแก้ไข ม.๑๑๒ สำคัญแค่ไหน ถึงชี้เป็นชี้ตายการจัดตั้งรัฐบาล

รายละเอียดการแก้ไข นำเสนอไปจนทะลุปรุโปร่งแล้ว และรู้แล้วว่าเจตนาสุดท้ายของพรรคก้าวไกลคืออะไร

ยังมีประเด็นที่บีบหัวใจ "พิธา" มากกว่านั้น

ม.๑๑๒ ถูกนำมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งบนถนน ในสภา และโซเชียล มานานนับปี

ม็อบสารพัดทะลุ ต่างชูป้ายยกเลิก ม.๑๑๒ กันทั้งนั้น

เมื่อมวลชนถูกจับ  ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็ทำหน้าที่เป็นนายประกัน

และ ม.๑๑๒ เป็นหนึ่งในประเด็นหลักที่ถูกจุดขึ้นมาโดยอ้างว่าเพื่อล้มรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา

การเคลื่อนไหวของคณะราษฎร ๖๓ ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า ล้มล้างสถาบันพระมหากษัติรย์  

แต่สิ่งที่ได้ยินจากปาก นักวิชาการ นักการเมืองในพรรคก้าวไกล และแกนนำสามนิ้ว ต่างพูดตรงกันว่า แค่ต้องการไล่รัฐบาลประยุทธ์เท่านั้น

ฉะนั้น การแก้ไข หรือยกเลิก ม.๑๑๒ จึงเป็นหัวใจหลักในนโยบาย

หาก "พิธา" ตั้งรัฐบาลสำเร็จ การแก้ ม.๑๑๒ ต้องปรากฏอยู่ในนโยบายของรัฐบาล และต้องมีไทม์ไลน์ในการแก้ไขที่ชัดเจน

จะตั้งเพดานต่ำกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด

ไม่เช่นนั้นเท่ากับว่าที่ทำมาสมัยเป็นฝ่ายค้าน ก็แค่หลอกลวงมวลชน

"พิธา" กำลังตั้งรัฐบาลบนเงื่อนไขกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก และเป็นเรื่องยากที่จะถอยหลังกลับไปกลัดกระดุมเม็ดแรกใหม่

จะมีมวลชนสีส้มสักกี่คนที่ยอมให้ "พิธา" พักการแก้ ม.๑๑๒ ไปก่อน

ค่อยเปลี่ยนประเทศไทย!

วันนี้ "พิธา" คงจะรับรู้แล้วว่า การเมือง ไม่ได้มีชั้นเดียว หรือหน้าเดียว

ในอดีตการจัดตั้งรัฐบาล ต้องมี "ผู้จัดการรัฐบาล"

และผู้จัดการรัฐบาลคนล่าสุดคือ "ลุงป้อม"

แต่พรรคก้าวไกล ไม่มีสิ่งนี้

ผิดกับ เพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ที่กำลังวิ่้งพล่านอยู่หลังฉาก

ปกติผู้จัดการรัฐบาล คือเลขาธิการพรรคโดยตำแหน่ง

"ชัยธวัช ตุลาธน" เลขาธิการพรรคก้าวไกล มีศักยภาพในการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นๆ รวมทั้งสมาชิกวุฒิสภาหรือไม่

มีใครช่วย "พิธา" เจรจาอยู่เบื้องหลัง ตกลงผลประโยชน์ เพื่อขอเสียงโหวตในสภาหรือเปล่า

ถ้าไม่มี ก็แสดงว่าวันนี้ตาม เพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ อยู่หลายก้าวครับ

เตือน "พิธา" ไว้ พรรคอันดับหนึ่งกับสองห่างกันแค่ ๑๑ เสียง อะไรก็เกิดขึ้นได้

การจัดตั้งรัฐบาล เป็นหนึ่งในศาสตร์ขั้นสูงของการเมืองไทย

พลาดนิดเดียว จากนายกรัฐมนตรี กลายเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ง่ายๆ

เวลานี้ต้องตามดู พรรคเพื่อไทยเป็นหลักครับ เพราะล่าสุดทิ้งระเบิดลูกใหญ่ใส่ก้าวไกล

ระดับแกนนำพรรค ๒ คน พูดตรงกัน

"ชลน่าน ศรีแก้ว"

"ในร่างของ MOU จากพรรคก้าวไกล ไม่มีการเขียนเรื่องนี้อยู่เลย และใน MOU ไม่ได้ยึดเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักแต่อย่างใด"

"ชูศักดิ์ ศิรินิล"

"ในเอ็มโอยู จะยังไม่มีเรื่องมาตรา ๑๑๒ ว่า เข้าใจว่าจะพูดคุยเรื่องนี้ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่สร้างความแตกแยกในสังคมมาก จึงอยากให้ไปคิดดูให้ดี"       

ก็น่าจะสรุปได้ว่า เรื่องสำคัญมากๆ สำหรับพรรคก้าวไกล และมวลชนสีส้ม ไม่ได้อยู่ในเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาล

หมายความว่าการแก้ ม.๑๑๒ มีความสำคัญน้อยมาก เมื่อเทียบกับการผลักดันให้ "พิธา" ได้เป็นนายกฯ 

หากออกมารูปนี้ ยากมากครับที่ การแก้ ม.๑๑๒ จะเป็นนโยบายรัฐบาลที่มี "พิธา" เป็นนายกฯ

แต่จะเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลพรรคเดียวเท่านั้น

ก็หมายความว่า ม.๑๑๒ ไม่มีทางแก้ไขได้สำเร็จในรัฐบาลพิธา

ถ้ามวลชนสีส้มยอมรับได้ ทุกพรรคการเมืองก็ยอมรับได้

ส.ว.ก็ยอมรับได้

การจัดตั้งรัฐบาล "พิธา" ราบรื่น

แต่จะง่ายขนาดนั้นหรือเปล่า เพราะว่าที่ ส.ส.ก้าวไกลหลายคนยังกระเหี้ยนกระหือรือแก้ ม.๑๑๒ อยู่เลย

"พิธา" จะยอมฉลองเก้าอี้นายกฯ ท่ามกลางเสียงด่าว่าต้มมวลชนสีส้มหรือเปล่า

ครับ...ตอนนี้ตัวละครที่ชื่อ "ผู้จัดการรัฐบาล" เริ่มออกมาร่ายรำแล้ว กำลังใช้เงื่อนไข ม.๑๑๒ ในมุมกลับ บีบก้าวไกล ผ่านทางวุฒิสภา

เอาไว้วันโหวตนายกฯ จะเห็นชัด เพราะเมื่อ "พิธา" เสียงไม่พอ ก็มีคนรอเสียบอย่างสุภาพเรียบร้อยทันที ชนิดที่ว่า ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามไม่ทัน

ถึงทางสองแพร่งที่ "พิธา" ต้องเลือก ก่อนเก้าอี้นายกฯ จะเป็นของคนอื่น.

Adblock test (Why?)


ทางสองแพร่งของ 'พิธา' - ไทยโพสต์
Read More

'กรมทางหลวง' ทุ่ม 480 ล้าน ผุดอุโมงค์ทางลอดผ่าน 'เมืองโคราช' เริ่มสร้างปีนี้ - มติชน

กรมทางหลวงทุ่ม 480 ล้าน ผุดอุโมงค์ทางลอดเมืองโคราช แก้รถติด เริ่มสร้างปีนี้ พ่อค้าโวยไม่คุ้ม ทำเศรษฐกิจเสียหายปีละพันล้าน  

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดการประชาสัมพันธ์โครงการก่อสร้างทางลอดจุดตัดทางแยกนครราชสีมา ทางหลวงหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ กับทางหลวงหมายเลข 224 ถ.ราชสีมา-โชคชัย

โดยมีผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน เจ้าของสถานประกอบการและประชาชนชาวโคราชร่วม 200 คน รับฟังนายพรชัย ศิลารมย์ ผู้อำนวยการศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) นายชิตพล เหล่าอัน แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 2 และนายทวีศักดิ์ ศักดิ์นานนท์ นายช่างโครงการ ชี้แจงให้ความรู้และทำความเข้าใจขั้นตอนการดำเนินโครงการรวมทั้งเปิดโอกาสให้เสนอแนวทางการบรรเทาปัญหาจราจรคับคั่งช่วงก่อสร้าง

นายพรชัยเปิดเผยว่า สภาพการจราจรคับคั่งบน ถ.มิตรภาพ ช่วงผ่านตัวเมืองโคราช บริเวณทางแยกนครราชสีมา ซึ่งมีปริมาณรถต่อวันประมาณ 1.2 แสนคัน ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพทั้งการเดินทางไม่สะดวกและมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เป็นเวลากว่า 10 ปี กรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเสนอโครงการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด

แต่มีเสียงคัดค้านจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นกลุ่มผู้ประกอบการค้าและชาวโคราชส่วนหนึ่ง ทำให้ต้องชะลอโครงการ ที่ผ่านมาได้จัดการจราจรด้วยไฟสัญญาณจราจร รวมทั้งเพิ่มช่องทางจราจร แต่ไม่สามารถรองรับปริมาณการเดินทางอย่างเพียงพอ รวมทั้งมีปัญหาหลากหลาย

โดยนำผลการศึกษามาทบทวน ปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน เพื่อเสนอโครงการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดทางแยกนครราชสีมา รูปแบบ 2 ช่องจราจร รองรับการจราจรบน ถ.มิตรภาพ จาก จ.ขอนแก่น เลี้ยวขวาไป จ.สระบุรี รวมระยะทาง 1,181 เมตร เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกขณะก่อสร้าง ผู้รับจ้างต้องปิดเส้นทางจราจรบริเวณพื้นที่โครงการ ทำให้การสัญจรไม่สะดวกคล่องตัวและใช้เส้นทางอ้อมส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จึงเปิดโอกาสให้ผู้ได้รับผลกระทบเสนอปัญหา เพื่อนำมาพิจารณา ทบทวนปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับการเดินทางของคนเมือง ล่าสุด บริษัท รัชตินทร์ จำกัด เป็นผู้รับจ้างใช้งบ 480 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 960 วัน เริ่มดำเนินการประมาณปลายปี 2566

ด้านนายประยุทธ แซ่เตียว เจ้าของกิจการ “ชุนหลี” แบตเตอรี่ ตัวแทนจำหน่ายใหญ่ที่สุดในโคราชและโรงแรมชุนหลีแกรนด์ กล่าวในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ว่า การก่อสร้างทางลอดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้เดือดร้อนคือผู้ประกอบการกว่า 300 ราย ช่วงก่อสร้างใช้เวลาร่วม 3 ปี สภาพจราจรติดขัด ผู้คนจะไม่มาใช้เส้นทางในเมือง การค้าขายซบเซา ความเสียหายเฉลี่ยปีละกว่า 1 พันล้านบาท รวมทั้งการสัญจรของประชาชนที่มีที่พักอาศัยในพื้นที่โครงการ นอกจากนี้ยังมีปัญหาน้ำท่วม อุบัติเหตุการจราจรซึ่งความเสียหายยังไม่มีผู้ใดเสนอตัวออกมารับผิดชอบ

“ข้อมูลสภาพการจราจรช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนยานพาหนะที่ใช้เส้นทางดังกล่าว เริ่มมีปริมาณลดลงเฉลี่ยกว่า 30% และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากมีการใช้ถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมาแทนแล้วจะสร้างทางลอดเพื่ออะไร มีแต่ทำให้ทัศนียภาพเมืองเสียหาย จึงคัดค้านการดำเนินโครงการ เพื่อนำงบประมาณที่ได้จากภาษีประชาชนไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทน” นายประยุทธกล่าว

Adblock test (Why?)


'กรมทางหลวง' ทุ่ม 480 ล้าน ผุดอุโมงค์ทางลอดผ่าน 'เมืองโคราช' เริ่มสร้างปีนี้ - มติชน
Read More

นักวิชาการ มธ. เสนอกลไกทางเลือกแก้ PM 2.5 - ไทยโพสต์

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ แนะ ควรให้ ‘อำนาจสั่งการ’ คกก.อากาศสะอาด ดำเนินมาตรการข้ามหน่วยงาน พร้อม ‘บูรณาการงบประมาณ’ ตามภารกิจ...